เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
YOUNG MASTER #MINNOninezexsky
15






  • 'สรุปว่านายก็ยังยืนยันคำเดิมใช่ไหม..'  รีส เบลเลอมอนท์ เอ่ยถามคนเป็นน้องชายซ้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจของตัวเอง  ดวงตาคมกริบนั้นเป็นตัวคาดคั้นที่มีคุณภาพยิ่งกว่ามีดที่จ่อคอยิ่งกว่าอะไรดี



    'ฉันไม่เปลี่ยนใจ.. ไม่ว่าจะยังไงฉันก็ยังยืนยันว่าเป็นแอชเชอร์' 



    'เห็นความมั่นใจของนายที่แน่วแน่ขนาดนี้แล้ว ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรอีก" คำตัดพ้อกลายๆของรีส นั้นไม่ได้ช่วยให้ไทเลอร์รู้สึกที่จะเปลี่ยนใจสักนิด ตรงกันข้ามมันกลับยิ่งเพิ่มความน่าหมั่นไส้เสียมากกว่า 



    'ฉันไม่ได้บังคับให้นายพูดเสียหน่อย' 



    คำยอกย้อนของไทเลอร์คนน้องไม่ได้ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของรีสจืดจางลงแม้แต่น้อย ซ้ำยังทำให้รีส เบลเลอมอนท์รู้สึกสนุกเพิ่มมากขึ้นจนอดใจไม่ไหว 



    'อย่าคิดจะซ่อนเด็กคนนั้นก็แล้วกัน เพราะยังไงเสียฉันเองก็ต้องคุยกับเลสลีย์คนเล็กอยู่ดี.." 



    'ที่นี่ไม่ใช่ฟลัม ฉันคงยอมให้นายมาใช้อำนาจที่นี่ไม่ได้" 



    'ท่าทางหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์จะหวงเลสลีย์คนเล็กน่าดู' 



    อัลฟ่าผมสีแดงยังคงเย้าแหย่น้องชายตัวเองไม่เลิก ทั้งๆที่ก็เห็นอยู่ว่าเชส ไทเลอร์ นั้นเริ่มไม่เล่นด้วยแล้ว 



    'ฉันหวง ชัดพอไหม' 



    'ก็ให้มันชัดเจนจนถึงวันที่ต้องเจอพี่ชายนายอีกคนก็แล้วกัน' 



    'นายก็รู้ดีว่าฉันไม่กลัว'



    'เพราะคนที่ต้องกลัวจริงๆคือเลสลีย์ ฉันพูดถูกไหมล่ะ?' 



    '.....' เป็นเชส ไทเลอร์เองที่นิ่งไปเมื่อได้ยินแบบนั้น 



    'เงียบเลยแห้ะ สงสัยจะจี้ใจดำไปหน่อย' รีสเดาะลิ้นอย่างกวนประสาทเมื่อเห็นน้องชายคนเก่งนั้นนิ่งไป หากให้เดาแล้วก็คงกำลังคิดไม่ตกอย่างหนักเป็นแน่ 



    'ฉันจะเป็นคนพูดกับเขาด้วยตัวเอง  ส่วนนายก็อย่าปากสว่างให้มันมากนักก็แล้วกัน'



    'ถ้าน้องชายอยากให้พี่ชายคนนี้ปิดปาก มันก็ต้องได้อยู่แล้ว :)'



    'ทำให้ได้อย่างที่พูดแล้วกัน'



    'หมอนั่นคงเสียใจน่าดูที่น้องชายสุดที่รักทำแบบนี้..'  



    'แล้วนายเสียใจกับสิ่งที่ฉันทำบ้างไหม' แววตาที่คาดคั้นของเชส ไทเลอร์ ทำให้รีส เบลเลอมอนท์ถอนหายใจออกมาหนักๆ



    'ถ้าฉันตอบว่าไม่เสียใจ มันก็คงจะเป็นเรื่องโกหกเกินไปหน่อย..' ท่าทางเจ้าเล่ห์ก่อนหน้าหายไปในทันทีเมื่อรีสเริ่มเข้าเรื่องจริงๆจังๆ 'นายอาจจะยอมรับได้ แต่สำหรับพี่ชายอย่างฉันมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยสักนิด ไม่ต้องให้ฉันพูดนายก็น่าจะรู้ดีนะว่าเพราะอะไร..'



    'งั้นก็ขอให้นายรู้ไว้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะฉันตั้งใจ ไม่ใช่ความผิดพลาด'



    'นั่นยิ่งแล้วใหญ่เลยเชส.. ความผิดของนายมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ'



    'นายรู้ดีน่ารีสว่าต้องจัดการมันยังไง'



    'ถึงฉันจะจัดการให้นายได้ แต่ก็ใช่ว่าปัญหาทุกอย่างมันจะจบ..'



    'เรื่องนี้จะมีแค่เราเท่านั้นที่รู้' 



    'ก็อย่าให้ฉันทนไม่ไหวจนต้องพูดเองก็แล้วกันน้องชาย..'



    ความลับบัดซบพวกนี้ควรมีแค่พวกเขาเท่านั้นที่รับรู้... 










    ////////










    ภายในบ้านพักของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ยังคงปกคลุมไปด้วยบรรยากาศของความน่าอึดอัดบางๆระหว่างอัลฟ่าแดนเหนือและทรูอัลฟ่า  แม้ไทเลอร์จะยังคงกวนประสาทเหมือนเคยแต่สิ่งที่ทำให้เลสลีย์คนเล็กรู้สึกว่าเจ้าตัวไม่เหมือนเคยก็คงจะเป็นสายตาเสียมากกว่า 



    เป็นแอชเชอร์ เลสลีย์ ที่เดินเข้ามาภายในบ้านก่อน และตามมาด้วยไทเลอร์ที่เดินตามเข้ามา ก่อนเจ้าตัวนั้นจะเลี่ยงหายเข้าไปอีกทางด้านหนึ่งของบ้าน  ฝ่ายเจ้าของผิวขาวซีดนั้นก็เดินขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องของตัวเองหลังจากที่โดนทรูอัลฟ่าแดนใต้บ่นมาตลอดทาง 



    'อย่าใส่เสื้อผ้าแบบนี้ออกมาข้างนอกอีก..' 



    เชส ไทเลอร์ ไม่ได้คาดหวังว่าแอชเชอร์ เลสลีย์ จะฟังในสิ่งที่ตัวเองพูดหรือไม่ แต่เพราะตัวทรูอัลฟ่าหนุ่มเองก็เป็นพวกพูดตรงๆอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ก็ทำให้ปากของเจ้าตัวนั้นห้ามปากของตัวเองไม่ให้พูดไม่ได้  มันก็ค่อนข้างหัวเสียไม่น้อยที่เชส ไทเลอร์นั้นไม่สามารถที่จะห้ามอารมณ์หงุดหงิดของตัวเองได้เมื่อเห็นอัลฟ่าแดนเหนือในสภาพแบบนั้น 



    จะเพราะสัญชาตญาณของการได้ครอบครองหรือเพราะความรู้สึกส่วนตัว เชส ไทเลอร์เองก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆคือเจ้าตัวรู้ตัวดีว่าความรู้สึกหงุดหงิดที่เกิดขึ้นพวกนี้มันเป็นเพราะความหวงของตัวเอง 



    และคนที่หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์หวงก็คงไม่พ้นเป็นแอชเชอร์ เลสลีย์...



    หากไม่ใช่เพราะเลสลีย์ที่เข้ามายุ่งระหว่างที่พี่น้องไทเลอร์นั้นกำลังต่อสู้กัน ก็อย่าหวังเลยว่ารีสจะยอมหยุดให้ง่ายๆ  แค่มองแวบเดียวเชสก็รู้แล้วว่าที่พี่ชายของตัวเองยอมละมือก่อนง่ายๆ ก็เพราะจะถ่วงเวลาเล่นสนุกให้กับตัวเอง...



    เล่นสนุกกับตัวเขาที่เป็นน้องน่ะยังพอว่า.. แต่ถ้ารีสเกิดนึกสนุกอยากปั่นประสาทแอชเชอร์ขึ้นมาล่ะก็ เชื่อเถอะว่าหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์คงได้มีปัญหาอีกมากมายมาให้ได้หนักใจเป็นแน่  พี่ชายที่มักจะแกล้งน้องชายแรงๆแบบรีส เบลเลอมอนท์ นี่มันคือมหันตภัยของแท้



    แกล้งที่ไม่เหมือนแกล้ง มันตลกเสียที่ไหนกัน...



    และการที่รีส เบลเลอมอนท์มาถึงที่เดอะฮิลล์ด้วยตัวเองมันก็ทำให้เชสตระหนักได้ว่าความลับมันอาจจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป  



    ทรูอัลฟ่าเจ้าของกลิ่นไม้สนซีดาร์สะบัดหัวไล่ความคิดในหัวตัวเองออก ก่อนจะกลับมาสนใจตัวเองที่อยู่ในสภาพค่อนข้างไปทางเละเทะ ไม่ว่าจะทั้งคราบดิน คราบน้ำสกปรกที่เลอะตามเสื้อผ้าและร่างกาย นั้นมันก็แทบทำให้สภาพของเชส ไทเลอร์ดูไม่ต่างจากพวกการ์เดียนที่ออกไปเล่นซนเลยสักนิด


      
    แขนแกร่งซึ่งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและเส้นเลือดไขว้แขนกันก่อนจะเลิกชายเสื้อที่สวมใส่ขึ้นเพื่อถอดออก มือใหญ่โยนเสื้อที่เต็มไปด้วยคราบสกปรกลงตะกร้าซึ่งถูกวางไว้ไม่ไกลอย่างแม่นยำ พลางสาวเท้าเดินไปที่หน้ากระจกบานใหญ่ซึ่งตั้งอยู่อีกมุมหนึ่งเพื่อสำรวจรอยช้ำตามใบหน้าและร่างกายช่วงบนของตัวเอง 



    ภาพที่เกิดจากกระจกเงาบานใหญ่นั้นสะท้อนให้เห็นร่างกายแข็งแกร่งของทรูอัลฟ่าหนุ่มอย่างชัดเจน ทั้งแผ่นอกสีแทนแน่นตึงและหน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเรียงสวยนั้นปรากฏเพียงรอยช้ำเล็กๆ จากแรงกระแทก เส้นเลือดที่ต้นคอแกร่งยิ่งเผยให้เห็นชัด เมื่อทรูอัลฟ่าหนุ่มเอียงใบหน้าของตัวเองเพื่อสำรวจรอยช้ำบริเวณใบหน้าซึ่งก็ค่อนข้างช้ำอยู่พอสมควร  บวกกับมุมปากหยักเองก็ยังคงมีเลือดไหลอยู่ซิบๆพอให้เจ้าของผิวสีแทนได้รู้สึกรำคาญเช่นกัน


     
    คงใช้เวลาเพียงไม่กี่วันสักเท่าที่จะรักษาร่างกายของตัวเอง อีกอย่างไทเลอร์คนพี่เองก็ไม่ได้จงใจลงแรงมาที่จุดสำคัญเสียเท่าไหร่แต่ก็ใช่ว่าจะออมมือ  แม้เชสจะรู้อยู่แก่ใจก็ตามว่าการต่อสู้ระหว่างตนเองกับพี่ชายมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆก็ตาม  



    มันก็ไม่ต่างจากการลงโทษกลายๆจากความผิดที่ตั้งใจก่อ มิหนำซ้ำยังมีเรื่องที่ไม่คาดคิดระหว่างความสัมพันธ์ที่เกินเลยของเชสและอัลฟ่าแดนเหนือเพิ่มมาอีก ประเด็นหลังของเลสลีย์เองก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก 



    ใครว่าฟ้าหลังฝนนั้นสดใส.. เชส ไทเลอร์ ขอปฏิเสธเลยว่าคำพูดพวกนั้นมันไม่จริงสักนิด ยิ่งหากเป็นพายุที่โหมกระหน่ำแล้วด้วย  สิ่งที่ทิ้งไว้หลังจากพัดทำลายจนราบคาบก็คือปัญหาต่างหาก






    ฝ่ายทางด้านของอัลฟ่าแดนเหนือที่เดินเลี่ยงขึ้นมาบนห้องเองก็เดินวนเป็นหนูติดจั่นอยู่ภายในห้อง หลังจากที่เจ้าตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย ผ้าผืนเล็กที่อยู่ในมือขาวยังคงซับไปตามเส้นผมสีอ่อนจนมันเริ่มแห้งดี แต่ในขณะเดียวกันเจ้าตัวก็ยังคงคิดซ้ำไปซ้ำมาเพราะความกังวล 



    จนสุดท้ายเจ้าตัวก็ทิ้งตัวลงนั่งที่ปลายเตียงพลางยกแขนขึ้นมากอดอกแล้วครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ถ้าจะพูดกันตามตรงเลยก็คือแอชเชอร์เองก็ไม่ได้รู้สึกดีเท่าไหร่กับการที่ต้องทำให้คนอื่นเดือดร้อน อีกทั้งคนที่ช่วยเหลือเจ้าตัวก็เป็นคนต่างแดน  ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องอะไรกับไทเลอร์โดยตรงด้วยซ้ำ มันก็ถูกที่ไทเลอร์เองก็ผิดส่วนหนึ่งที่ช่วยเขา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นดูไปดูมาคนที่เป็นตัวปัญหาก็คงเป็นเขาเสียมากกว่า



    จมูกโด่งพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ ความรู้สึกของการเป็นตัวปัญหามันกำลังทำให้แอชเชอร์ต้องคิดหาทางที่จะออกไปจากที่นี่จริงๆจังๆเสียที อย่างน้อยหากไม่ได้ทำประโยชน์ให้เดอะฮิลล์เขาเองก็ควรออกไปจากที่นี่เพื่อไม่สร้างปัญหาและผลกระทบให้กับเดอะฮิลล์ 



    ถึงอย่างนั้นในตอนนี้แอชเชอร์เองก็ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้เจ้าตัวตบตีกับความคิดของตัวเองไม่หยุด นั่นก็คือเรื่องแผลของไทเลอร์ จากที่มองผ่านๆแล้วแอชเชอร์ก็คิดว่ามันค่อนข้างจะเยอะอยู่พอสมควร แม้จะไม่ถึงกับตาปูดตาบวมแต่เลือดที่ไหลออกมาจากแผลที่ปริแตกก็ดูท่าจะเจ็บไม่น้อย 



    เขาควรจะลงไปดูไทเลอร์ หรือ เขาควรจะอยู่เฉยๆบนห้อง ? 



    ความน่าอึดอัดระหว่างทั้งคู่นั้นก็ใช่ว่าจะหมดไปเสียเมื่อไหร่  ยิ่งเมื่อเช้าที่ถกเถียงกันไปด้วยก็ยิ่งทำให้ความอึดอัดมันมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น   เหมือนจะคุยกันรู้เรื่องแต่สุดท้ายมันก็ยังค้างคาจะเป็นตะกอนในใจด้วยกันทั้งคู่...  ยิ่งคำพูดของไทเลอร์เมื่อเช้าแล้วด้วยก็ยิ่งทำให้แอชเชอร์แอบรู้สึกผิดแปลกๆที่พูดจาแบบนั้นออกไป



    "นายกำลังทำให้ฉันดูงี่เง่า.." 



    เสียงนุ่มเอ่ยพึมพำกับตัวเองหลังจากครุ่นคิดมาเสียพักใหญ่  ขาเรียวหยัดขาลุกขึ้นยืนอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อลงไปด้านล่างที่มีใครอีกคนหนึ่งอยู่ แต่ทว่าเมื่อแอชเชอร์เดินลงมาถึงด้านล่างแล้ว เจ้าตัวก็พบแค่เพียงความว่างเปล่า   ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็ไร้ซึ่งเงาของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ที่กลับเข้ามาบ้านพร้อมๆกับตัวเอง 



    "หายไปไหนกัน?"  ปากบางบ่นงุบงิบ ก่อนจะก้าวเดินไปที่หลังบ้านซึ่งเจ้าตัวจำได้ดีว่าไทเลอร์นั้นเดินแยกกับตัวเองไปทางนั้น บริเวณหลังบ้านซึ่งเป็นส่วนที่ติดกับธารน้ำเล็กๆที่ไหลเอื่อย ก็ยังไร้เงาของหัวหน้าหน่วยอีกเช่นเคย 



    แต่ทว่าเสียงก่อกแก่กที่ดังขึ้นมาจากภายในห้องน้ำก็ทำให้อัลฟ่าแดนเหนือนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองนั้นลืมไปเสียสนิทว่ายังมีห้องน้ำที่ยังเป็นอีกที่หนึ่งซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าเชส ไทเลอร์จะอยู่ในนั้น  เมื่อคิดได้ดังนั้นแอชเชอร์เองก็ตัดปัญหาเรื่องการตามตัวของหัวหน้าหน่วยออกไปทันที ก่อนจะเลือกเดินไปหาอุปกรณ์ทำแผลที่เอริคให้มาเมื่อวันก่อนมาเตรียมไว้และนั่งรออย่างใจเย็น 



    เซเบอร์ยังคงนอนหลับอุตุอยู่บนเบาะนุ่มๆซึ่งไทเลอร์เป็นคนไปหามาให้ ดูๆแล้วก็น่าอิจฉามันไม่หยอกที่ได้นอนหลับสบายในวันที่ฝนตกพรำๆ ผิดกับตัวเจ้าของอย่างเจ้าของผิวขาวซีดที่นอกจากจะไม่หลับไม่นอนแล้ว ยังออกไปหาเรื่องให้ตัวเองได้มาวิตกไม่เลิกแบบนี้ 



    ผ่านไปสักพักใหญ่เสียจนแอชเชอร์เอนตัวลงไปนอนบนเบาะนุ่มๆ เสียงประตูทางด้านหลังก็ดังขึ้นเบาๆก่อนที่จะได้ยินเสียงฝีเท้าของคนที่ออกมาจากห้องน้ำนั้นเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ  เมื่อได้ยินดังนั้นคนที่นอนอยู่หลังโซฟาตัวใหญ่ก็ค่อยๆขยับตัวเพื่อลุกขึ้น  หัวกลมที่มีกลุ่มผมสีบลอนด์สว่างโผล่พ้นจากพนักพิงหลังช้าๆ จนเห็นดวงตากลมที่แอบมองทรูอัลฟ่าหนุ่มซึ่งยังคงยืนหันหลังหาอะไรบางอย่างอยู่ 



    ให้ตายเถอะ... แอชเชอร์ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆว่าทำไมตัวเองต้องมาทำตัวลับๆล่อๆแบบนี้ทั้งๆที่ไม่ควรประหม่าเชส ไทเลอร์เลยด้วยซ้ำ แต่ดูนี่สิ ที่เขากำลังทำอยู่มันไม่ใช่เลยสักนิด



    คนที่กำลังหาอะไรอยู่นั้นหันขวับมาอย่างที่แอชเชอร์ไม่ได้ทันตั้งตัว จนกลายเป็นว่าดวงตากลมนั้นสบเข้ากับตาดุของอีกฝ่ายด้วยความตกใจ  



    "มาทำตัวลับๆล่อๆอะไรแถวนี้กัน เลสลีย์"  เสียงทุ้มเอ่ยถามคนตัวขาวที่เอาแต่โผล่มาแค่ครึ่งหน้า แถมผมที่ชี้ขึ้นของเจ้าตัวมันก็ให้อารมณ์คล้ายกับหูที่งอกขึ้นมาเสียอย่างนั้น  ไหนจะหน้าตาตื่นๆเหมือนคนทำผิดแล้วโดนจับได้  นี่มันชวนให้หัวเราะเสียจริงในความคิดของเชสชะมัด  



    "ฉันไม่ได้ทำแบบที่นายว่าเสียหน่อย" คนถูกจับได้หยัดตัวลุกขึ้นมานั่งดีๆ แล้วเอ่ยปากตอบทรูอัลฟ่าที่ยืนพิงสะโพกเข้ากับขอบโต๊ะ ซึ่งมันก็ทำให้เจ้าตัวได้อวดร่างกายช่วงบนไล่ไปจนถึงกางเกงที่เกาะสะโพกสอบอยู่อย่างหมิ่นเหม่  



    "แล้วที่นายมาแอบมองฉัน มันหมายความว่ายังไงหรือ?" 



    ไทเลอร์เริ่มถามต้อนคนตัวขาวในทันที แม้ว่าการกระทำของตัวเองนั้นจะไม่มีท่าทีคุกคามแต่อย่างใดก็ตาม



    "ฉันไม่ได้แอบ... ที่ลงมาก็เพราะจะมาดูว่านายเป็นยังไงบ้างก็เท่านั้น" 



    "ดูฉันเนี่ยนะ?" ไทเลอร์ถึงกับถามย้อนด้วยเสียงที่สูงขึ้นเพราะไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่หูตัวเองได้ยิน  อีกทั้งใบหน้าของเลสลีย์ที่กลับมาตีหน้านิ่งมันก็ดูไม่เข้ากับรูปประโยคที่อีกฝ่ายว่ามาเลยสักนิด



    "สภาพนายมันดูได้ที่ไหน" อัลฟ่าแดนเหนือว่าพลางใช้สายตาไล่มองหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลของอีกฝ่าย  ซึ่งไทเลอร์เองก็ดูจะไม่ได้จะสนใจสักเท่าไหร่ในสิ่งที่แอชเชอร์พูด 



    "ถ้าเป็นห่วงฉันก็แค่พูดมา" 



    เป็นห่วงเนี่ยนะ? ไทเลอร์เอาอะไรมาคิดกัน นี่มันไม่เข้าข้างตัวเองไปหน่อยหรือไง



    "ตรงไหนที่ว่าฉันเป็นห่วงนาย"



    "ก็เช่นสิ่งที่นายกำลังทำอยู่ตอนนี้ไง :)"



    เมื่อเจอคำพูดที่ไม่ต่างจากหมัดฮุกเข้าไปก็ทำให้เลสลีย์คนเล็กทำหน้าดุใส่ไทเลอร์ในทันที  



    "ถ้างั้นมันก็คงเป็นความเป็นห่วงที่เกิดจากความสงสารเท่านั้นล่ะ.." 



    รอยยิ้มที่เคยประดับอยู่บนปากหยักค่อยๆหุบลงช้าๆจนใบหน้าของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์นั้นกลับมาเรียบนิ่งเหมือนเดิม ซึ่งนั่นก็ดูจะเป็นความคิดที่ผิดของเลสลีย์ที่ทำให้บรรยากาศน่าอึดอัดนั้นกลับมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้ 



    "พูดได้ดีนี่เลสลีย์" 



    "ยังไงซะ ฉันเองก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้นายต้องโดนลงโทษไม่ใช่หรือไง"



    "มันเป็นความผิดของฉัน นายไม่เกี่ยวอะไร อย่าเก็บมันมาใส่ใจนักเลย"



    "แล้วมันจะไม่เกี่ยวได้ยังไง ในเมื่อนายผิดกฎระหว่างแดนก็เพราะช่วยฉัน" 



    "ฉันเป็นคนยอมให้นายเข้ามาในเดอะฮิลล์ เพราะฉะนั้นคนผิดก็คือฉัน ในฐานะคนที่อนุญาต" 



    "งั้นนายก็ส่งฉันกลับเสียสิ.. ตัวนายเองก็จะไม่ต้องเดือดร้อน" 



    "นายคิดว่ามันง่ายขนาดนั้นเลยหรือ? อีกอย่างฉันเองก็สัญญากับพี่นายไว้แล้วว่าจะดูแลนายให้ดีที่สุด ฉันไม่มีทางผิดสัญญา"



    "เลิกสนใจสัญญางี่เง่านั่นแล้วมองความเป็นจริงเถอะไทเลอร์  สุดท้ายนายเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าฉันคือตัวปัญหาของเดอะฮิลล์" 



    "ฉันเคยพูดหรือว่านายเป็นตัวปัญหา"  ไทเลอร์ย้อนถามเสียงเรียบ พลางสาวเท้าเดินเข้ามาหาคนที่นั่งอยู่บนโซฟาหลังใหญ่ 



    "ทุกคำที่นายพูดกับฉันไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ฉันจำมันได้ทั้งหมด" 



    นอกจากจะดื้อรั้นและทะนงในศักดิ์ศรีเป็นที่หนึ่งแล้วอีกอย่างหนึ่งที่เชส ไทเลอร์ รู้เพิ่มเกี่ยวกับตัวของแอชเชอร์ เลสลีย์ก็คงจะเป็นเรื่องความจำที่ดีของเจ้าตัว สายตาที่แน่วแน่และมั่นใจมันบ่งบอกได้ดีว่าเจ้าตัวนั้นทำได้อย่างที่ปากพูดแน่นอน 



    "ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี..."



    "นายลืมไปแล้วหรือไงว่านายเคยพูดกับฉันว่ายังไง.." คนตัวขาวเอ่ยเสียงแข็งเมื่อนึกถึงประโยคที่มันฝังใจตัวเองตั้งแต่แรกๆที่มาอยู่ที่นี่  "นายเคยบอกว่าฉันอยู่ที่นี่ในฐานะของคนที่ต่ำที่สุดในเดอะฮิลล์ นายจำไม่ได้หรือไง" 



    คำพูดที่กดแอชเชอร์ลงต่ำเสียจนคนที่เต็มไปด้วยความภูมิใจนั้นถึงกับชะงักงัน เจ้าตัวเองก็ยังจำมันได้ดี วาจาร้ายกาจของไทเลอร์มีหรือว่าแอชเชอร์จะจำมันไม่ได้ 



    "ถ้างั้นนายก็ช่วยเอาคำพูดพวกนั้นออกไปจากหัว แล้วจำสิ่งที่ฉันจะพูดต่อไปนี้ไว้ให้ดีๆนะ ว่าแอชเชอร์ เลสลีย์ อยู่ในฐานะคนของไทเลอร์ ซึ่งนั่นมันเท่ากับว่านายเองก็มีฐานะในเดอะฮิลล์ไม่น้อยไปกว่าฉัน"

     

    "จะให้ฉันต้องพูดอีกกี่ครั้งว่าฉันไม่ต้องการ"



    "คนอย่างนายก็ยังคงยึดในความถูกต้องมากกว่าความรู้สึกไม่เคยเปลี่ยน.." ไม่ใช่ว่าความถูกต้องนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ดี แต่หากยึดติดกับมันมากเกินไปมันก็ไม่ต่างจากการที่ใช้สมองมากกว่าหัวใจ  ซึ่งมันก็สมกับเป็นแอชเชอร์ เลสลีย์ดีเหมือนกัน  "นายมั่นใจหรือว่านายเองไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิดกับฉัน" 



    "นายคิดว่าแค่เรื่องพวกนั้น มันจะทำให้ฉันรู้สึกอะไรกับนายหรือไง"



    "ถ้านายไม่ได้ตายด้าน ฉันก็มั่นใจว่าอย่างน้อยมันก็ต้องมีสักเศษเสี้ยวความรู้สึกหนึ่ง" 



    "แล้วถ้าฉันตอบว่าไม่ล่ะ..."



    "เกียรติของไทเลอร์มันไม่มากพอที่จะทำให้นายยอมรับได้งั้นหรือ" 



    คนที่เดินมาหยุดยืนตรงหน้าของแอชเชอร์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงโทนปกติ แม้จะไม่ได้กดดันแต่มันก็กลับทำให้คนที่ฟังได้แต่มองหน้าทรูอัลฟ่าหนุ่มค้างอยู่หลายวินาที



    "ฉันยอมรับเลยว่ามันไม่แฟร์กับนายเหมือนกันที่ต้องเป็นแบบนี้ มันยากที่จะยอมรับฉันรู้ดี แต่ฉันเองก็ไม่สามารถมองข้ามเรื่องที่เกิดขึ้นไปได้เหมือนกัน" 



    "ฉันต้องการเวลา" แอชเชอร์ว่า



    "แล้วอาทิตย์ที่ผ่านมา นายได้ทบทวนอะไรบ้างล่ะ เท่าที่ฉันรู้สึกเท่าที่ฉันเห็นมันก็มีแต่ความอึดอัดระหว่างฉันกับนาย ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นสักนิด"



    "แค่นายปล่อยฉันไปไงไทเลอร์"



    "มันอันตรายเกินไปสำหรับนาย ส่งนายกลับไปก็เหมือนส่งนายกลับไปตาย"



    "แต่ที่เป็นอยู่แบบนี้มันก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ ถึงไม่ตายแต่ก็ไม่ได้อะไร ทำไมฉันถึงต้องอยู่เฉยๆเพื่อรอคอยในสิ่งที่ฉันไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นหรือเปล่า ฉันเป็นห่วงอาเธอร์แต่กลับทำอะไรไม่ได้ ชีวิตพี่ฉันทั้งคนนะไทเลอร์ นายจะให้ฉันนิ่งดูดายแบบนี้ต่อไปได้ยังไง" 



    ปากบางเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจออกมารัวๆใส่คนที่ยืนค้ำหัวอยู่ตรงหน้าตัวเอง ก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปอีกทางเพราะอารมณ์ขุ่นเคืองที่เริ่มเดือดขึ้นมา 



    "นายรู้จักพี่ชายนายดีที่สุดเลสลีย์..." มือใหญ่ของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์เอื้อมไปลูบกลุ่มผมสีสว่างที่ชี้ไม่เป็นทรงให้เข้าที่  ซึ่งเจ้าของผมเองก็ดูจะไม่มีอารมณ์มาสนใจเสียเท่าไหร่กับการที่มีใครมันเล่นผมของตัวเอง  "หมอนั่นเอาตัวรอดเก่งแค่ไหน นายก็น่ารู้ดี"



    "แล้วคนเรามันจะพลาดกันไม่ได้หรือไง นายยังไม่รู้จักริโอดีพอ.." 



    "นายรู้เรื่องอุโมงค์ที่เชื่อมต่อระหว่างเดอะฮิลล์กับพื้นที่ตระกูลนายหรือเปล่าเลสลีย์"  ในตอนแรกเชสเองก็ไม่อยากจะให้แอชเชอร์รู้เรื่องเกี่ยวกับอุโมงค์นั่นสักเท่าไหร่ แต่ดูท่าแล้วจากการที่ทั้งโจชัวและลูฟนั้นลองเข้าไปก็กลับไม่ได้คืบหน้าไปมากมายอะไร ยิ่งเข้าไปอากาศภายในนั้นก็ยิ่งเหลือน้อยจนน่ากลัว.. 



    "นายรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?" คนตัวขาวซีดถามเสียงแข็งในทันที



    "ถามแบบนี้แสดงว่านายรู้สินะ" 



    "ฉันถามว่านายรู้ได้ยังไง!"



    "อาเธอร์เป็นคนบอกให้ฉันหามัน.." 



    "ไม่มีทางที่อาร์ธจะรู้เรื่องอุโมงค์นี่  หมอนั่นไม่เคยสนใจเรื่องในตระกูลเลยด้วยซ้ำ"



    "ไม่พูดไม่ได้แสดงว่าไม่รู้เสมอไป..." แอชเชอร์เม้มปากแน่นอย่างครุ่นคิดไปสักพักหนึ่ง



    "อย่างมากที่สุดถ้าจะหายใจในนั้นได้ก็มาถึงได้แค่ชายแบล็คฟอเรสต์เท่านั้น.. เพราะรูระบายอากาศที่ทำไว้มีแค่ฝั่งฉันเท่านั้นที่ยังใช้งานได้อยู่" 



    "นายดูรู้ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้.." 



    "ก็เพราะตอนที่ฉันหนีออกมาจากที่นั่นได้ ก็เพราะอุโมงค์นี่ไง..."  ทางลับที่ถูกปิดไว้ไม่ให้ใครได้ล่วงรู้นั้นเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่ช่วยให้แอชเชอร์ออกมาจากที่นั่นได้ และเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าที่ทางออกอีกฝั่งนั้นจะมีใครล่วงรู้เพิ่มอีกบ้างหรือเปล่า



    "ถ้าเป็นแบบที่นายว่ามันก็ช่วยได้มากพอแล้ว" 



    "นายอย่าบอกนะว่าอาเธอร์คิดจะหนีด้วยวิธีนี้" 



    "ฉันเดาใจหมอนั่นไม่ได้หรอกเลสลีย์ มันอาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้ทั้งนั้น" 



    "ขนาดฉันยังเอาตัวแทบไม่รอด อีกอย่างวิธีซ้ำเดิมแบบนี้มันก็เป็นวิธีที่ไม่น่าเสี่ยงสักนิด" 



    "แล้วนายคิดว่าพี่นายจะออกมาจากที่นั่นบ้างไหม?"



    "พูดตามตรงนะว่าพอเป็นอาเธอร์แล้วฉันเองก็ไม่กล้าคิดเหมือนกันว่าเขาจะตัดสินใจยังไง  แต่ที่ฉันรู้แน่ๆก็คือคนอย่างอาเธอร์ไม่มีวันยอมให้ตัวเองทรมานแน่ๆถ้าอยู่แล้วไม่มีความสุข" 



    "บางทีสองคนนั้นก็อาจจะไปด้วยกันได้ดีก็ได้"



    "ความสัมพันธ์ของรอยัลอัลฟ่ากับอัลฟ่า ไม่ใช่เรื่องที่คนแดนเหนือจะยอมรับง่ายๆหรอกนะไทเลอร์ ยิ่งเป็นริโอแล้วล่ะก็ทุกอย่างมันก็ยิ่งไม่มีความเป็นไปได้" 



    "แต่อาเธอร์เองก็รู้จักหมอนั่นดีไม่ใช่หรือไง อีกอย่างเท่าที่ฉันเห็น พี่นายก็ไม่ใช่ว่าจะควบคุมริโอไม่ได้เสียหน่อย" 



    "ใครจะรู้กัน... วันนึงทุกอย่างอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้" ใบหน้ารูปสลักหันกลับมามองคนที่ลูบผมตัวเองอีกครั้ง "มันไม่มีอะไรสักอย่างให้ฉันคาดหวัง นายคิดว่าฉันต้องรออีกสักเท่าไหร่กันกว่าที่อาเธอร์จะกลับมา" 



    "นายจะใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อรออาเธอร์อยู่ที่นี่มันก็ย่อมได้" 



    ใช้เวลาทั้งชีวิตอยู่ที่นี่?



    "นายกำลังจะสื่อถึงอะไรกันแน่" 



    "อยู่แดนใต้ในฐานะคนที่ยืนอยู่ข้างฉันเถอะเลสลีย์" 



    แรงจากแขนแข็งแรงที่โอบเข้าตรงช่วงไหล่ ทำให้ใบหน้ารูปสลักของคนที่นั่งอยู่ต่ำกว่านั้นซบอิงเข้ากับหน้าท้องแกร่งของทรูอัลฟ่าตรงหน้าเงียบๆ  ลอนกล้ามเนื้อสีเข้มที่อยู่ในกรอบสายตาของแอชเชอร์นั้นยังคงไม่ทำให้รู้สึกชัดเจนเท่ากับแก้มนุ่มที่แนบชิดกับกล้ามเนื้อแข็งแรงจนแนบสนิท 



    "นายกล้าพูดเรื่องงี่เง่าพวกนี้ออกมาได้ยังไงกัน"



    "ฉันคิดยังไงฉันก็พูดไปแบบนั้น  นายต่างหากที่เอาแต่ปฏิเสธความรู้สึกตัวเอง" 



    "ฉัน..."



    "ถ้านายรังเกียจฉันจริงๆ นายก็คงไม่ยอมให้ฉันกอดอยู่แบบนี้หรอก..."



    ความรู้สึกงี่เง่าที่ไม่สามารถหาเหตุผลมาสนับสนุนได้มันดูจะเป็นสิ่งที่แอชเชอร์หาคำตอบไม่ได้ว่าทำไม  ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตที่ผ่านมามันมีทั้งเหตุทั้งผล แต่เมื่อเป็นเรื่องของความสัมพันธ์แล้วมันก็กลับกลายว่าทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้เหตุผล 



     "แค่เริ่มต้นมันก็ไม่ถูกต้อง.. นายคิดว่ามันจะเป็นไปได้ได้ยังไง"  



    "แต่มันก็ไม่สายที่เราจะเริ่มต้นใหม่ให้มันถูก... โยนความรู้สึกพวกนั้นทิ้งไปแล้วมาเริ่มกันใหม่ไม่ดีกว่าหรือ" 



    นั่นมันก็เท่ากับว่าแอชเชอร์ต้องกลืนน้ำลายตัวเองอย่างงั้นสิ...



    "มันยังเริ่มอะไรได้อีกกัน.."



    "นายกำลังกลัวอะไรอยู่กันแน่" นอกจากความสับสนแล้วไทเลอร์เองก็ยังรู้สึกว่าตัวของเลสลีย์คนเล็กนั้นยังมีอีกความกังวลหนึ่งซึ่งซ่อนอยู่ 



    "ฉันไม่อยากกลายคนงี่เง่าเพียงเพราะแค่ความรัก" แอชเชอร์ไม่อยากเป็นแบบนั้น  เขาเห็นผลของความรักพวกนั้นจากพี่ชายตัวเองจนทำให้รู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายสักนิดที่จะควบคุมตัวเองได้  



    "เด็กน้อยเอ๊ย" 



    "นี่คงเป็นเรื่องเดียวที่ฉันจะไม่เถียงนาย" อัลฟ่าแดนเหนือว่าพลางยกมือขึ้นดันช่วงตัวของทรูอัลฟ่าหนุ่มให้ออกห่างจากตัวเอง "นายนี่มันขยันปล่อยกลิ่นตัวเองออกมาจริงๆนะไทเลอร์" 



    กลิ่นไม้สนซีดาร์ที่เข้มขึ้นของไทเลอร์เมื่อผสมเข้ากับอากาศชื้นของฝนที่ตกอยู่ด้านนอก ก็ยิ่งทำให้แอชเชอร์รู้สึกว่าตัวเองนั้นออกไปยืนอยู่กลางป่าสนทั้งที่ตอนนี้เจ้าตัวนั้นนั่งอยู่ในบ้านแท้ๆ 



    "บางทีมันก็เป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้หรอกนะเลสลีย์" 



    "ดูนายจะควบคุมมันไม่ได้สักเท่าไหร่ เวลาที่อยู่ใกล้ฉัน.." 



    เป็นที่รู้กันดีว่ากลิ่นประจำตัวที่ถูกปล่อยออกมานั้นมันไม่ต่างไปจากการแสดงความเป็นเจ้าของ ซึ่งเชส ไทเลอร์เองก็กำลังแสดงมันออกมาโดยที่แอชเชอร์เองก็รับรู้ได้ 



    "เรียกว่าเหนือการควบคุมก็ยังได้.." 



    ตาคู่สวยช้อนมองดวงตาของทรูอัลฟ่าอีกครั้งเมื่อได้ยินเช่นนั้น  หากพินิจดูดีๆแล้วล่ะก็เชส ไทเลอร์ เป็นคนที่มีดวงตาสวยไม่แพ้กับแอชเชอร์เลยสักนิด ดวงตาหวานซึ้งที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ดวงตาคมนั้นเผยออกมาให้คนตัวขาวได้เห็นเป็นครั้งแรก  เพราะปกติแล้วดวงตาของไทเลอร์ที่แอชเชอร์คุ้นชินนั้นมันเต็มไปด้วยความแพรวพราวและเจ้าเล่ห์ที่ยากจะจับตัว 



    "ฉันไม่ชอบสายตานายตอนนี้เลยจริงๆ" อัลฟ่าแดนเหนือว่าก่อนจะลากสายตาของตัวเองมาหยุดที่ต้นคอของอีกฝ่ายแทนที่จะมองตา 



    "ข้อห้ามเยอะจริงๆ เลยนะนายน้อย.." 



    "เรียกฉันว่านายน้อยอีกแล้วนะ" แอชเชอร์ถึงกับเสียงขุ่นทันทีเมื่อไทเลอร์เรียกตัวเองด้วยคำนั้น "ฉันรู้ว่านายไม่ได้เต็มใจเรียก" 



    คนที่กำลังอ้าปากพูดถึงกับผงะถอยหลังไปชิดกับโซฟาทันทีเมื่อจู่ๆไทเลอร์ก็เท้าแขนคร่อมลงมาที่พนักของโซฟาโดยไม่บอกไม่กล่าว แล้วยังจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆจนตาสวยเห็นถึงร่องรอยบาดแผลบนใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างชัดเจนขึ้น  ร่องรอยบาดแผลที่แต่งเติมบนใบหน้ากับร่างกายแข็งแกร่ง รวมๆแล้วก็ทำให้เชส ไทเลอร์นั้นดูมีเสน่ห์แบบดิบๆที่เข้ากับกลิ่นประจำตัวของเจ้าตัวได้อย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ 



    "ถ้านายบอกฉันว่าอยากเป็นนายน้อยของแดนใต้ ฉันก็ให้นายได้ในตอนนี้เลยด้วยซ้ำเลสลีย์" 



    ต้องเป็นเพราะเสียงฝนที่กระหน่ำเทเมื่อครู่แน่ๆที่ทำให้หูของแอชเชอร์มันอื้อไปหมดในตอนนี้.. 



    "ยอมฉันได้ขนาดนั้นเลยหรือ" กลีบปากบางที่กำลังขยับถามไทเลอร์ในตอนนี้ ดูน่ามองเสียจนทรูอัลฟ่าหนุ่มนั้นอยากลิ้มลองอีกสักครั้ง แต่มันก็ติดที่ว่าบาดแผลที่มุมปากนั้นคงจะไม่ส่งผลดีสักเท่าไหร่กับเลสลีย์คนเล็ก  



    "ถ้านายกล้าขอฉันก็กล้าให้... จะลองดูไหมล่ะ" 



    เชส ไทเลอร์ ไม่ได้โกหกแต่อย่างใด.. แม้ทั้งหมดที่เจ้าตัวพูดนั้นจะดูมากเกินกว่าที่คนอย่างหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์จะยอมให้ใครง่ายๆก็ตามแต่ 



    "ถ้าฉันยอมรับว่าเป็นคนของไทเลอร์..."



    "....."



    "นายจะกล้าแลกกับความลับที่นายปิดบังฉันไว้ไหมล่ะ ไทเลอร์"



    คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของเลสลีย์ตัวขาวที่เอ่ยออกมาหน้าตาเฉย แววตาที่เคยสับสนก่อนหน้านี้  แปรเปลี่ยนเป็นแววตาที่แฝงไปด้วยความร้ายกาจที่ไทเลอร์เองก็พึ่งจะสังเกตเหมือนกันว่าอีกคนนั้นจะมีมุมเจ้าเล่ห์นี่เหมือนกัน 



    "ย่อมได้ทุกอย่าง..." 



    คนที่เคยเท้าแขนคร่อมกักตัวของเลสลีย์อยู่เมื่อครู่ ใช้มือข้างขวาของตัวเองจับข้อมือขาวซีด ก่อนจะจรดริมฝีปากอุ่นลงบนข้อมือขาวอย่างเชื่องช้า ในขณะที่ดวงตาคมยังคงจ้องมองอัลฟ่าแดนเหนือไม่วางตา 



    "จูบปากฉันไม่ได้ นายก็ยังหาที่จูบอื่นจนได้นะ.." คนตัวขาวค่อนขอดเข้าให้ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยทำให้ไทเลอร์รู้สึกรู้สาอะไรขึ้นมา



    "นายคงไม่อยากให้ฉันพูดหรอกว่าที่จริงแล้ว ฉันอยากจูบนายไปทั้งตัว" ใบหน้าขาวเห่อร้อนขึ้นในทันทีเมื่อนึกถึงความทรงจำยามที่อีกฝ่ายนั้นได้เคยเชยชมร่างกายตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแอชเชอร์นั้นสั่นเทาไปทั้งตัว "แต่ที่อยากจูบก็เพราะร่างกายที่งดงามของนายทั้งนั้นล่ะแอชเชอร์" 



    "นายคิดแค่นั้นจริงๆหรือเชส.." ฝ่ามือเรียวสวยอีกข้างที่ไม่ได้ถูกแตะต้องนั้นใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเข้ากับแก้มสากของทรูอัลฟ่าหนุ่ม พลางโน้มหน้าเข้าหาไทเลอร์เสียจนกลีบปากบางแทบจะจรดเข้ากับผิวของอีกฝ่าย 



    "อย่ามาเรียกชื่อฉันตอนนี้ดีกว่าน่า.."



    "ทำไมจะเรียกไม่ได้.. ในเมื่อฉันเองก็เป็นคนของไทเลอร์"



    ปลายลิ้นนิ่มของเจ้าของกลิ่นกุหลาบดามัสก์ไล้เลียเข้ากับริมฝีปากล่างของทรูอัลฟ่าหนุ่มอย่างเชื่องช้า ในขณะที่มือขาวยังคงใช้นิ้วเรียวไล้วนสันกรามของไทเลอร์



    "แล้วนายอยากรู้เรื่องอะไรก่อนดีล่ะ.." 
     


    คนอย่างไทเลอร์เองก็คงตอบแค่ในสิ่งที่อีกคนถาม ซึ่งไม่ใช่การบอกเล่าทุกสิ่งอย่าง.. 










    HASTAG #youngmastermn 











    TALK : ให้เรียกว่าเป็นตอนยื้อชีวิตก็น่าจะได้อยู่นะคะ..แต่คิดเหรอคะว่าเลสลีย์จะยอมเป็นคนของไทเลอร์ง่ายๆแบบนี้จริงๆ :)  คนปากร้ายต้องได้โดนเอาคืนแน่นอน คอยดูเถอะ แล้วก็มีเรื่องจะแจ้งด้วยนะงับเนื่องจากมีรีดเดอร์หลายคนDMเข้ามาถามว่าจะมีแพลนรวมเล่มไหมบวกกับหลายคอมเมนต์ที่ถามถึง เราอาจจะเปิดแบบสำรวจความสนใจในการร่วมเล่มyoung master ให้ในประมาณตอนที่ใกล้ๆจบเรื่องแล้วกันนะคะ 















      

































     
    ถึงจะอยากอ้าปากเถียงแค่ไหนแต่อัลฟ่าแดนเหนือก็ได้แต่เดินฟังมาอย่างเงียบๆ คิดดูแล้วก็เป็นตัวแอชเชอร์เองด้วยที่ไม่ระวัง ซึ่งปกติแล้วคนอย่างแอชเชอร์นั้นก็ค่อนข้างจะซีเรียสกับเรื่องเสื้อผ้าไม่น้อย เพราะรู้ดีว่าร่างกายของตนเองนั้นเป็นอย่างไร



    และต่อให้ตอนนี้แอชเชอร์จะเดินหนีขึ้นไปบนห้องแล้ว แต่ความรู้สึกสงสารของตัวเองมันก็มากพอที่จะทำให้คนตัวขาวนั้นยอมเดินลงมาด้านล่าง หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยเพื่อจะทำแผลให้กับทรูอัลฟ่าหนุ่ม




    มันไม่ใช่แค่ชั่วครู่หรือชั่ววินาที ที่แอชเชอร์เห็นแววตาคู่คมนั้นมองตัวเองเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง...






Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in