เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
YOUNG MASTER #MINNOninezexsky
[SPECIAL] Young Master : BlueBell


  • TALK : เนื้อหาในตอนพิเศษนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้นกับเนื้อเรื่องหลักนะคะ ////
    ** เป็นตอนพิเศษที่เราเคยเปิดรีเควสไว้นะคะ เราเลือกของคุณ @raknongjenonaka ที่เสนอโมเมนต์หวานๆสไตล์ของคุณเชสมาเป็นธีมแต่งตอนพิเศษนี้ หากทำได้ไม่ดีหรือมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยนะคะ เราพยายามเต็มที่แล้ว ฮื้อออ ปกติแต่งแต่คุณเค้าแบบกวนๆปากไม่ค่อยดี พอมาแต่งแบบหวานๆเล่นเอาไม่ชินเหมือนกัน ยังไงก็ฝากคุณเชสกับน้องแอชด้วยนะงับ (♥→o←♥)
    ปล.อาจจะหวานไม่มาก แต่หวานแบบนี้ล่ะเนอะที่เป็นสไตล์ของคุณเชส  แล้วก็ขอบคุณสำหรับธีมของทุกคนที่เสนอกันมาด้วยนะงับ ถึงแม้อยากจะแต่งให้หมดแต่ก็ต้องเลือกจริงๆค่ะ T-T**













    หนึ่งในสิ่งที่แอชเชอร์ไม่เคยได้รับรู้เกี่ยวกับเดอะฮิลล์เลยก็คงเป็นเรื่องของซีเคร็ทการ์เดน ใครจะไปคาดคิดกันว่าในหน่วยป้องกันของแดนใต้จะมีพื้นที่ที่สวยงามเหมือนภาพวาดให้ได้ประหลาดใจเช่นนี้



    คำบอกเล่าจากปากของพวกอัลฟ่าภายในหน่วยเดอะฮิลล์นั้นคงเป็นคำพูดที่ไม่สามารถจะอธิบายความสวยงามของฤดูใบไม้ผลินี้ได้ ถ้าหากอัลฟ่าแดนเหนือนั้นยังไม่ได้สัมผัสพวกมันด้วยตัวเอง... 



    ฤดูใบไม้ผลิที่เข้ามาเยี่ยมเยียนเดอะฮิลล์ทำให้ต้นไม้นานาชนิดเริ่มผลิใบใหม่ หมู่มวลดอกไม้เองก็บานสะพรั่งแข่งกันอวดโฉมสีสันละลานตา ฤดูที่ไม่ต่างจากสัญลักษณ์ของหน้าหนาวที่ผ่านพ้นไปเปรียบเสมือนกับการเริ่มต้นใหม่ที่ใครหลายคนต่างเฝ้าคอย และแอชเชอร์ เลสลีย์เองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ปราถนาและเฝ้ารอฤดูใบไม้ผลิของแดนใต้เช่นกัน 



    ในระหว่างช่วงกินมื้อเช้าของวันใหม่ที่เริ่มต้นเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิก็ทำให้บริเวณโรงอาหารรวมนั้นคราคร่ำไปด้วยคนในหน่วยที่ต่างออกมาหาอะไรกินกัน ซึ่งในกลุ่มนั้นก็คงรวมไปถึงเลสลีย์และหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์เช่นกัน 



    โต๊ะไม้ที่ทำมาจากไม้เนื้อแข็งถูกจับจองกันให้แน่นขนัด ซึ่งก็ยังนับว่าโชคดีที่ยังพอมีที่เหลือสำหรับพวกเขา ถึงแม้เชส ไทเลอร์จะเป็นหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์แต่เท่าที่ผ่านมาแอชเชอร์เองก็ไม่เคยเห็นว่าเจ้าตัวจะใช้อำนาจอะไรเพื่อให้ได้อภิสิทธิ์มากกว่าคนในหน่วย 



    โต๊ะกินข้าวที่ใช้นั้นก็แบ่งสรรปันส่วนกันโดยไม่แบ่งสถานะ แม้ตอนแรกๆจะแปลกใจไม่น้อยนัก แต่พอได้เห็นความเป็นอยู่ของคนในหน่วยแล้วก็ทำให้อัลฟ่าแดนเหนือรู้สึกถึงความสนิทสนมกันไม่น้อย 



    ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเชส ไทเลอร์ จำคนในหน่วยตัวเองได้เกินครึ่งของคนทั้งหมด หรือ ถึงแม้จะจำชื่อไม่ได้แต่แอชเชอร์ก็ยังเห็นความทรงจำบางอย่างที่หัวหน้าหน่วยนั้นเก็บเอามาจนเรียกได้ว่าเป็นความใส่ใจ 



    "ดีใจออกนอกหน้าเชียวนะเลสลีย์" อัลฟ่าตัวสูงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยทักคนที่กำลังนั่งเคี้ยวข้าวจนแก้มตุ่ย ท่าทางที่ดูมีความสุขอย่างชัดเจนใครกันจะอดทักได้ ยิ่งเป็นแอชเชอร์ เลสลีย์ด้วยแล้วล่ะก็ นี่มันเรื่องน่าตื่นเต้นชัดๆ 



    "ใครว่า ฉันก็แค่คิดว่าวันนี้รสชาติอาหารดีกว่าทุกวันก็เท่านั้น" 



    ลูอิส เชอร์ชิลล่ะอยากจะหัวเราะออกมาดังๆกับคำตอบของเลสลีย์คนเล็กเสียจริง  ตั้งแต่กินข้าวด้วยกันมาไม่ว่าจะกี่มื้อต่อกี่มื้อ ลูฟก็เห็นตลอดว่าแอชเชอร์น่ะดูอร่อยไปกับของกินตรงหน้าเสียทุกอย่าง แม้มันจะไม่ใช่อาหารเลิศรสอย่างที่เจ้าตัวเคยได้กินก็ตาม



    "กินขนาดนั้น ระวังจะได้โดนเชสจำกัดอาหารเข้าให้อีกล่ะ" สุดท้ายลูฟก็อดแหย่อัลฟ่าแดนเหนือไม่ได้  พูดจบอัลฟ่าตัวสูงก็เหลือบมองเพื่อนสนิทที่ยังคงนั่งกินอาหารเงียบๆอยู่ข้างเลสลีย์ 



    "อย่าหาเรื่องให้ฉันนักเลยลูฟ" คนที่ถูกกล่าวถึงเอ่ยปรามเพื่อนสนิทที่ดูจะสนุกเสียจริงกับการที่ได้แกล้งเลสลีย์แล้วเอาชื่อของตัวเองเข้าไปเกี่ยวด้วยในบทสนทนา 



    "ห้ามนายมายุ่งกับเรื่องกินของฉันนะ ไทเลอร์!" คนที่จริงจังกับเรื่องอาหารยิ่งกว่าใครหันมาแยกเขี้ยวใส่หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ นี่ถ้าขู่ได้เหมือนกับเกรย์วูล์ฟล่ะก็ป่านนี้เลสลีย์ก็คงทำไปแล้ว 



    "แล้วที่ผ่านมาฉันได้ทำอีกไหมล่ะแอชเชอร์" ทรูอัลฟ่าหนุ่มหันหน้ามาถามคนตัวขาวข้างๆ ด้วยน้ำเสียงปกติ 



    "บอกว่าอย่าเรียกแอชเชอร์.." 



    ยอมรับเลยว่าเลสลีย์คนเล็กนั้นไม่คุ้นชินเสียเลยกับการที่หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์เปลี่ยนมาเรียกชื่อของตัวเองแทนชื่อตระกูล 



    "ก็นายชื่อแอชเชอร์ เรียกแอชเชอร์ก็ถูกแล้วไม่ใช่หรือ.." 



    รอยยิ้มบางๆที่ประดับอยู่บนริมฝีปากสีเข้มกับดวงตาคมที่จ้องมองมาทำให้เลสลีย์คนเล็กหันหน้าหนีมาทางลูฟที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามในทันที  ตาเรียวสวยที่มีนัยน์ตาสีอ่อนเป็นเอกลักษณ์นั้นดูวอกแวกเสียจนลูฟได้แต่ขำเบาๆ 



    "อะแฮ่ม! ฉันว่าวันนี้ขนมปังมันแข็งไปเนอะเลสลีย์" แต่ลูฟก็ยังคงใจดีพอที่จะช่วยเบี่ยงเบนบทสนทนาที่เลสลีย์นั้นไม่รู้จะต่อยังไงกับเพื่อนตัวเอง



    "ก็แข็งแบบนี้ทุกวัน นายก็กินดีๆซะสิ" นอกจากจะไม่รับมุกแล้วเลสลีย์ยังคงค่อนขอดคนที่แกล้งทำเป็นติดคอเข้าให้จนเจ้าตัวได้แต่เคี้ยวขนมปังในปากหงับๆ 



    "ต้องให้ช่วยทุบหลังไหมล่ะลูฟ" โจชัวที่นั่งฟังอยู่สักพักเอ่ยยิ้มๆ พลางยกมือเตรียมจะทุบเข้าที่หลังของลูฟซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ 



    "ฉันน่าจะตายเพราะโดนนายทุบมากกว่าขนมปังติดคอแล้วล่ะ" อัลฟ่าตัวสูงถึงกับขยับก้นหนีออกมาห่างๆ เพื่อนสนิทอีกคนโดยไม่ลืมคว้าชามอาหารของตัวเองมาด้วย 



    "แล้วนี่วันนี้นายว่างหรือเชส ถึงจะได้พาเลสลีย์ไปที่สวน" โจชัวอ้าปากถามทรูอัลฟ่าที่ยังคงนั่งกินข้าวเงียบๆ ซึ่งเจ้าตัวก็ทำเพียงแค่เหลือบมองอัลฟ่าแดนเหนือเล็กน้อย 



    "ฉันสัญญากับเลสลีย์เอาไว้.." คนตัวขาวแอบบึนปากเล็กน้อยเมื่อได้ยินไทเลอร์พูดแบบนั้น "จริงไหม?" 



    "นายแค่เคยบอกฉันไว้ว่าจะพาไป... ไม่ได้สัญญาสักหน่อย"  



    "ก็นั่นแหละที่เรียกว่าสัญญา" เชสย้ำอีกครั้งซึ่งแอชเชอร์เองก็ได้แต่มองตาปริบๆเพราะไม่รู้จะเถียงอะไรกับอีกคน 



    "สัญญาก็สัญญา.."



    "เชื่อเถอะว่าถ้าได้เห็นแล้วจะต้องอึ้ง นายต้องไม่เคยเห็นในแดนเหนือแน่ๆ" โจชัวว่า 



    "พูดเสียขนาดนี้ ฉันว่าใจเลสลีย์คงลอยไปอยู่ที่ซีเคร็ทการ์เดนแล้วล่ะมั้งโจชัว" ลูฟเอ่ยพลางมองคนตัวขาวที่มีท่าทีสนอกสนใจ ยิ่งฟังคำพูดจากคนอื่นมาเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้แอชเชอร์ใคร่ที่จะอยากรู้และอยากเห็นสิ่งที่พวกคนในแดนใต้พูดถึง 



    "เห็นฉันอยากเห็นเข้าหน่อย ก็แกล้งกันจังนะ" เลสลีย์คนเล็กว่าเสียงขุ่นพลางย่นจมูกด้วยความเคยชินยามเวลาที่เจ้าตัวโดนแกล้ง "คอยดูนะ ฉันจะให้เซเบอร์งับๆนายแน่ลูฟ!"



    "ฉันเป็นมิตรกับเจ้าตัวเล็กนั่นแล้วเถอะ อย่าเอามาขู่กันเสียให้ยาก" ถึงจะเคยโดนงับให้กลัวไปสักพักใหญ่ก็เถอะ แต่ตอนนี้น่ะลูฟเองก็มั่นใจเหมือนกันว่าตัวเองนั้นค่อนข้างจะเข้ากันได้ดีกับไอ้เจ้าตัวเล็กของเลสลีย์ได้ไม่น้อย 



    "งั้นฉันจะสั่งร็อคกี้แทน"



    "นายสั่งให้มันเลิกแกล้งนายให้ได้ก่อนจะดีกว่านะ ได้ข่าวว่าเมื่อวานก็แอบเอาซองใส่มีดนายไปแทะเล่นซะเยินเลยนี่" 



    เลสลีย์คนเล็กแอบฮึดฮัดนิดๆ เมื่อหาทางเอาคืนเชอร์ชิลไม่ได้ ที่สำคัญคนที่นั่งข้างตัวก็ดูจะตลกเหลือเกินที่เห็นตัวเองเถียงกับลูฟจนคอเป็นเอ็น 



    "ขนาดไทเลอร์ยังสั่งมันไม่ค่อยได้ นับประสาอะไรกับฉันล่ะที่จะไปสั่งร็อคกี้" 



    "จริงๆ แล้วฉันว่าร็อคกี้ฟังนายมากกว่าฉันเสียอีก" ไทเลอร์เอ่ยบอกพลางวางช้อนในมือลง "ติดนายแจขนาดที่ชอบไปนอนในห้องด้วยขนาดนั้น" 



    ทั้งวูล์ฟด็อกทั้งคนที่นอนอยู่ด้วยกันจนบางทีเชสก็เริ่มจะแยกไม่ออกแล้วว่าขาวไหนคือขาวคน หรือ ขาวไหนคือขาวของเจ้าขนปุย 



    "ก็ฉันสงสารนี่ นายให้มันนอนนอกห้องแบบนั้นก็หนาวแย่น่ะสิ"



    เหตุผลของเลสลีย์ทำให้คนที่นั่งร่วมบนโต๊ะอาหารยกยิ้มมุมปากอย่างไม่ได้นัดหมาย ท่าทางว่าเจ้าตัวคงจะลืมไปหรือเปล่าว่าขนหนาๆของเจ้าขนปุยนั่นน่ะสามารถสร้างความอบอุ่นให้ร่างกายมากแค่ไหน อีกอย่างพวกมันก็เป็นสัตว์ที่ทนต่อความหนาวเป็นพื้นฐานด้วย 



    "สักวันการ์เดียนของนายคงได้เปลี่ยนเจ้านายใหม่แน่ๆว่ะเชส" เชอร์ชิลตัวดียังคงไม่วายแซว 



    "แต่ก็แปลกดีที่นายดูเข้ากันได้ดีกับเจ้าพวกนั้น" โจชัวยกแขนขึ้นเท้าคาง พลางจ้องอัลฟ่าแดนเหนือที่เริ่มคิ้วชนกัน "ขนาดฉันที่ดูแลพวกมันบ่อยๆ ยังไม่ได้ขนาดนายเลย"



    ทรูอัลฟ่าหนุ่มได้แต่ส่ายหัวน้อยๆ กับคำพูดของเพื่อนตัวเอง เลสลีย์เองก็คงไม่รู้ตัวหรอกว่าการที่เจ้าตัวมักจะหลุดท่าทางอะไรแปลกๆมานั้นมันยิ่งทำให้ทั้งลูฟและโจชัวชอบที่จะคอยแหย่ รวมไปถึงเชส ไทเลอร์ เองก็ด้วย



    "อย่าไปสนใจพวกนี้เลยน่ะ กินอาหารก่อนที่จะเย็นหมดดีกว่า" เจ้าของผิวสีแทนเลื่อนชามอาหารให้เข้าไปใกล้คนตัวขาวมากขึ้น ซึ่งเจ้าตัวก็แอบเบะปากน้อยๆก่อนจะลงมือกินอาหารตรงหน้าต่อจนกลับมาแก้มตุ่ยเหมือนเดิม 



    "ไม่จำกัดอาหารฉันให้ผอม ก็กะจะขุนให้อ้วนเลยหรือไงเนี่ย" 



    อันที่จริงแล้วอาหารที่โรงกลางมันก็ดูน่าอร่อยขึ้นอยู่พอตัวเวลาที่ได้เห็นแอชเชอร์ เลสลีย์ กินในความคิดของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ 



    "ทีอาหารเพื่อนคนนี้จะเย็น ไม่เห็นสนใจกันเลย โจชัว.."  ลูฟทำเป็นเอ่ยลอยๆขึ้นมาราวกับคุยกับโจชัว แต่เชสเองก็สามารถรับรู้ได้ว่าไอ้เพื่อนตัวดีน่ะกำลังล้อเลียนตัวเอง 



    "กินๆเข้าไปเถอะลูฟ งานมีต้องทำอีกเยอะ" แต่ทว่าโจชัวเองนอกจากจะไม่รับมุกแล้วก็ยังแกล้งเหยียบขาของลูฟที่อยู่ใต้โต๊ะเสียด้วย



    "โอ๊ย! เหยียบกันมาได้ รองเท้านายไม่ใช่เบาๆ" ลูฟบ่นอุบ 



    "ถ้าไม่โวยวายคงไม่ใช่นายสินะเชอร์ชิล" แอชเชอร์ว่าเหน็บเข้าให้ 



    "รีบๆกินเข้าเถอะน่าเลสลีย์ อยากไปดูซีเคร็ทการ์เดนนักไม่ใช่หรือไง" คำพูดของลูฟยังคงเป็นผลทำให้อัลฟ่าแดนเหนือหันมาสนใจอาหารตรงหน้า ท่าทางคงจะไปฟังพวกคนในหน่วยพูดเอาไว้มากเป็นแน่ 






    ใช้เวลาไม่นานทั้งหมดต่างก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง  ด้านลูฟกับโจชัวก็เดินกอดไหล่กันเข้าไปในหน่วย ส่วนทางด้านหัวหน้าหน่วยและอัลฟ่าแดนเหนือก็เดินทอดน่องกันไปตามทางเดินเพื่อไปยังบริเวณด้านหลังของเดอะฮิลล์ 



    จากฤดูหนาวที่ผ่านไปทำให้ต้นไม้ที่เคยไร้ชีวิตชีวานั้นกลับมามีชีวิตดั่งเคย  ความรู้สึกที่ได้เห็นนั้นหากเทียบกันแล้วแอชเชอร์ก็ขอลงความคิดเห็นว่าเดอะฮิลล์นั้นเหมาะกับชีวิตมากกว่าหิมะสีขาวอย่างเช่นแดนเหนือ  จะเรียกได้ว่าต้นไพน์สีเขียวขจีกับกลิ่นอายของความอบอุ่นนั้นบ่งบอกถึงที่นี่ได้ก็คงจะเป็นเรื่องที่ไม่ผิดนัก 



    เพราะตั้งแต่ที่แอชเชอร์ได้มาอยู่จนถึงตอนนี้ ที่นี่ก็ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาด... แม้กระทั่งในคืนที่หนาวเหน็บของเดอะฮิลล์เขาก็ยังคงสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นเสียจนร้อนผ่าว



    กลิ่นไม้สนซีดาร์ที่เป็นกลิ่นประจำกายของคนที่เดินเคียงคู่อยู่ด้านข้างยังคงส่งกลิ่นหอมลอยแตะจมูกให้แอชเชอร์ได้กลิ่นอยู่ตลอด  กลิ่นที่เจ้าตัวคุ้นชินเสียจนเลิกย่นจมูกเวลาอีกฝ่ายเข้าใกล้ ไม่ใช่ว่าเหม็นแต่เพราะเมื่อไหร่ที่เชส ไทเลอร์ เข้าใกล้นั้นมันก็พาลทำให้แอชเชอร์รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเสียทุกที 



    "ลองคิดหรือยังว่าจะได้เห็นอะไรบ้างน่ะเลสลีย์" ทรูอัลฟ่าหนุ่มเป็นคนเปิดปากชวนคุยเพื่อไม่ให้เงียบจนเกินไป ซึ่งมันก็มักจะเป็นแบบนี้อยู่เสมอยามที่อยู่ด้วยกันสองคน หนึ่งสิ่งที่แอชเชอร์ เลสลีย์ นั้นไม่ค่อยจะเก่งเสียเท่าไหร่ก็คงเป็นการชวนคุย



    "ถ้าคาดหวังมากไป ฉันจะผิดหวังหรือเปล่า" 



    แม้จะเป็นเรื่องที่ไม่ได้จริงจังเสียเท่าไหร่ แต่เมื่อคนเราคาดหวังไปแล้วยังไงเสียมันก็มีเพียงไม่กี่ผลลัพธ์หรอกที่จะออกมา 



    "ถ้าแบบนั้นไม่คาดหวังเพื่อที่จะไม่ผิดหวัง ไม่ดีกว่าหรือ" 



    "ถ้าเรื่องนี้มันห้ามกันได้ง่ายๆ ก็คงจะดีน่ะสิ" เจ้าของสีผิวขาวซีดเหมือนดอกแม็กโนเลียสีขาวทำให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มอดนึกถึงความแข็งแกร่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ความสวยงามไม่ได้ "อีกอย่างคนเราก็ควรจะมีคาดหวังเพื่อเป็นแรงผลักดันนะไทเลอร์" 



    "งั้นฉันก็คงเป็นคนที่แปลก.."



    "ยังไง?" 



    ใช่ว่าทุกครั้งที่สนทนากันพวกเขาทั้งสองจะคอยเหน็บแนมกันเสียเมื่อไหร่ ถ้าไทเลอร์ไม่กวนประสาท หรือ ไม่พูดจาเย้าแหย่ให้เลสลีย์คนเล็กหัวเสีย ก็ไม่มีทางหรอกที่คนตัวขาวจะยียวนกวนประสาทกลับมา มิหนำซ้ำบทสนทนาที่ไร้ความขัดแย้งของทั้งคู่ก็ดูจะไปได้ดีมากกว่า 



    "เพราะฉันไม่เคยคิดจะคาดหวังอะไรอีก  อย่างที่ไม่เคยคาดหวังในคำตอบของนาย" 



    คำตอบที่ไทเลอร์พูดถึงนั้นทำให้เลสลีย์คนเล็กขบกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว ความสัมพันธ์ที่เริ่มพัฒนาของทั้งอัลฟ่าแดนเหนือและทรูอัลฟ่าต่างเป็นเรื่องที่ค่อยๆแปรเปลี่ยนไปตามฤดูกาลซึ่งเปลี่ยนไป ไม่ได้รีบร้อนหรือเร่งรัดจนทำให้ไม่สบายใจ



    เชส ไทเลอร์ เองก็ไม่ได้สร้างความอึดอัดอะไรให้กับแอชเชอร์ การปฏิบัติตนที่ยังคงเหมือนเคยแต่กลับเป็นแอชเชอร์เองที่พึ่งสังเกตว่าแววตาที่เจ้าตัวมักจะมองว่ามันมีแต่ความเจ้าเล่ห์นั้น แท้จริงแล้วมันกลับมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ที่ทำให้บ่อยครั้งอัลฟ่าแดนเหนือนั้นไม่สามารถมองตาของอีกฝ่ายได้ 



    "ที่ไม่ได้คาดหวังเพราะนายรู้คำตอบอยู่แก่ใจแล้วหรือเปล่า" เจ้าของใบหน้ารูปสลักหันใบหน้ามาถามคนข้างๆก่อนจะยกยิ้มบางๆ 



    "คำตอบอะไรกัน?" ไทเลอร์ไม่ใช่คนโง่ แต่ก็มักจะชอบทำเป็นซื่อบื้ออยู่ทุกทีในเวลาที่ไม่สมควร "ฉันไม่เห็นจะรู้ นายช่วยบอกให้ฟังหน่อยไม่ได้หรือ?" ท้ายประโยคที่ไทเลอร์ใช้น้ำเสียงออดอ้อนนั้นเรียกสองแก้มขาวของแอชเชอร์ให้ขึ้นสีระเรื่อในทันที



    "ใครจะพูด.." แก้มขาวที่กำลังเห่อร้อนนั้นถูกแตะสัมผัสเบาๆจากนิ้วมือของทรูอัลฟ่าที่ยื่นมาเกลี่ยแก้มจนทำให้ทั้งคู่ต่างหยุดก้าวเดิน นับว่าโชคดีที่ทั้งคู่เดินออกมาไกลมากพอแล้วที่จะรอดพ้นสายตาของคนในหน่วยเดอะฮิลล์ และนั่นก็ทำให้เชส ไทเลอร์กล้าที่จะเข้าใกล้แอชเชอร์มากขึ้น



    "นายแก้มแดงบ่อยขึ้นทุกทีเวลาอยู่กับฉัน" 



    คำกล่าวหาที่เป็นความจริงนั้นมีหรือที่อัลฟ่าแดนเหนือจะปฏิเสธได้.. ก็ในเมื่อแอชเชอร์ เลสลีย์มักจะแก้มแดงทุกทีเวลาที่อยู่กับไทเลอร์ 



    "เพราะฉันร้อนต่างหาก นายก็รู้ว่าฉันขี้ร้อน" ก็ยังคงจะแก้ตัวด้วยเหตุผลที่พอจะนึกได้ 



    "ร้อนเพราะอากาศ หรือ ร้อนเพราะอยู่ใกล้กับฉันกันแน่?" 



    เสียงทุ้มของทรูอัลฟ่าหนุ่มเอ่ยถามคนแก้มแดงด้วยระดับเสียงที่ไม่ได้ดังมาก แต่กลับทำให้อัลฟ่าแดนเหนือได้ยินอย่างชัดเจน  ตาคมไล่มองตามเครื่องหน้าเจ้าของกลิ่นกุหลาบดามัสก์ช้าๆเพื่อฆ่าเวลาที่จะได้รับคำตอบจากริมฝีปากบาง



    "ทำไมฉันต้องร้อนเพราะอยู่ใกล้นายกันด้วย" 



    "แล้วไม่ใช่นายหรือที่เคยบอกว่าฉันเหมือนเตาผิง.." 



    "ฉันก็พูดไปเรื่อย.. คะ แค่นั้น" 



    คนตัวขาวตะกุกตะกักทันทีเมื่อนิ้วหัวแม่มือของไทเลอร์นั้นบดคลึงที่ริมฝีปากของตัวเอง ตาใสยังคงช้อนมองทรูอัลฟ่าหนุ่มที่กำลังล่อลวงตนเองให้ตกลงไปในหลุมพรางซึ่งเจ้าตัววางไว้อย่างตั้งใจ 



    "ถ้าไม่อุ่นจริง.. นายคงไม่นอนซุกอกฉันทั้งคืนหรอกแอช



    นอกจากไทเลอร์จะเรียกชื่อเล่นที่มีแต่คนในครอบครัวที่เรียกให้แอชเชอร์รู้สึกประหม่าแล้ว คำพูดของไทเลอร์เองก็ทำให้แอชเชอร์หวนนึกฤดูหนาวที่ผ่านมาอย่างช่วยไม่ได้  เตียงหลังใหญ่ที่ทั้งคู่ต่างเบียดกายเข้าหากันเพื่อหาความอบอุ่นนั้นยังคงเป็นสัมผัสที่ติดตราตรึงยากที่จะลบเลือน  อ้อมแขนแข็งแรงของทรูอัลฟ่าหนุ่มที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยนั้นกลายเป็นสิ่งเสพติดที่ทำให้แอชเชอร์ เลสลีย์รู้สึกขาดมันไม่ได้ 



    "ไม่ต้องมามองกันแบบนี้เลยเชส" เสียงนุ่มเอ่ยกระเง้ากระงอดเมื่ออีกฝ่ายส่งสายตาชวนทำให้ก้อนเนื้อในอกเต้นระรัวมาให้ 



    "แค่มองก็ไม่ได้หรือ?" หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ว่าในขณะที่ยังไม่ละมือออกจากใบหน้ารูปสลัก 



    "จะมองทั้งวันเลยไหมล่ะ" คนตัวขาวประชดก่อนจะงับเบาๆเข้าที่นิ้วของทรูอัลฟ่าซึ่งยังคงบดคลึงริมฝีปากตัวเองไม่เลิก 



    "เปลี่ยนเป็นนอนมองทั้งคืนคงจะดีกว่า.."



    "อย่าพูดในสิ่งที่นายทำไปแล้วดีกว่าน่าเชส" 



    "รู้ด้วยหรือว่าฉันนอนมองหน้านาย" ได้ฟังแบบนั้นแล้วแอชเชอร์ก็ถึงกับอยากร้องไห้ออกมาจริงๆ ความรู้สึกที่กำลังถูกไล่ต้อนจนแทบจะจนมุมมันเป็นสิ่งที่นับวันเชส ไทเลอร์ ยิ่งจะชำนาญมากขึ้นเรื่อยๆ 



    "นายเล่นมองขนาดนั้น แล้วฉันจะหลับได้ยังไง" 



    แอชเชอร์ล่ะอยากให้ไทเลอร์ได้ลองมาเป็นตัวเองบ้างเหมือนกัน จะได้เข้าใจว่าความรู้สึกประหม่าพวกนี้มันเป็นยังไง



    "มันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ เพราะฉันเองก็หยุดมองหน้านายไม่ได้ทุกทีเลยแอช" 



    ก่อนที่แอชเชอร์จะได้พูดอะไรต่อไป ชั่ววินาทีที่หันหน้าหนีไปทางอื่นมันก็ทำให้เจ้าตัวถึงกับนิ่งงันเมื่อได้เห็นภาพของสิ่งที่ตัวเองรอคอย คงเพราะด้วยการพูดคุยกับไทเลอร์เองด้วยที่ทำให้แอชเชอร์ไม่ได้สนใจสักนิดว่าตัวเองนั้นเดินมาถึงไหนแล้ว ก่อนหน้านี้นอกจากมองหน้าไทเลอร์ก็คงมีแต่พื้นข้างหน้าเท่านั้นล่ะที่คนตัวขาวมอง 



    ภาพของเนินเขาและป่ารอบๆ ที่เต็มไปด้วยสีน้ำเงินปนม่วงของดอกบลูเบลล์ จนแทบเรียกได้ว่าไม่ต่างจากผืนน้ำทะเล สีน้ำเงิน สีสันสวยงามของดอกไม้รูปร่างงองุ้มคล้ายกับระฆังที่อยู่ใต้ต้นไม้น้อยใหญ่จนละลานตา กลายเป็นภาพที่สวยงามจนไม่อาจจะละสายตาได้ 



    ดอกไม้ที่หายากเพราะมักจะขึ้นตามป่าผลิใบที่มีความชื้นของแสงในระดับเหมาะสม อีกทั้งยังอวดโฉมความงามของมันเพียงแค่ไม่กี่วันจึงทำให้มันกลายเป็นดอกไม้ที่ใครๆก็ต่างเฝ้ารอที่จะได้ชื่นชมความงดงาม ไหนจะกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์นั้นชวนให้ต้องสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อสัมผัสความหอม



    "ฉันเคยแต่ได้อ่านเรื่องของมัน แต่ไม่เคยคิดว่าจะได้มาเห็นจริงๆกับตาตัวเอง" อัลฟ่าแดนเหนือว่าก่อนจะหันมามองทรูอัลฟ่าที่ยืนอยู่ข้างๆ "ยังมีอะไรอีกไหมที่ฉันไม่รู้เกี่ยวกับที่นี่..."



    "อะไรที่นายอยากรู้ ก็ค่อยๆเรียนรู้มันไป"  หากจะให้คนอื่นมาคอยบอกอยู่ตลอดนั้นมันก็คงไม่ใช่การเรียนรู้



    "ถึงว่าทำไมพวกนั้นถึงได้บอกว่าฉันจะต้องตะลึง.. ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าที่นี่มีที่ๆสวยขนาดนี้" 



    ขาเรียวยาวก้าวเดินเข้าไปใกล้กับพรมสีน้ำเงินม่วงที่เต็มไปด้วยดอกบลูเบลล์ จนในที่สุดอัลฟ่าแดนเหนือก็หยุดยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกบลูเบลล์ เสียงนกน้อยใหญ่ที่ส่งเสียงร้องกับสายลมเอื่อยๆที่คงพัดมาทำให้รู้สึกสงบอย่างน่าประหลาด จนเหมาะสมที่จะเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อน



    "แล้วนายรู้หรือเปล่าว่าดอกบลูเบลล์พวกนี้หมายถึงอะไร" 



    "ไม่.." 



    เชส ไทเลอร์ ไม่ได้ตอบอะไรนอกเสียจากจะยืนยิ้มให้กับอัลฟ่าแดนเหนือที่ทำหน้าตาสงสัยกับคำถามของตัวเอง 



    "แล้วอยากรู้หรือเปล่า?" 



    "อยากรู้อะไรจากนายก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนทุกที" แอชเชอร์ว่า 



    "ฉันไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นเสียหน่อย" หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ว่าก่อนจะขยับเข้าไปใกล้คนตัวขาวที่ยืนมองดอกบลูเบลล์ด้วยความสนใจ "โดยเฉพาะกับนาย" วงแขนแข็งแรงที่สอดเข้ามาโอบรอบเอวคอดของเลสลีย์ทำให้เจ้าของผิวขาวถึงกับเบิกตากว้างจนแทบถลน 



    "จะกอดฉันขออนุญาตกันแล้วหรือไง" 



    "อยากกอดก็คืออยากกอดไงแอช กอดกันแบบนี้ยิ่งทำให้ฉันได้กลิ่นนายชัดขึ้น"



    กลิ่นกุหลาบดามัสก์จากอัลฟ่าแดนเหนือยังคงเป็นกลิ่นที่หอมเสียจนไม่มีกลิ่นหอมไหนเทียบได้ กลิ่นประจำตัวที่เหมาะกับแอชเชอร์ เลสลีย์ ราวกับถูกสร้างมาเพื่อเจ้าตัวล้วนทำให้เชส ไทเลอร์หลงใหล ความเข้ากันได้ดีของกลิ่นป่าและกลิ่นดอกไม้มันยากที่จะปฏิเสธนัก 



    "ที่ไม่ให้ใครพาฉันมา เพราะแบบนี้ใช่ไหม" 



    "ที่ๆพิเศษ ก็ต้องให้คนที่พิเศษพามาไม่ใช่หรือ"  จมูกของทรูอัลฟ่าหนุ่มกดลงหอมที่ผมสวยของอัลฟ่าแดนเหนือเบาๆ ก่อนจะกระชับกอดคนในอ้อมกอดให้มากขึ้น 



    "คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะทำให้ฉันใจเต้นได้หรือ" 



    "เต้นไม่เต้น ตอนนี้ฉันก็ได้ยินก็แล้วกัน" เสียงทุ้มว่าก่อนจะหัวเราะเบาๆในลำคอเมื่อเห็นใบหูขาวแดงก่ำ 



    "นายมันชอบแกล้ง.." อ้อมกอดของเชส ไทเลอร์ ตอนนี้แม้จะอบอุ่นแต่ก็ทำให้รู้สึกร้อนเหมือนหน้าร้อนอย่างไรอย่างนั้น 



    "ไม่ได้แกล้ง.." เจ้าของผิวสีเข้มไล่จับมือเรียวสวยของอัลฟ่าแดนเหนือมาไว้ในมือก่อนจะเอ่ยต่อ "จริงๆแล้วน่ะ ดอกบลูเบลล์มันหมายถึงความซื่อสัตย์และจงรักภักดี



    "แค่นั้นหรือ?"



    "รวมถึงยังหมายถึงเกียรติที่คนๆหนึ่งจะยอมลดมันเพื่อใครสักคน.."



    หากเป็นการบอกความหมายเพียงปกติทั่วไปก็คงไม่ทำให้หัวใจของแอชเชอร์เต้นถี่ระรัวเท่ากับยามที่ริมฝีปากสีเข้มนั้นกดจูบลงข้างขมับขาวหลังจากที่พูดจบ  ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั้งร่างกายซึ่งถูกถ่ายทอดมานั้นแอชเชอร์รับรู้ทุกความรู้สึกของไทเลอร์ได้ดี 



    "รู้ใช่ไหมว่าฉันหมายถึงนาย แอชเชอร์



    "ฉันรู้มานานแล้วเชส" 



    และมันก็คงจะไม่ผิดเช่นกันที่แอชเชอร์ เลสลีย์ จะตอบรับความรู้สึกของเชส ไทเลอร์ด้วยการหันกลับไปจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากสีเข้มของทรูอัลฟ่าหนุ่ม ก่อนจะเปลี่ยนจากจูบเพียงแค่สัมผัสบางเบาเป็นจูบลึกซึ้งที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนของเชส ไทเลอร์ ที่ป้อนจูบหวานฉ่ำให้กับแอชเชอร์ เลสลีย์ จนคนตัวขาวต้องคว้าลำคอแกร่งเพื่อเป็นหลักในการทรงตัว



    "วันนี้นายน่ารักเหลือเกินคนดี" 







    HASTAG #youngmastermn
































     







Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in