เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
YOUNG MASTER #MINNOninezexsky
13









  • ฤดูหนาวในแดนเหนือนั้นกินระยะเวลายาวนานตลอดเกือบทั้งปี แม้จะเป็นสภาพแวดล้อมที่ใครต่อใครล้วนแล้วแต่เคยชินสำหรับคนแดนเหนือ ระยะเวลาไม่ถึงสองเดือนที่ฤดูไบไม้ผลิจะมาถึงคงเป็นช่วงเวลาที่อาเธอร์ เลสลีย์ เฝ้ารอคอยในทุกๆปี และปีนี้เองก็ยังคงเป็นดั่งเช่นนั้นอย่างที่เคยเป็น 



    แต่ทว่าฤดูหนาวที่หนาวเหน็บเช่นนี้ก็ช่างผ่านไปช้าเหลือเกิน ทุกวินาทีที่ค่อยๆผ่านพ้นไปนั้นไม่ต่างจากความทรมานที่กัดกินความรู้สึกของคนที่เฝ้ารอไปเรื่อยๆ...



    อิสระที่แสนโหยหาเปรียบดั่งความฝันอันหอมหวานที่ทำได้แค่เพียงวาดฝัน



    หิมะด้านนอกยังคงร่วงหล่นอย่างไม่ขาดสายพร้อมๆกับสายลมที่พัดพาเอาความหนาวเย็นเข้ามาปกคลุม  เตาผิงภายในห้องนอนยังคงเป็นตัวช่วยชั้นเลิศที่มอบความอบอุ่นให้กับคนที่กำลังนอนอยู่บนเตียงสี่เสาหลังงามให้ได้พักผ่อนอย่างสบายใจ



    แต่ไม่เลย.. ค่ำคืนนี้มันกลับกลายเป็นความขมขื่นนับครั้งไม่ถ้วนที่อาเธอร์เองไม่อาจจะจำได้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ ที่ตัวเองต้องตกอยู่ในเหตุการณ์เดิมๆ 



    ความร้อนจากผิวกายของมนุษย์แม้จะเป็นตัวที่ถ่ายทอดความอบอุ่นชั้นเยี่ยม แต่กลับไม่ใช่สำหรับคุณชายเลสลีย์ที่ยังคงนอนอยู่เงียบๆไร้คำพูดที่จะหลุดออกมาจากกลีบปากสีช้ำ  ความเอาแต่ใจของริโอ สเปนเซอร์ ปรากฏหลักฐานชัดเจนตามเรือนร่างขาวสว่างที่ต้องแสงสีนวล  ความรู้สึกชื้นแฉะที่บริเวณช่วงล่างนั่นก็ไม่ต่างจากการตอกย้ำถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้...



    "ทั้งฉัน ทั้งนาย เราก็ต่างเจ็บปวดไม่แพ้กันหรอกอาร์ธ" 



    เสียงทุ้มที่ปราศจากความแข็งกระด้างในน้ำเสียง เอ่ยกระซิบข้างใบหูของคนตัวขาวที่ตัวเองตระกองกอดไว้ในอ้อมอกแน่นเสียจนร่างกายแนบชิดสนิทกันจนไม่เหลือช่องว่างให้ความหนาวเย็นได้เข้าแทรก



    "เราถลำลึกกันมามากพอแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมนายถึงไม่ยอมหยุดเสียที" 



    "เพราะรัก.."  ริมฝีปากหยักกดจูบลงบนลาดไหล่ขาวที่โผล่พ้นออกมาจากผ้าห่มสีนวลตา "ต่อให้นายถามฉันสักกี่ครั้ง คำตอบมันก็ยังคงเหมือนเดิม" 



    "นายมันก็แค่รักตัวเอง ริโอ" 



    ถ้าหากรัก.. ทำไมถึงยังทนเห็นเขาเจ็บปวดเจียนตายแบบนี้ได้กัน 



    "สุดท้ายนายก็ไม่เข้าใจฉัน.. ทุกอย่างที่ผ่านมามันไม่มากพอ จะทำให้นายรู้สึกบ้างเลยหรือ" น้ำเสียงที่เจือปนความเจ็บปวดเอ่ยถามคนตัวขาวที่ยังคงมีใบหน้าเฉยชา 



    "ฉันควรรู้สึกยังไงกับการกระทำนี้ของนายกัน.." 



    ความสัมพันธ์ลึกซึ้งทางร่างกายที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าระหว่างรอยัลอัลฟ่ากับอัลฟ่าหนุ่ม คงไม่ผิดเพี้ยนไม่จากเครื่องหมายตีตราที่คอยตอกย้ำ 



    คนที่กำลังสวมกอดอาเธอร์ด้วยความรักใคร่นั้นจะรู้บ้างไหมว่าในทุกวันนี้  อัลฟ่าหนุ่มต้องสวดภาวนาอ้อนวอนต่อพระเจ้าที่จงเกลียดจงชังตัวเองเท่าไหร่ 



    ความผิดบาปที่แลกมาด้วยการชดใช้ไม่ว่าจะเป็นความทรมานแบบไหนตัวของคุณชายเลสลีย์ก็พร้อมจะยอมรับ ขอแค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น... เพียงอย่างเดียวที่เจ้าตัวสวดภาวนา



    เขาไม่ต้องการให้ใครอีกคนเกิดมาเพราะความเจ็บปวดที่แสนขมขื่น...



    "เสียใจมากหรือที่รักคนอย่างฉัน"  



    คำถามที่ยากจะตอบทำให้อาเธอร์กลืนน้ำลายเหนียวหนืดในลำคอลงอย่างยากลำบาก...



    "ฉันรักเขาคนนั้นที่ไม่ใช่นายคนนี้.." 



    รักขนาดยอมแลกทุกอย่างก็เพื่อความรักและอิสระที่เคยวาดฝัน



    "ฉันก็คือฉันอาเธอร์.. ต่อให้นายจะบอกว่ารักฉันที่เป็นคนในตอนนั้น สุดท้ายมันก็คือฉัน"  ฝ่ามือที่เคยเพียงแค่วางอยู่บนหน้าท้องนั้นกลับลูบไล้มันช้าๆ ราวกับย้ำเตือนอาเธอร์ให้จำทุกอย่างให้ขึ้นใจ "จะต้องให้ฉันย้ำอีกสักเท่าไหร่กัน" 



    "ถึงฉันจะไม่มีศักดิ์ศรีเหลือให้นายได้เหยียบย่ำ แต่ก็ไมได้หมายความว่านายจะทำอะไรกับฉันได้ตามใจชอบ"



    "นายเป็นคนของสเปนเซอร์ และจะเป็นตลอดไป..."



    น้ำเสียงที่เคยนุ่มนวลนั้นกลับแข็งกระด้างขึ้นอย่างทันตาเมื่อริโอ สเปนเซอร์รับรู้ถึงการต่อต้านของอัลฟ่าตระกูลเลสลีย์ 



    "ไม่มีใครเขาปฏิบัติต่อกบฎแบบนี้หรอกริโอ... สิ่งที่นายกำลังทำมันเป็นไปไม่ได้" 



    "ถ้าคนอย่างฉันจะทำ ฉันก็ต้องทำให้ได้ นายก็น่าจะรู้ดีว่าฉันทำอะไรได้บ้าง" 



    "งั้นนายก็จำไว้แล้วกันว่าสิ่งที่นายต้องการจะไม่มีวันเกิดขึ้นกับฉัน"  



    ฝ่ามือเรียวสวยของคุณชายเลสลีย์ปัดมือที่ลูบหน้าท้องของตัวเองออกให้พ้น ก่อนจะใช้แขนของตัวเองโอบรัดรอบเอวของตัวเองในทันที 



    "นายฝืนธรรมชาติของเราไม่ได้หรอกอาร์ธ.. ลองนับดูสิว่ากี่ครั้งแล้วที่ฉันกับนายกลายเป็นคนเดียวกัน" 



    "หุบปากซะ!" 



    "ถึงร่างกายนายจะไม่ได้รองรับได้เท่าโอเมก้า แต่ฉันก็มั่นใจพอว่านายสามารถเป็นแบบนั้นได้" 



    "สุดท้ายแล้วนายเห็นฉันเป็นตัวอะไรกัน.." 



    อัลฟ่าหนุ่มแสนยากจะรู้เสียจริงว่าแท้ที่จริงแล้วริโอ สเปนเซอร์กำลังเห็นเขาเป็นตัวอะไร  เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันก็ไม่ต่างจากแผนการที่วางไว้ให้อาเธอร์ได้เดินตามหมาก  แต่ก็โชคดีเหลือเกินที่ความสนิทสนมและคุ้นเคยนั้นทำให้อาเธอร์สามารถวางแผนทุกอย่างซ้อนกับอีกคนได้อย่างแยบยล 



    "ทำไมถึงถามแบบนี้"



    "นายกำลังจะมีคู่ชีวิตที่เหมาะสม นายกำลังมีทุกอย่างที่สมควร แล้วนายจะรั้งฉันไว้กับตัวทำไมกัน" 



    "เอวานไม่ใช่คู่ชีวิตของฉัน และไม่มีวันเป็น"



    "แต่เขาคือคนของนาย.. ไม่ใช่ฉัน" อาเธอร์ตอบกลับในทันที "เลิกพยายามที่จะฝ่าฝืนเรื่องพวกนี้เสียที จะให้ฉันต้องพูดกี่ครั้งกันว่านายต้องคู่กับโอเมก้าไม่ใช่อัลฟ่าแบบฉัน"



    ต่อให้อัลฟ่าจะไม่ได้อยู่ในจุดต่ำสุดของห่วงโซ่อาหาร แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ว่าแท้จริงแล้วอัลฟ่านั้นควรคู่กับโอเมก้าเพื่อความดำรงอยู่ของเผ่าพันธ์ 



    "อยากให้ฉันรักเขามากขนาดนั้นเลยหรือ"



    "มันก็ถูกต้องแล้ว..." 



    "นายเอาอะไรมาวัดว่ามันถูกต้องกัน  คนอย่างนายไม่น่าใช่คนที่จะสนใจกฎเกณฑ์คร่ำครึพวกนี้ด้วยซ้ำ"



    "อย่าลืมสิว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่เรา.. ยังมีคนอีกมากมายที่เคารพในตัวนาย"



    หากเราไม่ได้เป็นเรา ทุกอย่างมันก็คงไม่เป็นแบบนี้..



    "ตอนนี้นายกำลังรู้สึกอะไรอยู่ ช่วยบอกฉันบ้างได้ไหม"



    ความรู้สึกของเขาตอนนี้น่ะหรือ... ถ้าหากพูดไปริโอจะมั่นใจหรือไงว่ายอมรับมันได้



    "เชื่อฉันเถอะ ว่านายคงไม่อยากรู้.."



    "แสดงความรู้สึกของนายออกมาให้ฉันรับรู้ได้บ้างเถอะ... ยิ่งนายเฉยชาแบบนี้มันก็มีแต่นายที่ทรมาน" 



    แต่อาเธอร์กลับมั่นใจมากกว่าว่าคนที่ทรมานมากกว่าตัวเขาคือริโอ สเปนเซอร์...



    "ความรู้สึกของฉันน่ะหรือ" เจ้าของผิวขาวอมพูเหม่อมองตามแสงเทียนที่ถูดจุดเพิ่มความหอมและผ่อนคลายภายในห้อง ก่อนจะขยับริมฝีปากพูดคำตอบที่ใครอีกคนแสนอยากได้รู้มันหนักหนา 



    "....."



    "ว่างเปล่า.. นายเคยรู้สึกแบบนี้บ้างไหม  ทั้งที่ฉันยังรักนายแต่ทำไมมันถึงว่างเปล่าแบบนี้" 



    รอยัลอัลฟ่าหนุ่มซุกใบหน้าลงกับไหล่ขาวเพื่อเลี่ยงที่จะมองเห็นภาพอันน่าเจ็บปวดของอาเธอร์ ไหล่บางที่ถูกซุกซบของเลสลีย์กำลังสั่นเทาน้อยๆเพราะหยดน้ำตาหายากที่กลั่นออกมาจากดวงตาคู่งาม ก่อนจะกลายเป็นเสียงร่ำไห้ที่ทรมานเสียจนแทบขาดใจ 



    หิมะในฤดูหนาวของแดนเหนือยามนี้ดูอ่อนแอเสียจนน่าใจหาย...



    "ได้โปรด พานายคนเดิมของฉันกลับมาเถอะอาร์ธ" 



    จะให้เขาพาใครคนนั้นกลับมาได้อย่างไร ในเมื่อทุกวันนี้อาเธอร์เองก็ยังได้แต่พร่ำถามตัวเองซ้ำๆ ว่าตัวเองคือใคร 



    "บางทีฉันเองก็อาจจะไม่ใช่ฉัน.." 



    "...."



    "แล้วไม่ใช่นายหรือไง ที่ทำให้ฉันต้องกลายเป็นใครที่แม้แต่ฉันเองก็ไม่รู้จักแบบนี้" 



    ความเจ็บปวดได้มอบอะไรหลายอย่างให้กับอาเธอร์เสียจนไม่อาจจะเอื้อนเอ่ย.. 



    "อาเธอร์..."



    "นายเคยปล่อยให้ฉันหนี แต่สุดท้ายนายก็เป็นคนวิ่งไล่ตามฉันกลับมาไม่ต่างจากสัตว์ตัวหนึ่ง" 



    อาเธอร์ยังจำได้ดีว่าว่าความรู้สึกตอนที่เห็นอิสระอยู่ตรงหน้าแต่กลับคว้าเอาไว้ไม่ได้มันเป็นอย่างไร  ในวันที่เขาช่วยแอชเชอร์ให้หลบหนีออกจากแดนเหนือเองนั้น  ก็เป็นวันเดียวกันกับที่ตัวของเลสลีย์คนโตนั้นหาวิธีหลบเลี่ยงคนของสเปนเซอร์ออกไปทางทิศตะวันตกซึ่งเป็นคนละด้านกับทางหนีน้องชาย 



    "ความรู้สึกของการถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ มันยังไม่ทำให้ฉันเจ็บปวดเท่ากับการต้องเป็นคนของสเปนเซอร์เลยสักนิด" 



    "นายไม่ผิดที่จะเลือกเป็นคนทรยศ ทุกอย่างมันคือความถูกต้อง"



    "ความถูกต้องที่นายชี้ทางให้ฉันเอาตัวรอดเพียงคนเดียวน่ะหรือ.." ใบหน้าที่งดงามราวกับรูปปั้นผินใบหน้ากลับมามองคนที่กอดซ้อนด้านหลังของตัวเองด้วยความขุ่นเคือง "นายบอกว่าเราจะไม่เดือดร้อน แต่สุดท้ายก็เป็นฉันคนเดียวที่ยังรอด ในขณะที่น้องฉันต้องหนีการตามล่าของพวกนาย" 



    รอยัลอัลฟ่าหนุ่มพลิกร่างกายขึ้นคร่อมทับคุณชายเลสลีย์ในทันทีเมื่อเห็นว่ากลีบปากบางนั้นเริ่มจะเปิดปากพูดในสิ่งที่บั่นทอนความรู้สึกของตัวเองเข้าไปเรื่อยๆ 



    "นายคิดถ้าตอนนั้น นายบอกกับแอชเชอร์ว่าพ่อนายเป็นกบฏ มันจะทำให้น้องชายนายเปลี่ยนใจมาอยู่ฝั่งเดียวกับฉันไหมอาเธอร์..." 



    "....."



    "ขนาดตัวนายเองยังยากจะยอมรับ แล้วน้องชายนายที่อยู่ในกรอบของพ่อนายเสมอล่ะจะยอมรับได้ง่ายๆจริงหรือ..." 



    "....."



    "จะให้น้องนายเข้าใจว่าพี่ชายเป็นคนทรยศต่อตระกูลตัวเอง หรือ จะยอมให้แอชเชอร์รู้ดีกันล่ะว่าที่แท้แล้วใครกันแน่ที่เป็นกบฏ" 



    แววตาดุดันของริโอฉายชัดสะท้อนเข้ามาในดวงตาที่พร่าเลือนไปด้วยน้ำตาของอาเธอร์  แม้ตัวเขาจะมีจุดแข็งที่เป็นความยากจะคาดเดา ตัวของริโอเองก็คงมีความหยาบกระด้างในเรื่องของความรู้สึกเป็นจุดแข็งเช่นกัน 



    "จะรู้หรือไม่รู้ สุดท้ายนายก็ต้องฆ่าเขาอยู่ดี" 



    "แลกชีวิตของแอชเชอร์ ด้วยตัวของนายเองได้ไหมล่ะอาร์ธ..."



    หากไร้ซึ่งความภูมิใจและความรักที่เคยศรัทธา เขาเองยังต้องยอมสูญเสียอิสระไปอีกหรือ...



    "เขาควรเกิดมาเพราะความรัก ไม่ใช่ความเห็นแก่ตัวของเรา" 



    "แน่นอนว่ามันต้องเป็นความรัก" 



    ฝ่ามือสวยทำได้แค่เพียงจิกกำไปตามผืนผ้าเนื้อดีจนแทบขาดคามือ  เมื่อยามที่รอยัลอัลฟ่านั้นถาโถมคลื่นอารมณ์ซึ่งไม่ต่างจากพายุหิมะซัดกระหน่ำเข้ากับเรือนกายขาว จนความรู้สึกของอาเธอร์แทบไม่เหลือชิ้นดี



    เป็นครั้งแรกที่อาเธอร์ เลสลีย์ ยอมให้คนอย่างริโอ สเปนเซอร์ได้เห็นความอ่อนแอและน้ำตาของตัวเอง ความอ่อนแอที่เขาเก็บซ่อนมันไว้ในก้นบึ้งของหัวใจที่ไม่อาจแบกรับมันเอาไว้ได้อีก 




     





    ////











    พอลองเดาได้ไหมว่าต่อไปนี้ ฉันเองก็คงปล่อยนายให้คลาดสายตาไม่ได้อีกแล้ว' 



    แอชเชอร์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะต้องตอบอะไรไทเลอร์  หลังจากที่ทรูอัลฟ่าตรงหน้าคุกเข่าต่อหน้าตัวเอง  เขาทั้งสับสนและมึนงงไปเสียหมด 



    มือของแอชเชอร์เองก็ยังคงถูกไทเลอร์จับไว้อย่างไม่มีท่าทีว่าจะปล่อย แม้จะเป็นเพียงสัมผัสบางเบาที่เกิดขึ้นแต่ก็ช่างสั่นคลอนความรู้สึกของอัลฟ่าแดนเหนืออย่างน่าประหลาด แต่มันก็เป็นเพียงแค่ชั่ววูบของความรู้สึกเท่านั้น  ความว่างเปล่าที่เกิดขึ้นในคราแรกยามที่ประมวลเรื่องราวทุกอย่างได้ย่อมทำให้แอชเชอร์เสียศูนย์ไปไม่น้อย ในขณะที่ไทเลอร์เองก็ทำให้แอชเชอร์เองรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง



    "นายไม่จำเป็นต้องคุกเข่าให้ฉัน"  เสียงติดแหบเอ่ยก่อนจะดึงมือของตัวเองออกจากฝ่ามือของไทเลอร์อย่างไม่แยแส 



    "ในเมื่อนายเป็นคนของไทเลอร์ เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่มากไปสักนิด"



    "แล้วถามฉันแล้วหรือว่าต้องการเป็นคนของไทเลอร์?"  



    ท่าทางนิ่งเฉยของแอชเชอร์ไม่ได้ทำให้หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์แปลกใจแต่อย่างใด ในเมื่อนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้เห็นปฏิกิริยาที่ไร้ซึ่งความสนใจและแยแสพวกนี้จากคนของเลสลีย์  อีกทั้งดวงตาคู่สวยของเจ้าตัวนั้นเองก็ยังคงฉายแววเรียบนิ่งยามที่มองเชสเองเช่นกัน



    ความทะนงในศักดิ์ศรีของเลสลีย์มันยังคงเหมือนดั่งเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าจะเกิดเรื่องที่บั่นทอนความรู้สึกภาคภูมิใจพวกนั้นก็ตามแต่...



    "ถึงนายจะไม่ต้องการ แต่นายก็ปฏิเสธมันไม่ได้" คนที่เคยคุกเข่าอยู่ตรงหน้าแอชเชอร์หยัดตัวลุกขึ้นยืนอีกครั้ง "อะไรทีื่ฉันทำลงไป ฉันย่อมรู้ตัวดี" 



    ไม่ว่าจะด้วยฐานะอะไรก็ตามแต่ เชส ไทเลอร์ก็มีสำนึกมากพอที่จะยอมรับในความผิดของตัวเองที่ได้กระทำ และเขาเองก็ไม่สามารถมองข้ามความผิดพลาดพวกนี้ราวกับไม่เคยเกิดขึ้นไปได้



    "ฉันรู้ตัวดีว่าทุกอย่างมันเกิดเพราะสัญชาตญาณ และฉันเองก็ไม่อยากเก็บมันมาคิด เพื่อความผูกพันอะไรทั้งนั้น" 



    เรื่องน่าอายพวกนี้ ไม่สมควรให้ใครได้รับรู้.. 



    "คงไม่ทันแล้ว ป่านนี้คนทั้งเดอะฮิลล์คงรู้กันให้ทั่วแล้วว่าฉันกับนายเป็นอะไรกัน" ไทเลอร์ว่าเสียงเรียบ พลางยกเอาเหตุผลขึ้นมา "อัลฟ่าด้วยกันเองต่างก็รู้สึกได้ทั้งนั้น.."



    แม้จะไม่ได้อยู่ในเขตบ้านของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ แต่กลิ่นของทรูอัลฟ่าที่ลอยคละคลุ้งไปกับละอองฝนและลมที่พัดผ่านกระจายกลิ่นสร้างเขตหวงห้าม  ก็คงทำให้อัลฟ่าในหน่วยรับรู้ได้ด้วยกันทั้งนั้น 



    "เหตุผลแค่นั้นมันไม่มากพอให้ฉันยอมรับหรอกไทเลอร์..." 



    "....."



    "ความผิดพลาดก็คือความผิดพลาด ฉันไม่ถือ" 



    เจ้าของร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อผ้าเนื้อบางที่เชสเป็นคนสวมใส่ให้กับมือเอ่ยเพียงแค่นั้น ก่อนจะเลี่ยงเดินออกไปจากห้องโดยที่เบี่ยงตัวหลบชนิดที่ว่าตั้งใจเสียจนพื้นที่แคบที่เหลือน้อยเต็มทีระหว่างทั้งคู่นั้น แอชเชอร์เองก็สามารถที่จะไม่สัมผัสโดนร่างกายแม้แต่สักส่วนของไทเลอร์ได้ 



    ท่าทางการเดินที่ผิดแปลกอย่างถนัดตานั้นสร้างความไม่พอใจลึกๆ ให้กับเจ้าของร่างกาย แต่แอชเชอร์ก็ยังคงฝืนก้าวเดินออกมาจากห้องนั้นโดยไม่คิดจะหันหลังกลับไปมองหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ ที่พึ่งกลืนน้ำลายตัวเองแล้วยอมคุกเข่าลงตรงหน้าแอชเชอร์ 



    บานประตูที่ปิดลงอย่างแผ่วเบาด้วยมือของแอชเชอร์นั้นแม้จะเบาสักเท่าไหร่ ก็ยังคงทำให้เกรย์วูล์ฟตัวสีขาวปลอดอย่างร็อคกี้ที่เฝ้าอยู่ไม่ไกลจากหน้าห้องผงกหัวขึ้นมามอง ก่อนที่เจ้าตัวแสบในสายตาของแอชเชอร์จะเดินตรงเข้ามาหา ทั้งใบหูและหางที่เป็นพวงสวยต่างลู่ลงเสียจนแอชเชอร์เองรับรู้ถึงความรู้สึกของเกรย์วูล์ฟตัวแสบ 



    จมูกชื้นของมันดุนดันเข้าที่ฝ่ามือขาวจนอัลฟ่าแดนเหนืออดไม่ได้ที่จะใช้ฝ่ามือลูบไปตามขนสีขาวสะอาด  พลางเกาช่วงหลังคอให้มันด้วยความเคยชิน 



    ถึงจะแสนดื้อและไม่ฟังใครสักแค่ไหน แต่จริงๆแล้วร็อคกี้เองก็มีมุมออดอ้อนราวกับรับรู้ถึงอารมณ์ของคนที่เจ้านายของมันสั่งให้ดูแล..



    "ฉันไม่เป็นไร.." น้ำเสียงที่ยังคงติดแหบเอ่ยอย่างนุ่มนวลกับเจ้าขนปุยตัวโต พลางดันมุมปากของตัวเองให้ยกยิ้มขึ้น 



    ถึงอย่างนั้นร็อคกี้ก็ยังคงคลอเคลียไม่ห่างจากแอชเชอร์เสียจนคนตัวขาวต้องใช้มืออีกข้างเท้าไว้กับผนังของบ้านเพื่อทรงตัว แม้จะไม่ใช่เกรย์วูล์ฟเต็มร้อย แต่วูล์ฟด็อกอย่างร็อคกี้ก็ถือว่าตัวใหญ่กว่าวูล์ฟด็อกโดยปกติทั่วไป  เพราะฉันนั้นมันก็ไม่แปลกที่แรงกระโดดของมันที่โถมเข้าใส่จะทำให้แอชเชอร์แทบจะรับไม่ไหว 



    หรือจริงๆแล้วอาจจะเป็นผลมาจากการที่แอชเชอร์มักจะชอบแอบให้อาหารของมันมากกว่าพวกเกรย์วูล์ฟตัวอื่นก็เป็นได้



    "ร็อคกี้! เสียงดังอะไรของแกเนี่ย!" เสียงตะโกนที่ดังมาจากด้านล่างที่แอชเชอร์จำได้ดีว่าเป็นเสียงของลูฟ ทำให้เจ้าตัวขาวปลอดถึงกับหูกระดิก ก่อนจะวิ่งตึงตังลงไปยังด้านล่างก่อนที่แอชเชอร์จะได้พูดอะไร และแน่นอนว่าแอชเชอร์เองก็ยังคงพาตัวเองลงมาด้านล่างด้วยท่าทางปกติเสียจนลูฟที่ยืนเท้าเอวคุยกับร็อคกี้อยู่นั้นดูจะอึ้งไปไม่น้อย 



    กว่าที่เจ้าตัวจะรวบรวมสติและเอ่ยปากคุยกับแอชเชอร์ก็เล่นเอาใช้เวลาพอสมควร..



    "หิวหรือเปล่าเลสลีย์ วันนี้มีพายที่นายชอบด้วยฉันเลยเอามาฝาก" ลูฟเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงเป็นปกติ ก่อนจะเดินไปหยิบพายของโปรดมาอวดคนตัวขาวซีดที่ยังยืนนิ่ง 



    "แล้วนายกินแล้วหรือ?"



    "ระดับฉันแล้ว จะไม่กินได้ยังไงกัน" เจ้าตัวตอบก่อนจะหัวเราะร่วนพลางโยนเศษขนมปังชิ้นเล็กให้กับร็อคกี้ที่นั่งแหงนหน้ามองของในมือลูฟไม่วางตา 



    "ยังไงก็ขอบใจมากนะเชอร์ชิล" แอชเชอร์เอ่ยขอบคุณก่อนจะเดินลงไปทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ ซึ่งลูฟเองก็เห็นใบหน้าเหยเกช่วยแวบนึงจากเลสลีย์ "แต่นายพอจะมีซุปร้อนๆบ้างไหม.. ฉันรู้สึกเจ็บคอนิดหน่อย" 



    "เหมือนฉันจะเห็นเอริคเดินหิ้วมาอยู่นะ.." ลูฟทำท่านึกก่อนจะเดินหายเข้าไปสักครู่ ก่อนจะกลับมาพร้อมกับถ้วยซุปที่ยังคงมีไอร้อนลอยขึ้นมา "หายากมากเลยนะที่ริคจะทำอาหารน่ะ โชคดีของนายสุดๆเลยเลสลีย์" 



    "หึ!" แอชเชอร์หัวเราะหึในลำคอก่อนจะเอ่ยถามลูฟที่ยังคงฉีกยิ้มให้ตนเอง "ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานหรอกหรือ"



    "ฉันว่านายเองก็คงไม่อยากพูดถึงมันเท่าไหร่นักหรอกเลสลีย์"



    ร่องรอยแดงที่โผล่พ้นออกมาจากเสื้อผ้านั้นลูฟเองก็ไม่ได้ใส่ใจนัก นอกเสียจากจะมองผ่านเลยไปราวกับว่าไม่เห็น 



    "นั่นสิ..." 



    "ขอโทษนะเลสลีย์.. ฉันขอโทษจริงๆที่ช่วยนายไม่ได้" ความรู้สึกผิดของลูฟถูกถ่ายทอดออกมาเป็นคำขอโทษที่แสนจะจริงใจ ทั้งแววตาและน้ำเสียงของอีกฝ่ายนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่เลสลีย์เองก็สัมผัสได้ 



    "มันไม่ใช่ความผิดของนายสักนิด" 



    "แต่ถ้าฉันไม่ให้นายกลับมา ทุกอย่างก็คงไม่เป็นแบบนี้" 



    "แล้วนายตั้งใจให้มันเกิดขึ้นหรือไง.. แน่นอนว่าไม่ อีกอย่างมันก็ผิดเองด้วยที่ฉันไม่รอบคอบที่จะขอยาจากเอริคไว้" 



    "เลสลีย์..."



    "เรื่องของสัญชาตญาณมันห้ามกันไม่ได้หรอกลูฟ ฉันเข้าใจดี" 



    แต่เรื่องของความสัมพันธ์มันคงไม่ใช่เรื่องที่จะเข้าใจง่ายๆเลยสักนิด...



    "แล้วนายได้คุยกับเชสแล้วหรือ?"  ลูฟกล้าๆกลัวๆที่จะถามคำถามนี้ไม่น้อย 



    "ก็คุยตามที่สมควรจะคุย..." 



    คำตอบที่ได้รับกลับมาทำให้ลูฟยกยิ้มแห้งๆรับแล้วเลือกที่จะไม่ถามอะไรเลสลีย์ต่อ จวบจนได้ยินเสียงของคนที่เดินลงมาจากด้านบนอีกคนหนึ่งซึ่งก็คงไม่พ้นเป็นเชส ไทเลอร์



    "นายจะออกไปไหนกัน?" ลูฟเอ่ยทักเพื่อนสนิทที่อยู่ในชุดพร้อมจะออกไปทำงานด้วยความสงสัย "วันนี้พวกเราไม่น่าจะได้อะไรกันหรอกนะ" 



    ผลจากเหตุการณ์เมื่อวานทำให้ลูอิส เชอร์ชิล เป็นคนสั่งให้ทุกคนในหน่วยพักผ่อนแทนที่จะออกมาฝึกหรือทำงานตามปกติ ซึ่งเรื่องนี้เองเชสก็รับรู้แล้วเมื่อตอนเช้า



    "ไปจัดการปัญหา.." 



    บทสนทนาของทั้งลูฟและเชสไม่ได้ทำให้อัลฟ่าแดนเหนือที่นั่งละเลียดละไมซุปตรงหน้าสนใจแต่อย่างใด  ไม่มีแม้แต่เพียงหางตาของเลสลีย์ที่จะหันมามองไทเลอร์ด้วยซ้ำ 



    "ฉันอยากไปด้วย"



    "นายอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเลสลีย์นี่ล่ะ ปัญหานี่ฉันจัดการได้" เชสเอ่ยเพียงแค่นั้นก่อนจะเดินออกไปจากบ้าน พร้อมๆ กับลูฟที่ได้แต่มองตามแผ่นหลังของเพื่อนสนิทที่ดูน่ากลัวกว่าทุกครั้ง 



    เชื่อเถอะว่าแม่อลิเซียนั่นคงได้ร้องไห้หนักยิ่งกว่าฝนที่ตกเมื่อวานเสียอีก...



    "นายจะไปกับไทเลอร์ก็ได้นะเชอร์ชิล" 



    "ถ้าเชสพูดแบบนั้นก็แสดงว่าไม่อยากให้ใครเข้าไปยุ่ง.." อัลฟ่าหนุ่มตัวสูงตอบก่อนจะหันมาสนใจเลสลีย์คนเล็กแทนที่จะใส่ใจเพื่อนสนิทที่ออกไปจัดการปัญหา  



    "อย่างน้อยปัญหาที่ว่าก็เป็นคู่ของหมอนั่น"



    "พนันเลยว่าต่อไปอลิเซียคงเป็นได้แค่อดีตคู่ของเชสแน่นอน"  



    "หวังว่าคงไม่ใช่เพราะฉัน.."



    "จะบอกว่านายไม่มีส่วนก็คงเป็นเรื่องที่โกหกเป็นเสียหน่อย" ลูฟเท้าคางลงกับโต๊ะก่อนจะจ้องมองใบหน้าที่ยังเรียบเฉยของเลสลีย์อย่างจับผิด "อันที่จริงสถานะของนายตอนนี้ก็ก้ำกึ่งระหว่างการเป็นคนของแดนใต้แล้วนะเลสลีย์" 



    "ฉันเป็นคนแดนเหนือ"



    "....."



    "และไม่มีวันเป็นคนของแดนใต้"



    "อย่าพึ่งพูดอะไรตอนนี้เลยเลสลีย์ ถ้าสักวันนึงนายต้องกลืนน้ำลายตัวเองขึ้นมา มันจะเป็นนายเองต่างหากที่ต้องเจ็บใจตัวเอง" 



    คำพูดของลูฟทำให้เลสลีย์ยอมปิดปากเงียบทบทวนความคิดของตัวเอง ยิ่งฟังก็ยิ่งทำให้แอชเชอร์รู้สึกกังวลอยู่ไม่น้อยกับสิ่งที่ไม่คาดคิดซึ่งอาจจะเกิดขึ้นกับตัวเองในเดอะฮิลล์แห่งนี้ได้เสมอ









    /////







    ก่อนที่เชส ไทเลอร์ จะไปจัดการปัญหาใหญ่ของเดอะฮิลล์ในตอนนี้ เจ้าตัวเองก็ต้องแวะเข้ามาหาเอริค เมอร์เรย์ เพื่อรับยาระงับของตัวเองที่สมควรพกติดตัวเอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่าทันทีที่หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์โผล่หน้าไปให้นายแพทย์หนุ่มได้เห็นที่หน่วยพยาบาล เอริคก็อ้าปากค่อนขอดไทเลอร์เสียยกใหญ่



    "มาเอายาตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วมั้งเชส" 



    "บางทีฉันว่านายไม่ต้องเป็นหมอแล้วก็ได้นะริค ถ้าจะค่อนขอดกันเก่งขนาดนี้"



    "แล้วที่ฉันพูดมันถูกไหมล่ะ ความไม่ระมัดระวังของนายมันช่างถูกเวลาเสียจริง" เอริคว่าก่อนจะหันไปหยิบยาระงับของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์คนเก่งแล้วส่งให้กับมือ  "นายก็รู้ดีแท้ๆ ว่าทรูอัลฟ่าแบบนี้จะรัทได้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แล้วทำไมถึงยังปล่อยให้ตัวเองขาดยาแบบนั้น" 



    เรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ความผิดเล็กๆเลยสักนิด การที่ทรูอัลฟ่ารัทและมีอะไรกับอัลฟ่านั้นมันก็ไม่ต่างจากสภาพอากาศที่ยากจะคาดเดา ไม่มีใครรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะส่งผลต่อชีวิตใหม่อีกหนึ่งชีวิตกันหรือเปล่า อีกอย่างยาที่ใช้ควบคุมกำเนิดของพวกเขาก็หายากเสียจนไม่ต้องคาดหวังหรอกว่าจะมีโอกาสได้ใช้ 



    เพราะขนาดคนในตระกูลชั้นสูงเองก็ยังไม่มีโอกาสจะได้ใช้มัน..



    "ถ้าเลสลีย์อ้าปากว่าฉันได้แบบนาย มันก็คงจะดีกว่านี้" 



    "ฉันมั่นใจเลยว่าคนอย่างแอชเชอร์คงไม่ยอมนายง่ายๆ ฟังจากคำพูดนายแล้วคงโดนตอกหน้ากลับมาล่ะสิ" ดวงตาที่แฝงความเจ้าเล่ห์ของหมอหนุ่มลอบสังเกตใบหน้าของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ที่กำลังเครียดอย่างเห็นได้ชัด 



    "นายก็รู้ดีว่าคนตระกูลนั้นเป็นยังไง" 



    "อย่าลืมสิ ว่าแอชเชอร์กับนายไม่ได้มีความรู้สึกอะไรต่อกันมากมายขนาดนั้น ถึงขั้นที่จะต้องรู้สึกกับเรื่องที่เกิดขึ้น" 



    "ก็คงจริงอย่างที่ว่า" เชสกระตุกยิ้มแสยะเมื่อนึกถึงคำพูดที่แสนเจ็บแสบของเลสลีย์คนเล็ก "มันก็แค่สัญชาตญาณ" 



    "ที่ปากนายพูดออกมา แต่ตานายกลับไม่ใช่แบบนั้นเลยนะเชส"



    "อย่าทำเป็นรู้ดีหน่อยเลยริค" เชส ไทเลอร์ สวนกลับก่อนจะจ้องมองใบหน้าของเอริค เมอร์เรย์ที่จ้องมองตัวเองอย่างสำรวจ "บางทีนายก็ควรหยุดคาดเดาเสียที" 



    "ฉันก็แค่พูดไปตามความรู้สึกก็เท่านั้น" แน่นอนว่าเอริคนั้นไม่ได้ใส่ใจอะไรเท่าไหร่นักกับคำพูดที่แสนจะหาเรื่องของเชส ไทเลอร์ มันเป็นปกติด้วยซ้ำที่ทั้งคู่จะสนทนากันด้วยคำพูดที่ชวนทะเลาะ "อย่าลืมก็แล้วกันว่าคนที่อยู่กับนายคือแอชเชอร์ เลสลีย์ ไม่ใช่อาเธอร์ เลสลีย์



    "ฉันไม่สับสนหรอกริค ถึงจะเป็นพี่น้องกันแต่เขาสองคนก็ไม่ใช่คนๆเดียวกัน" 



    "แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ไม่ใช่หรือไงว่าพี่น้องเลสลีย์คล้ายกันมากจริงๆ" 



    "ถ้าเรื่องหน้าตาฉันก็คงเห็นด้วย.. แต่ถ้าเรื่องนิสัย เลสลีย์คนเล็กเทียบไม่ได้กับเลสลีย์คนโตด้วยซ้ำ" 



    ทรูอัลฟ่าหนุ่มเอ่ยด้วยความสัตย์จริง จากการที่อาศัยอยู่ร่วมกับแอชเชอร์ เลสลีย์ มาพักใหญ่ก็ยิ่งทำให้เชสรู้สึกถึงความแตกต่าของพี่น้องคู่นี้อย่างชัดเจน 



    "แล้วนายชอบเลสลีย์แบบไหนกันล่ะ?"



    "....."



    "คนพี่ที่นายไม่มีสิทธิ์ หรือ คนน้องที่นายกำลังมีสิทธิ์" 



    "ฉันยังไม่อยากต่อยปากนายนะริค..."   



    ไม่พูดเปล่าอย่างเดียว ฝ่ามือของทรูอัลฟ่าหนุ่มเองก็เริ่มขยับหักนิ้วจนเกิดเสียงของกระดูกที่ถูกหักข้อนิ้ว แต่ถึงอย่างนั้นเอริค เมอร์เรย์ก็ยังคงพูดต่อโดยไม่ใส่ใจคำขู่แต่อย่างใด 



    "สุดท้ายนายก็ไม่เคยหนีคนในตระกูลเลสลีย์พ้น" 



    "ก็คงเหมือนกับนายที่ยังตัดใจจากโอเมก้าตระกูลซัลลิแวนไม่ได้" 



    คนที่รู้เรื่องราวของกันและกันดีย่อมเป็นข้อเสียที่ทำให้สามารถหยิบยกจุดอ่อนของแต่ละคนมาพูดได้อย่างหน้าตาเฉย และเชส ไทเลอร์เองก็ไม่ใช่คนที่จะยอมนั่งฟังอยู่เฉยๆเช่นกัน ถึงแม้บ่อยครั้งแล้วเชส ไทเลอร์มักจะเป็นฝ่ายที่นั่งฟังเงียบๆแล้วเชือดเฉือนด้วยคำพูดที่น้อยประโยคก็ตามแต่



    "นายนี่มันจริงๆเลย"



    "ทางที่ดี นายควรเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องอาเธอร์ไว้ซะ"



    "ความผิดพลาดครั้งแรกของนายน่ะหรือ?" 



    เชส ไทเลอร์ ไม่ได้ตอบอะไรเอริค เมอร์เรย์อีกสักคำ เจ้าตัวเพียงแค่มองใบหน้าของนายแพทย์หนุ่มอย่างชั่งใจก่อนที่สุดท้ายจะเลือกเดินออกมาโดยไร้การพูดจา 





    'นายรู้ตัวบ้างไหมเชส ว่านายทำอะไรลงไป..'



    น้ำเสียงทุ้มน่าฟังของอาเธอร์ เลสลีย์ เอ่ยถามทรูอัลฟ่าหนุ่มแดนใต้ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นคือเรื่องจริง 



    'ฉันรู้ตัวดี..'



    'นายกำลังทำให้ฉันเดือดร้อน..'  คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนแดนเหนือเอ่ยขึ้น 'และนายเองก็จะเดือดร้อนเหมือนกัน'



    'ฉันไม่ยอมให้นายเดือดร้อนหรอกอาเธอร์ อย่าห่วงไปเลย' หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์คนเก่งตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น 



    'งั้นนี่ก็คงเป็นสิ่งที่นายตอบแทนความไว้ใจของฉัน..."



    ความไว้ใจที่เชส ไทเลอร์ ไม่ได้รักษาให้กับอาเธอร์ เลสลีย์ ช่างน่าสมเพชสิ้นดี 



    เจ้าของผิวขาวอมชมพูเอ่ยเพียงแค่นั้นก่อนจะนั่งนิ่งเงียบเพื่อขบคิดเรื่องในหัว ฝ่ามือขาวกำบีบเข้าหากันอย่างหยุดไม่ได้ก็เพราะความเครียดที่เพิ่มมากขึ้น จนสุดท้ายก็กลายเป็นไทเลอร์เองที่ตัดสินใจเดินเข้าไปหาคนที่ยังคงนั่งนิ่ง 



    'เพราะฉันรักนาย..'



    ริมฝีปากสีเข้มประทับจูบบางเบาลงที่หน้าผากขาว ก่อนจะสวมกอดอัลฟ่าแดนเหนือตรงหน้า แม้กลิ่นหอมอบอวลที่ลอยคละคลุ้งอยู่รอบตัวอีกฝ่ายนั้นจะทำให้เชส ไทเลอร์เองแสนจะเจ็บใจมากแค่ไหนก็ตาม กลิ่นหอมเย็นที่ชวนให้นึกถึงแดนเหนือนั้นไม่ใช่กลิ่นของอาเธอร์ เลสลีย์ แต่มันคือกลิ่นของใครอีกคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่อยู่ในใจของอีกฝ่ายต่างหาก 



    'รัก.. แต่กลับยอมทำแบบนี้มันยังเรียกว่ารักได้อีกหรือ'



    'ก็ในเมื่อนายรักมัน..'



    'ฉันไม่อยากได้ความรักที่ต้องครอบครอง.. ไม่แม้แต่สักนิดที่อยากจะให้มันเป็นแบบนี้' 



    'ฉันแค่กระตุ้นหมอนั่น.. แต่ใครจะคิดล่ะว่าไอ้คนที่นายรักหนักรักหนามันจะมองข้ามทุกอย่าง แม้กระทั่งความรู้สึกของนาย'



    'เชส!' 



    คนที่มักจะใช้น้ำเสียงรื่นหูในการพูดกลับตะคอกคนผิวสีเข้มดังลั่น ก่อนจะใช้มือผลักอีกฝ่ายให้ออกห่างจากตัว 



    'อย่างน้อยนี่ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้นายได้ทบทวนตัวเองอีกรอบนะอาเธอร์'



    'สักวันคนไร้หัวใจแบบนาย จะเข้าใจว่าความเจ็บปวดพวกนี้มันเป็นยังไง' 



    'นายยังคิดว่าฉันจะรักใครอีกหรือ?' 



    คำถามที่ย้อนกลับมาของเชส ไทเลอร์ ทำให้คุณชายตระกูลเลสลีย์เบือนหน้าหนีหลบสายตาคมอย่างไม่อยากจะมอง 



    เมื่อฉุกคิดถึงเรื่องในอดีตแล้ว เชส ไทเลอร์เองก็ได้แต่จมอยู่กับตัวเอง เขาในวันนั้นได้ทำเรื่องผิดพลาดที่ร้ายแรงลงไปเพราะการตัดสินใจงี่เง่าของตัวเอง ความคิดที่มักจะเป็นสิ่งที่ถูกเสมอซึ่งตัวเขามั่นใจนั้นกลับกลายเป็นความผิดที่ยากจะให้อภัย...



    ความผิดครั้งแรกที่เกิดขึ้นในเดอะฮิลล์นั้นยังคงเป็นที่จดจำได้ดีของคนในหน่วยรุ่นก่อน แม้จะไม่มีใครพูดอะไรแต่เชสก็รู้ดีว่ามันยังคงเป็นที่ยากจะลืมเลือนในห้วงของความทรงจำ 



    รอยัลอัลฟ่าแดนเหนือที่เกิดอาการรัทก่อนจะหายไปพร้อมๆกับอัลฟ่าแดนเหนืออีกคนนั้น ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาคาดเดาเลยสักนิดว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น.. 



    "อย่างน้อยสองคนนั้นก็รักกัน นั่นคือสิ่งที่ไม่เหมือนกันระหว่างนายกับเลสลีย์" 



    คำพูดของลูฟในตอนเช้าที่เต็มไปด้วยความจริงจังทำให้หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์นิ่งเงียบ ไม่โต้ตอบคำพูดของเพื่อนสนิท 



    "ดูเหมือนว่ากรรมจะตามสนองนายแล้วล่ะเชส" 



    เชส ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้พอๆกับที่เขาไม่เคยศรัทธาในพระเจ้า.. ไม่มีคำภาวนาหรือคำอ้อนวอนใดที่เขาจะทำ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นผลจากการกระทำของตัวเอง อะไรที่มันจะเกิดมันก็ย่อมเกิด 







    จนเมื่อก้าวเท้ามาหยุดตรงบ้านพักที่ใช้สำหรับรับรองแขกนั้นก็ทำให้เชส ไทเลอร์ หยุดคิดเรื่องราวมากมายในหัวตัวเอง แล้วใช้สติกับการกระทำตรงหน้าของตัวเอง มือใหญ่ยกขึ้นเคาะประตูสองสามครั้งพอเป็นธรรมเนียมและหยุดยืนรออยู่ที่หน้าบานประตูไม้ด้วยท่าทีใจเย็น ซึ่งรอเพียงไม่นานเจ้าตัวก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ประตูพร้อมๆกับบานประตูที่เปิดออก 



    "หัวหน้าไทเลอร์เองหรือ.." เบต้ารับใช้ของอลิเซียเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบในทันทีเมื่อทรูอัลฟ่าหนุ่มนั้นเดินแทรกเข้ามาภายในบ้าน "คุณหนูพึ่งตื่นเมื่อครู่ เกรงว่าคงยังไม่สะดวกพบหัวหน้าเท่าไหร่" 



    "ฉันมาคุยกับอลิเซียไม่นานหรอก" 



    "ที่คุณหนูทำไปทั้งหมดก็เพราะรักหัวหน้าไทเลอร์.. ได้โปรดอย่าเอาผิดเธอเลย" 



    "นั่นไม่ใช่เรื่องของเธอ" ไทเลอร์ตอบกลับด้วยประโยคที่ทำให้เบต้าสาวก้มหน้าในทันที "สิ่งที่เธอต้องทำตอนนี้ก็คือไปเก็บข้าวของเสีย"



    "หัวหน้า.."



    "ฉันไม่ทำร้ายคุณหนูของเธอ เหมือนที่เธอทำร้ายฉันหรอก" 



    เชส ไทเลอร์ไม่ได้สนใจเบต้ารับใช้ต่ออีกแต่อย่างใด ขายาวก้าวเดินพาตัวเองไปหยุดอยู่ที่ห้องนอนซึ่งเจ้าตัวเองก็มั่นใจว่าอลิเซีย วอลตันเองก็คงอยู่ในห้องนี้เป็นแน่  ทันทีที่บานประตูถูกเปิดเข้าไปเชสเองก็มองเห็นคุณหนูวอลตันที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่เงียบๆ 



    "เชส.." เมื่อเจ้าหล่อนหันมาพบกับเชส ไทเลอร์ ที่เปิดประตูเข้ามาก็ทำให้เธอดูลนลานไม่น้อย ใบหน้าสวยส่งยิ้มบิดเบี้ยวมาให้ทรูอัลฟ่าเสียจนฝืนเกินไป 



    "ดีขึ้นหรือยัง" ทรูอัลฟ่าหนุ่มเอ่ยถาม ก่อนจะเดินเข้าไปหยุดยืนในระยะที่ห่างพอสมควรจากเตียงนอนของเจ้าหล่อน "ทั้งที่เธอรู้ว่าตัวเองอยู่ในช่วงฮีท ทำไมถึงไม่กินยา.."  



    "ฉัน..." 



    "ตอบฉันมาตามตรงว่าเธอตั้งใจใช่ไหมอลิเซีย?" 


    เชส ไม่ใช่พวกชอบรีรอสักเท่าไหร่นักหากเรื่องนั้นเป็นปัญหา การพูดอ้อมค้อมวนไปวนมานั้นเจ้าตัวคงถนัดเวลาที่อยากจะกวนประสาทใครสักคนเสียมากกว่า



    "ถ้าฉันตอบว่าใช่ นายจะทำยังไงกับฉันล่ะเชส" สาวเจ้าถามก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ แม้ใบหน้าของเธอจะไม่ได้หัวเราะไปด้วยก็ตาม



    "ถ้าเป็นแบบนั้น วันนี้เดอะฮิลล์ก็คงไม่สามารถต้อนรับเธอได้อีก" คำไล่กลายๆจากปากเชส ไทเลอร์ มันเจ็บแสบกว่าการเอ่ยไล่กันตรงๆในความคิดของหญิงสาวเสียอีก ทั้งท่าทางและน้ำเสียงของเชสนั้นห่างเหินเสียจนกลายเป็นเธอที่อยากจะร้องไห้ออกมาซะเสียตอนนี้



    "นายพูดเหมือนทุกทีที่นี่ต้อนรับฉันงั้นล่ะ"



    "เพราะการมาแต่ละครั้งของเธอมันสร้างปัญหาให้กับเราไง" 



    "ฉันทำถึงขนาดนี้แล้วแต่นายก็ยังกลับเมินเฉย  คงไม่มีใครโง่เท่านายแล้วล่ะเชส ทั้งที่ฉันอยู่ตรงหน้าแต่นายกลับผลักไสฉันออกมา" 



    การที่เจ้าหล่อนโดนไล่ออกมาจากบ้านของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์นั้นมันก็คือความอับอายขายขี้หน้า ที่หากใครได้รู้ก็คงหัวเราะเยาะเธอเป็นแน่ที่ทำทุกอย่างแล้ว แต่สุดท้ายเขากลับไม่คิดจะสนใจ จนต้องกระเสือกระสนกลับมาอย่างหมดท่า



    "จะให้ฉันต้องพูดกี่ครั้งว่าฉันไม่เคยอยากได้เธอเป็นคู่" 



    "ที่ไม่ได้อยากได้ฉันเป็นคู่ เพราะตอนนี้นายกับเลสลีย์ใช่หรือเปล่า"



    "คนที่สร้างปัญหาแบบเธอ มีสิทธิ์ไปยุ่งเรื่องของคนอื่นด้วยหรือ?" 



    แขนแกร่งยกขึ้นกอดอกยามคุยกับอลิเซียพร้อมกับสายตาเฉยชาที่คอยกดดันให้โอเมก้าสาวยอมสงบปากสงบคำ 



    "ไล่ฉันออกมา แต่กลับไปคว้าเอาพวกแดนเหนือ  นายนี่มันน่าสมเพชไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ" 



    "อลิเซีย.." 



    "คนพี่ไม่ได้.. ก็เอาคนน้องแทน" 



    ความร้ายกาจที่ถูกซุกซ่อนไว้ภายใต้ใบหน้าสวยนั้นเริ่มแสดงออกมา จนทำให้เชส ไทเลอร์ รู้สึกรังเกียจเจ้าหล่อนเหลือเกิน 



    "เสียใจไหมที่พูดแบบนี้ออกมา.. เพราะคนที่เธอพูดถึงทั้งหมดมันกลับไม่มีเธอรวมอยู่ในนั้นเลย" 



    รอยยิ้มแสยะของทรูอัลฟ่าถูกดันขึ้นที่ริมฝีปากสีเข้มเพื่อส่งไปให้โอเมก้าสาวที่กำลังอวดดีกับตัวเอง ทั้งๆที่เจ้าหล่อนนั้นไม่ได้รู้อะไรเลยสักนิด 



    "งั้นฉันจะบอกอะไรให้นะอลิเซีย"



    "...."



    "คนอย่างเธอน่ะ คือประเภทที่ฉันขยะแขยงมากที่สุด" 



    "นะ นาย.." 



    ดวงตาของสาวเจ้าเริ่มแดงก่ำเสียจนน่าสงสาร แต่หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ก็กลับไม่ได้ใส่ใจน้ำตาของโอเมก้าสาวแต่อย่างใด 



    "และที่สำคัญฉันไม่เคยชอบคนอ่อนแอแบบเธอ" 



    "ต้องเข้มแข็งแค่ไหนกันล่ะนายถึงจะสนใจ.. คนที่รักตัวเองแบบนายมันรักใครเป็นจริงๆงั้นหรือ" 



    "เธอไม่จำเป็นต้องรู้หรอก เพราะสุดท้ายยังไงมันก็ไม่ใช่เธอ" 



    "พ่อฉันไม่มีทางยอมให้นายแน่ๆ จำเอาไว้" 



    "แต่ฉันคิดว่าหน่วยกลางเอง ก็คงไม่อยากมีปัญหากับเดอะฮิลล์เช่นกัน" 



    แม้เดอะฮิลล์จะเป็นเพียงแค่หน่วยป้องกันของแดนใต้ แต่ก็เป็นที่รู้ดีว่าหน่วยรักษาการที่แข็งแกร่งมากพอที่จะสู้กับกำลังของหน่วยอื่นในแดนใต้ได้อย่างสบายๆ อีกทั้งหัวหน้าหน่วยที่เป็นที่รู้จักกันดีอย่างเชส ไทเลอร์ ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่พวกผู้อาวุโสนั้นยำเกรง.. 



    "กลับไปอยู่ในที่ของเธอซะ ฉันจะให้คนในหน่วยตามไปส่งที่หน่วยกลาง เธอจะได้ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนลอบทำร้าย"



    คร้านจะพูดคุยต่อให้เสียเวลา ทรูอัลฟ่าหนุ่มเมื่อพูดคุยธุระของตัวเองเสร็จก็หมุนตัวหันหลังเตรียมจะเดินออกไปจากห้อง แต่ก็ไม่วายที่จะถูกโอเมก้าสาวนั้นดึงดันเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลัง 



    "นายจะใจร้ายกับฉันยังไงก็ได้ แต่ขอร้อง.. อย่าทำเหมือนรังเกียจฉันได้ไหม"



    "...."



    "ฉันมันงี่เง่าเองที่ทำเรื่องโง่ๆพวกนั้นลงไป ฉันก็แค่หวังว่ามันจะทำให้นายสนใจฉันขึ้นมาบ้างก็เท่านั้น" เจ้าหล่อนพูดออกมาทั้งน้ำตาก่อนจะกอดเอวสอบของทรูอัลฟ่าหนุ่มที่เธอหลงรักแน่น 



    "ฉันพูดคำไหนคำนั้น หวังว่าเธอจะเข้าใจ" 



    มือใหญ่ค่อยๆแกะการมือและแขนของหญิงสาวที่กอดรัดตัวเองออก ซึ่งก็ยากลำบากเหลือเกินเมื่อสาวเจ้าเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายยกใหญ่จนเชสขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น 



    "ฉันเคยบอกเธอแล้ว ว่าให้สนใจคนที่เขาสนใจเธอแต่เธอก็ไม่ฟัง" 



    "นายคิดคนเรามันเลิกรักกันได้ง่ายๆหรือไง" 



    "รักที่ทำให้ตัวเองทรมาน มันไม่ได้เรียกว่ารักหรอกนะอลิเซีย" 








    ///////









    หลังจากที่ทรูอัลฟ่าหนุ่มจัดการปัญหาใหญ่อย่างอลิเซียได้ เจ้าตัวก็ไม่ลืมที่จะเข้าไปจัดการงานของตัวเองซึ่งค้างคาตั้งแต่เมื่อวาน จวบจนช่วงบ่ายได้เข้ามาเยือน เชสเองถึงได้แวะเวียนกลับมาที่บ้านของตัวเองเพื่อดูอาการของอัลฟ่าแดนเหนือ 



    ก็คงต้องยอมรับจริงๆ ว่าเลสลีย์คนเล็กดื้อดึงกว่าที่คิด ถึงขั้นที่เรียกได้ว่าเป็นพวกหัวแข็งก็คงจะว่าได้เลยด้วยซ้ำ แม้จะมีโอนอ่อนบ้างแต่เจ้าตัวก็ยังคงเป็นตัวของตัวเองได้อย่างไม่มีที่ติ 



    ภายในบ้านนั้นเงียบเฉียบเหมือนกับไม่มีคนอยู่ ซึ่งเชสก็เดาได้ว่าเลสลีย์เองก็คงจะนอนพักผ่อนอยู่ด้านบนแทนที่จะออกไปไหนมาไหนเหมือนปกติ ส่วนลูฟนั้นเจ้าตัวก็คงจะออกไปทำงานกับโจชัวตามเคย ถึงแม้จะดูเป็นห่วงเลสลีย์ไม่น้อยก็ตามแต่ 



    แน่นอนว่าเลสลีย์ไม่มีทางนอนอยู่ในห้องของเชสเหมือนเมื่อเช้าเป็นแน่ เพราะทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของเจ้าตัวก็ทำให้เชสได้เห็นคนตัวขาวจัดนั้นนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงโดยที่มีกองผ้าขนาดใหญ่โอบล้อมรอบตัว พร้อมไปด้วยเจ้าขนปุยตัวเล็กอย่างเซเบอร์ที่นอนคุดคู้อยู่ที่อกเจ้าตัว รวมไปถึงวูล์ฟด็อกตัวขาวปลอดที่ทำเนียนขึ้นไปนอนอยู่บนเตียง ทับบนผ้าห่มที่บริเวณปลายเท้าของแอชเชอร์ 



    ทันทีที่เห็นเจ้านายตัวจริงของตัวเอง ร็อคกี้ก็กระโดดลงมาหาเชสก่อนจะคลอเคลียตามนิสัยของมัน แม้จะมีเสียงดังเกิดขึ้นแต่คนที่นอนหลับสนิทนั้นก็ไม่มีทีว่าจะตื่นขึ้นมาแต่อย่างใด ขนาดร็อคกี้เห่าเสียเสียงดังเจ้าตัวก็ยังคงหลับ จนเชสรู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น



    "เลสลีย์.." ฝ่ามือใหญ่จับเข้าที่ไหล่ผอมก่อนจะออกแรงเขย่าเบาๆ ให้คนที่นอนหลับนั้นตื่นขึ้นมาตอบสนองเสียงเรียก "นายกินยาหรือยัง?" 



    ทันทีที่เปลือกตาสีอ่อนเปิดตาขึ้นมา ไทเลอร์เองก็ไม่รอช้าที่จะไถ่ถาม ซึ่งแอชเชอร์เองก็ยังคงกะพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับแสงที่เข้ามาในดวงตาก่อนจะร้องครางในลำคอเบาๆ 



    "กินแล้ว.." เสียงที่ฟังดูแหบลงกว่าเดิมคงเป็นผลพวงมาจากอุณหภูมิร่างกายที่เพิ่มสูงขึ้นจนเชสเองก็สัมผัสได้



    "แล้วทำไมถึงยังตัวร้อนแบบนี้" คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนแทบพัน ก่อนจะดึงผ้าห่มที่คลุมตัวอีกฝ่ายออกแล้วไล่สำรวจตามร่างกายขาว "อย่าบอกนะว่านายยังไม่ได้เอามันออก.." 



    เสื้อผ้าที่เชสสวมใส่ให้อีกฝ่ายกับมือก่อนหน้านี้ถูกเปลี่ยนเป็นอีกชุดหนึ่งแล้ว ซึ่งก็หนีไม่พ้นเสื้อผ้าตามแบบที่เลสลีย์ชอบใส่แทนที่จะเป็นผ้าเนื้อบางแบบก่อนหน้านี้ 



    "พูดอะไรของนาย.." คนตาสวยว่าพลางปัดมือของไทเลอร์ออกจากไหล่ของตัวเอง ซึ่งเชสเองก็ไม่ได้ยื้ออะไรเพราะเป้าหมายใหม่ที่เจ้าตัวเปลี่ยนก็คงไม่พ้นกางเกงผ้าขายาวของคนตัวขาวลง ซึ่งแอชเชอร์เองก็คว้าเอาไว้ไม่ได้ทัน 




    "ต้องให้ฉันอาบน้ำให้นายหรือไงเลสลีย์?" 



    แอชเชอร์หน้าแดงแข่งกับผลแอปเปิ้ลสุกที่ใช้ในการทำพายแอปเปิ้ลเสียจนน่ากัด ช่องทางสีแดงช้ำที่ไทเลอร์สัมผัสนับครั้งไม่ถ้วนเมื่อวานดูแดงช้ำยิ่งกว่าเดิม ไหนจะยังมีคราบของเหลวที่ยังคงไหลออกมาอีก 



    "ทำบ้าอะไรของนายเนี่ยไทเลอร์!" 



    "ถ้าเอาออกไม่ได้ทำไมไม่บอกฉัน"  



    ใบหน้าคมที่ฉายแววของความดุนั้นทำให้แอชเชอร์เองก็ขมวดคิ้วเข้าหาไม่แพ้กัน แม้จะรู้สึกเสียดๆที่ช่วงล่างจนทำให้ไม่สบายตัวก็จริงเถอะ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ไทเลอร์จะมาทำอะไรแบบนี้สักนิด 



    "ฉันทำเองได้"



    "ถ้าทำเองได้แล้วทำไมถึงยังเป็นแบบนี้?" 



    "แล้วมันเพราะใครเล่า! ไม่ใช่เพราะนายหรือไง" 



    "งั้นก็ขอโทษด้วยที่ตัวฉันมันห้ามตัวเองไม่ได้"  ไทเลอร์ว่าก่อนจะดึงรั้งกางเกงของอีกฝ่ายขึ้นมาสวมให้เหมือนเดิม  แล้วสอดวงแขนเข้าไปที่ช่วงลำตัวของอีกคนขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน 



    "ปล่อยฉันลง!"



    "แรงแทบจะไม่มีขนาดนี้ สาบานว่านายมีปัญญาเดินลงไปไหว" เพราะแค่เมื่อเช้าที่แอชเชอร์ฝืนลงไปด้านล่างนั่นก็ทำให้ส่วนที่บอบช้ำนั้นเจ็บเพิ่มมากขึ้นไปเกือบเท่าตัว 



    "จะมีปัญญาไม่มีปัญญาแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย"



    "ในเมื่อนายเป็นคนของฉัน ฉันก็ต้องดูแล" 



    "ฉันไม่ใช่คนของนาย!" 



    "หรืออยากให้ย้ำว่านายใช่คนของฉันหรือเปล่าเลสลีย์" 



    คำพูดทีเล่นทีจริงทำให้คนที่อยู่ในอ้อมแขนของไทเลอร์ถึงกับฮึดฮัดเบาๆ ริมฝีปากบางเม้มแน่นในขณะที่ตาคู่สวยมองมาที่เชส ไทเลอร์ อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ พยศยังไงก็ยังคงพยศแบบนั้นไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด 



    "เมื่อไหร่นายจะพูดรู้เรื่องสักที! ฉันเหนื่อยจะคุยกับคนกวนประสาทอย่างนายจะแย่แล้ว"



    "ถ้าไม่อยากให้ฉันกวนประสาท ก็ช่วยทำให้ตัวให้เป็นเด็กดีซะเลสลีย์"



    "ประสาท.."



    "นายก็รู้ว่าฉันประสาทได้มากกว่าที่นายคิดเสียอีก :)" 








    หลังจากถูกบังคับให้ต้องมาอาบน้ำใหม่ แอชเชอร์ก็แทบจะกัดลิ้นตายเสียให้ได้ ลำพังแค่เจ้าตัวอาบเองคนเดียวโดยมีไทเลอร์ก็ว่าแย่แล้ว แต่นี่เชส ไทเลอร์ ดันยืนยันที่จะอาบน้ำพร้อมด้วยมันก็ยิ่งทำให้แอชเชอร์อดเจ็บใจไม่ได้  ยามที่ร่างกายไม่เอื้ออำนวยแบบนี้มันช่างน่าหงุดหงิด



    แต่ก็ฮึดฮัดกับไทเลอร์ได้เพียงไม่นาน เพราะสุดท้ายแล้วความรู้สึกไม่สบายตัวที่ทำให้แอชเชอร์รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวก็เล่นงานเข้าอีกรอบจนได้แต่นั่งเงียบๆ แล้วปล่อยให้ทรูอัลฟ่าจอมกวนประสาททำอะไรได้ตามใจชอบ 



    ความรู้สึกเมื่อยขบและอ่อนล้าที่แล่นร้าวไปทั่วทั้งร่างกายถูกบรรเทาด้วยน้ำอุ่นในอ่างที่แอชเชอร์กำลังแช่อยู่ เปลือกตาสีอ่อนปิดสนิทเพื่อพักสายตาในขณะที่เจ้าตัวยังคงส่งเสียงครางในลำคอเบาๆ เมื่อฝ่ามือที่กำลังบีบนวดตามร่างกายนั้นทำให้ตัวเองผ่อนคลายขึ้นมากโข 



    "อือ..." 



    "ถ้าเจ็บก็กัดไหล่ฉัน.." 



    อัลฟ่าแดนเหนือที่เอาแต่หลับตาหนีเปิดเปลือกตาขึ้นมามองคนที่ตัวเองนั่งซ้อนทับอยู่ในอ่างก่อนจะเอนใบหน้าซบลงกับไหล่กว้างสีแทนสวย ในยามที่นิ้วมือสากสอดแทรกเข้าไปในจีบพับสีเข้มเพื่อไล่เอาคราบน้ำสีขาวขุ่นซึ่งยังค้างคาอยู่ภายในร่างกายออก  
     


    "อึก.." 



    ริมฝีปากบางงับเข้าที่ลาดไหล่กว้างของทรูอัลฟ่าหนุ่มในทันทีเมื่อรู้สึกถึงความเจ็บจากร่างกายช่วงล่างซึ่งไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามันเป็นความรู้สึกที่อับอายเสียเหลือเกิน  นิ้วสากยังคงขยับกวาดไล่เอาสิ่งที่ทำให้อีกฝ่ายไม่สบายตัวออกให้ได้มากที่สุดและใช้เวลาน้อยที่สุด 



    ความรู้สึกเจ็บจากฟันคมที่กัดเข้าที่ลาดไหล่ของไทเลอร์เองก็เป็นตัวบ่งบอกชั้นดีว่าเลสลีย์เองก็คงเจ็บปวดไม่น้อย ขาเรียวงามขยับอ้าออกกว้างอย่างไม่รู้ตัวจนเป็นไทเลอร์เองที่ต้องดันขาขาวนั้นให้กลับมาตั้งชันดีๆ 



    แต่ไทเลอร์เองก็คงไม่รู้ว่าการที่เจ้าตัวพยายามจะหุบขาเรียวนั้นมันยิ่งสร้างความปั่นป่วนให้กับแอชเชอร์มากแค่ไหน.. จนกระทั่งนิ้วยาวนั้นรับรู้ถึงแรงตอดรัดจากส่วนร้อนผ่าวในขณะที่เลสลีย์เองก็หน้าเห่อร้อนจนแดงก่ำลามไปถึงลำคอ 



    ปากบางเม้มแน่นก่อนจะเลื่อนมือของตัวเองลงไปจับกับข้อมือทรูอัลฟ่าหนุ่มที่กำลังช่วยเหลือตัวเองพลางส่ายหน้าน้อยๆ เป็นเชิงบอกให้พอ 



    "มันจะทำให้นายไม่สบายตัว.." แต่ทว่าหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์กลับไม่ได้ฟังเลยสักนิด จนท้ายที่สุดแล้วก็เป็นแอชเชอร์เองที่ต้องเปิดปากพูดออกมาด้วยความลำบาก 



    "แค่นี้ก็มากพอแล้ว.." เจ้าของแก้มแดงระเรื่อว่าก่อนจะส่งสายตาเว้าวอนให้อีกฝ่ายหยุดเสียที ซึ่งก็ยังโชคดีที่เชส ไทเลอร์ นั้นยังคงฟังคำขอของแอชเชอร์อย่างไม่อิดออด 



    ไทเลอร์ก้มลงมองใบหน้าของอัลฟ่าแดนเหนือที่แดงก่ำ เจ้าตัวคงไม่รู้หรอกว่าริมฝีปากที่เจ้าตัวกำลังขบกัดกับดวงตาที่ปรือมองไทเลอร์ในตอนนี้มันดูเย้ายวนแค่ไหนในสายตาของทรูอัลฟ่าหนุ่ม ยิ่งบวกกับกลิ่นหอมของกุหลาบดามัสก์ที่เป็นกลิ่นประจำตัวแล้วด้วยล่ะก็ มันก็ยิ่งเสริมให้เจ้าตัวมีเสน่ห์น่าสัมผัสอย่างปฏิเสธไม่ได้ 



    "อย่าทำหน้าแบบนี้เลสลีย์... ถ้านายยังไม่อยากโดนฉันขย้ำอีกรอบ" 



    "อยากตายหรือไงไทเลอร์" 



    เชส ไทเลอร์ก็นับว่ามันเป็นคำขู่ที่ไม่มีความน่ากลัวสักนิดเมื่อยามที่มันหลุดออกมาจากปากของเลสลีย์



    "เป็นคนของฉันแล้วยังจะพยศอีก ต้องให้ฉันทำยังไงนายถึงจะเป็นเด็กดีเสียที" 



    "ชาติหน้าก็อย่าหวัง"  



    "แต่เมื่อวานนายเป็นเด็กดีมากแค่ไหนรู้ตัวบ้างหรือเปล่า :)" 



    ภาพของเลสลีย์ที่คลานเข่าเข้ามาหาไทเลอร์นั้นยังติดตาทรูอัลฟ่าหนุ่มไม่น้อย ไหนจะท่าทางออดอ้อนที่เชส ไทเลอร์ล่ะอยากจะให้อีกฝ่ายได้เห็นนักว่าตัวเองเป็นอย่างไร 



    "แล้วนายจำความรู้สึกตอนที่นายคุกเข่าตรงหน้าฉันได้ไหมล่ะไทเลอร์" 



    "ฉันจำได้จนขึ้นใจเลยล่ะคนดี"



    แม้จะรู้ว่าเลสลีย์เองนั้นยังคงโกรธตัวเองอยู่ลึกๆ แต่ไทเลอร์เองก็เลือกที่จะตีมึนเข้าหาแทนที่จะปล่อยผ่านให้อึดอัดใจด้วยกันทั้งคู่ เพราะตัวเขาเองก็รู้ดีว่าถ้าวันหนึ่งความอึดอัดที่ว่ามันเกินขีดจำกัดขึ้นมา คนที่จะเดือดร้อนมากที่สุดก็คงไม่พ้นแอชเชอร์ เลสลีย์.. 








    HASTAG #youngmastermn 






    TBC.






    Talk : อยากเอาตัวละครใหม่ออกมาใจแทบขาด แต่ตอนนี้ยาวแล้วเลยต้องตัดไปตอนหน้า T-T ยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยนะคะ เห็นวิเคราะห์เนื้อเรื่องกันแล้วก็ประทับใจจริงๆ สรุปแล้วความสัมพันธ์ของเชสกับอาเธอร์คือยังไง? ลองเดากันต่อไปเรื่อยๆดูนะคะ เปิดโหมดโคนันกันได้เล้ยยยย เย้! เจอกันตอนหน้างับ ^^ 





     






















Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in