เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
YOUNG MASTER #MINNOninezexsky
12







  • หยาดฝนเม็ดโตจากฟากฟ้าด้านบนตกกระทบลงบนผืนดินและสิ่งปลูกสร้างจนเกิดเสียงดังอื้ออึงผสมไปกับเสียงฟ้าที่ยังคงแปรปรวน แรงพัดของลมยังคงโหมกระหน่ำเข้าใส่เดอะฮิลล์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ต่างจากสถานการณ์ในเดอะฮิลล์ที่กำลังปั่นป่วนจนเรียกได้ว่าแทบจะรับมือไม่ไหว 



    อัลฟ่านับร้อยที่ได้กลิ่นโอเมก้านั้นต่างเริ่มเสียสติในการควบคุมตนเองจนยากที่จะจัดการ แต่ก็ยังนับว่าโชคดีที่อัลฟ่าส่วนใหญ่นั้นจะมียาระงับติดตัวอยู่เสมอจึงทำให้เหตุการณ์น่าวุ่นวายไม่ได้หนักหนาขนาดที่จะห้ามไว้ไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่วุ่นวายเสียเมื่อไหร่ เพราะยาระงับที่อยู่ในหน่วยพยาบาลเองก็ต้องถูกเอาออกมาใช้ไปไม่น้อย 



    ตัวต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดอย่างโอเมก้าสาวแดนใต้เองก็ถูกสั่งให้เก็บตัวอยู่ในห้องที่ปิดล็อคอย่างแน่น
    หนาหลังจากที่ได้ยาระงับอาการฮีทแบบฉุกเฉินเข้าไป 



    แพทย์หนุ่มอย่างเอริคถึงกับขบกรามแน่นเมื่อเห็นภาพชุลมุนวุ่นวายตรงหน้าของตัวเอง ทั้งอัลฟ่าและเบต้าต่างวิ่งกันให้วุ่น บ้างก็พยายามยื้อยุดฉุดกระชากเพื่อนของตัวเองที่เกิดอาการรัทบ้าง บ้างก็กำลัง
    ช่วยกันฉีดยาระงับฉุกเฉินด้วยความทุลักทุเล 



    หยดน้ำที่เกาะพราวตามใบหน้า ลามไปถึงไหล่กว้างที่อยูุ่ภายใต้ชุดสีสะอาด ทำให้เมอร์เรย์รู้สึกรำคาญไม่น้อย พายุฝนที่เทกระหน่ำคือปัญหาที่สร้างความลำบากให้กับการช่วยเหลือคนในหน่วยยากขึ้นไปอีก ทั้ง
    ลูฟ ทั้งโจชัวเองที่พึ่งวิ่งกระหืดกระหอบกลับมาก็มีสภาพเปียกปอนไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ 



    มิหนำซ้ำทั้งสองคนนั่นก็ได้บาดแผลมาเป็นร่องรอยประดับร่างกาย ซึ่งถ้าจะให้เอริคเดาแล้วก็คงไม่พ้นจะได้เจออัลฟ่าที่กำลังคลุ้มคลั่งอยู่เป็นแน่ 



    "ฉันคิดแล้วว่าจะต้องเกิดเรื่องวุ่นวาย แล้วมันก็เกิดขึ้นจริงๆ"  ลูฟดูท่าทางหัวเสียไม่น้อยเมื่อเห็นสภาพคนในหน่วยที่เละเทะจนเรียกได้ว่าเป็นปัญหาที่ต้องจัดการให้เด็ดขาดอย่างจริงจัง 



    "ใจเย็นๆน่าลูฟ" โจชัวบีบบ่าของเพื่อนสนิทที่กำลังหงุดหงิดให้อารมณ์เย็นลง แต่นั่นก็คงไม่ได้ช่วยให้ลูฟใจเย็นเลยสักนิด 



    "แล้วเชสไปไหน? ปกติแล้วถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ หมอนั่นจะต้องเป็นคนแรกที่โผล่มาด้วยซ้ำ" 



    เมื่อลูฟเอ่ยถึงหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ขึ้นมา ก็ทำให้ทั้งเอริคและโจชัวต่างฉุกคิดขึ้นมาได้ว่ามีใครบางคน
    หายไป ทั้งที่ในความจริงเชส ไทเลอร์ ไม่สมควรจะหายไปด้วยซ้ำ นอกเสียจาก...



    "อย่าบอกนะ ว่าอลิสตั้งใจฮีทใส่เชส?" ลูฟเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด ความไม่ชอบในตัวโอเมก้าสาวนั่นที่มีอยู่เป็นทุนเดิมทำให้ลูฟไม่สามารถคิดอะไรที่ดีกว่านี้ไปได้อีก  



    "ใช่... เธอตั้งใจทำแบบนั้น" เอริคที่แวะไปดูอาการของอลิเซียมาก่อนหน้านี้เอ่ยตอบอย่างปลงๆ "แต่ไม่เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้นล่ะ ไม่งั้นแม่นั่นคงไม่โดนไล่ตะเพิดออกจากบ้านกลับมาที่บ้านพักขนาดนั้น" 



    "นายว่าไงนะริค!" 



    เป็นโจชัวที่ร้องถามหมอหนุ่มด้วยความตกใจ ก่อนจะหันไปมองลูฟที่กำลังทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก 



    "เท่าที่ฉันรู้คืออลิสไปหาเชสที่บ้าน..."



    "เวรเอ้ย ให้มันได้แบบนี้สิวะ!" ลูฟสบถลั่นก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากส่วนกลางของหน่วย โดยไม่สนใจฝนที่กำลังตกกระหน่ำ ท่ามกลางความตกใจของเมอร์เรย์ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย ว่าอะไรที่ทำให้เชอร์ชิลกล้าวิ่งฝ่าฝนที่กำลังตกหนักนั้นออกไป 



    "เดี๋ยวก่อนสิลูฟ นายจะไปทั้งแบบนั้นได้ยังไง!!" โจชัวตะโกนไล่หลังคนที่วิ่งออกไปด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ๆเพื่อนสนิทก็หุนหันพลันแล่นออกไป



    "หมอนั่นจะไปไหน?" 



    "ไปหาเชส! ป่านนี้เลสลีย์จะไปยังไงบ้างก็ไม่รู้ ฉันไม่น่าปล่อยให้หมอนั่นกลับไปที่บ้านเลย ให้ตายเหอะ!" 



    "เลสลีย์ไม่ได้อยู่กับนายสองคนหรือ?"



    "ฉันกับลูฟออกไปทำงานมา ส่วนเลสลีย์น่ะ พวกฉันสองคนให้กลับไปก่อนตั้งแต่ก่อนที่ฝนจะตกด้วยซ้ำ" 



    ไม่ต้องให้โจชัวได้อธิบายอะไรต่อเอริคก็สามารถปะติปะต่อเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว ลำพังตัว
    หมอหนุ่มเองก็คิดด้วยความเคยชิน ว่าเลสลีย์นั้นจะต้องอยู่กับโจชัวไม่ก็ลูฟ เพราะโดยปกติแล้วเลสลีย์เองก็มักจะขลุกตัวอยู่กับสองคนนี้เป็นประจำ 



    "ฉันว่าเราควรจะรีบไป"



    "นายอย่าลืมสิว่าเชสเองก็มียา.. ฉันว่าไม่น่าจะเกิดเรื่องแบบที่นายกังวลหรอกนะ" เมอร์เรย์ใช้เหตุผลที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด 



    "ถ้าฉันไม่ความจำสั้น เชสพึ่งบ่นกับฉันไปเมื่อวานว่ายาระงับหมด ถ้าให้เดาล่ะก็ฉันว่าหมอนั่นคงยังไม่ได้แวะมาเอายาที่นายหรอกจริงไหม?" 



    มันก็จริงอย่างที่โจชัวว่าจริงๆ เพราะตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้เอริคเองก็ยังไม่ได้เจอกับหัวหน้าหน่วยเลยสักนิด 



    "ถ้าเกิดเลสลีย์เป็นอะไรขึ้นมา หมอนั่นต้องเอาฉันตายแน่ๆ" เมอร์เรย์ว่าอย่างหัวเสีย และหมอนั่นที่เจ้าตัวว่าก็คงไม่พ้นคุณชายเลสลีย์ ที่ตัวเอริคเองพึ่งจะได้พบเจอไปเมื่อไม่นานมานี้ 



    "ก่อนคิดว่าตัวเองจะตาย ฉันว่าเราควรรีบตามลูฟไปก่อนจะดีกว่า" 



    ถ้าโชคยังเข้าข้างแอชเชอร์บ้าง เอริคก็ขอภาวนาให้ไม่เกิดอะไรขึ้นกับเลสลีย์คนเล็กอย่างที่หวังไว้




    แต่ทว่าทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่เอริคภาวนาไว้  ทั้งโจชัวและเอริคที่วิ่งตามลูฟมาที่บ้านของหัวหน้าหน่วยทีหลังนั้นได้แต่ยืนทอดมองแผ่นหลังกว้างของลูฟที่หยุดยืนนิ่งอยู่บริเวณหน้าบ้าน  แม้เสียงของฝนที่ตกนั้นจะรุนแรงแค่ไหนแต่แว่วเสียงที่เล็ดลอดออกมาจากบ้านก็ทำให้ทุกคนต่างหยุดนิ่งไปเหมือนกันหมด 



    กลิ่นประจำตัวของเชสที่เจ้าตัวตั้งใจปล่อยออกมาเพื่อแสดงอาณาเขตและสื่อความหมายโดยนัยที่อัลฟ่าด้วยกันเองต่างรู้ดีว่าไม่ควรเข้าไปล้ำเส้นของอัลฟ่าที่กำลังรัทอย่างเต็มที่ 



    พวกเขามาช้าเกินไป.. ช้าเกินกว่าที่จะดึงตัวของเลสลีย์ให้ออกห่างจากไทเลอร์ 



    "เราแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วลูฟ.." โจชัวที่เห็นเพื่อนสนิทยังยืนนิ่งก็ได้แต่เดินเข้าไปตบไหล่ของลูฟ ซึ่งอัลฟ่า
    ร่างสูงก็ยังคงเงียบ 



    "ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้.."



    "เราทุกคนต่างก็ไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดทั้งนั้น" สายฝนเย็นฉ่ำแม้จะบดบังการมองเห็นไปบ้างแต่โจชัว
    เองก็ยังคงมองเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความขมขื่นของลูฟ 



    "มันไม่ควรเกิดขึ้นอีกไม่ว่าจะกับใคร..."



    "ทำใจเถอะลูฟ ถึงเข้าไปตอนนี้มันก็ไม่ได้ช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นมา" เอริคว่าก่อนจะก้มลงมองเท้าของตัวเองด้วยความรู้สึกผิดเช่นกัน 



    "ยัยนั่นต้องรับผิดชอบเรื่องนี้" ยัยนั่นที่ว่าก็คงหนีไม่พ้นอลิเซียที่เป็นตัวปัญหา "เพราะโอเมก้านั่นที่ทำให้เราต้องวุ่นวายกันไปหมด ฉันไม่แปลกใจเลยจริงๆว่าทำไมเชสถึงกันพวกตัวปัญหานั่นหนักหนา"  



    "ลูฟ..." 



    โจชัวเข้าใจดีว่าลูฟนั้นรู้สึกอย่างไร แม้จะไม่ใช่หัวหน้าหน่วยแต่ลูฟเองก็มีสถานะไม่ได้น้อยไปกว่าใคร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันทำให้คนที่รับผิดชอบอะไรหลายอย่างอดแค้นเคืองไม่ได้ 



    "นายคิดว่าเชสจะยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆงั้นหรือ นายก็รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันคือความผิดพลาดซ้ำสอง



    "...."



    ใช่.. มันไม่ผิดจากที่ลูฟว่าเลยสักนิด ความผิดพลาดในรูปแบบเดิมที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง มันไม่น่าให้อภัยเลยสักนิดเดียว



    "ไม่ว่าจะเลสลีย์คนไหน พวกเขาก็ไม่ควรต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้" 












    /////










    ฟ้าฝนที่กำลังโหมกระหน่ำทำให้แสงสว่างจากด้านนอกเพียงน้อยนิดนั้นไม่สามารถช่วยให้ภายในห้องสว่างสักได้อย่างที่ควร เตาผิงในห้องนอนนั้นเองก็ยังคงไม่ถูกแตะต้องแต่อย่างใด ในเมื่อเจ้าของห้องไม่แต่จะสนใจเรื่องความอบอุ่นภายในห้องเลยสักนิด 



    ความชื้นจากฝนที่ตกกระหน่ำคงไม่อาจเทียบเท่ากับความชื้นของลิ้นร้อน  ที่เกี่ยวกระหวัดกันไปมาจนเกิดเสียงตามจังหวะของริมฝีปากของอัลฟ่าแดนเหนือและทรูอัลฟ่าหนุ่มที่กำลังลิ้มลองของหวานรสเลิศตรงหน้า เสียงหอบหายใจหนักสลับกับเสียงบดจูบที่เคล้าคลอสลับกันไปมา ไม่ต่างจากเนื้อผ้าบนร่างกายของอัลฟ่าแดนเหนือและทรูอัลฟ่าที่เสียดสีกันจนเจ้าของผิวขาวซีดนั้นได้ร่องรอยแดงมาแต่งแต้มบนร่างกาย 



    จูบลึกซึ้งครั้งแล้วครั้งเล่าที่ต่างมอบให้แก่กันซ้ำๆ ยังคงมัวเมาให้ต่างฝ่ายต่างโหยหาสัมผัสซึ่งกันและกันจนยากที่จะหักห้าม จิตใต้สำนึกที่สมควรรู้สึกผิดชอบชั่วดีนั้นถูกกดให้ต่ำลงเข้าไปอีกเมื่อทุกอย่างไม่ได้ถูกควบคุมด้วยสมอง แต่กลับถูกควบคุมด้วยสัญชาตญาณที่ปลุกสันดาบดิบ



    แรงกอดรัดและกลิ่นไม้สนซีดาร์ที่เริ่มเข้มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้อัลฟ่าแดนเหนือกระวนกระวายและรู้สึกตื่นกลัวอย่างบอกไม่ถูก ลมหายใจร้อนระอุรินรดบริเวณผิวเนื้ออ่อนตรงซอกคอขาวที่มีกลิ่นหอมกรุ่นของดอกกุหลาบดามัสก์ลอยฟุ้ง  นัยน์ตาสีอ่อนของเชส ไทเลอร์ ยังคงฉายแววดุดันไม่เปลี่ยนในขณะที่ไล่สำรวจความงดงามของอัลฟ่าแดนเหนือที่อยู่ใต้ร่างของตนเอง



    ผิวเนื้อนวลเนียนของเลสลีย์แท้จริงแล้วนั้นบอบบางไม่แพ้กับกลีบดอกไม้ที่สวยงาม ความสวยงามที่มองได้เห็นจากภายนอก ยังคงเทียบไม่ได้กับสิ่งที่กลีบดอกไม้นั้นห่อหุ้มความงดงามที่แท้จริงเอาไว้ 



    กลิ่นหอมชวนน่าหลงใหลประจำตัวของร่างขาวเองก็ไม่ต่างจากตัวกระตุ้นชั้นดีที่ทำให้ไทเลอร์ยิ่งรู้สึกขาดสติ 



    ความปราถนาที่อยากจะครอบครอง ไม่ต่างจากอีกฝ่ายที่ต้องการเติมเต็ม...



    เส้นผมสีสว่างที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อไล่ปรกตามใบหน้ารูปสลัก จนเป็นทรูอัลฟ่าหนุ่มเอื้อมมือมาปัดเส้นผมที่บดบังใบหน้ากระจ่างให้พ้นทาง นัยน์ตาคู่สวยที่ไทเลอร์เคยนึกชมอยู่ในใจเสมอนั้นฉ่ำเยิ้มพาลให้รู้สึกถูกเชิญชวนเสียจนน่ารังแก 



    ทุกอย่างที่เป็นแอชเชอร์ เลสลีย์ กำลังเข้ามามีอิทธิพลกับความรู้สึกของเชส ไทเลอร์ 



    "นายกำลังทำให้ฉันคลั่งจนแทบบ้า.." 



    เจ้าของใบหน้าคมที่กำลังซุกไซ้อยู่บริเวณซอกคอขาวเอ่ยเสียงพร่า กลิ่นหอมอ่อนๆที่ชวนให้ยิ่งอยาก
    สัมผัสร่างกายของอีกฝ่ายเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนอดไม่ได้ที่จะสร้างร่องรอยไว้เป็นหลักฐานบนผิวกายสีหิมะ 



    ยามใดที่ริมฝีปากร้อนของไทเลอร์ลงแรงกับผิวกายขาวของนายน้อยแดนเหนือ ยามนั้นไทเลอร์เองก็จะได้รับแรงบีบหนักที่ช่วงต้นแขนจากเจ้าของผิวขาว ไม่นับกับเสียงครางอื้ออึงในลำคอที่หลุดออกมาให้ได้ยินอยู่เนืองๆ 



    "ดะ ได้โปรด.." 



    เจ้าของดวงตาคู่สวยร้องขอออกมาอย่างทรมานเมื่อรับรู้แล้วว่าร่างกายของตัวเองนั้นคงทนไม่ไหวอีกต่อไป ทั้งไม่เคยรับมือ ไม่เคยเรียนรู้ที่จะควบคุม ทุกอย่างมันกำลังชี้นำให้แอชเชอร์ต้องเลือกเดินไปในทางรอดที่เหลือเพียงทางเดียว



    มือเรียวสวยของอัลฟ่าแดนเหนือยกขึ้นมากอบกุมใบหน้าคมของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ด้วยแรงที่เหลือของตัวเอง ความดุดันที่แสดงออกมาให้เห็นของไทเลอร์แม้จะน่าหวาดกลัวแต่กลับเป็นตัวดึงดูดทำให้แอชเชอร์รู้สึกต้องการอย่างช่วยไม่ได้ 



    เขาปฏิเสธตัวเองไม่ได้จริงๆว่าต้องการเชส ไทเลอร์...



    "ดะ ได้โปรดครอบครองฉัน.." 



    "ถึงนายไม่ขอ ฉันก็คงไม่ปล่อยนายเหมือนกัน" 



    คำตอบของเชส ไทเลอร์ เองก็ชัดเจนเสียจนไม่ต้องหาคำอะไรมาอธิบายให้มันมากความ 






    เสื้อผ้าที่เคยปกปิดร่างกายของร่างขาวซีดถูกถกถอดออกมาจนเหลือแต่เพียงร่างกายเปลือยเปล่าในเวลาไม่กี่วินาทีด้วยฝีมือของทรูอัลฟ่าหนุ่ม แรงกระชากนั้นเองก็ยังคงสร้างร่องรอยแดงของผิวผ้าที่บาดเข้ากับผิวเนื้อนวลให้ขึ้นสี  ไม่ต่างจากใบหน้าขาวที่เห่อร้อนจนกลายเป็นสีระเรื่อ ร่างกายแข็งแรงของทรูอัลฟ่าที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อได้รูปโถมลงมาคร่อมทับอัลฟ่าแดนเหนือจนร่างกายของทั้งคู่แนบชิดกันเสียไปหมดทุกสัดส่วน 



    ผิวกายสีเข้มของทรูอัลฟ่าหนุ่มยังคงตัดกันได้ดีกับผิวขาวซีดราวกับหิมะในแดนเหนือของแอชเชอร์..



    ฝ่ามือขาวจิกกำผ้าปูที่นอนสีเข้มก่อนจะเชิดหน้าหลับตาพริ้มเมื่อริมฝีปากร้อนของไทเลอร์นั้นลากไล้ไปตามร่างกาย ไล่ตั้งแต่แผ่นอกที่ประดับด้วยยอดอกสีอ่อนซึ่งกลีบปากหยักนั้นไล่ขบดูดจนแข็งคัด ซ้ำยังขบกัดเสียจนขึ้นสีแดงช้ำตัดกับผิวขาวอย่างไม่กลัวว่าการกระทำของตัวเองนั้นจะทำให้เลสลีย์นั้นบอบช้ำ 



    "อื้อ..." 



    กลุ่มผมของไทเลอร์คลอเคลียอยู่บริเวณหน้าท้องบางที่ประดับด้วยลอนกล้ามเนื้อในยามริมฝีปากร้อนของเจ้าตัวไล่ซุกไซ้ จูบประทับไปตามหน้าท้องของเลสลีย์คนเล็ก  ขาเรียวยาวถูกจับให้ขยับแยกออกกว้างในทันทีก่อนที่ปลายลิ้นร้อนซึ่งชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำลายจะแตะต้องลงบนจีบพับสีอ่อนซึ่งยังคงปิดสนิท ซึ่งในอีกไม่นานก็คงจะได้มีบางสิ่งนั้นเข้าไปสัมผัส 



    รสสัมผัสที่ไม่ต่างจากการลิ้มลองทีละนิดทำให้คนตัวขาวบิดเร้าอยู่บนเตียงกว้าง ขาสวยที่ถูกขยับให้แยกออกกว้างนั้นสั่นระริกเมื่อไทเลอร์เปลี่ยนจากการใช้ลิ้นร้อนนั้นเป็นนิ้วสากสอดแทรกเข้าไปในร่างกายส่วนที่แม้แต่แอชเชอร์เองก็ไม่เคยได้เข้าไปสัมผัส  จากหนึ่งเป็นสองขยับเข้าออกจนเอวได้รูปของเลสลีย์
    นั้นกระดกรับนิ้วมือนั้นอย่างห้ามไม่ได้ 



    เปลือกตาสีอ่อนเปิดขึ้นมามองภาพร่างกายของตัวเองที่กำลังถูกควบคุมโดยทรูอัลฟ่าทั้งน้ำตาที่หยดลงมาเปรอะเปื้อนใบหน้า  



    ทรมาน...ทรมานเสียจนไม่อาจจะบรรยายได้ว่ามันทรมานมากแค่ไหน



    ทรูอัลฟ่าหนุ่มลอบเลียริมฝีปากของตัวเองในขณะที่สายตาคมยังคงจดจ้องที่ส่วนหวงห้ามสีระเรื่อซึ่งเริ่มจะกลายเป็นสีแดงช้ำขึ้นเมื่อถูกนิ้วมือของตัวเองเข้าสำรวจภายในที่คับแน่น 



    ริมฝีปากร้อนยังคงทำหน้าที่ไล่จูบไปตามผิวสีหิมะอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ไล่ตั้งแต่ช่วงขาเรียวสูงขึ้นมาจนถึงต้นขาอ่อนที่เป็นผิวบอบบาง ขบดูดสร้างรอยตีตราไว้จนเป็นเจ้าของร่างขาวเองที่ต้องเลื่อนมือมาขยุ้มเส้นผมสีอ่อนของทรูอัลฟ่าเพื่อระบายความรู้สึกน่าประหลาด 



    ริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันแน่นเพื่อสะกดกลั้นเสียงครวญครางอันน่าละอาย กลับหลุดออกมาในทันทีเมื่อเจ้าของผิวสีแทนนั้นดันข้อพับเข่าสีชมพูอ่อนนั้นจนแนบชิดกับแผ่นอกที่ชุ่มไปด้วยน้ำสีใสจากการถูกลิ้มลองเมื่อก่อนหน้า 



    นิ้วสากที่เคยเข้าไปสำรวจภายในช่องทางคับแน่นถูกดึงออกมา ก่อนจะแทนด้วยลิ้นร้อนที่ฉวยลงไปหยอกล้อกับส่วนนั้นให้ร่างขาวได้ตัวสั่นเล่น ในขณะที่ฝ่ามือสากเองก็เลื่อนขึ้นไปรูดรั้งส่วนร้อนผ่าวที่ต้องการได้รับการปลดปล่อยของอัลฟ่าแดนเหนือจนในที่สุดแอชเชอร์เองก็กระตุกเกร็งก่อนที่จะคายของเหลวสีขาวขุ่นออกมาจนเลอะเทอะไปทั่วหน้าท้องและมือของทรูอัลฟ่าหนุ่ม 



    ตัวหล่อลื่นชั้นดีที่มาจากร่างขาวนั้นไหลย้อนลงมาเปรอะเปื้อนจีบทางสีอ่อนจนกลายเป็นภาพที่ยากจะละสายตา  ดวงตาคู่สวยยังคงช้อนมองทุกการกระทำของทรูอัลฟ่าที่ร่างกายของตัวเองนั้นเรียกร้องอยากจะถูกครอบครอง 



    เชส ไทเลอร์ ขยับตัวออกห่างจากร่างขาวนิดหน่อย ก่อนที่จะจัดการร่างกายของตัวเองบ้างเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการสัมผัสที่ลึกซึ้งมากกว่าเดิม



    ขนาดไม่ธรรมดาที่เป็นรูปเป็นร่างอย่างชัดเจนอยู่กลางลำตัวของทรูอัลฟ่าผิวสีแทน ทำให้แอชเชอร์ถึงกับรีบช้อนตาขึ้นมองใบหน้าดุคมที่ยังจ้องมองตัวเองด้วยแววตาเรียบนิ่ง ไม่ต่างจากผู้ล่าที่กำลังรอคอยการขย้ำของเหยื่อที่หมดสิ้นฤทธิ์ 



    ความร้อนผ่าวของทรูอัลฟ่าหนุ่มถูกดันเข้าไปในจีบพับสีระเรื่อที่ถูกเบิกทางไว้ก่อนหน้า แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้ความฝืดเคืองลดน้อยลงแต่อย่างใด ด้วยสรีระและพื้นฐานของร่างกายที่ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อรองรับการถูกกระทำก็ทำให้ทุกอย่างนั้นช่างยากลำบาก 



    ทุกวินาที ทุกความรูุ้สึกของร่างกายที่สัมผัสกัน มันคงจะฝังลึกเข้าไปในสมองของแอชเชอร์อย่างไม่มีวันลบลืม 



    แม้จะไม่อยากรุนแรงกับร่างกายของอัลฟ่าแดนเหนือ แต่ไทเลอร์เองก็ไม่สามารถหักห้ามอาการรัทของตัวเองได้ ยิ่งร่างกายของเลสลีย์ตอดรัดตัวตนของไทเลอร์มากเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มนั้นอยากจะเข้าไปในร่างกายของอีกคนให้ได้มากเท่านั้น 



    มากจนกว่าจะเติมเต็มซึ่งกันและกัน... 



    "อีกนิดเลสลีย์.. ให้ฉันเข้าไปอีกนิดนะคนดี" 



    ฝ่ามือใหญ่ปาดเม็ดเหงื่อที่ไหลซึมบนกรอบหน้างดงามออก ก่อนที่จะกระซิบคำหวานแล้วก้มลงไปมอบจูบดุดันที่แทบจะทำให้แอชเชอร์ขาดใจจนท่อนแขนขาวนั้นเลื่อนขึ้นมาโอบรัดรอบคำคอทรูอัลฟ่าหนุ่มแน่น 



    "อ๊ะ.. ทะ ไทเลอร์ เข้ามา อื้อ" 



    ไทเลอร์ละริมฝีปากออกจากปากหวานๆของเลสลีย์ ก่อนจะไล่พิจารณาร่างขาวที่นอนเอนกายเชื้อเชิญตัวเอง ไล่ตั้งแต่ดวงตาคู่สวยที่ปรือปรอยมองมานั้นมันสร้างเสน่ห์ที่เย้ายวนเสียจนน่าย่ำยี พวงแก้มขาวที่เห่อร้อนนั่นก็น่ากดจมูกลงไปซ้ำๆ แต่ก็คงไม่เท่ากลีบปากบางที่เชส ไทเลอร์ ลิ้มลองมันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน  



    เลสลีย์ตัวขาวผวาขึ้นมากอดไทเลอร์แน่นเมื่อสะโพกสอบดันท่อนเนื้อร้อนเข้าไปในร่างกายของอีกฝ่ายได้จนหน้าท้องแกร่งนั้นแนบชิดไปกับก้นกลมที่ลอยเด่นเมื่อข้อพับถูกดันไปแนบชิดอก  



    ถ้าหากนี่เป็นภาพวาด ก็คงเป็นภาพวาดที่อีโรติคที่สุดจนไม่อาจให้ใครได้ชมความงดงามนี้... 



    เสียงร้องครางระงมดังขึ้นแข่งกับสายฝนที่เทกระหน่ำด้านนอกเสียงจนฟังไม่ได้ศัพท์ เมื่อสะโพกสอบตอก
    อัดขนาดไม่ธรรมดาของตัวเองเข้าหาช่องทางคับแน่นด้วยจังหวะถี่ระรัวจนหัวกลมสั่นคลอน กายขาวที่ถูกดันให้นอนราบไปกับผืนเตียงนั้นสั่นสะท้านไปตามแรงสัมผัส ในขณะที่ฝ่ามือขาวนั้นยังคงจิกกำผ้าห่มบนที่นอนแน่นเพื่อระบายความเสียวซ่าน 



    เสียงครางต่ำในลำคอที่แสดงออกถึงความพึงพอใจของทรูอัลฟ่าหนุ่มนั้นก็ไม่ต่างจากเสียงคำรามของสัตว์ตัวใหญ่ เสียงน่าฟังของอัลฟ่าแดนเหนือกรีดร้องออกมายามไทเลอร์ตอกอัดความรุ่มร้อนเข้าไปจนสุด ถูกตอบสนองด้วยเอวคอดที่แอ่นรับทุกแรงที่ถูกส่งมา 



    เส้นเลือดตามร่างกายของเจ้าของผิวสีแทนขึ้นชัดเจนไปเสียหมด ไม่ว่าจะเป็นตามลำคอแกร่งที่กำลังเชิดขึ้นเพราะความรู้สึกที่ขึ้นสูง หรือ จะเป็นตามท่อนแขนแกร่งที่โอบรัดร่างกายขาว ลามไปจนถึงช่วงเชิงกรานที่ขยับสอบเข้าหาเลสลีย์เองก็เช่นกัน 



    สีหน้าเย่อหยิ่งที่มักจะแสดงออกเป็นปกติของเลสลีย์นั้นแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่เย้ายวนพาลให้คนมองถูกล่อลวงเข้าไปติดกับซ้ำแล้วซ้ำเล่า 



    ความเยือกเย็นของอัลฟ่าแดนเหนือคงไม่พ้นถูกหลอมละลายด้วยความร้อนผ่าวของทรูอัลฟ่าแดนใต้จนหมดสิ้น ร่างกายที่สัมผัสกันอย่างลึกซึ้งและแนบแน่นคงเป็นตัวบ่งบอกได้ดีว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันคือเรื่องจริงซึ่งใครก็ไม่อาจปฏิเสธได้ 



    "ถ้ามากกว่านี้.. นายจะว่ายังไง" ริมฝีปากร้อนเอ่ยกระซิบข้างใบหูแดงก่ำของร่างขาว ในขณะที่พลิกร่างของเลสลีย์ให้ซุกซบไปกับหมอนใบใหญ่จนเผยให้เห็นแผ่นหลังขาวนวลและสะโพกอวบ "ฉันหยุดไม่ได้ นายก็น่าจะรู้" 



    "เท่าที่นายต้องการ.. อื้อ กอดฉันจนกว่านายจะพอใจ" 



    จีบพับสีแดงก่ำที่มีคราบน้ำสีขาวขุ่นไหลย้อนออกมาไม่อาจปิดสนิทเหมือนเคย ถูกตัวตนของไทเลอร์สอดใส่เข้าไปอีกครั้ง ซึ่งในความรู้สึกของคนที่รองรับนั้นก็รู้สึกถึงสัมผัสที่ลึกซึ้งและแนบแน่นยิ่งกว่าเดิมจนไม่อาจห้ามเรียวขาของตัวให้เลิกสั่นเทาได้ 



    "ทุกอย่างที่เป็นนายมันงดงามไปหมดเลสลีย์" 



    ทั้งข้อศอกและหัวเข่าสีชมพูอ่อนของกายขาวที่โก่งโค้งรอรับแรงกระแทกจากด้านหลังนั้นเสียดสีไปกับ
    ผืนเตียงจนกลายเป็นสีเข้ม ในขณะที่ทรูอัลฟ่าหนุ่มเองก็ไม่ได้ลดแรงที่กระทำลงแม้แต่น้อย พายุที่โหมกระหน่ำด้านนอกมันก็ไม่ต่างจากพายุอารมณ์ของทั้งคู่ที่กำลังสาดซัดจนกว่าจะพังทลาย 



    ไม่ว่าจะบีบขยำตรงไหนในร่างกาย ผิวกายเนียนลื่นก็พร้อมจะสู้มือสากไปเสียหมด แม้ไม่ได้นุ่มนิ่มไปเสียทุกส่วนแต่ความรู้สึกที่เต็มไม้เต็มมือนั่นต่างหากที่น่าหลงใหล 



    "ระ แรงไป อ๊า ชะ เชส อื้ออ"  มือขาวยื่นมามาดันหน้าท้องแกร่งอย่างสะเปะสะปะเมื่อรู้สึกถึงความรุนแรงของทรูอัลฟ่าหนุ่มที่เพิ่มมากขึ้น แต่ทว่ามันก็กลับไม่เป็นผลเพราะนอกจากจะไม่ลดแรงที่กระทำลงแล้ว ช่วงเอวสอบก็กลับดึงตัวตนของตัวเองออกไปทั้งๆที่ยังไม่ถึงจุดสูงสุด 



    ทรูอัลฟ่าหนุ่มถอยไปหยุดยืนที่ปลายเตียงก่อนจะมองใบหน้าของแอชเชอร์ที่แสดงออกถึงความทรมานอย่างปิดไม่มิด กายขาวพลิกตัวกลับมานั่งพิงหัวเตียงทอดมองคนที่ยังยืนมองตัวเองด้วยสายตาขอความอ้อนวอน 



    "ชะ เชส.." 



    หยาดน้ำตาอุ่นไหลรินหล่นลงมาจากดวงตาคู่สวยในทันทีเมื่อถูกทรมาน.. ภาพของเชส ไทเลอร์ที่ยังหยุดยืนมองตัวเองอยู่ที่ปลายเตียงนั้นก็ไม่ต่างจากการกดดันแอชเชอร์เสียเท่าไหร่ ต่างฝ่ายต่างยังไม่ได้รับการปลดปล่อยด้วยกันทั้งคู่ 



    "อยากได้อะไรหรือเลสลีย์"  



    "ดะ ได้โปรด ขะ ขอร้องเถอะเชส" 



    "อยากควบคุมฉันดูบ้างไหมล่ะเลสลีย์" 



    ไทเลอร์เป็นคนเจ้าเล่ห์ข้อนี้เลสลีย์รู้ดี แต่ใครจะคิดเล่าว่าความเจ้าเล่ห์พวกนี้จะถูกนำมาใช้ในสถานการณ์ที่ยากจะปฏิเสธพวกนี้ได้ 



    "ควบคุมมันอย่างที่นายน้อยต้องการ..." 



    เชื่อเถอะว่าภาพที่แอชเชอร์ เลสลีย์ นั้นขยับคลานเข่าเข้าหาเชส ไทเลอร์ คงเป็นภาพที่จะจดจำไปจนวันตายของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์  ปลายท่อนเนื้อร้อนขนาดไม่ธรรมดานั้นสัมผัสไปตามแก้มนุ่มก่อนที่ลิ้นสีแดงสดจะแลบเลียส่วนหัวที่คายน้ำออกมาช้าๆแต่กลับไม่ใช่ริมฝีปากครอบครอง ในขณะที่ตาคู่สวยยังมองใบหน้าหล่อคมของทรูอัลฟ่า 



    "ไม่ใช่ว่านายอยากจะขย้ำฉันให้แหลกคามือหรอกหรือ" 



    ทรูอัลฟ่าผิวสีแทนที่ถูกดันให้นั่งลงบนผืนเตียงขบกรามแน่นจนได้ยินเสียงกัดฟันกรอด เมื่อฝ่ามือขาวนั้นจับเข้าที่ท่อนเนื้อร้อนก่อนจะกดร่างกายของตัวเองลงมาโอบรัดความใหญ่โตของทรูอัลฟ่าช้าๆ ท่อนเนื้อค่อยๆ เติมเต็มช่องทางที่ตอดตุบโดยที่อัลฟ่าแดนเหนือนั้นก็จิกลาดไหล่กว้างแน่น พลางสูดปากร้องออกมาเมื่อรู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองจะไม่เป็นของตัวเอง



    "พอแล้ว.." เจ้าของฝ่ามือหนาที่ขยับลูบไล้อยู่บริเวณหน้าท้องเป็นลอนสวยเอ่ย "รู้สึกไหม.. ว่านายรับฉันเข้าไปได้มากแค่ไหน" ดวงตาฉ่ำน้ำของอัลฟ่าแดนเหนือก้มลงไปมองตามมือสากที่บีบนวดช่วงเอวและไล่แตะสัมผัสบริเวณหน้าท้องของตัวเองด้วยใบหน้าที่เห่อร้อนอย่างช่วยไม่ได้ 



    คำถามที่ไร้ซึ่งคำตอบกลับไม่ได้ทำให้รู้สึกน่าเกลียดแต่อย่างใด ในเมื่อคำตอบทุกอย่างมันฉายชัดในการกระทำของทั้งคู่แล้วทั้งหมด  ความร้อนผ่าวที่บีบรัดทุกครั้งยามที่เอวคอดขย่มโยกบนกายแกร่ง เสียงหยาบโลนของผิวเนื้อที่กระทบกันดังเคล้าคลอไปทั่วทั้งห้องแม้อุณหภูมิจะเริ่มหนาวเย็นแต่ก็กลับร้อนระอุด้วยบทรักร้อนแรงที่ไม่มีท่าทีว่าจะจบง่ายๆ 



    การปลดปล่อยซ้ำแล้วซ้ำเล่าในช่องทางสีเข้มจนหน้าขาขาวเต็มไปด้วยน้ำสีขาวขุ่นยังคงดำเนินไปไม่รู้จักจบจักสิ้นจนกว่าอาการรัทของทั้งคู่จะหมดลง  ไม่ว่าจะบนผืนเตียงที่ยับย่น บนพื้นห้องที่เป็นไม้เนื้อดี หรือแม้กระทั่งผนังไม้ของห้องที่แสนจะแข็งแรงนั้นก็เป็นทุกที่ที่ทั้งคู่ใช้มัน..



    ขาเรียวงามที่ตั้งชันอีกครั้งบนเตียงหลังใหญ่สั่นระริกจนน่าเอ็นดูในสายตาคมที่ทอดมองหลังจากที่ไทเลอร์ยอมดึงสิ่งที่สอดใส่ในร่างกายอีกฝ่ายมาพักใหญ่ออก  ความอุ่นร้อนที่ถูกฉีดอัดเข้าไปยังคงฝังลึกไว้ภายในเสียจนยากที่จะขับออกมาให้หมด  ปลายหัวหยักที่ยังไม่สงบดีไล้วนไปมาอย่างหยอกเย้าตามจีบพับที่เผยออกตามจังหวะการหายใจของเจ้าของร่างขาว



    "ฉะ ฉันไม่ไหวแล้วเชส.." 



    น้ำเสียงหอบที่เอ่ยออกมาอย่างกระท่อนกระแท่นทำให้ไทเลอร์โน้มตัวลงไปป้อนจูบอ่อนโยนให้คนที่แทบจะสลบอยู่เต็มที่  เนิ่นนานตั้งแต่พายุโหมกระหน่ำจนตอนนี้ด้านนอกนั้นกลับมาเงียบสงบเหมือนเคย แต่แตกต่างที่ว่าแสงสว่างนั้นกลับหมดไปแล้ว จะหลงเหลือก็เพียงแต่ความมืดที่เข้ามาครอบคลุม 



    ความอุ่นร้อนที่แทรกเข้ามาภายในร่างกายนับครั้งไม่ถ้วนแม้จะไม่อาจคุ้นชินแต่ขาเรียวงามก็ยังคงขยับแยกออกกว้างเพื่อรองรับร่างกายของทรูอัลฟ่าอย่างเผลอไผล 



    "แต่ตรงนี้ของนายยังรัดฉันไม่หยุดเลยเลสลีย์" 



    "อึก.."



    "ก็ฉันบอกนายแล้วไง ว่าจะไม่หยุดจนกว่าจะขย้ำนายให้จมเขี้ยว" 



    สัมผัสลึกซึ้งครั้งแล้วครั้งเล่าพาให้ร่างกายที่บอบช้ำนั้นหวิดสลบอยู่หลายรอบ ก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นสีดำพร้อมกับร่างกายของแอชเชอร์ที่ถึงขีดสุด  










    /////








    แผ่นหลังสีเข้มของทรูอัลฟ่าหนุ่มที่นั่งอยู่บริเวณปลายเตียง ยังเต็มไปด้วยรอยแดงที่เกิดจากการขีดข่วนของคนที่ยังนอนหลับสนิทจมอยู่บนเตียงหลังใหญ่  ร่องรอยแดงที่ประดับไล่ตั้งแต่ซอกคอขาวลามมาจนถึงช่วงลาดไหล่และแผ่นอกบาง ไม่นับบางส่วนซึ่งยังถูกปกปิดอยู่ภายใต้ผ้าห่มสีเข้มที่คลุมร่างกายขาวเนียน 



    เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด แม้เชสจะไม่ได้มีสติคิดทบทวนทุกอย่างเต็มร้อยแต่ตัวหัวหน้าหน่วยเองก็รู้สึกถึงความผิดพลาดของตัวเองที่ไม่สมควรเกิดขึ้น ทั้งความสะเพร่าที่ปล่อยปะละเลยยาระงับที่สมควรจะมีติดตัว หรือแม้กระทั่งการห้ามใจของตัวเองก็ด้วย 



    ช่วงเช้าตรู่ที่เชสรู้สึกตัวตื่นขึ้นมานั่นก็ทำให้เจ้าตัวเองรู้สึกเมื่อยล้าไม่น้อย ยิ่งเห็นสภาพของแอชเชอร์ เลสลีย์ที่นอนขดอยู่ในอ้อมอกของตัวเองแล้ว ก็ยิ่งตอกย้ำว่าเรื่องทุกอย่างนั้นคือความจริง ภาพทุกอย่างที่ทั้งคู่ได้กระทำลงไปก่อนหน้านี้ฉายชัดเข้ามาในหัวทีละฉากจนปะติปะต่อเรื่องราวทั้งหมดได้ 



    ใครกันจะคาดคิดว่าอลิเซียจะกล้าทำแบบนั้นกับเชส ไทเลอร์ การที่เจ้าหล่อนตั้งใจมาหาเชสในช่วงที่ใกล้ฮีทแบบนี้มันก็คือความจงใจทั้งสิ้นที่จะจับคู่กับทรูอัลฟ่าหนุ่ม มันไม่มีเหตุผลใดที่จะปฏิเสธได้ว่าเจ้าหล่อนไม่ได้ตั้งใจ  ไม่มีเลยสักนิด..



    และเชสเองก็ไม่ได้คาดคิดเหมือนกันว่าเลสลีย์จะโผล่เข้ามาในจังหวะที่ไม่สมควร  ทั้งที่จริงๆแล้วเจ้าตัวควรจะไปขลุกอยู่ที่ไหนสักแห่งในเดอะฮิลล์ 



    หากนี่คือบททดสอบของพระเจ้า เชส ไทเลอร์คงต้องยอมรับจริงๆว่าตัวเขาเองก็ไม่สามารถฝืนสัญชาตญาณของตัวเองได้... 



    สุดท้ายแล้วไทเลอร์ก็ผิดหนึ่งในสัญญาที่เคยให้ไว้กับอาเธอร์ เลสลีย์ อย่างไม่น่าให้อภัย... 



    'ฉันหวังว่านายจะเป็นคนสุดท้ายที่ิจะทำร้ายแอชเชอร์'



    ประโยคที่เชสได้พูดคุยเพียงลำพังกับอาเธอร์เมื่อครั้งล่าสุดที่พบเจอย้อนกลับเข้ามาในหัวซ้ำไปซ้ำมา จนทรูอัลฟ่าหนุ่มใช้มือเสยผมที่ปรกหน้าตัวเองออกลวกๆ 



    ใบหน้าดุคมยังคงเรียบนิ่งไม่แสดงความรู้สึกอะไรแต่ภายในหัวนั้นกลับคิดทุกอย่างให้วุ่นไปหมด เชื่อเถอะว่าถ้าหากคนที่กำลังนอนหลับสนิทนั้นตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ เชส ไทเลอร์ คงจะได้รับพบเจอสิ่งที่น่าปวดหัวมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้เป็นแน่ 



    คราบเหนียวเหนอะหนะตามร่างกายของอัลฟ่าแดนเหนือนั้นถูกเช็ดทำความสะอาดด้วยฝีมือของหัวหน้าหน่วย โดยที่เจ้าของผิวสีเข้มพยายามจะเบามือให้ได้มากที่สุดกับร่างกายของแอชเชอร์  แม้อัลฟ่าแดนเหนือจะมีร่างกายที่แข็งแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้วแต่การที่ต้องพบเจอกับเรื่องอย่างว่าก็ดูเหมือนจะมากเกินกว่าที่ร่างกายของเจ้าตัวจะรับไหว 



    ปลีน่องขาวนวลที่เชสชื่นชมมันหนักหนาเต็มไปด้วยรอยฟันที่ขบกัดและดูดดึงจนได้รอยแดงช้ำ แต่ก็คงไม่เท่าส่วนหวงห้ามที่เชสได้เข้าไปสัมผัสมานับครั้งไม่ถ้วนที่แดงช้ำจนน่ากลัว 



    แม้จะเป็นอัลฟ่าแต่ถ้าเทียบกับเรี่ยวแรงของทรูอัลฟ่าแล้ว มันก็ไม่แปลกสักนิดที่ทุกอย่างจะเป็นแบบนี้  ต่อให้นุ่มนวลหรืออ่อนโยนสักเท่าไหร่พละกำลังที่มีเป็นทุนเดิมมันก็ยากจะควบคุม 



    เสื้อผ้าเนื้อบางที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ถูกหยิบออกมาสวมใส่ให้กับร่างของอัลฟ่าแดนเหนือซึ่งยังคงหลับสนิท ดูๆไปแล้วอันที่จริงเลสลีย์เองก็ค่อนข้างจะผอมลงกว่าเดิมถ้าเทียบกับครั้งแรกที่ทั้งคู่เจอกัน 



    ใบหน้ารูปสลักแม้จะมีร่องรอยของความอ่อนเพลียแต่ก็ยังคงงดงามเหมือนเคย  ยิ่งกลีบปากบางที่บวมช้ำนั่นก็ยิ่งเป็นตัวบ่งบอกได้ดีว่าเชสนั้นเอาแต่ใจตัวเองมากแค่ไหนยามจูบกับอีกฝ่าย 



    "อื้อ.." 



    เสียงร้องครางเบาๆ ในลำคอที่ออกมาจากริมฝีปากบางทำให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มหยุดชะงักมือที่กำลังผูกเชือกที่เสื้อด้านหน้าของแอชเชอร์  เปลือกตาสีอ่อนที่มีร่องรอยแดงช้ำจางๆ ค่อยเปิดขึ้นก่อนที่เชส ไทเลอร์จะได้เห็นดวงตาคู่งาม 



    เกิดความเงียบขึ้นระหว่างคนทั้งคู่เสียจนน่าอึดอัด ยามที่ปรับสายตาให้เข้ากับแสงภายในห้องได้แล้วแอชเชอร์ก็ได้แต่ปิดปากเงียบปล่อยให้ทรูอัลฟ่าหนุ่มจัดแจงผูกเชือกที่เสื้อให้กับตัวเอง  ร่างกายที่ยังคงรู้สึกถึงความเจ็บปวดแล่นริ้วสร้างความรู้สึกชาวาบไปทั้งร่างกายของนายน้อยเลสลีย์ 



    ร่องรอยแดงตามแผ่นอกสีเข้มของไทเลอร์ที่สวมใส่เพียงกางเกงหมิ่นเหม่สะโพกสอบ ก็คงไม่พ้นที่จะเป็นฝีมือของแอชเชอร์เองที่ปัดป่ายไปตามร่างกายของอีกคนยามร่วมรัก 



    "เรื่องจริงสินะ..." เจ้าของผิวสีหิมะยกยิ้มขมขื่นในขณะที่ยังคงมองใบหน้าของไทเลอร์ไปด้วย  "ระหว่างนายกับฉัน" 



    แอชเชอร์กัดฟันหยัดตัวลุกขึ้นจากเตียงทั้งที่แขนของตัวเองยังคงสั่นไม่น้อย แทบทั้งร่างของเจ้าตัวมันอ่อนแรงไปเสียหมดจนน่าหงุดหงิด 



    "ทุกอย่างเป็นเรื่องจริง" ไทเลอร์ตอบเสียงเรียบ พลางจ้องมองคนตัวขาวที่พยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล 



    ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าสิ่งที่แอชเชอร์เกลียดที่สุดนั้นจะกลับกลายเป็นสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป 



    "น่าสมเพชจริงๆ" 



    ราวกับว่าคำพูดที่แอชเชอร์เคยได้พูดไว้กับอาเธอร์ต่างย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองจนแทบล้มทั้งยืน  บางทีนี่อาจจะเป็นความรู้สึกของอาเธอร์ที่แอชเชอร์ไม่เคยได้รับรู้ก็ได้ ใครจะรู้... 



    "เซเบอร์คงยังไม่ได้กินอะไร.." แอชเชอร์ฝืนลุกขึ้นมายืนเผชิญหน้ากับทรูอัลฟ่าที่ยืนอยู่ข้างเตียง ก่อนจะเอ่ยประโยคที่งี่เง่าที่สุดในชีวิตออกไป "เมื่อวานฉันทิ้งมันไว้ข้างนอก ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง" 



    ขอแค่ตอนนี้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับไทเลอร์คงเป็นสิ่งที่เดียวที่แอชเชอร์ต้องการ 



    เขาไม่ได้มีความรู้สึกโกรธต่ออีกฝ่ายแต่อย่างใด เพราะในเมื่อตัวแอชเชอร์เองก็รู้อยู่แก่ใจเหมือนกันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เกิดจากการถูกบังคับ แต่มันเกิดเพราะความต้องการของเราเองทั้งคู่ จะโทษใครก็คงไม่ได้ นอกเสียจากโทษตัวเองที่โชคร้าย 



    "โจชัวกับลูฟดูแลเจ้านั่นให้แล้ว นายไม่ต้องห่วงหรอก" 



    ไทเลอร์ยังคงยืนขวางไม่ให้คนตัวขาวได้ออกไปไหน มันเป็นสถานการณ์ที่เชส ไทเลอร์เองก็ยากที่จะรับมือเช่นกัน เพราะเลสลีย์เองก็กลับนิ่งผิดจากที่คาดเดาไปโดยสิ้นเชิง 



    "แต่ฉันอยากไปดูมันเอง.." 



    "นายกำลังหลบหน้าฉันเลสลีย์" มือใหญ่คว้าต้นแขนของคนที่จะเดินหนีตัวเองไว้ในทันที "นี่มันไม่ใช่นายเลยสักนิด"



    "ฉันควรพูดอะไรล่ะ? ฉันในตอนนี้ควรทำอะไร นายตอบได้ไหม!"  



    นัยน์ตาสีอ่อนที่เริ่มแดงก่ำจ้องใบหน้าของทรูอัลฟ่าด้วยความรู้สึกอึดอัดเต็มทน แค่ที่รู้สึกมันก็สับสนมาก
    พออยู่แล้ว ยิ่งไทเลอร์นั้นมากดดันกันแบบนี้แอชเชอร์เองก็ยิ่งรู้สึกหมดหนทางเข้าไปใหญ่



    "อย่างน้อยเราก็ควรคุยเรื่องที่เกิดขึ้นกันให้รู้เรื่อง" 



    "ฉันไม่ได้เดือดร้อน" เลสลีย์ตอบกลับเสียงแข็ง "ถ้าฉันกับนายไม่ใส่ใจ มันก็จะไม่เป็นปัญหา" 



    "แต่ฉันเดือดร้อน" 



    "!!!"



    "ถึงฉันจะไม่ได้กัดนาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นฉ้ันก็ควรจะทำอะไรสักอย่าง" 



    "แล้วถ้าฉันบอกว่าไม่ต้องการ.. นายจะยังดึงดันทำงั้นสิ"  ร่องรอยของความเจ็บปวดยังฉายชัดอยู่ในแววตาของเลสลีย์ไม่เปลี่ยน แม้เจ้าตัวจะกลับมามีท่าทีดื้อดึงเหมือนเคย  



    "...."



    "นายไม่จำเป็นต้องมาเป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องพวกนี้เลยสักนิด" 



    "นายกำลังพูดไม่รู้เรื่องนะเลสลีย์" เชสว่าเสียงเข้ม พลางใช้ตัวขวางคนที่ยังคงจะดึงดันออกไปข้างนอกห้อง 



    "ฉันเป็นอัลฟ่า.. นายเองก็เป็นทรูอัลฟ่า แค่นี้มันก็ผิดทุกอย่างแล้วไทเลอร์ นายไม่เข้าใจอะไร!" เสียงติดแหบของอัลฟ่าแดนเหนือตะโกนออกมาอย่างเหลืออด มือเรียวสวยเองก็ไม่วายที่จะผลักอกของไทเลอร์เป็นเชิงดูถูก  "นายเองไม่ได้เดือดร้อนเลยสักนิด! คนที่อยู่สูงสุดแบบนายไม่จำเป็นต้องมาใส่ใจหรอกว่าฉันจะรู้สึกยังไง" 



    "ฉันไม่สนใจระบบวรรณะบ้าบออะไรพวกนั้น" 



    "...."



    "เหมือนที่พี่นายไม่เคยสนใจ"



    "ที่อาเธอร์เป็นแบบนั้นก็เพราะทรูอัลฟ่าแบบนายไง!  เพราะไอ้ความรักงี่เง่านั่นที่ทำให้พี่ฉันต้องเป็นแบบ
    นั้น ยังไงแล้วพวกนายก็ต้องคู่กับโอเมก้าไม่ใช่อัลฟ่าแบบพวกฉัน" 



    "น้อยใจหรือ?"  ไทเลอร์ใช้มือเชยคางได้รูปของคนที่กำลังเดือดดาล 



    "ไม่เลยสักนิด" แต่เลสลีย์ก็ยังคงเป็นเลสลีย์ 



    "แต่อย่างน้อยฉันก็อยากให้นายรู้ไว้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองพิเศษกว่าใคร.."



    "พูดบ้าอะไรของนายน่ะไทเลอร์"



    "ไม่เรียกฉันว่าเชสเหมือนตอนนั้นแล้วหรือ?" 



    ใบหน้าคมของทรูอัลฟ่าหนุ่มโน้มลงมาใกล้ใบหน้าขาวจนต่างฝ่ายต่างรับรู้ถึงลมหายใจร้อนๆของกันและกัน 



    "ไม่!" 



    "พูดให้ฉันฟังชัดๆสิว่านายไม่ได้รู้สึกดีเหมือนกับฉันตอนที่ฉันกอดนาย"



    "หยุดพูดถึงเรื่องนั้นสักที ฉันไม่อยากนึกถึงมัน" 



    "งั้นหรือ..." ฝ่ามือหนาแกล้งปัดผ่านไปที่บริเวณหน้าท้องของเลสลีย์ก่อนจะกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์พลางเอ่ยประโยคคำถามที่ทำให้ใบหูขาวแดงก่ำ "แล้วนายจำได้ไหม ว่าตอนนั้นฉันเข้าไปในตัวนายลึกแค่ไหน" 



    "ไทเลอร์!" 



    "แต่ฉันจำได้ดีเลยล่ะว่ามันดีแค่ไหน" 



    พลั่ก!



    มือขาวกำเข้าหากันแน่นก่อนที่จะง้างหมัดชกเข้าไปที่ใบหน้าหล่อของทรูอัลฟ่าหนุ่มเต็มแรง จนเจ้าของผิวสีเข้มนั้นได้เลือดที่บริเวณมุมปาก 



    "งั้นก็อย่าลืมจำนี่ไว้ด้วยแล้วกัน!" 



    "หมัดหนักใช่ได้เลยนี่.." ไทเลอร์ใช้หลังมือเช็ดมุมปากลวกๆ โดยที่ยังคงมีรอยยิ้มประดับมุมปากไม่จาง "แต่ก็คงไม่หนักเท่าที่ฉันกอดนาย" 



    "ฉันไม่ตลกกับนายหรอกนะ"



    "แล้วฉันดูตลกมากงั้นหรือ?" 



    "ถ้ามันไม่มากเกินไปกว่าที่นายจะได้ ฉันก็ขอให้เรื่องระหว่างฉันกับนายมันจบกันแค่นี้ ฉันจะถือซะว่ามันเป็นความผิดพลาดของตัวเอง" 



    "คงเป็นแบบที่นายว่าไม่ได้หรอก" 



    "!!!"



    "ในเมื่อตอนนี้นายเป็นคนของไทเลอร์



    ทรูอัลฟ่าหนุ่มที่เคยยืนอยู่ตรงหน้ากลับทรุดลงนั่งคุกเข่าให้กับร่างขาว ท่ามกลางความตกใจของอัลฟ่าแดนเหนือที่ได้แต่ยืนนิ่งมองการกระทำที่ไม่คาดคิดของหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์  การกระทำที่แสดงออกถึงความนอบน้อมและเคารพมันฉายชัดอยู่ในดวงตาของแอชเชอร์เสียจนเจ้าตัวปิดปากเงียบ 



    "เลสลีย์เองก็มีเกียรติ และแน่นอนว่าไทเลอร์ก็มีเกียรติมากพอเช่นกัน" 



    "คุกเข่าให้ฉันแบบนี้ทำไม ไทเลอร์"



    ขาเรียวที่สั่นเทาของแอชเชอร์เผลอก้าวถอยหลังในทันทีแต่ก็ไม่ไวเท่ากับมือใหญ่ที่คว้าเข้ากับมือเรียวสวย 



    "ต่อไปนี้ นายถือว่าเป็นคนของไทเลอร์โดยสมบูรณ์ แอชเชอร์ 



    ใครจะคิดกันว่าวันหนึ่งเชส ไทเลอร์ จะยอมคุกเข่าให้กับแอชเชอร์ เลสลีย์ อย่างไม่มีข้อแม้แบบนี้ ความรู้สึกที่สมควรจะลอยละล่องกลับกลายเป็นว่าทำให้แอชเชอร์ว่างเปล่าไปเสียหมดเพราะความสับสน ก้อนในที่อยู่ภายในอกเต้นถี่ระรัวเมื่อยามที่ริมฝีปากหยักนั้นจรดจูบบนหลังมือขาว ทาบทับกลีบเนื้อนิ่มอุ่นร้อนนั่นไว้นานเสียจนยามที่ละออกไปก็ยังคงทำให้ร่างขาวรู้สึกถึงสัมผัส 



    คนของไทเลอร์อย่างงั้นหรือ...



    ไทเลอร์ที่ไม่เคยคิดจะลดตัวให้ต่ำกว่าแอชเชอร์ในตอนนี้น่ะหรือที่ยอมคุกเข่าให้กับเขา  ถ้านี่เป็นฝันก็คงเป็นความฝันที่เหมือนจริงจนน่ากลัวเลยล่ะ 



    "พอลองเดาได้ไหม ว่าต่อไปนี้ฉันเองก็คงปล่อยนายให้คลาดสายตาไม่ได้อีกแล้ว" 








    HASTAG #youngmastermn 









    TALK : อย่าคาดหวังกับฉาก CUT ของเรามากเลยนะคะเพราะได้แค่นี้จริงๆ T-T  คำถามก็คือน้องแอชหวั่นไหวกับคุณเชสบ้างหรือยัง? ติ๊กต่อกๆ แต่ว่าคุณเชสยอมคุกเข่าให้น้องแล้วนะคะ ไว้เจอกันตอนหน้าแบบยาวๆ กับการคลายปมต่อแล้วกันเน้ออออ  


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in