เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
7 คาบสมุทรKamchai Charoenpongchai
เกาหลีเหนือเผยโฉมขีปนาวุธข้ามทวีป ชนิดปล่อยจากเรือดำน้ำ
  • GlobalSecurity.org : Sinpo / GORAE-Class Ballistic Missile Sub
    สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี หรือที่เรียกกันติดปากชาวโลกว่า ประเทศเกาหลีเหนือ ได้จัดพิธีสวนสนามแสดงแสนยานุภาพทางการทหาร ที่จัตุรัส คิม อิล ซุง ใจกลางกรุงเปียงยาง เนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ ๑๐๕ ปี ของคิม อิล ซุง ผู้นำสูงสุด ผู้ก่อตั้งประเทศ และเป็นปู่ของ คิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือคนปัจจุบัน และเผยแพร่ภาพไปทั่วโลก เมื่อวันที่ ๑๕ เมษายน ที่ผ่านมา โดยอาวุธที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดในขบวนสวนสนามนี้ เห็นจะหนีไม่พ้น อาวุธปล่อยนำวิถีประเภทต่างๆ ซึ่งขนกันมาเต็มคันรถ และหนึ่งในนั้นก็คือเขี้ยวเล็บใหม่อย่าง ขีปนาวุธข้ามทวีป ปั๊กกุ๊กซอง-๑ (Pukgeukseong-1) หรือชื่อภาษาอังกฤษที่หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ตั้งชื่อให้ว่า KN-11 Poralis-1 ตามชื่อภาษาเกาหลีที่แปลว่าดาวเหนือ
    ขีปนาวุธข้ามทวีป Pukgeukseong-1 ที่นำออกมาสวนสนามในวันที่ ๑๕ เม.ย.๖๐

    ขีปนาวุธข้ามทวีป Pukgeukseong-1 เป็นอาวุธปล่อยนำวิถีพิสัยกลางชนิดปล่อยจากเรือดำน้ำ (Submarine Launched Ballistic Missile:SLBM) ในเบื้องต้น สื่อต่างๆ ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับขีปนาวุธชนิดนี้มากนัก นอกจากการคาดเดาไปต่างๆ นานา ของผู้เชี่ยวชาญด้านการทหาร โดยมีการคาดการณ์กันว่า ขีปนาวุธนี้จะมีรัศมีทำการประมาณ ๒,๐๐๐ – ๒,๕๐๐ กม. แต่จากการทดลองขีปนาวุธในแต่ละครั้ง แสดงให้เห็นว่า ขีดความสามารถของตัวมันเองในขณะนี้ น่าจะสามารถไปได้ไกลเพียงแค่ ๑,๐๐๐ กม. ซึ่งเป็นระยะที่สั้นมาก สำหรับอาวุธปล่อยประเภทนี้ ที่น่าจะมีรัศมีทำการมากกว่า ๓,๐๐๐ กม. แต่นี่ก็ยังเป็นแค่อาวุธที่อยู่ในขั้นทดลอง เชื่อแน่ว่า ถ้าเกาหลีเหนือยังทดลองและพัฒนาไปเรื่อยๆ ก็จะสามารถเพิ่มรัศมีทำการได้ไกลกว่านี้ แต่เพียงเท่านี้ เกาหลีเหนือก็สามารถยิงอาวุธปล่อยได้ถึงฐานทัพเรือสหรัฐฯ ในญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ได้แล้ว รวมถึงอาจจะไปได้ไกลถึงฐานทัพเรือในฮาวายหรือตอนเหนือออสเตรเลียด้วย เมื่อยิงจากเรือดำน้ำ
    ภาพวาดเรือดำน้ำยิงขีปนาวุธข้ามทวีป Pukgeukseong-1

    มีรายงานว่าเกาหลีเหนือได้ทดลองขีปนาวุธข้ามทวีป Pukgeukseong-1 มาแล้ว ๑๒ ครั้ง สำเร็จบ้างและไม่สำเร็จบ้าง แต่ครั้งที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคือการยิงจากเรือดำน้ำเมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ปีที่แล้ว โดยขีปนาวุธสามารถโคจรไปได้ไกล ๕๐๐ กม. ซึ่งเป็นระยะที่ตั้งไว้สำหรับการทดลอง และตกลงในน่านน้ำของทะเลญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าเกาหลีเหนือสามารถพัฒนาอาวุธได้อย่างรวดเร็วมากในห้วงเวลาเพียงไม่ถึง ๒ ปี นับจากการทดลองขีปนาวุธนี้ครั้งแรก
    ภาพการยิงขีปนาวุธข้ามทวีป Pukgeukseong-1 จากสื่อของเกาหลีเหนือ

    โดยในครั้งแรก และหลายๆ ครั้ง เกาหลีเหนือทดลองขีปนาวุธจากฐานยิงใต้น้ำ ที่ทำขึ้นเลียนแบบฐานยิงของสหภาพโซเวียตในอดีต โดยได้มีการจับภาพจากโปรแกรม Google Earth ได้พร้อมกับเรือดำน้ำชั้นใหม่
    ภาพท่าเทียบเรือซึ่งแสดงให้เห็นเรือดำน้ำชั้น Sinpo และแพทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีป Pukgeukseong-1 ในเดือน ต.ค.๒๐๑๔
    ภาพแพทดสอบยิงอาวุธปล่อยจากใต้น้ำ PSD-4 ของสหภาพโซเวียต ในช่วงยุคปี ๑๙๖๐

    นอกจากตัวขีปนาวุธแล้ว ตัวเรือดำน้ำก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเกาหลีเหนือก็ต่อเรือดำน้ำขึ้นมาใหม่ด้วย มีชื่อชั้นว่า Sinpo ตามชื่อเมืองที่ต่อเรือลำนี้ แต่สื่อต่างประเทศบางสำนักก็เรียกว่าชั้น GORAE ซึ่งแปลว่า ปลาวาฬ เรือดำน้ำนี้เป็นเรือชั้นใหม่ซึ่งต่อขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเป็นฐานยิงขีปานวุธข้ามทวีปติดหัวรบนิวเคลียร์โดยเฉพาะ โดยเป็นเรือดำน้ำดีเซล ไม่มีระบบ AIP และมีขนาดประมาณ ๑,๖๕๐ ตัน ความยาว ๖๕ เมตร ความกว้าง ๖.๕ เมตร นอกจากช่องยิงขีปนาวุธ ที่มีเพียง ๑ ท่อยิงแล้ว ก็มีเพียงท่อยิงตอร์ปิโด ประมาณ ๒ - ๔ ท่อเท่านั้นเอง ซึ่งนับว่าเป็นเรือดำน้ำที่มีภารกิจชัดเจน และจำกัดมาก หรือไม่ อาจจะเป็นแค่เรือดำน้ำที่สร้างขึ้นเพื่อทดลองขีปนาวุธแต่เพียงอย่างเดียวก็เป็นได้
    โครงสร้างของเรือดำน้ำชั้น Sinpo เป็นแบบตัวเรือชั้นเดียว มีลักษณะคล้ายกับเรือชั้น Yugoslavian Heroj หรือ Sava ของกองทัพเรือยูโกสลาเวีย ส่วนตัวหอบังคับการและการวางตัวของขีปนาวุธ มีลักษณะคล้ายกับเรือดำน้ำชั้น GOLF หรือ ROMEO ของกองทัพเรือรัสเซีย และด้วยความที่เรือมีขนาดเล็กมาก จึงทำให้คาดการณ์กันว่า เรือจะมีที่เก็บเสบียงไม่มากนัก ทำให้รัศมี และห้วงเวลาในการปฏิบัติการไม่มากตามไปด้วย รวมถึงการที่ไม่มีระบบ AIP ทำให้เรือต้องขึ้นมาเดินเครื่องจักรใหญ่บ่อยกว่าเรือดำน้ำดีเซลสมัยใหม่ จึงทำให้ภัยคุกคามของเรือดำน้ำลำนี้ ต่อกองทัพสหรัฐฯ นั้น ยังไม่มากนัก แต่ถ้าเป็นเกาหลีใต้ กับญี่ปุ่นนั้น ความสามารถเพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ที่จะทำลายสถานที่สำคัญๆ ของทั้งสองประเทศ


    ในปัจจุบันเรือดำน้ำในชั้นนี้ มีเพียงแค่ลำเดียว ภาพของเรือดำน้ำลำนี้ถูกสังเกตเห็นจากโปรแกรม Google Earth บริเวณท่าเทียบเรือแห่งหนึ่งใน Sinpo โดยก่อนหน้าที่จะปรากฏภาพของเรือดำน้ำนั้น บริเวณโดยรอบ เป็นภาพของหลังคาอาคาร ซึ่งคงจะเป็นหลังคาคลุมพื้นที่การก่อสร้างเรือดำน้ำนั่นเอง โดยหลังจากนั้น ก็ได้มีภาพของเรือดำน้ำจากสื่อของเกาหลีเหนือออกมาเป็นระยะๆ โดยไม่มีข้อมูลใดๆ เลย ดังนั้น ข้อมูลทั้งหมดจึงเกิดจากการวิเคราะห์ภาพถ่าย วีดีโอ และอื่นๆ โดยผู้เชี่ยวชาญ
    ความสามารถในการยิงขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์โดยเรือดำน้ำนั้น เป็นขีดความสามารถที่กองทัพเกาหลีเหนือต้องการที่จะพัฒนาให้ประสบความสำเร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อเป็นหลักประกันให้กับตนเอง ในกรณีที่ถูกโจมตีฐานยิงขีปนาวุธบนบก เพราะหลักการของยุทธศาสตร์นิวเคลียร์ คือการธำรงไว้ซึ่งขีดความสามารถในตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์เมื่อถูกโจมตีฐานยิงอาวุธนิวเคลียร์ในครั้งแรก อธิบายแบบง่ายๆ คือ หากเกาหลีเหนือมีขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ที่ปล่อยจากฐานยิงบนบกเพียงอย่างเดียว เมื่อถูกโจมตีฐานยิงต่างๆ พร้อมกันในครั้งแรก เกาหลีเหนือจะไม่สามารถตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ต่อประเทศที่โจมตีได้เลย ดังนั้นจึงต้องมีก๊อก ๒ ก๊อก ๓ สำรองไว้ เพื่อเป็นหลักประกันว่า ถ้ามีใครโจมตีเกาหลีเหนือก่อน เกาหลีเหนือจะมีอาวุธนิวเคลียร์ตอบโต้ได้ในทันที
    ซึ่งวิธีการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ในปัจจุบันที่เป็นที่นิยมกันมีอยู่ ๓ วิธีการ คือ ระเบิดนิวเคลียร์ (Strategic Bomber) ที่ใช้ทิ้งจากเครื่องบิน (เหมือนกับที่สหรัฐฯ ใช้ในสงครามโลกครั้งที่ ๒ ที่ญี่ปุ่น) , ขีปนาวุธข้ามทวีป (Intercontinental Ballistic Missile : ICBM) และ เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ติดขีปนาวุธ (submarine-launched ballistic missiles : SLBM) ซึ่งทั้ง ๓ อย่างนี้ รวมเรียกกันว่า Nuclear Triad ซึ่งปัจจุบันมีเพียง ๔ ประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ครบทั้ง ๓ ประเภทดังกล่าว คือ สหรัฐอเมริกา รัสเซีย จีน และอินเดีย แต่สองประเทศหลังนั้น ก็ยังไม่จัดอยู่ในขั้นที่เรียกได้ว่าสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเพิ่งจะมีการทดสอบ ทดลองกันในห้วงไม่กี่ปีมานี้เอง ส่วนเกาหลีเหนือนั้น คงจะต้องใช้เวลาอีกหลายปี เพราะองค์ประกอบที่สำคัญนอกเหนือไปจากขีปนาวุธข้ามทวีปแล้ว ก็คือ เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ ที่จะสามารถซ่อนพรางอยู่ในทะเลได้นาน ตั้งแต่เริ่มมีสถานการณ์ขัดแย้ง ไม่ใช่เรือดำน้ำดีเซลที่ต้องได้รับการส่งกำลังบำรุง และต้องขึ้นมาเดินเครื่องยนต์ดีเซล อย่างเช่นเรือชั้น Sinpo แต่อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเป็นอย่างมากในด้านอาวุธนิวเคลียร์ เนื่องจากเกาหลีเหนือสามารถผลิตแร่ยูเรเนียมเสริมสมรรถนะได้รวดเร็วมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ดังจะเห็นได้ว่า เกาหลีเหนือมีการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ถี่ขึ้นกว่าช่วงแรกๆ มาก ดังนั้น สหรัฐฯ อเมริกาจึงเริ่มเห็นเกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐฯมากขึ้นเป็นเงาตามตัว


    อ้างอิง

    ๑.  NavyRecognition : North Korea Displays KN-11SLBM for the First Time During Military Parade in Pyongyang

    ๒.  Analysis- Sinpo Class Ballistic Missile Sub by H I Sutton

    ๓. GlobalSecurity.org : Sinpo / GORAE-Class Ballistic Missile Sub

    ๔. Wikipedia : Pukkuksong-1

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in