เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บัวลอยทัมทิมกรอบ ♥April
โพสต์นี้มีเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมกับเยาวชน (OS) Drain #บัวลอยทับทิมกรอบ
  •  
    Name:    Drain me
    Theme:  #Inktober 21 - Drain
    Rate:      PG-15, male loves male content, a little bit sex scene(oral) and 
                   non-human characters. 
    Note:     It's not that dramatic but some kind of bittersweet







    Better with this song :) 













    LOVE PROVIDES HAPPINESS WHEN THERE IS NO HAPPINESS.














    ควันบุหรี่ลอยเคว้งในอากาศ ท่ามกลางหิมะสีขาวโพลนโปรยปรายร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า ดวงตาว่างเปล่าทอดมองไปยังถนนสายหลักที่ยาวสุดลูกหูลูกตา 'ธนกฤต' กำลังนึกถึงประโยคที่เพื่อนสนิทเพิ่งพูดใส่เขาก่อนวางสาย


    'คำว่า รัก มันกลายเป็นอะไรไปแล้ววะ ในความคิดของมึง' 


    ธนกฤตเค่นยิ้ม มุมปากยกขึ้นราวกับหัวเราะเยาะให้อย่างสมเพชกับความเขลาของคนถาม ควันสีเทาอ่อนพุ่งพวยออกทางปากและปลายจมูก


    ความรัก.. สำหรับเขาแล้ว
    มันคือการครอบครอง 





    ภายในห้องใต้ดินคับแคบกลิ่นเหม็นอับชื้น ร่างของสัตว์ป่าที่ถูกขนานนามว่าดุร้ายและโหดเหี้ยม กำลังนอนขดคู้หมดสภาพ พร้อมกับคราบเลือดแห้งกรังบริเวณขาหลัง ลำคอของมันถูกล่ามไว้ด้วยโซ่เหล็กอันใหญ่ที่ทั้งหนาและหนักอึ้ง ดวงตาสีอำพันมองลอดออกไปนอกหน้าต่างทรงกลมบานเดียวที่มีอยู่ในที่แห่งนี้ มันไม่ได้ใหญ่นักแถมยังอยู่สูงเกินกว่าที่ หมาป่า ในสภาพแบบนี้จะใช้หนีออกไป

     



    Thought I found a way out 
    But you never go away 
    So, I guess I gotta stay now





    ฝีเท้าดังสวบสาบอยู่ไม่ไกลนักทำให้รู้ว่ามีผู้มาเยือน มือหนาจับกรงเหล็กขึ้นสนิม เขย่าทำเสียงดังแกล้งให้สัตว์เดียรัจฉานตื่นตระหนก แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าผลที่ได้ก็เป็นแค่ปลายหูขยับส่ายไปมาตอบรับเท่านั้น 


    "ทำไมไม่กินข้าว?" หางตาเหลือบเห็นชามข้าวแบบมนุษย์ยังคงอยู่ที่เดิมไร้ร่องรอยการจับหรือสัมผัส ก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ก่อนจะไขกุญแจเพื่อขยับเยื้องกายเข้าไปหาด้านในแล้วทรุดตัวลงนั่งยองๆอยู่ข้างร่างนั้น 


    "ดูคุณสิ.. งดงามชะมัด" ไม่ว่าเปล่า มือหนาวางลูบตั้งแต่หลังคอลงมาจนถึงช่วงตัว เส้นขนหยาบอัดแน่นปกคลุมเพื่อให้ความอบอุ่น สีของมันดำขลับตั้งแต่จมูกยันปลายหาง ยิ่งแสงจัทนร์นวลส่องกระทบ ยิ่งดูน่าเกรงขาม ลึกลับ และชวนหลงใหล 

    "กรร..." เสียงขู่ฟ่อทำเอาคนที่กำลังเยินยอสิ่งมีชีวิตแสนวิเศษในความคิดของเขาชะงักลง มุมปากเหยียดยกขึ้นแสยะยิ้ม 
    "เมื่อไหร่คุณจะหยุดดื้อกับผมสักที จะให้บอกกี่รอบ ว่าผมไม่ได้ตั้งใจยิง" ธนกฤตพูดเป็นรอบที่ร้อยเห็นจะได้ ตั้งแต่พา เขา เข้ามา เก็บ ไว้ในห้องใต้ดินเมื่อสามสี่วันก่อน 

    "กรร!.." เสียงขู่นั้นดังขึ้นกว่าเดิมด้วยอารมณ์โทสะเหมือนสั่งให้หยุดพูดพร่ำเพ้อ พลันขยายร่างยืดออกสูงขึ้น ขนที่ปกคลุมก็ค่อยๆหายไปจนเหลือเพียงเส้นขนบางๆ

    ดังเช่นมนุษย์



    "Hey, baby" ธนกฤตเอ่ยทักเสียงอ่อน จากหมาป่าดุร้าย กลายเป็นชายหนุ่มวัยสามสิบกลางๆร่างสูงโปร่งที่สำคัญต่อเขามากมายเหลือเกิน ในฐานะของคนรัก และคู่ชีวิต ที่กำลังจะแต่งงานกัน 

     "แล้วทำไมต้องขังไว้" เสียงแหบแห้งเอ่ยในลำคอ ทั้งโกรธ และสับสน เขายังคงนอนขดตัวหันหลังให้อยู่ แม้ไหล่จะสั่นสะท้านด้วยความหนาวเหน็บ คนฟังได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจพร้อมรอยยิ้มบางๆ

    "คำถามนี้เองหรอ? สามสี่วันที่คุณไม่ยอมคุยกับผม เพราะเรื่องนี้หรอ" ว่าไปพลางจับไหล่อีกฝ่ายพลิกให้หันมาเผชิญ ธนกฤตเปลี่ยนท่าขยับแทรกตัวคร่อมทับอีกฝ่าย ปลายนิ้วเกลี่ยลูบแก้มนิ่มเย็นเฉียบ "ก็ง่ายๆ.."


     "เพราะผมรักคุณไง ภพธร" 

    คนฟังรู้ว่ามันคือความจริง จากแววตาที่ไม่มีแม้แต่จะสั่นไหวอย่างติดตลกหรือล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย กลับกัน ภพธรในตอนนี้ทั้งแหลกสลาย เปราะบางและไม่มั่นคง 

    "แต่คุณก็รู้ดี.. ผมปล่อยคุณไปไม่ได้"



    "ถ้าพวกเขาเห็นคุณ เขาไม่มีทางปล่อยคุณไป.. รู้ใช่ไหม?" น้ำเสียงนั้นเจ็บปวดสุดขั้วหัวใจ พวกเขาที่ว่า นั่นก็คือ แวร์วูล์ฟฮันเตอร์ นักล่ามนุษย์หมาป่า หรือที่เขาเรียกกันสั้นๆว่าพวกฮันเตอร์ ธนกฤตเห็นภาพมนุษย์หมาป่านับร้อยชีวิตถูกล่าส่งขายตลาดมืดมาตั้งแต่เด็กจนโต บ้างถูกจับไปเป็นทาส บำเรอความใคร่ คนรับใช้ หรือ แม้กระทั่งขายอวัยวะภายใน เลือด ที่คนชั่วเชื่อกันว่าสามารถรักษาโรคร้ายได้เสียจนชินชา เขาไม่เคยดูดำดูดีชีวิตพวกนั้น เพราะเขาถูกสอนให้เกลียดพวกมัน แม้ลึกๆในใจจะชื่นชม ความฉลาด รู้ทันศัตรู ความแข็งแกร่ง และสรีระรูปร่างแสนงดงามมากแค่ไหน แต่เขาก็ต้องทำเป็นเกลียด เกลียดแสนเกลียดสิ่งมีชีวิตผิดปกติเฉกเช่นสัตว์ประหลาดเหล่านั้น 

    มันเป็นเหตุผลที่ภพธรไม่เคยบอกธนกฤตถึงเรื่องนี้ ตั้งแต่เริ่มคบหาดูใจ จนเวลาล่วงเลยมาจนเกือบสิบปี 



    และความจริงก็ถูกเปิดเผย เมื่อสี่วันก่อน พวกเขาสองคนตัดสินใจเก็บกระเป๋าออกไปแคมปิ้งในป่าที่ห่างออกไปจากบ้านหลังนี้ไม่ไกลนัก 

    ภพธรนั่งมองธนกฤตเช็คลำปืนและเตรียมกระสุนมากหมายหลายขนาดวางเรียงไว้ 

    รวมถึงกระสุนวูล์ฟเบน*


    เขาพอรู้ว่าธนกฤตทำธุรกิจค้าอาวุธร่วมกับครอบครัว 
    แต่ไม่เคยรู้ลึกไปถึงขั้นว่ามีอาวุธสำหรับล่ามนุษย์หมาป่าด้วย



    และในกลางดึกคืนนั้นเอง เขาตัดสินใจบอกความจริงกับคนรัก ภพธรเชื่อสุดใจว่าอีกฝ่ายจะไม่ทำร้ายเขา พวกเรารักกันมากจนเพียงแค่ขยับตัวก็รู้ว่าต่างฝ่ายต่างต้องการอะไร แต่ปฏิกิริยาตอบกลับเป็นสีหน้าปกติพร้อมเสียงหัวเราะราวกับเป็นเรื่องตลกทำให้เขาโกรธจนต้องกลายร่างเพื่อพิสูจน์ให้เห็น


    และทุกอย่างก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว



    เสียงลั่นไกดังพร้อมกับอาการเจ็บแปลบบริเวณขาหลัง ภพธรทรุดตัวลงดิ้นทุรนทุราย ร้องครางโอดครวญเสียงหลงน้ำตาคลอ ทรมารเหมือนกำลังจะตาย มันทั้งปวดแสบปวดร้อนไปทั่วทั้งร่างกาย ภาพของพ่อกับแม่ที่เตือนตั้งแต่ยังเด็กกว่าอย่าคบหากับมนุษย์ที่ไม่ใช่คนในหมู่เรา ฉายซ้ำไปซ้ำมา เจ็บทั้งร่างกาย แหลกสลายไปถึงความรู้สึกภายในจิตใจ


    รู้ตัวอีกทีก็ได้ลงมานอนในห้องขังชั้นใต้ดินที่ไม่รู้ว่าธนกฤตแอบมาสร้างไว้เมื่อไหร่ หรือว่ารู้อยู่แล้วเลยเตรียมการไว้เพื่อรอวันที่เขาบอกความจริงก็ไม่แน่ใจนัก ถึงธนกฤตจะทำให้แผลให้เขาแล้วแต่พิษของวูล์ฟเบนยังคงอยู่ ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันจะหายขาดเมื่อไหร่.. เพราะคนที่โดน ก็ไม่เคยเหลือรอดกลับไปบอกเล่าถึงวิธีแก้เลยสักราย






    Need a place to hide, but I can’t find one near
    Wanna feel alive, outside I can’t fight my fear






    ปลายจมูกและลมหายใจอุ่นเลคียข้างแก้มทำให้ภพธรตื่นจากภวังค์ ดวงตาคล้ำร้อนผ่าวคลอด้วยของเหลวใส 


    "แต่คุณไม่จำเป็นต้องขังผมไว้.. ผมไม่เคยทำร้ายใคร ผมควบคุมตัวเองได้ และดูแลตัวเองได้" น้ำเสียงสั่นเครือเว้าวอน มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องขัง เขาไม่เคยอาละวาดเหมือนพวกมนุษย์หมาป่าบางจำพวก แถมยังอยู่ดีมาจนถึงอายุปูนนี้แล้วด้วยซ้ำ ธนกฤตกังวลมากเกินไปถึงตัวตนอีกด้านนึง จนมันทำร้ายเขาแทน


    "เชื่อผมเถอะ.. แบบนี้น่ะ ดีแล้ว" 
    "แต่คุณจะให้ผมใช้ชีวิตอยู่ในที่เส็งเคร็งแบบนี้ได้ยังไง!?" ภพธรตะคอกใส่ด้วยความเคืองโกรธ น้ำตาไหลอาบแก้ม ทั้งโมโห ทั้งเสียใจ ปะปนกันไปหมด 

    "ชู่ว.." ธนกฤตเป่าปากให้อีกฝ่ายใจเย็นลง "ผมจะทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นเอง" เขาว่าพลางเกลี่ยปอยผมที่กำลังปรกใบหน้าของคนรักออกทัดไว้ข้างใบหู แนบริมฝีปากร้อนจรดกลางหน้าผากปลอบประโลม 



    "เชื่อใจผมได้ผมหรือเปล่า?" ภพธรขบฟันกรามแน่นอดกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลเป็นเขื่อนแตก มืออุ่นลากไล้ข้างลำตัว ก่อนที่ริมฝีปากนั้นจะเลื่อนมาพรมจูบข้างลำคอแทน 


    ภพธรรู้ตัวดีว่าไม่มีสิทธิโกรธเรื่องที่ถูกยิง เพราะเขาเองก็ปกปิดเรื่องนี้กับคนรักมาเกือบสิบปี อีกฝ่ายจะตกใจคงไม่แปลก 

    มนุษย์ก็แบบนี้ ปกป้องตัวเองจากสิ่งที่ตัวเองไม่รู้จักด้วยการทำให้ อ่อนแอ หรือไม่ก็ ฆ่า 






    "ฮ่ะ ..อือ" ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นกับแรงบีบคลึงบริเวณสะโพก และปลายลิ้นที่หยอกเย้าดูดดึงอยู่กับยอดอกทั้งสองข้าง ธนกฤตกำลังมอบความอบอุ่นให้ร่างกายเปลือยเปล่าตรงหน้าทีละนิด จากผิวเย็นเฉียบ ก็เริ่มอุ่นขึ้นทีละนิดมาจากสัมผัสของเขา 


    "วันนี้ตัวคุณหอมกว่าปกติ.. เป็นเพราะอยู่ในร่างนั้นนานหรือเปล่า?" 

    "จมูกเพี้ยนรึไง.. เห็มนจะตาย" ปากว่าแบบนั้นแต่ก้อนเนื้อในอกกลับเต้นแรงด้วยความดีใจที่อีกฝ่ายไม่ได้รังเกียจตัวเขา ภพธรเบือนหน้าสีระเรื่อหนีออกไปมองด้านนอกกรงขัง สายตาคมกริบมันชวนให้เขินจนไม่กล้ามองสบเลยแม้แต่นิดเดียว 

    ธนกฤตยกยิ้มอย่างพอใจ ลากปลายลิ้นเล็มเลียสลับกับกดจูบเรื่อยลงมาตามมัดกล้ามบริเวณหน้าท้อง จนถึง.. ส่วนอ่อนไหวที่กำลังรอการปลุกเร้า



    "ฮื่อ.. อ อะ..อาา" ไหล่กว้างสะดุ้งเฮือกเมื่อส่วนปลายถูกครอบครองด้วยริมฝีปากอุ่น พร้อมกับปลายลิ้นที่ละเลงปรนเปรอหนักหน่วงแบบไม่ทันให้ได้ตั้งตัว ภพธรเลื่อนมือบีบไหล่หนาของคนรัก ขยำเสื้อโค้ทตัวหนาจนแน่นมือ 
    "อ..อะ ว่า- อื้อ ว่าน.." สัมผัสนุ่มอุ่นชื้นในโพรงปากเรียกเสียงครางกระเส่าได้เป็นอย่างดี ความคิดฟุ้งเฟ้อในหัวเริ่มกระจายหมุนคว้าง รับรู้เพียงความเสียวซ่านแล่นปราดทั่วร่างกาย และกระนั้น คนทำก็ยิ่งได้ใจ จังหวะกลืนกินให้หนักหน่วงพร้อมกับปลายนิ้วที่ไล้วนรอบปากทางปิดสนิท ก่อนจะกดแทรกเข้าไปสองนิ้วโดยไม่รีรอ สอดใส่เข้าออกให้อีกฝ่ายได้คุ้นชิน เพื่อรับมือกับอะไรที่ใหญ่กว่านั้น

    "อึก.. ค-ค่อย ฮ่ะ ค่อย อย่าเพิ่งขยั-- อื้อ!"  ถึงภพธรจะเอ่ยห้ามแต่สะโพกด้านล่างกลับตอบสนองสวนทางกัน มันขยับโยกสวนจังหวะเข้าออกอย่างต้องการ ด้านในเกร็งตัวบีบรัดแน่นจนธนกฤตต้องถอนริมฝีปากออกจากส่วนอ่อนไหวมาสูดปากครางอือในลำคออย่างเหลืออด หยัดตัวขึ้นนั่งคุกเข่า สอดท่อนแขนแข็งแรงเข้าใต้ข้อพับเพื่อยกเรียวขาข้างนึงขึ้นพาดบ่า


    "แค่นิ้วก็แน่นขนาดนี้แล้ว"  มือที่ว่างอีกข้างปลดกางเกงออกด้วยความชำนาญ แท่งเนื้อตื่นตัวเต็มที่พร้อมใช้งานชูชันสู้สายตา


    "กับของของผม จะแน่นได้ขนาดไหนกันนะ.." 









    Isn’t it lovely, all alone
    Heart made of glass, my mind of stone
    Tear me to pieces, skin to bone
    Hello, welcome home










    แสงแดดที่เล็ดลอดเข้ามาเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ภพธรขยับเปลือกตา ตื่นขึ้นจากความฝันที่แสนอบอุ่นและอ่อนหวาน 

    เขาฝันว่าเราทั้งสองได้แต่งงาน และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

    มันคงจะเป็นเช่นนั้นหากเขาไม่--

    เกร๊ง!! 

    หัวเข็มขัดกระทบกรงเหล็กเรียกให้ภพธรหันไปตามเสียง ธนกฤตกำลังยืนหันหน้าเข้าหาเขา กางเกงที่ยังใส่ไม่เรียบร้อยดีจนเห็นไปถึงชั้นในทำให้ภพธรเบือนสายตาหนี 

    เขินบ้าอะไรเนี่ย.. ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะคบกันสักหน่อย 

    "ผมทำให้คุณตื่นหรอ?" ภพธรส่ายหัวตอบ หยัดตัวลุกขึ้นนั่งพิงกำแพงปูนเปลือยเปล่า อาการเจ็บแปลบบริเวณสะโพก รอยช้ำ และรอยกัดตามหน้าท้องกับแผ่นอก เหมือนเครื่องเตือนใจว่าเมื่อคืนเขารู้สึกมีชีวิตชีวาและสุขสมมากแค่ไหน มันทำให้เขาอยากกอดอีกฝ่ายไว้ อ้อนวอนขอให้ทำอีกสักครั้ง สองครั้ง หรือสามครั้ง ปล่อยเขาให้จมอยู่กับความสุขสมจากเซ็กส์ ยังดีกว่าตื่นมารับรู้ว่าต้องถูกล่ามโซ่ไว้ในนี้ 

    กลิ่นอาหารโชยเตะจมูกจนท้องร้องโครกคราก เขาตัดสินใจแล้วว่าถึงแม้จะยังโกรธที่ถูกขังไว้ แต่วันนี้คงต้องยอมกินอะไรบ้างเพื่อความอยู่รอด ไม่งั้นได้ตายสมใจอยาก



    "ไปทำงานก่อนนะครับ แล้วจะรีบกลับ" ธนกฤตเช็คความเรียบร้อย ทั้งตัวเขาเองและอีกฝ่าย พลางเดินออกจากห้องขัง ใส่กุญแจล็อคไว้ดังเดิม คลี่ยิ้มให้คนที่ตอบรับเพียงแค่เสียงครางอือในลำคอก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป





    "เดี๋ยว" ทันใดนั้นเองที่ฝีเท้าต้องหยุดชะงักจากการเรียกรั้ง 
     



    "ทำไมถึงมีห้องนี้อยู่ในบ้านของเรา.. คุณเตรียมไว้ เพราะรู้อยู่แล้วหรอว่าผมเป็นอะไร?" ภพธรสงสัยมาตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่อง แต่ไม่ได้ทักท้วงเพราะฤทธิ์ของวูล์ฟเบนและตอนนั้นสภาพจิตใจก็ยังไม่พร้อม

    แต่หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน เขาพอจะพยายามเข้าใจเหตุผลของอีกฝ่ายได้และร่างกายก็เริ่มฟื้นตัวจากพิษแล้ว เลยยอมถามออกไป และหวังว่ามันจะเป็นแค่เรื่องตลกที่ธนกฤตหัวเราะ แล้วพูดว่า 'ใครมันจะไปรู้ล่ะ ก็แค่สร้างไว้เผื่อเฉยๆ' อะไรทำนองนั้น






    ความเงียบงันเข้าปกคลุมพวกเขาทั้งสอง ธนกฤตสอดมือหนาไว้ในกางเกงเข้ารูปของตัวเองแล้วหันกลับมาคลี่ยิ้มให้ภพธร 




    "คุณคิดว่าผมไม่รู้จริงๆหรอ?" 

    แต่คำตอบที่ได้รับกลับเกินความคาดหมายและทำให้ภพธรหน้าซีด


    "ผมไม่โกรธหรอกที่คุณไม่ยอมบอกจนเราคบมาจนถึงขนาดนี้ เพราะผมเอง.. ก็มีเรื่องนึงที่ไม่ได้บอกคุณเหมือนกัน" 









    "เรื่องที่ผมเป็น ฮันเตอร์ ไง" 




    END


    Note: เป็นยังไงบ้างคะ 5555555555 ย้อนหลัง Inktober กันหน่อยเพราะช่วงนั้นไม่ว่างเขียน T T พล็อตนี้จู่ๆก็เข้ามาในหัวเฉยเลย ; v ; หลังจากคิดว่ามานานว่า ไอ้ Drain เนี่ย จะเขียนประมาณไหนดีนะ ไม่อยากให้มันแบบ เศร้ามากก อยากให้เป็นหวานปนขมมากว่า 555555555 ดูเหมือนจะเป็นพล็อตดาษๆ(ก็ดาษๆจริงๆ) แต่มันก็มีอะไรอยู่นะ หวังว่าจะมีคนสังเกตเห็นสิ่งที่เราจะสื่อ สำหรับตัวคาร์แรคเตอร์ของพี่ว่าน ยังไงก็พูดคุยกันได้เสมอนะคะ และหวังว่าจะชอบกันนะ :) 

    ถ้าชอบกันเยอะ ก็อยากเขียนเป็นเรื่องยาวเหมือนกันค่ะ แต่ทั้งนี้ ก็.... ขึ้นอยู่กับฟีดแบ็คของทุกคนนะ 5555555 ยังไงก็ฝากกดไลค์กดแชร์ด้วยนะคะ จุ้บๆ  

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in