เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Amazing ThailandTeeraphat Janejai
Booktopia
  • ย้อนไปเมื่องานหนังสือเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผมกลับมารันวงการงานหนังสือ จริงๆ จะบอกว่ารันวงการก็ไม่ถูก เพราะทุกท่านก็น่าจะรู้กันอยู่ว่างานหนังสือทำได้แค่ 'วอล์กวงการ' หรือ 'คลานวงการ' (แม่งเอ้ย แค่เดินจากรถไฟใต้ดินถึงประตูหน้างานก็อยากกลับบ้านแล้วโว้ยยย คนเยอะอะไรขนาดนั้น)

    ที่ไม่ได้ไปงานหนังสือ เพราะขี้เกียจต่อสู้กับนักอ่านนับหมื่นคน อยาก run ก็ไม่ได้ ได้แต่เดินกับถูกดันไปตามคลื่นมนุษย์

    จะยืนเลือกหนังสือ อ่ะ โดนป้ามองหน้าอีกเพราะเสือกไปขวางทางเดิน

    จะหยิบหนังสือ อ่ะ เจอกำแพงมนุษย์ขวางอยู่หน้าบู๊ท

    จบ กูรันกลับบ้านแม่ง

    แต่การกลับมาครั้งนี้ ไม่ได้มาในฐานะผู้ซื้อ แต่มาในฐานะผู้ช่วยซื้อให้คุณๆ นักอ่าน

    ครับ ผมสมัครเป็นเด็กขายหนังสือที่บู๊ทแซลมอน สมัครมาสองรอบ รอบตุลาฯ ปีที่แล้ว กับ ครั้งนี้ที่เพิ่งจบไปเมื่อวาน

    แม้จะได้แค่เดินเลือกหนังสือเป็นบางวัน วันละสิบห้านาทีบ้าง วันละครึ่งชม. บางวันก็หายไปชั่วโมงกว่า (อืม ก็ไม่น่าสงสัยแหละถ้ามึงจะโดนหักเงิน...) แต่ก็สนุกสนานเอาเรื่องเลย เพราะความดีงามของการได้เป็น Reader Service คือ ได้คลุกคลีกับคนรักหนังสือที่สมัครเข้ามาขายเหมือนกัน ได้เปลี่ยนบทบาทจากฝ่ายรับการตอแย โดนฮาร์ดเซล โดนสิงเป็นเงาทะมึนๆ เวลายืนเลือกหนังสือ โดนอำนาจการตลาดที่มาพร้อมกับโปรโมชั่น ของแถมต่างๆ ครอบงำ กลายมาเป็นฝ่ายรุก ซึ่งค้นพบว่าสนุกมากที่ได้ใช้สกิลการพูดหว่านล้อม จีบปากจีบคอ พูดเจ๊าะแจ๊ะเพื่อให้คนซื้อหลงในคารมของเรา แล้วก็คว้าหนังสือเป็นตั้งๆ ใส่ถุงกลับบ้านไป

    ได้ใกลชิดพี่ๆ นักเขียน พี่ๆ กองบ.ก. แบบวีไอพีเซเรเนดแพลตทินั่ม

    ได้อ่านหนังสือฟรี (ยืนอ่านที่บู๊ทนั่นแหละ) ได้ข้าวเที่ยง + เย็นฟรี ได้แนะนำหนังสือดีๆ ให้กับลูกค้าสาวๆ ได้กวนตีน ปล่อยมุขอำลูกค้า (พี่คุมบู๊ท— กูว่าแล้วทำไมยอดขายแม่งฮวบลง)

    แม้ว่าจะเปลี่ยนบทบาทมาเป็นฝ่ายรุกบ้าง แต่ก็ยังหนีไม่พ้นที่จะต้องเจอผู้คนมากหน้าหลายตา

    จากการสังเกตตลอดเวลายี่สิบกว่าวันในงานหนังสือสองครั้งนี้ ทำให้สามารถจัดประเภทบุคคลที่คุณจะสามารถพบเจอ บ้างก็พบเห็นได้ง่ายเหมือนโปลิ่งที่แค่เดินออกนอกเมือง prontera ก็เจอแม่งเด้งดึ๋งๆ อยู่หน้าเมืองนั่นแหละ

    แต่บางกลุ่มคนก็สร้างความประหลาดใจ สร้างความตื่นเต้นให้กับผม อาจจะถูกจัดให้อยู้ในกลุ่มครั้งหนึ่งในชีวิตเลยก็ได้


    นักเขียน—เป็นกลุ่มบุคคลส่วนน้อยของงาน เป็นบุคคลผู้ผลิตหนังสือให้เราๆ ได้อ่านกัน บ้างก็มาแจกลายเซ็น บ้างก็มาเดินทักทายเพื่อนๆ นักเขียน (เพราะรอบนี้ไม่มีหนังสือออก...) บางคนก็มีชื่อเสียง เดินได้ 10 ก้าวก็ต้องหยุดประหนึ่งคอมค้าง เดินๆ หยุดๆ ให้แฟนๆ ได้ถ่ายรูป ขอลายเซ็น ยิ่งถ้าเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงจากวงการอื่นเช่น ดารา นักร้อง ยิ่งเพิ่มความกระตุกอีกหลายเลเวล แต่ถ้าเป็นนักเขียนลึกลับหรือนักเขียนหน้าใหม่ๆ เราจะไม่สามารถสังเกตได้เลยจนกว่าจะเห็นใครสักคนมาขอลายเซ็น ขนาดที่ว่านั่งอยู่ที่โต๊ะรอเซ็นหนังสือ แต่นักอ่านกลับยื่นหนังสือพร้อมเงินให้เพราะนึกว่าเป็นแคชเชียร์ก็มี...

    เด็กขายหนังสือ—อันนี้สังเกตไม่ยาก บางบู๊ทก็จะมียูนิฟอร์มให้ใส่ หรือบางบู๊ทไม่มีแต่ก็พอสังเกตได้ ถ้าเห็นเขายิ้มๆ ให้ เตรียมง้างปากจะพูดโปรโมชั่น หรือ ของแถมต่างๆ ก็อีคนนั้นแหละ

    แม่บ้าน+รปภ.— ก็เหมือนกันทุกที่ป่ะวะ ต้องสังเกตอะไรอีกเหรอ ถ้าจะต่างกับที่อื่นก็ตรงที่พี่ๆ รปภ. ที่นี่จะมีโทรโข่งพกไปกับตัวพร้อมอัดเสียง "โปรดระมัดระวังทรัพย์สินมีค่าของท่านระหว่างเดินชมงาน..." แต่ถ้าเห็นคนใส่เสื้อสูทดำๆ ที่ไม่พกโทรโข่ง ไม่พกวิทยุสื่อสาร ก็ไม่ต้องไปคิดนะว่าเขาโดนขโมยของทำมาหากิน แล้วอยากแสดงน้ำใจช่วยพี่เขาตามหา

    เพราะเขาไม่ใช่รปภ.โว้ยยย

    นักอ่านตัวยง—เด็กที่ขายหนังสือมักจะจับพิรุธคนกลุ่มนี้ได้โดยออร่า เราจะสัมผัสได้ว่าถ้ามึงไปขายหนังสือโดยที่รู้ไม่จริง ท่องมาแค่บรีฟ แล้วโดนคำถามอินไซด์สวนกลับมา อาจจะหงายเงิบได้

    นักอ่านสายหอบ—วิ่งดูหนังสือหลายๆ บู๊ท ก็อาจจะเหนื่อยได้ ฉะนั้นทุกบู๊ทควรจะมีน้ำเย็นๆ ยาดม ยาหอมเตรียมรับมือนักอ่านกลุ่มนี้ด้วย...โว้ยยยยย ไม่ใช่เหนื่อยหอบแบบนั้น แต่พี่ๆ กลุ่มนี้เขาซื้อหนังสือแบบเหมาทั้งงาน ลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มาเพื่อกว้านซื้อหนังสือเหมือนซื้อข้าวสารอาหารแห้งไปตุนตอนเกิดภัยธรรมชาติ เหล่านักขายอย่างผมก็จะกระหยิ่มยิ้มย่อง เพราะคิดว่าเชียร์หนังสือเล่มไหนก็น่าจะซื้อง่ายๆ

    (อ๋อ พี่เพิ่งมาจากสุวรรณภูมิ จะกลับบ้านพอดี เลยแวะมาตากแอร์เล่นๆ)

    ... อืมๆ

    นักอ่านทั่วไป—เป็นกลุ่มที่มักจะเดินไปที่บู๊ทสำนักพิมพ์ที่ตนเองรู้จักก่อน พอจะรู้แล้วว่าชอบอ่านรสชาติไหน รู้จักนักเขียนบ้าง ติดตามข่าวสารวงการหนังสือพอสมควรจนรู้ว่างานนี้มีเล่มไหนน่าสนใจ พวกเราชาวนักขายจะชื่นชอบกลุ่มนี้มาก เพราะสามารถเม้าท์มอยขายหนังสือได้สนุกปาก ยิ่งถ้าสังเกตุหนังสือที่เขาเลือกอยู่ในมือเล่มสองเล่มแล้ว ก็อาจจะพอเดาได้ว่าเขาชอบอ่านแนวไหน เราก็จะหยิบเล่มนู้นมาเล่าที หยิบเล่มนี้มาสปอยด์ที กล่อมโปรโมชั่นให้เคลิ้มๆ หยิบของแถมมาให้ลูบคลำเล่นๆ พอเขาเดินออกจากบู๊ทไปก็หัวเราะหึหึ แล้วก็มองหาเหยื่อรายต่อไป (ทำไมเหมือนหลอกขายยาผีบอกเลยวะ)

    นักอ่านบ้างไม่อ่านบ้าง—ก็ต้องยอมรับนะครับว่า คนที่มางานหนังสือส่วนหนึ่งก็ไม่ใช่นักอ่านที่ไม่ได้อ่านหนังสือสักอาทิตย์หนึ่งแล้วจะลงแดงตาย บ้างก็มาเพราะหนังสือลดราคาบ้าง น้องๆ ผู้ชายม.ปลายก็มาเดินดูสาวๆ นักอ่านบ้าง (กูรู้กูเห็นนะ กูเคยทำมาก่อน) มาตากแอร์บ้าง ซึ่งเวลาที่เราเดินเข้าไปขายหนังสือ สิ่งที่มักจะได้รับกลับมาก็คือ รอยยิ้มเล็กๆ ประมาณ 2 วิ แล้วก็เดินจากไป... ฮืออ

    นักอ่านสายแต่งตัว—ไม่ได้หมายถึงแต่งตัวแฟชั่นจ๋า เท่ๆ นะครับ แต่เป็นนักอ่านที่ชื่นชอบการ์ตูน ชอบมังงะ ซึ่งงานหนังสือเป็นอีกงานหนึ่งที่เป็นจุดนัดพับของกลุ่มคนรักคาแรคเตอร์การตูนเรื่องต่างๆ ก็ไม่น่าแปลกที่จะได้เจอคนแต่งคอสเพลย์มาเดินงานหนังสือ บางทีก็แอบช็อกนิดหน่อยเวลาเจอระยะประชิด แต่ก็ดีครับ เป็นสีสันบันเทิงดี ยิ่งเวลาเห็นเขาเดินแล้วต้องคีพคาแรคเตอร์ของตัวละครนั้นด้วย จะเข้าไปขายทีก็อยากจะเอาใจเขาด้วยการคิดคาแรคเตอร์หาไดอะล็อกในเกมในการ์ตูนไปคุยกับเขา มักพบคนกลุ่มนี้ในโซน Hall A ที่เต็มไปด้วยบู๊ทการ์ตูน ฟิกชั่น และฟิกเกอร์ (ซึ่งแซลมอนก็อยู่ในโซนนี้...)(งงใช่มั้ยครับ)(ครับ ผมก็งง)

    นักอ่านสายไม่อ่าน—เออ งงล่ะสิ งานหนังสือมันจะมีคนไม่อ่านหนังสือได้ไงวะ บ้าเปล่า/ อ่านครับ อ่านหนังสือกันทุกคนแหละ นั่งอ่าน นอนอ่าน นอนแต่ไม่อ่านก็มี ที่ไม่อ่านคือ


    ป้าย 'ห้ามนั่ง'

    พวกนั่งทับป้ายเลยจ้าาา กูเดินไม่ได้เลยโว้ยยยยยยยยย

    (อ๋อ เขานอน ไม่ได้นั่ง...)(นอนก็ไม่ได้โว้ยยยยย)
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in