เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ทฤษฎี (ไม่) จีบเธอi_whyn
(ไม่) จีบ (ไม่) ได้แล้ว: Last day and another 30 years to go (Happy End)

  • เสียงคลื่นทะเลซัดเข้าฝั่ง พร้อมกับลมทะเลที่หอบเอากลิ่นไอเค็มของเกลือและความเหนียวเหนอะหนะมาสัมผัสที่ผิวเนื้อ มองไกลออกไปสุดลูกหูลูกตาคือพระอาทิตย์ดวงกลมโตที่ทอแสงสีส้มล้อประกายกับเกลียวคลื่น ก่อนจะลาลับเส้นขอบฟ้าไปอีกวัน


    “คิดว่าพรุ่งนี้กระแสจะเป็นยังไง”  ผมหันไปถามคนตัวเล็กข้างกายที่สายตายังมองไปทางดวงอาทิตย์ตรงหน้า

     

    “ไม่รู้ แต่ตื่นเต้นมากเลย” กันตอบพร้อมกับกอดเข้ามาที่ผมทั้งตัว

     

    “หวังว่าจะออกมาดี” 

     

    พวกเรากับทีมงานเองก็ตื่นเต้นกันมาก ๆ กับฟีดแบคของซีรีส์เรื่องนี้ สิ่งที่เราพยายามกันมาทั้งหมดตลอดหลายเดือน หรือจะพูดว่าตลอดสองปีก็ได้ เราหวังว่ามันจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง

     

    ผมเองก็ไม่ได้คาดคิดหรอกว่าตัวเองจะมาถึงจุดนี้

     

    จุดที่มีอาชีพนักแสดงเป็นอาชีพหลัก

     

    อาชีพที่หาความมั่นคงได้ยากที่สุด

     

    แต่กว่าจะรู้ตัวอีกทีมันก็ผ่านมาหลายปีจนอายุจะเข้าเลขสามอยู่แล้ว

     

    เขาว่ากันว่า อายุ 28 เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านอีกครั้งของชีวิต ช่วงเวลาที่คุณตระหนักว่าปีหน้าคือปีสุดท้ายของเลขสองและคุณจะนิ่งเฉยไม่ได้

     

     


    เพื่อนในรุ่นเดียวกันอาจแต่งงานหรือมีลูก ซื้อบ้าน สร้างครอบครัว บางคนเปลี่ยนงานเพื่อหาความมั่นคงที่มากขึ้น บางคนเลือกที่จะไปเรียนต่อ ทุกสิ่งก็เพื่อที่จะทำให้ตัวเรารู้สึกว่าได้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าแล้วก็เท่านั้น

     


     

    ใคร ๆ ก็คงต้องแอบคิดถึงอนาคตกันบ้างทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ผม

     

     




    “พอจบเรื่องนี้ จะได้เล่นคู่กันอีกมั๊ยนะป่าปี๊” อยู่ ๆ ก็เปิดประเด็นมาเชียว

     



     

    “ทฤษฎีจีบเธอยังเกิดได้เลยนิหน่า” ถึงแม้จะต้องตื้อแทบตายก็เถอะ

     


     


    “แต่กันไม่เคยเห็นคู่จิ้นชายชายที่ไหนรับบทเรื่องที่สองเลยนะ หมายถึงกับคู่เดิม ถ้าอย่างณเดชน์ญาญ่าก็อีกเรื่อง”

     

     



    “อืม ก็จริง” คู่ชายหญิงนั้นปั้นง่าย จะเล่นซ้ำ ๆ คนก็ยังตามดู แต่กับคู่ชายชายนี่ต้องรอให้คนไม่ติดภาพ ก็แปลกดี

     


     

    กันปล่อยตัวออกจากผมแล้วนั่งย่อง ๆ ลงไปหยิบเปลือกหอยขึ้นมาขูดลงบนผืนทรายเป็นเส้นหยึกหยักที่ผมไม่รู้ความหมาย

     


     

    “ระวังขากางเกงเปียก” ผมว่า

     

     


    “ป่าปี๊” กันเงยหน้าขึ้นมามองผม และส่งเปลือกหอยสีขาวขึ้นมา ผมเลยรับไว้

     


     

    “อะไร”




    จับพลิกดูก็เป็นแค่เปลือกหอยธรรมดาสีขาวขุ่น 

     


     

    แต่กันจะไม่ไปไหนนะ” ดวงตากลมโตมองกลับมาที่ผมอย่างแน่วแน่พร้อมรอยยิ้มสดใส




    อยู่ ๆ ความรู้สึกอุ่นวาบก็เกิดขึ้นในใจ มันทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้ ไม่ว่าที่ผ่านมาผมจะเกรี้ยวกราดกับเขาสักแค่ไหน กันไม่เคยทิ้งผมไปไหนเลยจริง ๆ  




    แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ยังอดเป็นห่วงอยู่ลึก ๆ ไม่ได้

     


     

    “มึงเพิ่งจะยี่สิบห้าเอง ยังอยู่ในวงการได้อีกนาน” ส่วนผมน่ะ จะเหมาะกับซีรีส์วัยรุ่นใส่ชุดนักศึกษาได้อีกนานแค่ไหน

     

     


    กันห่างกับป่าปี๊แค่สองปีกว่าเองเถอะ อย่ามาทำตัวแก่หน่อยเลย อีกอย่างนอกจากซีรีส์แล้วก็มีอย่างอื่นให้ทำเยอะแยะไป”

     


     

    “เป็นพิธีกรแบบพี่เลโอก็ดีนะ” นึก ๆ แล้วนั่นก็เป็นตัวผมที่สุดแล้ว

     

     


    “นั่นงานถนัดป่าปี๊อยู่แล้วนี่”

     

     


    “เห็นพี่เอ็กซ์ตอนกำกับก็น่าสนใจ น่าจะสนุก”

     

     


    “งั้นกันเป็นแบบพี่นม เดี๋ยวกันสอนแอ็กติ้งให้ในเรื่องที่ป่าปี๊กำกับ”

     

     


    นึกถึงกันตอนสอนแอ็กติ้งแล้วก็ต้องพยักหน้ารับ ตอนที่ถ่าย Beauty and The Babes Season 2 ก็สนุกมาก ๆ เป็นเนื้องานที่เราสองคนสนใจและอยากลองทำดูถ้ามีโอกาส

     



    "อ้อ เป็นสไตลิสต์ก็ได้ เดี๋ยวไปฝึกแต่งหน้าด้วย" กันเสริม




    ถึงแม้จะดูไม่น่ารอดเท่าไรแต่อะไรก็เกิดขึ้นได้นี่หน่า




    “อืม งั้นต้องหาทุนสร้าง หาทีมเขียนบทด้วย”

     



    “อันนั้นขอจากพี่ถาก็ได้”

     


     

    “เออจริง แต่ต้องมีรายได้ทางอื่นด้วย ต้องเก็บเงินเยอะๆ”

     

     


    “มาเรื่องเงินเก็บอีกแล้ว” กันบ่นและผมขำ

     


     

    “ทำไม เบื่อจะฟัง?”

     

     


    “รู้ว่าเป็นห่วง ก็ตั้งใจแล้วว่าจะเก็บนี่ไง”

     


     

    “ดี” ผมโยนเปลือกหอยไปกลางอากาศและรับมันไว้

     

     


    “ป่าปี๊”

     


     

    “อื้อ”

     


     

    “ตื่นเต้นกับพรุ่งนี้

     


     

    “เหมือนกัน”

     

     


    “พรุ่งนี้ดูด้วยกันนะ” ผมหันไปมองคนที่ลุกขึ้นยืนและปัดทรายที่เลอะขอบขากางเกงออก 





    “พรุ่งนี้กว่าจะกลับถึงกรุงเทพก็ดึกแล้วนะ"





    "ไม่เห็นเป็นไรเลย คอนโดป่าปี๊ใกล้ตึกนิดเดียว"





    โอ้โห ขอขึ้นคอนโดคนอื่นง่าย ๆ งี้เลยนะ ได้แต่ส่ายหัว





    "ไม่ได้หรอ" นั่นไง หน้าเริ่มงอแงแล้ว





    "ไม่ใช่ไม่ได้ ก็ไปสิ

     

     



    “งั้นแวะที่บ้านเอาดิ๊กกี้ไปด้วยนะ” 

     

     



    “ตลก” ใครจะขับรถอ้อมไปอ้อมมา

     

     



    “เอายีราฟไปด้วย” ยังไม่หยุดอีก

     

     



    “เพ้อเจ้อละ” ผมส่ายหัว แต่ก็อดยิ้มตอบไม่ได้ เด็กสามขวบชัด ๆ เลย

     

     


    “ก็ต้องทน” หน้างอแงแบบนั้นคืออะไร




    ผมหันไปจ้องคนตัวเล็กจนเจ้าตัวหันมาสบตา

     

     


    “ต้องทนงี้ไปจนเกษียณเลยหรอวะ”

     


     

    “เกษียณนี่อายุเท่าไหร่”

     


     

    “หกสิบไง อีกประมาณสามสิบปี”

     


     

    “แก่งั่กแน่ พุงก็โย้ด้วย ตอนนั้นปีนขึ้นยีราฟไม่ไหวแล้ว” เสียงหัวเราะของกันพลอยทำให้ผมยิ้มตามไปด้วย 




    บทสนทนาอะไรวะเนี่ย




    พอคิดดี ๆ แล้ว ก็ไม่ได้มองเห็นตัวเองในแบบอื่นเลย ชีวิตที่ไม่ได้เดินเข้าตึก ไม่ได้มองหน้ากล้อง ไม่ได้พูด ไม่ได้พบปะกับแฟนคลับ และไม่เจอคนข้าง ๆ




    อืม จินตนาการไม่ออกเลยแฮะ

     


     

    ตั้งใจจะอยู่ตรงนี้ ในวงการนี้แล้ว จะเป็นเบื้องหน้าก็ได้ จะเป็นเบื้องหลังก็ดี อนาคตสำหรับผมในตอนนี้คิดแค่ว่าอยากจะอยู่ในที่ที่สบายใจอย่างนี้ไปตลอดนี่แหละ จะมีอะไรดีไปกว่านี้

     

     


    “อืม ยังไงก็ อยู่ด้วยกันนะ” ผมยื่นมือไปโยกหัวเล็ก ๆ นั่นไปมา

     



    เห็นรอยยิ้มสดใสที่ส่งมา แต่กลับซ่อนความลังเลสงสัยไว้ไม่มิด "ป่าปี๊นั่นแหละ จะอยู่จริง ๆ หรอ"




    "...รอดูละกัน"




    ดวงตากลมโตสบตาผมนิ่งและผมก็มองตอบ เหมือนแค่อึดใจสั้น ๆ ที่คลื่นทะเลซัดมาถึงขาของเราสองคน




    “พระอาทิตย์จะดับแล้ว” กันถอนสายตาและหันไปมองทะเลอีกครั้ง

     


     

    “เขาเรียกพระอาทิตย์ตก”

     


     

    “ตกก็ดับไง”


     

     

    “จ้ะ” ยังไงก็ได้ “งั้นเข้าข้างในกันเหอะ เดี๋ยวโดนยุงกัด” 




    ผมจับแขนเล็ก ๆ เพื่อจะดึงตัวกลับเข้าข้างใน แต่กันฝืนแขนไว้ แล้วป้องปากตะโกนไปกับผืนฟ้าและท้องทะเล

     

     


    “ขอให้พรุ่งนี้ซีรีส์ปัง ๆ คลอดเบบี๋มากอีกเยอะ ๆ เลยนะ” 

     



    มุมปากหยักขึ้นเป็นรอยยิ้ม ผมขยับเข้าไปหาและสวมกอดเขาไว้จากด้านหลัง คนในอ้อมกอดสะดุ้งแต่ไม่ได้ขืนตัวออก ผมเลยกระชับกอดตัวนิ่ม ๆ ของกันไว้กับอก สูดกลิ่นหอมจากผิวกายอีกฝ่ายที่ซอกคอ เสียงหัวใจเต้นดังจนไม่รู้ว่าจะซ่อนคนในอ้อมกอดได้ยังไง 




    ผมอาจจะไม่ได้พูดถึงความสัมพันธ์ของเรามากนัก ราวกับปล่อยให้มันเป็นไปเหมือนเดิมในทุกวัน แต่ผมก็หวังว่าการกระทำของผมจะบอกทุกอย่างกับกันได้




     

    "ป่าปี๊" เสียงกันสั่น




    เป็นความสัมพันธ์ไร้ชื่อเรียกของคนสองคนที่ตัดสินใจจะอยู่ด้วยกันไปอีกสามสิบปี




    อนาคตที่ไม่มีคน ๆ นี้ ผมนึกไม่ออกเลย

     

     

     

    พรุ่งนี้ก็แค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นแหละ




    "พรุ่งนี้ เราจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง"




    .



    .



    .



     

    [HAPPY ENDING]

     

     


    ช่วงนี้เสพติดโทนหม่น อยากจะซึ้งบ้างแต่ได้เท่านี้จริง ๆ สุดความสามารถแล้วค่ะ 5555


    เรื่องนี้จบสำหรับเราแล้ว ค้างคากับตัวเองมานานเหมือนกัน ขอโทษนะคะ และขอบคุณสำหรับฟีดแบคมาก ๆ เลยค่ะ ไม่ค่อยได้กลับไปอ่านคอมเมนต์ เพราะเขิน 5555 ไม่ค่อยได้ตอบด้วย แต่ดีใจที่ได้มาชิปด้วยกัน ?



    ถ้ามีโอกาสก็ไว้เจอกันอีกค่ะ


    ขอบคุณมากค่ะ



    Cover Photo credit: GMMTV ทฤษฎีจีบเธอ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in