เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
มูฟวี่ 101StarLord4K
เทรนด์การทำหนังยุคใหม่ให้คูล! ต้องใส่เพลงเก่าๆ เข้าไปด้วย!
  • หลังจากที่ได้ไปดูหนังเรื่อง แฟนเดย์ มา ก็ได้สังเกตฉากนึงที่เป็นพระเอกนางเอกเที่ยวงานเทศกาลหิมะ และใช้ฉากหลังเป็นเพลง ฝันลำเอียง ของ แจ้ ดนุพล คือสองสิ่งนี้เป็นอะไรที่คอนทราสกันมากในแง่บรรยากาศ แต่หนังก็ทำออกให้ฉากนี้ค่อนข้างลงตัว ส่งให้ทั้งฉากและบทเพลงเป็นที่น่าจดจำ ดูจบต้องออกมาหาฟังเพลงต่อ เรียกว่าเป็นจุดเด่นของหนังจุดหนึ่งเลยก็ว่าได้

    หากแต่นี่ไม่ใช่หนังเรื่องแรกที่ทำเช่นนี้ เทรนด์การนำเพลงเก่าๆ เข้ามาประกอบหนังเกิดขึ้นมาได้สักพักใหญ่แล้ว ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือจากหนังฮอลลีวูด และเริ่มใช้กันเยอะขึ้นจนเป็นเทรนด์ หนังดังๆ ในยุคหลังที่ใช้เทคนิคนี้ก็เช่น Guardians of the Galaxy หนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่นำเอาเพลงเก่าๆ ยุค 80 มาใส่ในหนัง และทำได้ดีจนเป็นที่จดจำ ส่งผลให้ยอดขายเพลงก็ดีขึ้น หรือจะเป็นฉากนึงจาก X-Men Apocalypse ที่ตัวละคร ควิกซิลเวอร์ แย่งซีนจนเพลงในยุคนั้นอย่าง Sweet Dreams Are Made of This เข้าไปอยู่ในหัวของคนดูไปราวๆ อาทิตย์เลยทีเดียว

    จะเห็นได้ว่าการนำเพลงเก่าๆ มาใส่ในหนังมีส่วนช่วยให้หนังเป็นที่จดจำมากขึ้น นอกจากภาพที่สวยๆ เอฟเฟกต์ตระการตา หรือบทพูดเท่ๆ เพลงประกอบก็เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้ที่จะช่วยเติมเต็มหนัง หากแต่การใส่เพลงประกอบก็ไม่ใช่เรื่องที่จะยัดเข้าไปในหนังง่ายๆ คนสร้างต้องตะลุยเข้าไปในคลังเพลงของโลกที่มีจำนวนหลายล้านเพลง และเลือกเพลงที่คิดว่าสอดคล้องกับอารมณ์ ตัวละคร เรื่องราว ให้ได้มากที่สุด หรือในอีกวิธีคือการกำหนดเพลงไปเลยว่าจะเอาเพลงอะไร แล้วคิดเนื้อหาให้สอดคล้องกับบทเพลงแทน

    ข้อดีของการเลือกใช้เพลงเก่าๆ ในการประกอบฉากคือผู้ชมส่วนใหญ่ที่มีอายุจะจดจำได้และจะรู้สึกอบอุ่นกับหนังมากขึ้น เพราะมีสิ่งที่เคยผูกพันในชีวิตเราเข้าไปอยู่ในหนังด้วย ยิ่งถ้าเป็นเพลงที่ชอบมากๆ หรือวงดนตรีที่ชอบ จะรู้สึกเหมือนกับว่าผู้สร้างอ่านใจเราออก และจัดเพลงออกมาตรงใจเรามาก นอกจากนี้เพลงเก่าๆ จะสร้างความรู้สึกคอนทราสกับยุคสมัยปัจจุบัน ทำให้เกิดความรู้สึกราวกับได้อยู่เหนือกาลเวลาไปชั่วครู่หนึ่ง เป็นความรู้สึกที่ค่อนข้างดี

    ทั้งนี้ถ้าทำฉากนั้นๆ ออกมาดีและได้เพลงประกอบที่เหมาะสม ผู้ชมจะไม่ลืมหนังและเพลงนั้นแน่นอน ต่อให้หนังอาจจะไม่ประสบความสำเร็จเป็นที่พอใจ เช่น Star Trek Beyond หนังประสบความสำเร็จดี แต่บางคนอาจจะไม่ได้ชอบมากมาย แต่ถ้านึกถึงหนังเรื่องนี้ เพลง Sabotage ในฉากทำลายยานก็จะต้องเป็นที่นึกถึงควบคู่ไปด้วย หรือหนังสายลับอย่าง Kingsman : The Secret Service ทุกคนต้องนึกถึงฉากในโบสถ์พร้อมกับเพลง Free Birds อย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังมีผลต่อยอดขายเพลงด้วย กล่าวคือเพลงจะกลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง แม้จะในระยะสั้นก็ยังดี

    ส่วนข้อเสียก็มีอยู่เช่นกัน เพราะแต่ละคนมีแนวเพลงในดวงใจไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะไม่ได้ชอบฟังเพลงเก่าๆ หรือไม่ชอบแนวเพลงของสมัยนั้น ทำให้ไม่รู้สึกอินไปกับฉาก หรืออาจรำคาญได้ และถ้าหนังยังทำให้ภาพกับเพลงออกมาลงตัวไม่ได้ แทนที่จะได้รับการจดจำก็กลายเป็นถูกมองข้ามไป

    ดังนั้นนี่จึงเป็นโอกาสที่ดีของผู้สร้างหนังในการเลือกใช้เพลงที่เหมาะสมกับภาพเพื่อดึงความน่าสนใจของหนังออกมา ซึ่งผู้สร้างต้องกลับไปทำการบ้านอย่างหนักในการเลือกเพลงประกอบ และผู้ชมอย่างเราก็หวังว่าจะได้เห็นหนังที่ทำฉากเท่ๆ พร้อมเลือกใช้เพลงประกอบเจ๋งๆ ให้เป็นเกียรติเป็นศรีต่อวงการภาพยนตร์ต่อไป

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in