เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Vantage PointTeepagorn W.
On Writer's Block
  • ทีปกร พอตเตอร์ กับตัวหนังสือที่หายไป

    1. เรามักจะเขียนหนังสือไม่ออกด้วยสาเหตุเดียว สาเหตุเดียวเท่านั้นเลยคือขยันหาข้อมูลเกินไป นี่อาจฟังดูน่าหมั่นไส้มากๆ ว่าอีห่า มึงชมตัวเอง ควาย humblebrag แต่ไม่ใช่โว้ย

    2. การขยันหาข้อมูลนี่มาจากความกลัวผิด ผิดไม่ได้ ผิดไม่เป็นของเราเอง เรากลัวมากว่าเขียนอะไรผิดออกไปแล้วจะดูเหี้ย ดูไม่มีการศึกษา ดูไม่ทำการบ้าน ดังนั้นถ้าเป็นพวกคอลัมน์กับหนังสือก็จะหาข้อมูลมากองไว้เยอะมากๆ

    3. เมื่อก่อนภูมิใจอยู่นะว่าเป็นคนหาข้อมูลเยอะ เคยให้สัมภาษณ์ว่าอ่านหนังสือ 1 เล่ม เพื่อเขียนหนึ่งคอลัมน์ หรือเพื่อเอาแค่หนึ่งประโยค "ผมอ่านหนังสือทั้งเล่มเพื่อเอาประโยคนี้ประโยคเดียวครับ" เท่ชิบหาย โอ๊ย ดูขยัน ดูมีการศึกษา

    4. ซึ่งปัจจุบันก็ยังทำอยู่นะ คือเขียนอะไรแต่ละเรื่องนี่ต้องอ่านเยอะมาก หา 3 ที่เพื่อมายันกันเองบ้าง หรืออะไรบ้าง แล้วโรคจิตตรงที่ต้องอ่านให้จบก่อน แล้วบางที บางเรื่องมันไม่เคยจบไง มันก็สามารถเถียงกันต่อไปได้เรื่อยๆ โดยไม่มีคำตอบที่ definite คือการพยายามหาคำตอบในเรื่องที่ไม่มีคำตอบนี่จะว่าฉลาดก็ฉลาด แต่จะว่าโง่ก็โง่

    5. ทีนี้เมื่อก่อนพออ่านจบปุ๊บก็ต้องทำไมนด์แมปก่อนว่าจะเขียนเรื่องนี้ยังไง แล้วมีครั้งท่ีมึนขนาดที่ว่าอ่านจนมันไกลเรื่องต้นทางไปมากๆ จนต้องกลับมาเขียน "เป้าหมายของคอลัมน์" ว่าจะเขียนเรื่องนี้ไปเพื่อบอกคนอ่านว่าอะไร ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นแค่ "กูจะบอกคนอ่านว่ากูรู้เรื่องนี้" ซึ่งไม่ควรเป็นเป้าหมายในการเขียนอะไรทั้งสิ้น

    6. กับหนังสือเล่มปัจจุบันก็พบปัญหาแบบนี้ ยิ่งเป็นเรื่องที่ยังไม่ได้เขียนจนเป็นธรรมชาติที่สอง ก็ยิ่งยาก เพราะว่าเราจะมีความกังวล กลัวพลาดกลัวพลั้งเยอะ

    7. การเขียนหนังสือด้วยกองข้อมูลนั้นทำให้ได้ตัวหนังสือที่ไม่สนุก ไม่ตลก ไม่เป็นธรรมชาติ ยิ่งถ้าเปิดเทียบข้อมูลแล้วเขียนไปด้วย บางทีจะทำให้ได้อารมณ์เหมือนว่าคนเขียนยังไม่ได้เข้าใจเลย ก็เอามาบอกคนอื่นแล้ว

    8. ส่วนใหญ่เวลามีคนมาถามว่าถ้าเขียนไม่ออกแล้วให้ทำยังไง เลยตอบไปอย่างจริงใจและจริงจังว่า ให้นอน หรือให้อาบน้ำ เพราะว่าการสร้างงานไม่ออกนั้นมีอยู่สาเหตุเดียว คือ "คิดว่าตัวเองดีกว่าที่ตัวเองเป็น" หรือ "อยากทำให้ดีกว่าที่ตัวเองเป็น" ซึ่งนี่ไม่ใช่เป้าหมายที่ไม่ดีอะไรนะ แต่มันทำให้เกร็ง เพราะว่าอยากพยายามสร้างงานที่เพอร์เฟกต์ ไร้ที่ติตลอดเวลา ซึ่งจริงๆ แล้วมันเป็นไปไม่ได้ เพราะการสร้างงานที่ดีมันเป็นเส้นทาง มันไม่ได้สร้างเสร็จแล้วจบ แล้วดีกว่านี้ไม่ได้แล้วอะไรแบบนั้น ดังนั้นที่บอกว่าให้นอน หรือให้อาบน้ำ ก็คือให้ล้างใจไปจากความคาดหมายแบบนี้นั่นแหละ

    9. การนอนหรืออาบน้ำยังมีผลอีกประการคือทำให้ลืมข้อมูลที่อ่านๆ มาไปบ้าง เหลือแต่ข้อมูลที่ค้างใจเราเท่านั้น ซึ่งดีมาก เพราะข้อมูลที่ค้างใจเรานี่แหละคือข้อมูลที่สัมพันธ์กับตัวเรา และเราจะเล่ามันได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด (พวกตัวเลขแน่นอน หรือชื่อคน ชื่อสถานที่ ถ้าจำไม่ได้ ให้ใช้วิธีเติมคำทีหลังเอา)

    10. ขณะที่เขียนนี้ก็ประสบปัญหาแบบนี้อยู่ คือเขียนดราฟท์สองแล้วทิ้งไว้อ่านแล้วรู้สึกว่ามึงเขียนอะไรเนี่ย รีบชิบหาย จะรีบวิ่งควายไปไหน ทำไมไม่เว้นช่องหายใจหายคอบ้าง เลยต้องมาเขียนสเตตัสนี้เพื่อระบายอารมณ์ว่าเฮ้ย มึงช้าหน่อยก็ได้ นอกจากเขียนเพื่อตัวเองแล้วก็เขียนเพื่อคนอื่น เผื่อจะเจอปัญหาแบบเดียวกัน ก็แค่อยากบอกว่า ไม่ต้องเพอร์เฟกต์โว้ย ไม่ต้องทำดีขนาดนั้นโว้ย ทำให้สนุก ทำให้เราชอบมันขณะที่ทำ แล้วมันจะโอเคในแบบที่มันโอเคเอง

    "โอเค" มีหลายแบบ แบบที่ทำแล้วสนุกเป็นแบบที่น่าจะสุขภาพจิตดีที่สุดทั้งต่อคนเสพและต่อคนทำ

    T.T
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in