เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Vantage PointTeepagorn W.
On Tracking And Behavioural Ads On Quiz
  • คิดก่อนควิซ

    หลังๆ แอพ vonvon ที่ให้ทำควิซต่างๆ เพื่อ generate รูป เอามาลงโซเชียลเนตเวิร์กได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จึงมีผู้ออกมาเตือนว่าให้ระวังให้ดี เพราะแอพพวกนี้อาจจะขอข้อมูลส่วนตัวเราไปทำอะไรไม่รู้ก็ได้ ทั้งขอ friend list ทั้งขออะไรหลายต่อหลายอย่าง หลายคนอาจกด accept ไปโดยไม่ดูว่ามันขออะไรบ้าง



    ทีนี้พอมีคนโพสท์เตือนขึ้นมา ทีมงานของ vonvon (คนไทย ชื่อเฟรม) ก็เขียนสเตตัสนี้ออกมาว่า "ไม่ได้เอา" โดยบอกว่า (สรุปมานะครับ)

    1. ที่ผ่านมามีหลายบริษัทมาขอข้อมูลผู้เล่นไป หรืออยากทำ partnership เพื่อเอาข้อมูลผู้เล่น "ซึ่งเราก็ปฏิเสธไป"

    2. การดึงข้อมูลผู้เล่นนั้นทำเพื่อการแสดงผลภาพโปรไฟล์เท่านั้น

    3. การขอข้อมูลผู้ใช้เป็นสิ่งที่แอพควิซทำกันเป็นปกติอยู่แล้ว ("เป็นสิ่งที่ผู้พัฒนาหลายแอพขอกันครับ เช่นเดียวกับแอพอื่นๆ")

    4. ที่บอกว่าขอเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้เยอะๆ นั้นพูดถูกต้องแล้ว ("สิ่งที่แชร์มาถูกต้องครับ แต่ขอยืนยันว่าเราทำเพื่อความสนุก")

    5. รายได้ของ vonvon มาจากการทำโฆษณา และมาจากการทำควิซให้กับที่ต่างๆ หลายประเทศ (เพื่อจะบอกว่าไม่ต้องพึ่งการขายข้อมูลผู้ใช้)

    6. บอกว่า ที่ขอข้อมูลผู้ใช้เพื่อประมวลผลเท่านั้น และถ้าใครสงสัยให้ไปทัวร์ออฟฟิศ vonvon ที่เกาหลี เดี๋ยวเขาจะพาไป

    7. อ้าง privacy policy ตามลิงก์นี้ http://th.vonvon.me/terms/privacy_policy.html?_hv=ca04d02

    โพสตอบของคุณ Rachata Soranakom (ผมหาโพสต้นทางไม่เจอ) https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10154404039833394&set=a.416254763393.193626.704363393&type=3&theater

    อ่านทั้งต้นทางและโพสตอบแล้วรู้สึกว่าสรุปคือทาง vonvon ก็อยากให้ผู้ใช้ "มีความเชื่อใจในบริษัท" โดยบอกว่าที่เก็บข้อมูลนั้น "ต้องเก็บอยู่แล้ว เพราะแอพควิซไหนๆ ก็ทำกัน" และ "เก็บข้อมูลเพื่อประมวลผลเท่านั้น ไม่ได้เอาไปขาย" แต่ปัญหาก็คือ พอเราให้ข้อมูลไป เราไม่อาจควบคุมได้แล้วว่าคุณจะเอาไปทำอะไร คุณอาจขายตรงๆ ก็ได้ หรืออาจทำให้ข้อมูลเราเป็น anonymous แล้วเอา data point ไปทำอะไรอย่างอื่น (ซึ่งหลายคนก็บอกว่าการทำให้เป็น anonymous คือปิดชื่อเท่านั้นไม่พอเพราะว่าข้อมูลอื่นๆ มันก็สามารถคำนวณกลับมาถึงตัวเราได้อยู่ดี) ดังนั้นการเรียกร้องความเชื่อใจในกรณีนี้ก็แอบ... น่ากลัวไปนิดนึง (สำหรับผมนะ)

    แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ผลจะออกมาว่า vonvon ขายหรือไม่ การที่มีโพสต้นทาง ที่ออกมาเตือนเรื่องแอพพวกนี้ก็ถือเป็นเรื่องดี รวมทั้งต้องขอบคุณทางทีมงานด้วยที่ออกมาตอบ เพื่อที่เราจะได้มีบทสนทนาพวกนี้ในสังคมบ้าง

    ทำให้คิดไปถึงเรื่องที่อ่านเมื่อวาน เป็นเรื่องของเว็บไซต์ WIRED (Condenast) ที่จริงๆ ก็มีเรื่องพวกนี้มาโดยตลอด คือหลังๆ มีคนใช้ Ad Blocker กันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนหลายเว็บรู้สึกว่าไม่แฟร์ที่ตัวเองทำคอนเทนต์มาแล้วคนพวกนี้ไม่ยอมดูโฆษณา (ซึ่งเป็นรายได้ให้กับเว็บ) WIRED จึงติดสคริปเพื่อมาบล็อกตัวบล็อก ad อีกที (งงไหม ดูรูปที่สองนะ) และบอกว่า ถ้าไม่อยากดูโฆษณาละก็จ่ายตังค์มั้ย เราให้จ่ายตังค์ 1 เหรียญต่อสัปดาห์ แล้วเราจะโชว์เว็บเวอร์ชั่นไม่มีโฆษณาให้คุณดู



    ซึ่งนี่ก็เป็นทางออกที่หลายคนพอใจแล้ว คือรู้สึกว่ายุติธรรม แต่ว่าเมื่อวันก่อนมีจดหมายเปิดผนึกจากโครงการ better.fyi เขียนเพื่อบอกว่า WIRED ทำได้ดีกว่านี้ เพราะว่าสิ่งที่เราอยาก "บล็อก" ไม่ใช่ "โฆษณา" แต่มันคือการติดตามตัวผู้ใช้ต่างหาก (ซึ่งเป็นประเด็นเดียวกับ vonvon) ถ้า WIRED ติดโฆษณาที่ไม่ติดตามตัวผู้ใช้ละก็ พวกเขาจะไม่มีปัญหาอะไรเลย

    better.fyi ไม่ได้พูดเปล่าๆ แต่เขาทำสคริป บล็อก ตัวบล็อก ตัวบล็อกแอด ขึ้นมาด้วย (โอ๊ยเข้าใจมั้ย ซ้อนหลายชั้น คือ WIRED มันแสดง Text ตัวใหญ่ๆ ขึ้นมาเมื่อคุณติดโปรแกรม Ad blocker เพื่อเตือนใจว่าเราอยู่ได้เพราะโฆษณานะ อย่าบล็อกเลย แล้ว better.fyi ก็ทำสคริปมาเพื่อให้ไม่ต้องเห็นข้อความเตือนใจนั้นอีกที) เขาบอก WIRED ว่า จะเล่นเกมแมวไล่จับหนูแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็ได้นะถ้านายไม่เหนื่อยไปเสียก่อน

    better.fyi ยังบอกด้วยว่า ให้ WIRED และ Condenast (บริษัทแม่) ไปทบทวนจริยธรรมการดำเนินธุรกิจของตัวเอง ว่าการลงโฆษณาโดยการคำนวณจากพฤติกรรมผู้ใช้ (behavioural advertising) และการติดตามตัวผู้ใช้ (tracking) นี้มันเป็นสิ่งที่คนดีๆ เค้าทำกันเหรอ เปลี่ยนเถอะ (You have alternatives. We hope you will choose one that respects the rights and safety of your readers.)

    โพสเต็มๆ : https://better.fyi/spotlight/wired.com/

    พอเห็นแบบนี้ก็เลยนึกย้อนกลับมาที่ vonvon ว่าที่บอกว่าธุรกิจของตัวเองอยู่ได้ด้วยโฆษณาส่วนหนึ่งนั้น เป็นโฆษณาแบบ behavioural คือดูตามพฤติกรรมผู้ใช้ด้วยหรือเปล่า

    เพราะว่าความกังวลไม่น่าจะจบที่ว่าคุณ "ขาย" หรือ "ไม่ขาย" ข้อมูลของผู้ใช้ให้กับคนอื่นเท่านั้นนะ แต่มันน่าจะคือการที่คุณต้องบอกได้ว่าคุณเอาข้อมูลของเราไปทำอะไรบ้าง (ต้องโปร่งใส)

    (แถมความกังวลเรื่องขายหรือไม่ขายข้อมูล ก็ทำได้แค่ "ให้เชื่อใจ" ด้วยในตอนนี้)
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in