เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Pristin Short FictionDiagonal
[OS] Night Shift [Mingyeong x Yebin]






  • "ขอบคุณค่า โอกาสหน้าเชิญใหม่ที่พีทีมาร์ตนะคะ!"



    น้ำเสียงกระตือรือร้นเปล่งออกมาจากปากของคังเยบินอย่างผิดวิสัย 


    เปล่า เด็กที่ไม่ได้ตั้งใจจะมาทำงานพาร์ทไทม์ที่มินิมาร์ตนี่ตั้งแต่ต้น แต่ที่มาเพราะถูกแม่พูดใส่หน้าว่า ไปหาอะไรที่เป็นประโยชน์ทำซะบ้าง น่ะ ไม่ได้นึกอยากเปลี่ยนตัวเองให้มีจิตวิญญาณของคนทำงานบริการอะไรนักหรอก


    เพราะเหตุผลที่เยบินจะแอคทีฟกับงานนี้แบบเมื่อกี้จนเหมือนไม่ใช่ตัวเองน่ะ 


    มีแค่สองข้อเท่านั้นล่ะ


    ข้อที่หนึ่ง–


    "ดีมากเยบิน"


    เจ้าของพีทีมาร์ตที่เป็นสาวใหญ่ร่างท้วมรุ่นเดียวกับแม่เอ่ยชมด้วยใบหน้าอิ่มเอิบและน้ำเสียงที่ฟังดูออกมาจากใจ พร้อมกันก็ยืนฝ่ามืออวบมาแตะเบาๆ ที่ไหล่ของเยบิน


    นั่นล่ะ เพราะว่าตัวเจ้าของผ่านมาตรวจงานเองก่อนจะไปรับลูกจากโรงเรียนสอนพิเศษ เยบินก็เลยต้องทำตัวดีมากเป็นพิเศษเสียหน่อย เพราะว่าโดนแม่ตัดค่าขนมจนแทบไม่เหลือด้วย ก็ไม่ควรจะหาเรื่องให้โดนหักเงินจากงานพาร์ทไทม์นี่อีก


    ก็เข้าใจถ้าแม่จะตัดหางปล่อยวัดกลายๆ เพราะว่าเธอดันเอนท์ไม่ติดทั้งที่แม้จะดูเป็นเด็กแสบแต่ก็หัวดี ก็เลยทำให้แม่ผิดหวังสุดๆ นั่นล่ะ พอจะรอสอบใหม่รอบหน้า ช่วงระหว่างรอจึงว่างแสนว่างเสียจนเหมือนหายใจทิ้งไปวันๆ นอกจากกินกับนอน ก็มีแค่ไปติววิชาคณิตศาสตร์ที่ไม่ถนัดกับพี่สาวที่เป็นญาติห่างๆ กัน พี่เขาเป็นนักศึกษาปีสองที่โซลแด เก่งมาก แต่ไม่ค่อยว่างหรอก ก็เลยติวไปตามมีตามเกิด


    "แล้วนี่ชียอนมาหรือยัง?"


    คุณเจ้าของถามถึงพัคชียอน เด็กพาร์ทไทม์อีกคนที่เข้ากะพร้อมกับเยบิน


    "ชียอนบอกว่าจะมาเลทหน่อยค่ะ" พลางดูนาฬิกาที่ผนัง "น่าจะสี่ทุ่ม"


    ใช่ เยบินเลือกมาทำงานพาร์ทไทม์ที่เป็นกะดึก—สามทุ่มครึ่งถึงเจ็ดโมงเช้า ไม่มีเหตุผลอะไรนอกจากมันได้เงินเยอะกว่ากะกลางวันตั้งสองเท่า แถมลูกค้ายังน้อยกว่า เท่ากับสบายกว่าด้วย ถึงจะสุ่มเสี่ยงกับพวกคนเมาไปหน่อย แต่ก็นานๆ จะเจอสักที แถมป้อมตำรวจยังอยู่แค่นี้เอง เกิดอะไรขึ้นกดกริ่งกริ๊งเดียว จ่าคิมแกจะมาพร้อมอาวุธครบมืออย่างไว ไม่ได้พูดเกินจริง แต่ชียอนเคยเผลอมือไปโดนทีนึงตอนช่วงตีสองของสักวัน หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ นายตำรวจร่างกำยำก็กระหืดกระหอบกระแทกประตูกระจกเข้ามาโดยที่ในมือกำปืนพกไว้แน่น แถวที่เอวก็เหน็บกระบองไว้อีก กลายเป็นเรื่องโจ๊กที่ไว้แซวได้บ่อยครั้งเวลาเขามาซื้อพวกเครื่องดื่มชูกำลังตอนดึกๆ


    แต่ถึงจะมีป้อมตำรวจอยู่ใกล้ๆ แต่อย่างไรพีทีมาร์ตก็ต้องปฏิบัติตามกฎของกระทรวงแรงงาน ว่าถ้าเป็นกะดึก ห้ามพนักงานเข้ากะคนเดียวเด็ดขาด บางทีถ้าผู้ชายก็จะหยวนๆ บ้างหากหาคนไม่ได้จริงๆ แต่ถ้าเป็นพนักงานผู้หญิง เพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ต้องทำตามอย่างเคร่งครัด


    เยบินก็เลยมีคู่หูกะดึกเป็นพัคชียอน เด็กสาวหน้าตาสวยแต่ชอบทำตัวเท่ๆ ที่เรียนโฮมสคูลอยู่กับบ้านมาตั้งแต่ชั้นประถมจนตอนนี้มัธยมปลายปีสองแล้วก็ยังเรียนโฮมสคูลเหมือนเดิม


    อันที่จริง กฎเหล็กอีกข้อของการจ้างพนักงานพาร์ทไทม์ ก็คือ ห้ามเด็กอายุต่ำกว่ายี่สิบปีทำงานกะดึกเด็ดขาด—ใช่ คงเดาถูกว่าเจ้าเด็กแสบพัคชียอนมันโกงอายุ จริงๆ ด้วยบุคลิก เยบินก็ไม่คิดหรอกว่าชียอนจะเด็กขนาดนั้น ทีแรกก็เลยเชื่อว่ารุ่นเดียวกันโดยไม่สงสัยใดๆ 


    'จริงๆ หน้าพี่ก็เหมือนเด็กมหาลัยปีสี่อยู่นะ...แหม ทำมาเป็นว่าฉัน'


    เนี่ย ปากคอเราะร้ายขนาดเนี้ย จะให้เชื่อไงไหวว่าพัคชียอนมันเด็กกว่าเธอตั้งสองปี!


    จนเจ้าของออกไปแล้วพักหนึ่ง เกือบสี่ทุ่มสิบห้านาทีนั่นล่ะที่พัคชียอนจะโผล่มา เสียงเครื่องยนต์ของรถคลาสสิกที่คุ้นหูดังทะลุกระจกร้านเข้ามาจนเยบินต้องหันไปมองเหมือนเคย


    เออ ชียอนเป็นเด็กที่ขับรถมาทำงานพาร์ทไทม์เพื่อรับเงินค่าชั่วโมงที่คงเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับราคาเจ้าเก๋งสีมินท์ของรักของหวงของหล่อน คนเด็กกว่าก็คงจะมีเหตุผลที่เลือกมาทำงานพิเศษกลางค่ำกลางคืนแบบนี้นั่นล่ะ เพียงแต่เยบินเลือกจะไม่ถาม–เพราะถ้าอยากเล่า หล่อนก็คงจะพูดเอง


    เหมือนกับที่เธอเพิ่งเล่าให้หล่อนฟังไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อนเรื่องที่ตอนนี้เป็นเด็กซิ่วอยู่ เยบินตัดสินใจเล่าเพราะเห็นชียอนเหลือบๆ มองมาที่หนังสือเตรียมสอบวิชาคณิตศาสตร์ที่เธอเอามานั่งทำโจทย์ฆ่าเวลาตอนไม่มีลูกค้าอยู่สองสามครั้งแล้ว


    มือขาวๆ ของชียอนที่โผล่พ้นแจ็คเก็ตตัวหนาผลักประตูเข้ามา พร้อมกับยกปิดปากพลางหาวหวอดๆ


    "ไม่ได้นอนก่อนมาเหรอ?"


    ชียอนตอบคำถามด้วยการพยักใบหน้าที่เหมือนจะหลับได้ทุกเมื่อ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันขับเจ้ามินท์มาถึงพีทีมาร์ตโดยที่ไม่มีอะไรบุบสลายได้ยังไง


    "โทษทีนะพี่ วันนี้ฉันขอไปหลับได้มั้ย" ยังไม่ทันจะโวยวายอะไร ชียอนก็ยื่นข้อเสนอต่อทันที "ค่าแรงวันนี้ฉันยกให้พี่หมดเลย แต่ฉันขอนอนก่อนนะ ไม่ไหวแล้ว"


    แน่ล่ะว่าเยบินไม่รับเงิน หากคนแก่กว่าก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างเอือมๆ ก่อนจะโบกมือไล่ชียอนให้ไปนอนที่หลังร้าน จะได้ไม่โดนกล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้จนอาจจะโดนใบเตือนจากเจ้าของ


    "ไปอดหลับอดนอนอะไรมานะเจ้าเด็กนี่"


    เจตนาแค่พึมพำเปรยกับตัวเองเท่านั้นแหละ แต่ไม่คิดว่าคนที่ทำท่าจะหายไปนอนที่หลังร้านแล้วจะยังอุตส่าห์ส่งเสียงตอบมา


    "มัวแต่ง้อแฟน ง้อไม่สำเร็จด้วย เป็นการอดนอนที่เสียเปล่ามาก"


    เนี่ย ถ้ามันอยากจะเล่า มันก็จะเล่าเองจริงๆ พัคชียอนเป็นเด็กแบบนี้ล่ะ













  • หนึ่งเข็มสั้นและหนึ่งเข็มยาวบนนาฬิกาติดผนังบอกชัดว่า


    อีกสิบนาทีจะตีสี่


    นั่นจึงหมายความว่า ไม่มีทางที่เจ้าของจะมาตรวจงานตอนนี้แน่นอน


    "สวัสดีค่ะ พีทีมาร์ตยินดีต้อนรับค่ะ!"


    แล้วอะไรคือเหตุผลที่ทำให้เยบินที่กำลังขะมักเขม้นกับการทำโจทย์คณิตศาสตร์อยู่แท้ๆ จะมาทำตัวเป็นพนักงานดีเด่นตอนนี้ เธอพูดโพล่งขึ้นมาเสียงดังจนร่างสูงของหญิงสาวที่เพิ่งผลักประตูกระจกเข้ามาถึงกับสะดุ้งนิดหนึ่งเลยทีเดียว


    เยบินคิดว่าหล่อนควรจะชินได้แล้ว เพราะทุกครั้งที่หล่อนมาที่นี่ในช่วงเวลาดึกดื่นใกล้เช้า พนักงานพาร์ทไทม์ที่ผมสีน้ำตาลเข้มยาวเลยบ่ามานิดหน่อย ตรงอกมีป้ายชื่อติดว่าคังเยบิน ก็จะส่งเสียงทักทายอย่างกระตือรือร้นเช่นนี้ตลอด


    ใช่ ผู้หญิงแปลกหน้าที่เหมือนจะแก่กว่ากันสักปีที่กำลังย่อตัวเลือกกาแฟพร้อมดื่มอยู่นี้ ก็คือ เหตุผลที่สอง ที่ทำให้เยบิน 'อิน' กับการทำหน้าที่พนักงานมินิมาร์ตมากๆ จนไม่เป็นตัวของตัวเอง


    ผู้หญิงที่ตัวสูงปรี๊ดจนเยบินต้องเงยหน้าขึ้นมอง แต่หน้าตาก็ดันน่ารักจิ้มลิ้มแถมดวงตายังโคตรมีเสน่ห์แบบที่ห้ามเผลอสบตาเชียว ไม่งั้นจะต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกับเยบินในตอนนี้


    เพราะเธอน่ะ ตกหลุมหล่อนตั้งแต่ครั้งแรกที่เผลอไปมองตาคู่นั้นเข้า...ก็สามเดือนมาแล้วล่ะ


    เลยต้องมาทำเป็นส่งเสียงสดใสทักทายอย่างไร้สาระแค่เพราะอยากจะให้หล่อนจำพนักงานกะดึกคนนี้ได้ แบบที่ดูไม่แสดงออกว่าคุกคามหรือดูมีเจตนาอย่างอื่นแอบแฝง


    ก็ยอมรับว่าอยากได้ แต่ยังไงก็แล้วแต่ เราก็ยังเป็นคนแปลกหน้าซึ่งกันและกันมั้ย


    ดังนั้น นอกจากบอกราคารวมสินค้า และเสนอโปรโมชั่นช่วงนั้นๆ ไปตามสคริปต์ของพนักงาน เยบินก็ไม่เคยพูดอะไรที่นอกเหนือไปจากนี้กับหล่อน


    ไม่กล้าแล้วหนึ่ง อีกหนึ่งก็คือ จากการที่เจอกันแต่ในเวลาดึกดื่นใกล้เช้า บ่งบอกความเป็นคนกลางคืนเหมือนกัน ก็ทำให้เยบินสงสัยนิดหน่อย ว่าตกลงแล้วหล่อนทำงานอะไรกันแน่ ไม่ได้ตั้งใจจะตีขลุมว่าหล่อนเป็นผู้หญิงแบบนั้น เพราะบางเวลาก็แต่งหน้าจัดเต็มและได้กลิ่นน้ำหอมจากตัวจนเก็บไปเพ้ออยู่หลายวัน แต่บางเวลาก็มาในลุคที่ใกล้เคียงกับคำว่ายัยเพิ้ง มัดผมลวกๆ หน้าไม่แต่ง สวมแว่นสายตา จนเหมือนกับว่าหล่อนน่าจะพักอยู่ใกล้ๆ นี้เอง และบางวัน ก็คงต้องออกไปทำงานกะกลางคืน 


    ในเมื่อฟันธงไม่ได้ เยบินจึงตัดสินใจปล่อยทิ้งความสงสัยให้อยู่ข้างๆ ความคลุมเครือไปอย่างนั้น หยุดความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้ ไม่ต้องรู้ทุกเรื่องหรอก เธอบอกตัวเอง เพราะยังไงเธอกับหล่อนก็แค่คนแปลกหน้า 


    เวลาที่เราเจอกัน สถานะระหว่างเราจะเป็นเพียงแค่พนักงานกับลูกค้าเท่านั้น


    อีกอย่าง ตลอดสามเดือนที่ผ่านมา หล่อนไม่เคยพูดอะไรตอบกลับมาเลย แม้จะเสนอโปรโมชั่นไปกี่หนต่อกี่หน หล่อน—ที่หยิบมาแต่กาแฟพร้อมดื่มยี่ห้อเดิมๆ และขนมปังถุงหน้าตาเดิมๆ—ก็ส่ายหน้าลูกเดียว


    แต่วันนี้ไม่ใช่แบบนั้น


    "รับครัวซองต์แฮมชีสไปทานเพิ่มมั้ยคะ อุ่นร้อนๆ ทานคู่กับกาแฟเข้ากันสุดๆ ค่ะ" ใส่จริตจะก้านจนขนลุกตัวเองขนาดนี้ ไม่มีซะหรอกที่จะไปพูดกับคนอื่น หรือแม้กระทั่งทุกคนที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต


    ทั้งที่คาดหวังว่าจะได้เห็นการที่ใบหน้าจิ้มลิ้มส่ายปฏิเสธไปมาแบบทุกๆ วัน 


    หากคนแปลกหน้า กลับทำให้เยบินต้องแปลกใจ


    "ก็ดีเหมือนกันนะคะ เบื่อขนมปังชืดๆ นี่แล้ว"


    คาดไม่ถึงจนเผลอเบิ่งตาโตให้คนที่เงยหน้าขึ้นมาจากการหยิบทีมันนี่ต้องเอ่ยซ้ำอีกรอบ ด้วยใจความเดิม แต่ใช้คำต่างไปจากเดิม


    "ขอครัวซองต์แฮมชีสด้วยชิ้นนึงนะคะ"


    คนสวยที่ทำหน้านิ่งมาตลอดสามเดือนที่ได้เจอกัน ตอนนี้กำลังยกยิ้มที่มุมปาก


    น...น่ารัก...


    "ค–ครัวซองต์ฮ–แฮมชีสนะคะ โอเคค่ะ"


    อาการติดอ่างของเธอคงจะทำให้หล่อนเอ็นดูพอควร เพราะตอนนี้ร่างสูงยกมือปิดปากเหมือนจะซ่อนเสียงหัวเราะ ก่อนที่ดวงตามีเสน่ห์นั้นจะโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว


    ไม่ไปอุ่นแล้วได้มั้ยครัวซองต์อะ ขอยืนจ้องหน้าพี่เค้าอยู่แบบนี้ได้มั้ย...


    "เตรียมสอบซูนึงเหรอคะ?"


    เยบินได้ยินเสียงนุ่มๆ ของหล่อนพูดขึ้นขณะที่เธอกำลังจัดการส่งครัวซองต์เข้าไมโครเวฟ พีทีมาร์ตไม่เหมือนที่อื่น ที่นี่ไม่มีไมโครเวฟแบบเซลฟ์เซอร์วิส พนักงานต้องทำให้ล้วนๆ เพราะแบบนี้ล่ะมั้ง ค่าชั่วโมงเลยสูงกว่าที่อื่น แลกกับที่ต้องเหนื่อยบริการมากกว่า


    เมื่อหันไปดู ก็เห็นหล่อนพยักเพยิดไปยังหนังสือโจทย์คณิตศาสตร์ที่เยบินวางไว้ข้างเครื่องคิดเงิน


    "ใช่ค่ะ" 


    "แบบนี้ก็แปลว่ายังอายุไม่ถึงยี่สิบสินะคะ แล้วมาทำงานกะดึก?" หล่อนเลิกคิ้วมอง ดวงตาหวานฉ่ำน่ามองเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นคมกริบได้ในพริบตา


    อะไรอะ สารวัตรนักเรียนปลอมตัวมาเหรอ...


    "ยี่สิบแล้วค่ะ พอดีรอบที่ผ่านมาสอบไม่ติด" ถึงจะเหมือนเป็นคนแข็งๆ แต่อย่าคิดว่าเยบินไม่อายนะ ที่จำเป็นต้องพูดถึงความล้มเหลวต่อหน้าคนที่แอบชอบแบบนี้ "นี่เตรียมตัวสอบของปีนี้อยู่ค่ะ"


    "อ๋อ" ดวงตาคมกริบเมื่อครู่กลับไปเป็นอย่างเดิมแล้ว หากมือเรียวของหล่อนที่โผล่พ้นแจ็คเก็ตหนังก็ยังคงเท้ากับขอบเคาน์เตอร์และโน้มตัวมาหาอยู่อย่างนั้น "ไม่ค่อยถนัดวิชาเลขเหรอคะ?"


    "ก็เป็นวิชาที่ต้องพยายามมากสุดน่ะค่ะ" อย่าให้ต้องพูดเรื่องด้อยๆ ของตัวเองบ่อยๆ ได้มั้ยเล่ายัยพี่คนนี้–


    เพิ่งรู้ตัวว่าจากที่เป็นคนแปลกหน้าอยู่ดีๆ เยบินกลับแทนที่ด้วยคำว่า ยัยพี่คนนี้ ไปเรียบร้อยแล้ว


    "อยากได้คนติวมั้ยล่ะคะ ยังไงพี่สอนให้ได้นะ วิชานี้พี่ถนัด"








    ไมโครเวฟที่อุ่นครัวซองต์แฮมชีสนิ่งสนิทไปนานแล้ว แต่เยบินกลับยืนนิ่งเหมือนหิน ไม่สนใจจะไปหยิบมันออกมาให้คนที่เสนอตัวจะมาเป็นติวเตอร์วิชาคณิตศาสตร์ให้แต่อย่างใด


    และท่าทาง...คุณลูกค้าตัวสูงก็ดูไม่ได้อยากจะได้ขนมที่สั่งไปเดี๋ยวนั้นเหมือนกัน


    รอยยิ้มมีเสน่ห์คลี่กว้างอีกครั้ง








    "ค่าจ้าง พี่ขอเป็นกาแฟกับครัวซองต์ฟรีก็พอ"


    "ฉันยังไม่ได้ตกลงเลยนะคะ"


    พูดออกไปแล้ว เยบินก็อยากจะตบปากตัวเอง ใครสั่งใครสอนให้เล่นตัวขนาดนี้!


    ว่าเข้านั่น จริงๆ แล้วคนที่เสนอตัวอาจจะแค่อยากจะช่วยเด็กตาดำๆ ให้สอบผ่านแค่นั้นก็ได้ คงไม่ได้คิดอะไรในทางสิเน่หาแบบที่เยบินกำลังเป็นอยู่


    เพราะหล่อนแค่หัวเราะ ก่อนที่ดวงตาหวานจะมองมาที่เธออีกครั้ง


    "แต่ห้องพี่อยู่แถวนี้เองนะ ไม่ต้องเสียค่ารถด้วย ออกกะก็ไปติวก่อนแล้วค่อยกลับบ้านนอน ไม่ดีเหรอ"


    "คะ??" คราวนี้เยบินตกใจจริงๆ แล้ว เธอมั่นใจว่าตอนนี้ตาตัวเองจะต้องกำลังโตกว่าเดิมมากๆ และปากก็คงกำลังอ้ากว้างเพราะตามไม่ทันความคิดของคนตรงหน้า เดาไม่ถูกเลยว่าหล่อนต้องการอะไรกันแน่


    เพราะถึงมันจะดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิดเดียว แต่เยบินกลับไม่รู้สึกได้ถึงการคุกคามหรือความอันตรายเหมือนเวลาที่เธอเคยถูกคนที่มาติดพัน—ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย—มาจ้องหน้ากัน บางที...หล่อนอาจจะแค่หวังดีจริงๆ ก็ได้


    มันคงจะเป็นเพราะความหลงใหลส่วนตัวที่ก่อร่างมาตั้งแต่สามเดือนก่อนที่เผลอสบตา ที่ทำให้เยบินอยากจะลองเชื่อผู้หญิงแปลกหน้าที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำงานอะไร...ดูสักตั้ง


    ชียอนว้อย รีบๆ ตื่นแล้วมาช่วยห้ามหน่อย! 


    เพราะถ้าเด็กคนนั้นอยู่ด้วย เยบินคงไม่คิดจะตัดสินใจอะไรหุนหันพลันแล่นเช่นนี้...


    แค่เพราะว่าหล่อนสวย แค่เพราะว่าดวงตาของหล่อนมีเสน่ห์มาก แค่เพราะว่าหล่อนหุ่นดี แค่เพราะหล่อนยิ้มแล้วโลกสว่างขึ้นมาทันตา มันไม่ได้ช่วยยืนยันอะไรได้เลยว่าหล่อนจะเก่งคณิตศาสตร์อย่างที่อ้างจริงๆ


    เยบินกำลังจะตอบตกลงไปห้องของคนที่ยังไม่ทันจะรู้จักชื่อกันด้วยซ้ำ


    บ้า เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ


    เอาใหม่ๆ แบบนี้ไม่ได้ แม้จะชอบเค้า แต่เธอจะตอบตกลงไปห้องเค้าแบบซี้ซั้วไม่ได้!


    หัวสมองที่เริ่มล้าเต็มทนพยายามประมวลผลเพื่อคิดหาหนทางที่จะไม่พาตัวเองเข้าไปหาความเสี่ยงมากขนาดนั้น แต่ขณะเดียวกันก็ไม่อยากจะปิดหนทางที่จะได้ทำความรู้จักกับหล่อน ก็โอกาสที่จะได้เป็นมากกว่าพนักงานกับลูกค้าน่ะ จะเกิดขึ้นแน่นอนแค่เธอตอบตกลงเท่านั้น


    ยังไงดี ยังไงดี ยังไงดี


    ก่อนจะเอ่ยต่อรองไปว่าขอเปลี่ยนสถานที่ได้มั้ย เสียงติ๊งต่องเตือนคนเข้าร้านก็ดึงความสนใจไปจากเยบินได้เสียก่อน พร้อมๆ กับที่เสียงเอ่ยทักของคนที่เพิ่งเข้ามาจะดึงความสนใจไปจากหล่อนได้เช่นกัน


    "คิมมินกยอง!"


    "อ้าว" หล่อนมองไปยังชายหนุ่มที่สูงไล่เลี่ยกัน ก่อนจะเลื่อนสายตามาหยุดอยู่ที่เครื่องแบบสีฟ้า "แกยังเป็นตำรวจอยู่เหรอจีวาน คิดว่าไปทำอย่างอื่นแล้วซะอีก"


    เยบินมองทั้งสองคนสลับไปมาอย่างตามไม่ทัน อะไรอะ ผู้หญิงคนนี้ทำไมดูสนิทกับจ่าคิมจัง เพื่อนร่วมรุ่นเหรอ ถึงได้เรียกคนเป็นตำรวจว่าแกได้อย่างเต็มปากเต็มคำแบบนี้


    "แกก็เถอะ มาทำอะไรที่นี่"


    "ทำงานไง"


    "แกยังอยู่หน่วยสืบสวนเหรอ– เอ้ย!" เหมือนจ่าคิมจะลืมไปเสียสนิทว่าน้องเยบินของเขายืนอยู่ตรงนี้ด้วย พอหันมาจึงทำหน้าตกใจจนเกินเบอร์ "เออจริงๆ แล้วฉันไม่ควรพูดตรงนี้ใช่ปะ..."


    "ช่างมันเถอะ แกพูดไปแล้ว" คุณคิมมินกยองพูดยิ้มๆ พลางเหลือบมาทางเยบินนิดหนึ่ง


    ถ้าเมื่อกี้ฟังไม่ผิด จ่าคิมเหมือนจะบอกว่าหล่อนอยู่หน่วยสืบสวน


    จริงๆ แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นตำรวจงั้นเหรอ...? 


    ถึงจะน่าแปลกใจ แต่สิ่งที่ได้รู้มาก็ทำให้เยบินโล่งใจจริงๆ ว่าหล่อนไม่ได้ทำอาชีพแบบที่กังวลมาตลอด ที่บางทีก็เดี๋ยวสวยเดี๋ยวเพิ้งน่ะ ก็คงเพราะต้องแต่งให้สมกับสถานการณ์ที่จะไปสืบคดีสินะ ไม่น่าต่างกับละครแนวนี้ที่เคยดูมากนัก


    "ก็ไม่ได้เป็นความลับนักหรอก เพราะปิดคดีไปแล้ว คืนพรุ่งนี้ฉันก็ไม่ได้มาแถวนี้ละ"


    อ้าว ยังไง


    "แล้วที่บอกว่าจะติวให้ล่ะคะ?" เยบินไม่ได้อยากเสียมารยาทด้วยการพูดแทรก แต่การที่จู่ๆ หล่อนก็ดันพูดขึ้นมาอีกอย่าง มันสร้างความขัดแย้งขึ้นในใจของเธอมากเหลือเกิน


    อะไรอะ เห็นว่าเป็นเด็ก เลยจะมาแกล้งปั่นหัวเล่นงี้เหรอ


    มินกยองผละจากที่คุยกับจ่าคิมมามองหน้ากัน นัยน์ตาคู่นั้น เยบินสัมผัสไม่ได้ถึงอาการล้อเล่น


    "มันก็ขึ้นอยู่กับว่า เราจะตกลงหรือเปล่า" แต่ไม่ว่าจะเป็นสายตาแบบไหน ทุกครั้งที่มินกยองมองมา ก็ทำให้หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะได้ทุกครั้ง "เมื่อกี้เราทำท่าเหมือนจะปฏิเสธไม่ใช่เหรอ เพราะงั้น พี่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ต่อนะ"


    "แต่ฉันก็ยังไม่ได้ปฏิเสธไม่ใช่เหรอคะ"


    ในตอนนั้นเอง จ่าคิมก็โพล่งขึ้นมาด้วยใบหน้าตื่นๆ


    "เดี๋ยวๆ ใครจะติวอะไรให้ใคร ติวที่ไหน"


    เยบินทำเป็นพาซื่อบอกรายละเอียดกับชายหนุ่มไปอย่างหมดเปลือก ดูท่าแล้ว หล่อนก็คงจะคาดไม่ถึงเหมือนกันว่าเธอจะบอกคนอื่นทุกอย่างขนาดนี้


    เพราะถึงจะชอบมินกยองมากแค่ไหน แต่ยังไง จ่าคิมก็เป็นคนที่เยบินไว้ใจมากกว่า


    และพอเขาฟังจนจบ ก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบและใบหน้าที่สุดจะจริงจัง


    "ผมต้องขอเตือนไว้ก่อนว่ามินกยองน่ะน่ากลัวมาก"


    "ไอ้จีวาน"


    "เห็นมั้ยว่าน่ากลัวขนาดไหน"


    "อย่าเสี้ยมได้ปะ" 


    หากจ่าคิมหาได้สนใจไม่ เพราะเขาก็ยังคงทำเป็นป้องปากเล่าเรื่องของคนที่ท่าทางจะเป็นเพื่อนสนิทกันด้วยสีหน้าสีตาที่ออกรส


    "มินกยองน่ะ แฟนเยอะมากนะครับ น้องเยบินน่าจะพอนึกภาพออกใช่มั้ย แบบพวกเวลานักสืบไปสืบคดี มันก็จะได้รู้จักคนนู้นคนนี้เพิ่ม ได้คอนเนคชั่นเพียบ หนุ่มๆ สาวๆ ก็เพียบตาม"


    เห็นด้วยอย่างเต็มประตูเลยล่ะ เพราะถ้ามองจากมุมนี้ เยบินก็เป็นหนึ่งในสาวที่มินกยองมาเจอจากการสืบคดีไม่ใช่หรือไง


    "แต่ฉันก็ไม่ได้ชอบคนพวกนั้นมั้ยเล่า โธ่เอ๊ย" 


    "งั้นก็หมายความว่าแกชอบน้องเยบินสินะ?"
















    มินกยองเงียบไปเลย 


    อย่าเงียบนานสิ... รู้มั้ยเนี่ยว่าน้องเยบินคนนี้รอลุ้นคำตอบด้วยใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ขนาดไหน















    และในที่สุด ริมฝีปากสวยก็ขยับตอบ















    "เออ ชอบ"




















  • "รู้มั้ยว่าทำไมพี่มาที่นี่บ่อย"


    "ไม่ใช่บ่อยค่ะ เค้าเรียกทุกคืน"


    "เออนั่นแหละ รู้มั้ยว่าทำไม"


    "หึ"


    "ทีแรกก็เพราะสงสัยว่าเรากับชียอนจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกแก๊งยา–"


    "โอ้โหพี่กยอง หน้าพวกฉันดูเป็นเด็กเลวขนาดนั้นเลยเหรอ"


    "เปล่า แค่ลักษณะมันเข้าข่ายกับที่สายรายงานมาน่ะ ว่าเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาสวย แล้วการที่เด็กผู้หญิงสองคนมาทำงานมินิมาร์ตกะกลางคืน ยังไงมันก็ดูแปลก อันตรายจะตายไป"


    "ขอบคุณนะคะที่ชมว่าสวย อ้อ แล้วก็เรื่องทำกะดึก จริงๆ แล้วแค่มันได้เงินเยอะกว่าน่ะ"


    "อืม พอดูอยู่สามวันก็รู้ว่าไม่ใช่"


    "ถามจริง แล้วอีกแปดสิบเจ็ดวันต่อจากนั้นล่ะ ทำไมยังมา"


    "ก็เพราะว่า"



















    "พี่อยากมาเจอเยบินไง"






















    END.

    #บิ้นกยองกะดึก


















  • ฟิคพริสทินเรื่องแรกค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยยยย #โค้งคำนับ
    ซึ่งก็คงจะมีเรื่องอื่นๆ และคู่อื่นๆ ตามมาในอนาคต 555 
    เพราะเราชอบเคมีของเด็กพริสทินจริงๆ ค่ะ ได้หลายคู่เลย

    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ :)

    เมาท์มอยได้ที่แท็ก #บิ้นกยองกะดึก ได้ตามสะดวก
    หรือจะเมนชั่นมาคุยกันที่ @soshigonal ก็ได้น้า

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
shiki_kaew (@shiki_kaew)
นึกครึ้มมาอ่านอีกรอบแล้วพบว่ายังไม่ได้เมนต์เลยจัดให้

อุว้ายยยยยยยยยยยยยย ปริสนาคลี่คลายไอ้ตอนแรกอ่านยังนึกว่าพี่เขาเป็นไซด์ไลน์เลยอะ นี่กลายเป็นคุนตำหนวดคนสวย (เพิ่มคำชมของบิ้นไปต่อจากนั้นละกัน) ซะนี่

ทำไมคุณตำหนวดูจะล่อลวงเด็กอยู่ดีละคะ ถึงจะไม่ได้บังคับแต่น้องเขาก็มองพี่ตาเป็นมันทุกเมื่อเชื่อวัน

เออ แล้วสรุปยอมไปติวกะพี่เขาไหม

ว่าแต่จะติวแค่วิชาเลขเหรอ มีติวแบบอื่นมะ เอาแบบที่ใส่ชุดตำรวจแล้ว.........และ.........น่ะ

(เป็นคอมเมนท์ที่ลากจริงๆ ข้ามไปนะ)
theniaz (@theniaz)
ตายล้าวววววววววววว
คุณตำรวจกับเด็กม.ปลาย
ส่องกันไปส่องกันมา พอได้คุยกันยาวหน่อยคุณตำรวจก็ชวนไปห้องเลย!
ไม่ธรรมดาาาา

บั่บว่า.. จะมีภาคต่อตอนเค้าไปติวหนังสือมั้ยคะน้องฝน
55555555555555555555555
nobi (@nobitfn)
พอรู้ว่าพี่กยองเป็นตำรวจนี่โล่งอก แอบคิดเหมือนที่บิ้นคิดแหละ อื่มมม55555555
87วันเลยนะ87วัน แต่กว่าพี่จะทำอย่างอื่นนอกจากส่ายหน้านี่รอได้ไง87วัน!

อ่านฟิคนี้แล้วไม่รู้จะเม้นอะไรนอกจากหวีดกยองอะค่ะทำไงดี TT อยากติวเลขกับกยอง อยากเวฟครัวซองแฮมชีสให้กยอง อยากเจอคุณตำรวจกยองทุกคืน 5555555555555

หน้าตาก็ดันน่ารักจิ้มลิ้มแถมดวงตายังโคตรมีเสน่ห์แบบที่ห้ามเผลอสบตาเชียว ไม่งั้นจะต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกับเยบินในตอนนี้
^โอ้ยยยยยยย เนี่ยะ แค่อ่านภาพกยองตาใสก็ลอยมา อยากเป็นบิ้น อยากเงยหน้ามอง /แต่แค่ดูรูปก็เผชิญชะตากรรมทาสกยองแล้ว ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

แค่เพราะว่าหล่อนสวย แค่เพราะว่าดวงตาของหล่อนมีเสน่ห์มาก แค่เพราะว่าหล่อนหุ่นดี แค่เพราะหล่อนยิ้มแล้วโลกสว่างขึ้นมาทันตา
^นี่ก็เหมือนเอาความรู้สึกตัวเองไปพร่ำเพ้อกยอง กยองของเลาาาาาา อยากได้กยองงงงง
/) ,. (\

สงสัยอีกอย่าง ชียอนง้อแฟนยังไงคะ ไม่ได้นอนด้วย แล้วแฟนเป็นใครคะ ต่ออีกชอตมั้ยคะ /ฟาดตัวเอง

เอาอีก เอาบิ้นกยองอีก เอาพี่กยองแซ่บๆ
pankatze (@pankatze)
คุนโรอาสวยยยยยยยยยยยยย T___T

แงวววววววววงงงงงงงงงงงวววววววงงงงว มั่ยหวัยแล้วคุนตำหรวดคะ ดิชั้ลซ่อนยาบ้าไว้ในกางเกงนัยยยยยยยยยยยยยย มาจับไปทีรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร

โอยทำไมผีบ้าขนาดนรี้ ฮือ บิ้นกยองงงงงงงงงงงงงง ไม่ค่อยได้อ่านเลยค่ะแงงงงง เอาอี๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก