เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
NOLA. NOLA.Samanthachiew
4 (จบ)
  • 4

    ทุกสรรพสิ่งเงียบงันโดยเฉียบพลัน สองหูของเธอไม่ได้ยินเสียงใดๆทั้งสิ้น สมองเธอหยุดทุกการประมวล ความสับสนและมึนงงครอบงำสตินึกคิดของเธอ -- เสียงของแม่ยังคงพูดอย่างช้าๆและสั่นไหวอีกครั้งว่า


    “โนร่า ลูกตายแล้ว” เสียงแม่สะอื้น “เรื่องมันเกิดขึ้นมานานเป็นเดือนแล้วนะลูก”


    เสียงของแม่ยังคงพูดต่อไป


    “ตอนนั้นลูกของแม่กำลังจะกลับมาบ้าน --” น้ำเสียงแม่สั่นเทา และสะอื้นดังเป็นระยะ “กระเป๋าเดินทางของลูกกระจายอยู่บนพื้น มีร่องรอยการต่อสู้ในห้องนั่งเล่น และใช่ เจสันอยู่ที่นั่นกับลูก เขากับลูกทะเลาะกัน เขาทำร้ายลูกอย่างรุนแรง และเขาเป็นคนทำให้ลูกของแม่ตกลงมาจากหน้าต่าง --” เสียงของผู้เป็นแม่สะอื้นอย่างรุนแรงและเจ็บปวด “ลูกสาวของแม่ -- โธ่ โนร่าของแม่ --”


    วินาทีที่เสียงร้องไห้ของแม่ดังแนบหู เธอก็สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือก และความเจ็บปวดที่แล่นปราดมาจากท้ายทอยตนเอง จิตใต้สำนึกกระซิบบอกกับเธอว่ามันคือความรู้สึกเดียวกันกับที่เธอสัมผัสได้เมื่อตอนลืมตาตื่นขึ้นมา


    เลือดเริ่มไหลออกมาจากทางปากและจมูก ตกลงมาเปื้อนมือของเธอที่วางอยู่เหนือเข่า --


    โนร่ายกมือขึ้นลูบท้ายทอยตนเอง ก่อนจะสั่นสะท้านไปทั้งร่าง เมื่อสัมผัสได้ถึงเลือดและของเหลวบางอย่างไหลเลอะเปรอะเต็มไปหมด


    ฉับพลันนั้นความทรงจำทั้งหมดก็หลั่งไหลเข้ามา ภาพต่างๆแล่นผ่าน ราวกับเธอกำลังย้อนดูเทปเก่าๆม้วนหนึ่ง -- ความเศร้าเสียใจขณะสบตากับดวงตาสีนิลของเจสัน


    ความรักและคิดถึงในตอนที่ลูบไล้เรือนผมของเขา

    ความรู้สึกผิดและหัวใจที่แตกสลายในตอนที่พูดถึงลูกที่จากไป

    ความบ้าคลั่งของเจสัน และการดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากเงื้อมมือของชายที่เคยเชื่อว่าคือรักแท้

    ความเจ็บปวดตามร่างกายที่ถูกทำร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า

    ความรู้สึกสมเพชในความอ่อนแอของตัวเอง --

    และความรู้สึกกลัวสุดขีดเมื่อร่างร่วงหล่นจากหน้าต่างลงสู่เบื้องล่าง

    แรงกระแทกอย่างรุนแรงกับพื้นถนนในสำนึกสุดท้าย

    ทุกอย่างประดังประเดผ่านเข้ามาในหัวของเธออย่างบ้าคลั่ง


    โนร่าร้องไห้โฮออกมา มันดังมาจากก้นบึงของหัวใจเธอ ร่างบางโยกไหวไปมา ความเสียใจความเจ็บปวดเมื่อได้รับรู้ถึงความจริง มันช่างรวดร้าวใจจนดวงวิญญาณเธอแทบสูญสิ้น


    “โนร่า! โนร่า!” แม่ร้องเรียกเสียงดัง ใจแม่แทบสลายไปกับเสียงร้องของลูกสาวตนเอง “โนร่า! โธ่ คนดีของแม่ -- ไม่เป็นไรนะลูก -- แม่อยู่นี่แล้ว -- ทำใจดีๆไว้นะ โนร่า” 


    กระทั่งเสียงคลื่นสัญญาณแทรกขึ้นมาอีกครั้ง ดังลั่นจนโทรศัพท์แทบจะระเบิด


    เป็นตอนนั้นเองที่เธอสัมผัสได้ว่ามีใครสักคนกำลังเดินมาตามโถงทางเดินของอาคาร -- และกำลังตรงมาทางห้องของเธออย่างช้าๆ ไม่เร่งรีบ --


    นี่คือความรู้สึกนั้นสินะ -- โนร่านึก --


    ร่างบางหยุดโยกไหว เสียงร่ำไห้เงียบลงทีละนิด -- ทีละนิด -- จนกระทั่งไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะร้องอีกต่อไป


    “แม่--” เธอกระซิบ ดวงตาสีฟ้าจับจ้องไปยังประตูห้อง “โปรดให้อภัยในความผิดและบาปทั้งหมดที่หนูได้ทำลงไปด้วย หนูขอโทษที่หนูไม่ได้เป็นลูกสาวที่ดีให้แม่ได้ภูมิใจนัก แต่โปรดเชื่อหนูเถอะค่ะ  ว่าหนูรู้สึกผิดอยู่ในใจเสมอ”


    “โนร่า ฟังแม่นะ ฟังแม่ให้ดี ลืมเรื่องเจสันไปเสีย เขาเป็นอดีตของลูกเท่านั้น ปล่อยเขาเผชิญกับผลกรรมของตนเองไปเสีย โนร่า เจสันในตอนนี้ทำร้ายลูกไม่ได้อีกแล้ว” เสียงของแม่พูดช้าๆ หากแต่ดังชัดเจน “ฟังแม่ให้ดีนะ หลังจากนี้ เราอาจจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ลูกกำลังจะไปในที่ที่แม่ไม่สามารถตามลูกไปได้อีกแล้ว -- เข้าใจไหมลูก --”


    โนร่าสะอื้นออกมา ขณะที่ฟังเสียงแม่


    “แม่ต้องมั่นใจว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ ลูกของแม่จะเจอแต่สิ่งที่ดี และสงบสุข --” เสียงของผู้เป็นแม่ราวกับพยายามอดกลั้นไม่ให้สั่นเทา “แต่แม่เป็นแม่ของลูก มันเป็นหน้าที่ของแม่ ที่แม่ต้องบอกความจริงกับลูก ถึงแม้มันจะทำร้ายความรู้สึกของลูกก็ตาม -- ความจริงก็คือ จากนี้ไป ลูกอาจจะยังไม่ได้เจอสิ่งที่ดี และความสงบสุขที่นั่น --”


    เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาจากโถงทางเดิน และเสียงสัญญาณก็เริ่มดังรบกวนถี่ขึ้น --


    “โนร่าลูกรัก ลูกทำบาปโดยการพรากชีวิตบริสุทธิ์ไปจากโลกนี้” เสียงของผู้เป็นแม่สั่นเทา และเสียงสะอื้นก็ดังขึ้นอย่างรุนแรง “ใช่ แม่รู้ -- และลูกต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ลูกทำลงไป -- มันย่อมกลับมาหาลูก ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง -- แต่แม่หวังเหลือเกิน ว่าลูกจะได้รับการให้อภัย -- และแม่ภาวนา -- ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ลูกต้องเผชิญหลังจากนี้ -- แม่ขอให้ลูกผ่านพ้นมันไปได้ด้วยความรู้สึกผิดถูกที่แท้จริงที่ลูกสำนึก ด้วยความกล้าหาญ และด้วยความเมตตา -- ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ลูกแม่มีเสมอมา โนร่า --”


    เสียงเคาะประตูดังขึ้น -- 

    ก็อก -- ก็อก -- ก็อก --


    “ลูกคือสิ่งสวยงามที่สุด และดีที่สุดที่เกิดขึ้นกับชีวิตของแม่ และมันจะเป็นแบบนั้นตลอดไป” เสียงของแม่พยายามที่จะไม่สะอื้น


     เสียงสัญญาณดังแทรกขึ้นอีกครั้ง หากแต่โนร่ายังได้ยินเสียงของผู้เป็นแม่ได้อย่างชัดเจน “แม่รักลูกเสมอ ไม่ว่าลูกจะทำอะไรลงไปก็ตาม ได้ยินไหม ลูกคือผู้หญิงที่มีค่า ลูกคู่ควรกับสิ่งที่ดี และคู่ควรกับความรักเสมอ ลูกต้องเชื่อคำพูดของแม่นะ โนร่า”


    โนร่าพยักหน้าทั้งน้ำตา ดวงตาจ้องมองไปยังเงาที่ลอดผ่านช่องว่างใต้ประตูเข้ามา


    “หนูหวังว่าหนูจะแข็งแกร่งแบบแม่ได้” โนร่ากระซิบเสียงสั่น “โปรดสวดมนตร์ให้หนูด้วย”


    “ลูกทำได้ โนร่า ลูกจะผ่านมันไปได้ --” เสียงของผู้เป็นแม่สะอื้นดังมากับคลื่นสัญญาณ แม่พยายามปลอบและให้พลังใจโนร่าสุดความสามารถ ทั้งๆที่เสียงสั่นเทาจนควบคุมแทบไม่ได้ “เมื่อนั้นแล้ว ลูกจะได้พบกับความสงบสุข -- เราต้องได้กลับมาเป็นแม่ลูกกันอีก ลูกรัก”


    เสียงบานประตูเปิดออกช้าๆ แม้ว่าโถงทางเดินจะมืดสนิท แต่โนร่าก็สัมผัสได้ว่าผู้มาเยือนกำลังยืนมองเธออยู่จากตรงนั้น


    “หนูรักแม่” โนร่าร้องไห้ สะอื้นอย่างรุนแรง “โปรดเชื่อว่าหนูรักแม่จริงๆ ขอให้หนูได้กลับมาเป็นลูกของแม่อีกครั้ง ขอสวรรค์เมตตาหนูด้วย”


    “แม่รักลูกมาก โนร่า รักมากกว่าสิ่งใดในโลกนี้ --” แล้วเสียงสัญญาณก็ดังขึ้น มันดังจนแก้วหูเธอแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ


    ฉับพลันนั้น เสียงของแม่ก็เงียบหายไป -- เหลือไว้เพียงความมืดสลัว และร่างของผู้มาเยือนตรงประตูเท่านั้น


    ร่างของโนร่าสั่นเทา จิตใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้มาเยือนเพียงลำพัง

    ฝ่ามืออันบอบบางยกขึ้นเช็ดน้ำตา เธอหลับตาลง ฟังเสียงฝีเท้าของผู้มาเยือนที่ค่อยๆเดินตรงมาหาเธอ -- และหยุดลงตรงเบื้องหน้าของเธอในที่สุด --


    ความเงียบเข้าปกคลุมห้องเล็กๆแห่งนั้น


    โนร่าขยับกายอันสั่นเทา เธอยังคงหลับตาแน่น ในขณะที่ค่อยๆลุกขึ้นยืนช้าๆ 


    วินาทีนั้นหูของเธอแว่วได้ยินเสียงของแม่ และคราวนี้ไม่มีเสียงคลื่นสัญญาณใดๆรบกวนอีกต่อไป -- ด้วยความรู้สึกผิดถูกที่แท้จริงที่ลูกสำนึก ด้วยความกล้าหาญ และด้วยความเมตตา” -- 


    ตอนนั้นเองที่ร่างของโนร่าหยุดสั่นเทา เธอยืนสงบนิ่ง ความเจ็บปวดได้อันตรธานหายไปสิ้น เธอได้ยินเสียงลมหายใจของตนเองดังเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ -- ราวกับเธอยังมีชีวิตอยู่จริงๆ --


    ในที่สุดโนร่าก็ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เธอนิ่งตะลึง ร่างตรงหน้าของเธอนั้น ไม่ใช่คนแปลกหน้ารูปร่างสูงใหญ่น่ากลัวอย่างที่เธอคิด -- 


    หากแต่เป็นเด็กชายตัวน้อย ที่กำลังแหงนหน้ามองเธอด้วยดวงตาสีฟ้ากลมโต


    เธอจ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นอยู่นาน ราวกับไม่เชื่อสายตาตนเอง


    “กาย” โนร่าเรียกชื่อเด็กชายออกมาเบาๆ ราวกับรู้จักกันมานานแสนนาน “ลูกได้สีตามาจากแม่”


    เด็กชายในชุดผ้าฝ้ายสีขาวเดินเข้ามาใกล้เธออีกก้าวหนึ่ง ราวกับกำลังพิจารณาอะไรบางอย่าง


    “แม่ขอโทษ” โนร่ากระซิบ น้ำตาไหลอาบแก้มอีกครั้ง เมื่อมองไปตามร่างอวบของเด็กน้อยตรงหน้า “หากย้อนเวลากลับไปได้ ลูกคือสิ่งเดียวที่แม่ต้องการ -- มากกว่าอะไรทั้งหมดบนโลกใบนี้ --” โนร่าสะอื้น “การเสียลูกไป คือความผิดพลาดของแม่ที่ไม่อาจให้อภัยได้ -- แม่เสียใจ --”


    เวลาผ่านไปเนิ่นนาน เด็กชายยังคงจ้องมองเธอ -- กระทั่งในที่สุด ราวกับการพิจารณาของศาลได้สิ้นสุดลง เด็กชายเข้ามาสวมกอดเธอแน่น


    โนร่าสะท้านไปกับสัมผัสอันอ่อนโยนนั่น เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ความทุกข์อันหนักหนาได้มลายหายไปจากจิตใจของเธอจนหมดสิ้น -- วินาทีนั้นเธอร้องไห้ออกมา ราวกับเพิ่งได้รับการยกโทษต่อความผิดที่ไม่ควรได้รับการให้อภัยของตน -- เธอก้มลงสวมกอดเด็กชายแน่น สวมกอดสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต


    เด็กชายเอื้อมมือข้างหนึ่งมาจับมือเธอ แล้วบีบแน่น 


    “มีคนสวดมนตร์ให้เราสองคนอยู่” เด็กชายกระซิบบอก ส่งยิ้มให้เธอ


    “สวดมนตร์ว่าอะไรหรือ”


    “ขอให้เราสองคนได้ใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยการให้อภัย ความรัก และความสงบสุข” เด็กชายตอบ “มีคนบอกว่าเสียงของเธอดุดัน จนทำให้ใครหลายๆคนกลัวตอนได้ยิน พวกเขาบอกว่าเสียงของเธอทรงพลังจนไม่มีคลื่นสัญญาณไหนสามารถขวางกั้นเสียงเธอได้เลย”


    โนร่าพยักหน้าช้าๆ ขณะจ้องมองใบหน้าเด็กชาย วินาทีหนึ่งเธออยากถามว่าใครเป็นคนบอกเขาเช่นนั้น แต่แล้วเธอก็เปลี่ยนใจไม่ถามอะไรออกไป


    หญิงสาวด่ำดิ่งไปกับช่วงเวลาที่ได้พินิจมองใบหน้าลูกชายเป็นครั้งแรก สัมผัสถึงความสุขที่อาบล้นไปทั่วทั้งร่าง หลังจากที่เธอได้จมอยู่กับความผิด ความทุกข์และความเศร้าเสียใจมาเนิ่นนาน -- เธอสูดลมหายใจ รู้สึกเหมือนเพิ่งได้ชีวิตใหม่อีกครั้ง


    โนร่าลูบไล้ไปตามเรือนผมสีทอง และพวงแก้มสีแดงปลั่งของเด็กชายตรงหน้า  ในที่สุดเธอก็ยิ้มออกมา “ใช่” โนร่ากระซิบ “ความรักมันทรงพลังมากขนาดนั้นเลยล่ะ”


    เป็นตอนนั้นเองที่แสงสว่างในยามเช้าค่อยๆส่องผ่านหน้าต่างที่แตกกระจายเข้ามาภายในห้อง ทาบทับร่างของหญิงสาวและเด็กชาย ทำให้พวกเขาดูเปล่งปลั่งจนแทบจะเรืองแสงได้


    “ไปกันเถอะ” โนร่ากระซิบบอกกับลูกชาย 


    จากนั้นทั้งสองก็จูงมือกันแน่น ค่อยๆพากันเดินออกไปจากห้องเล็กๆนั่น


    “แม่ฮะ” เด็กชายเรียกเธอเป็นครั้งแรก “ชื่อของผมแปลว่าอะไรหรือครับ”


    โนร่ายิ้มออกมา “ชีวิต” เธอตอบเสียงเบาหวิว “ชื่อของลูกแปลว่าชีวิต -- กาย”


    แล้วประตูห้องก็ปิดลง ปล่อยให้แสงสว่างของเช้าวันใหม่สาดส่องเข้ามาภายในห้องอันมืดสลัวอย่างเต็มที่


    จบบริบูรณ์


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in