เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Midnight Thought (ทูคิมดง)myephemeralmind
OS: Samgyeopsal (삼겹살)

  • Note: อิงเหตุการณ์จริงอยู่ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ของเรื่องเล่า

    .

    .

    .

    “ไม่ดึกมากนะ พรุ่งนี้ต้องไปถ่ายรายการ”



    ดงฮันพยักหน้ารับตอนที่เมเนเจอร์ฮยองหันมากำชับ ก่อนจะกระชับแมสก์กับหมวกแก๊ปที่สวมเพื่ออำพรางใบหน้าบางส่วนก่อนจะลงจากรถไปยังท้องถนน ร้านที่เขานัดกับดงฮยอนนั้นไม่ไกลจากหัวมุมนัก



    ก่อนหน้านั้นไม่นานพวกเขาเพิ่งเจอกันในรายการเพลงจากช่วงโปรโมทที่บังเอิญโคจรมาบรรจบกันอีกครั้ง แรงดึงดูดทำให้มายืนข้างกันเหมือนเช่นเคย หลังตอนถ่ายรูปคู่กันลงเป็นครั้งแรกเลยได้นัดแนะกันเอาไว้



    หน้าหนาวต้องสามชั้นย่าง



    จัดแจงหาเวลาว่างที่ตรงกัน ขออนุญาตเมเนเจอร์ฮยองออกมาเจอกันเงียบๆ เลือกไว้แล้วว่าร้านไหนคนจะไม่พลุกพล่านมากนัก



    อีกฝ่ายส่งข้อความมาบอกก่อนแล้วว่าอยู่ในร้านเรียบร้อย ดงฮันผลักประตูเข้าไป ใช้เวลากวาดสายตาไม่นานก็เจอกับดงฮยอนแล้ว



    เรือนผมสีอ่อนลงจากตอนที่เจอกัน แว่นตาทรงกลม แมสก์สีดำที่คาดทับใบหน้าส่วนล่าง เสื้อโค้ตสีทึบ เหมือนจะผ่านการอำพรางตัวแล้วแต่ก็ยังโดดเด่นสะดุดตาอยู่ดี



    ดงฮันตรงเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้าม อีกฝ่ายดึงแมสก์ลงทันทีที่เจอหน้ากัน เมื่อไร้สิ่งใดปิดบัง รอยยิ้มที่เผยออกมายังคงสว่างสดใสเช่นเดิม



    อาหารที่สั่งค่อยๆทยอยวางลง เกิดเสียงซู่ซ่าทันทีที่มีคนคีบเนื้อหมูลงนาบเตา ควันลอยโขมงลอยคลุ้งไปกับเสียงพูดคุยที่ไม่เอิกเกริกนัก คิมดงฮันและคิมดงฮยอนผลัดกันแลกเปลี่ยนข้อมูลสัพเพเหระ อัพเดทชีวิตช่วงที่ผ่านมา หรือสิ่งใหม่ๆที่กำลังจะเกิด



    “อย่าเพิ่งทำไรนะ ขอถ่ายรูปก่อน” ว่าแล้วดงฮยอนก็หยิบมือถือขึ้นมายกเหนือโต๊ะเอาไว้



    “จะเอาไปอวดใครที่ไหนน่ะ”



    “เผื่อเอาไว้ลงให้แฟนคลับดูได้” ดงฮยอนลดมือถือลงแล้วเป็นโอกาสดีที่ดงฮันจะเริ่มลงมือ “แต่ไม่ติดนายหรอกนะ ไม่ต้องห่วง”



    พวกเขาเจอกันอยู่บ้างประปราย แต่เจอกันทีไรก็เงียบเชียบ ถ้าไม่ค่อยถ่ายรูปกันก็คือไม่ค่อยลง จะมีครั้งแรกก็ตอนที่เจอกันครั้งนั้นนั่นแหละที่ลงรูปคู่กันไปฝั่งละสามรูป ถือโอกาสตอนคัมแบคชนกันลงอย่างไม่น่าสงสัย



    “ถ้าจะถ่ายติดก็ไม่ได้ว่าอะไร...” ดงฮันหัวเราะในลำคอ “แต่ก็คงลงไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ”



    “คงงั้นมั้ง”



    ดงฮยอนคอยตัดเนื้อแล้วพลิกมันไปมาบนกระทะอย่างแข็งขันในขณะที่พูดจาเจื้อยแจ้วไปด้วย เป็นภาพที่ดงฮันลอบมองเพลินๆระหว่างรอเนื้อสุก



    “ปีหน้า...กำลังจะได้เดบิวต์วงแหละ” ดงฮันละสายตาจากหมูสามชั้นในเตาขึ้นมามอง แววตาของดงฮยอนเปล่งประกาย น้ำเสียงตื่นเต้นเหมือนตอนที่อีกฝ่ายบอกเขาหลังจบรายการได้ไม่นานว่ากำลังจะได้เดบิวท์ดูโอ้กับยองมินฮยอง



    “สุดยอดเลยนี่”



    ดงฮยอนเล่าแพลนคร่าวๆให้เขาฟัง กำหนดการอย่างอื่นยังไม่ค่อยแน่ชัดนัก แต่ดงฮันเข้าใจความรู้สึกนั้นดี คิดแล้วเขาก็นึกถึงตอนที่ตัวเองจะได้เดบิวท์เป็นเมมเบอร์วงเจบีเจ



    “คิดว่าจะได้เจอกันบนเวทีมั้ย” ดงฮยอนถามขึ้นมา ก่อนหน้านี้พวกเขาบังเอิญได้คัมแบคพร้อมกันมาสองหน เรียกได้ว่ายืนอยู่ใกล้ๆกันแทบจะทุกรายการเพลง



    “ไม่รู้สิ” ดงฮันตอบทั้งที่ยังเคี้ยวอาหารอยู่ก่อนจะค่อยๆกลืนลงไป “แต่ถ้าได้เจอกันก็ต้องเบื่อหน้ากันแน่ๆเลยว่ามั้ย”



    “ย่าห์ คิมดงฮัน คายเนื้อที่ฉันย่างออกมาเลยนะ” ดงฮยอนค้อนเขาเล็กน้อย



    ดงฮันหัวเราะเบาๆ เจอหน้ากันจนเบื่อเป็นโจ๊กที่ทั้งคู่เคยแซวกันเล่นๆในช่วงคัมแบคไดมอนเกิร์ลกับกชชียา อันที่จริงก็เบื่อเวลาไม่ได้เจอหน้ากันมากกว่า ถึงจะติดต่อกันอยู่เสมอๆแต่มันก็ไม่เหมือนความรู้สึกที่เจอตัวจริงเลยนี่นา



    แต่ก็นะ อะไรแบบนั้นไม่พูดออกมาหรอก เดี๋ยวจะขนลุกกันเองซะเปล่า สู้พูดจากันแบบนี้แต่ต่างฝ่ายต่างก็รู้แก่ใจตัวเองว่าคิดถึงกันดีกว่า สมกับเป็นพวกเขาดี



    “เครียดมั้ย” ดงฮันถามขึ้นมา ดงฮยอนเงยหน้ามองเขาแล้วพยักหน้าเบาๆ



    “เครียดสิ”



    ดงฮยอนเคยให้สัมภาษณ์ไว้นานมาแล้วว่าตัวเองไม่มีเพื่อนที่อายุเท่ากันในโซลเท่าไหร่นัก ดงฮันเลยเป็นคนหนึ่งที่ดงฮยอนจะปรึกษาเรื่องที่กังวลใจได้ และนั่นทำให้เขารู้สึกดีอยู่เหมือนกันเวลาที่อีกฝ่ายแบ่งปันมุมนี้ของตัวเองให้ เขาเองตอนที่เครียดก็พูดคุยกับอีกฝ่ายอยู่เสมอ



    เนื้อหมูสามชั้นย่างค่อยๆลดน้อยลงตามเวลาที่พวกเขาพูดคุยกันไป เครื่องเคียงต่างๆหรือแม้แต่ข้าวผัดก็เช่นกัน ดงฮันมองอีกฝ่ายกะจะถามไถ่ว่ายังอยากกินอะไรอีกไหม แต่ต้องชะงักไปเสียก่อน



    “ย่าห์ คิมดงฮยอน”



    “หืม”



    “เป็นอะไรไป สีหน้าไม่ดีเลย”



    ดงฮันหมายความตามที่พูด เมื่อมองตรงไปแล้วใบหน้าของดงฮยอนมีเหงื่อแตกพลั่ก จะว่าความร้อนจากเตาย่างก็ไม่น่าใช่ในเมื่อก่อนหน้านี้ยังดีๆอยู่ ไหนจะท่าทีเหมือนกำลังปวดท้องนั่นอีก



    “สงสัย...จะกินโคชูจังเข้าไปเยอะมั้ง..”



    .



    .



    “คราวหลังถ้าท้องว่างก็อย่ากินเผ็ดนักสิ...” เขาเอ็ดอีกฝ่ายเล็กน้อยหลังจากที่จ่ายเงินออกจากร้านกันมา คิมดงฮยอนหัวเราะเบาๆขณะที่ดึงแมสก์ปิดหน้ากลับเช่นเดียวกับที่ดงฮันกำลังทำอยู่



    “ไม่แล้วล่ะ เข็ดแล้ว..” ดงฮยอนเอ่ยเสียงค่อย



    เขาเพิ่งรู้เหมือนกันว่าดงฮยอนกินเผ็ดไม่ค่อยได้มากนัก ยิ่งถ้ากินตอนท้องว่างก็จะเหงื่อแตกแล้วก็เจ็บท้องอีกด้วย โชคดีที่บรรเทาลงแล้ว แต่ถึงกระนั้นท่าทีที่ไม่ค่อยสู้ดีเมื่อครู่ก็ทำให้เขากระวนกระวายใจไม่น้อย



    จะเป็นนักกินก็ต้องประเมินตนเองดีๆ เรื่องนี้อย่าให้ food fighter อย่างดงฮันต้องได้สอน



    ทั้งคู่เดินเลียบจากหน้าร้านมาตามท้องถนน อากาศที่เย็นลงของช่วงต้นฤดูหนาวนี้ทำให้ต่างรู้สึกหนาวสั่น ดงฮยอนยกมือของตนเองขึ้นถูไปมา ก่อนจะแนบลงกับแก้มตนเองให้พออุ่นขึ้น ดงฮันอยากจะคว้ามือของอีกฝ่ายมาซุกในกระเป๋าเสื้อแบบที่ละครโรแมนติกชอบทำ แต่ทำได้ที่ไหนกัน จะมีก็แต่ที่พวกเขาเอามือซุกกระเป๋าเสื้อของตนเอง เดินคุยกันไปเงียบๆตลอดทางเดินแห่งนี้ จบลงที่การร่ำลากันด้วยรอยยิ้มที่ปรากฏผ่านดวงตาเหนือแมสก์เมื่อรถเมเนเจอร์ของดงฮยอนมารับกลับบริษัทแล้ว



    “ไว้เจอกัน”



    “อืม ไว้เจอกัน”



    กล่าวทิ้งท้ายกันแค่นั้น แล้วดงฮยอนก็ขึ้นรถไป



    คืนนี้ก็คงคุยแชทกัน บางวันก็คงโทรคุยกัน พวกเขาก็คงยังติดต่อกันอยู่เรื่อยๆอย่างที่เป็นมา แต่หากสบโอกาสที่เหมาะสมเมื่อไหร่



    วันนั้นก็คงได้เจอกันอีก







    #มนต101

    อิงจากที่น้องดงฮยอนมาวีไลฟ์แล้วตอบคำถามแฟนคลับเรื่องกินเผ็ด ละน้องบอกทำนองว่าเคยกินละปวดท้องกับเหงื่อออก แล้วก็เมนชั่นชื่อดงฮันว่าเคยเป็นตอนไปกินซัมกยอบซัลกับดงฮันครั้งนึง แฟนคลับถามช่วงไหนก็บอกว่าราวๆต้นฤดูหนาวปีที่แล้ว เลยอนุมานเหตุการณ์ทั้งหมดออกมาเป็นสิ่งนี้ค่ะ ไม่ได้เขียนฟิคนานแล้วเหมือนกัน ด้วยความคิดถึงเช่นเคย

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in