เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Midnight Thought (ทูคิมดง)myephemeralmind
OS: Again






  • “ถ้าวันหนึ่งฉันแต่งงาน นายต้องเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวของฉันนะ”






    คำพูดนั้นลอยขึ้นมาในหัวของดงฮัน ในวันที่ท้องฟ้าอึมครึม ในรถไฟใต้ดินที่แน่นขนัด ในตอนที่เขาเหลือบไปเห็นเจ้าของประโยคนั้นแม้จะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย



    คิมดงฮยอนอยู่ในเสื้อโค้ดสีครีมทับกับเสื้อคอเต่าสีดำ มือข้างขวาโหนราว สายตาใต้แว่นตาทรงกลมเหม่อลอยไปอีกทาง เป็นเวลาสิบปีแล้วที่ดงฮันไม่ได้เจอหน้าอีกฝ่ายนับตั้งแต่ที่ทั้งคู่เรียนจบมัธยมปลาย





    คิมดงฮยอนที่เคยเป็นเพื่อนรักของเขา



    คิมดงฮยอนที่เคยเป็นคนรักของเขา





    มันเริ่มจากวันที่เด็กหนุ่มทั้งคู่อยากรู้อยากลอง เครื่องดื่มมึนเมา ความสัมพันธ์ทางกาย สุดท้ายความสัมพันธ์ที่กระท่อนกระแท่นทำให้ต่างก็ไปกันไม่รอด



    ในช่วงเวลาสิบปีนั้นทั้งคู่ไม่ได้ติดต่อกัน เขาได้ยินข่าวคราวของดงฮยอนน้อยมากและหนึ่งในเรื่องราวที่รับรู้นั้นคือเรื่องที่ดงฮยอนแต่งงานไปแล้วเมื่อสามปีก่อน แน่นอน ดงฮันไม่ได้ไปร่วมงานนั้นหรอก เขาเห็นมันจาก SNS ของเพื่อนเก่าสักคนที่ไปงานนั้น



    คิมดงฮันยังนึกสงสัย



    ถ้าวันนั้นพวกเขาไม่เคยเป็นคนรักกัน ในงานแต่งของดงฮยอนจะยังจะมีเขาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวแบบที่เจ้าตัวเคยพูดไว้หรือเปล่า



    .

    .

    .



    ตอนรถไฟจอดลงเมื่อถึงสถานีที่สาม คนที่เขาลอบมองอยู่เดินลงจากขบวนรถไปพร้อมกับผู้คนจำนวนหนึ่ง ความรู้สึกเก่าๆที่ตีขึ้นมานำพาให้เขาตัดสินใจลงไปพร้อมๆกันแม้จะไม่ใช่สถานีปลายทางของตนเอง ผู้คนที่กรูกันออกไปทำให้ดงฮยอนหายไปจากสายตาเขาครู่หนึ่ง แต่ไม่นานดงฮันก็สามารถมองหาจนเจอได้







    มันไม่ได้เจอกันนั้นไม่ได้ต่างจากเดิมเลย เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ท่ามกลางผู้คนมากมาย ดงฮยอนก็ยังโดดเด่นออกมาเสมอ



    ดงฮันก้าวเท้าตามดงฮยอนออกไปนอกสถานี ท้องฟ้าในหลังเลิกงานนั้นเริ่มมืดลง ดงฮยอนยังคงเดินก้มหน้าก้มตาต่อไป



    “ดงฮยอน”







    “ห้องเล็กหน่อยนะ พอดีฉันอยู่คนเดียว” ดงฮยอนเอ่ยขณะเดินนำเขาเข้ามาในห้องของตนเอง เจ้าตัวถอดเสื้อโค้ทสีครีมพาดลงกับโซฟากลางห้อง



    สถานีที่ทั้งคู่ลงมานั้นเป็นที่ที่อพาร์ทเม้นต์ของดงฮยอนตั้งอยู่ ราวกับโชคชะตาเล่นตลกเมื่อฝนห่าใหญ่ดันตกหนักลงมาตอนที่พวกเขากำลังยืนคุยกันไปได้เล็กน้อย ดงฮยอนจึงเอ่ยชวนเขามาอยู่รอฝนหยุด



    ในหัวของดงฮันมีคำถามมากมายที่ไม่กล้าเอ่ยออกไป เขายืนมองดูดงฮยอนจัดข้าวของในห้องให้เรียบร้อยขึ้น คนตรงหน้าเขาดูโทรมลงเล็กน้อยเหมือนไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองนัก อย่างน้อยก็เห็นได้จากไรหนวดที่ขึ้นจางๆ มีกระป๋องเบียร์ระเกะระกะให้เจ้าของห้องต้องก้มเก็บ ไหนจะที่บอกว่าอยู่คนเดียว กับนิ้วมือที่ไร้แหวนแต่งงานอีก





    “ฉันหย่าแล้วน่ะ เมื่อตอนต้นปีนี่เอง”



    ดงฮยอนเอ่ยปากชวนเขาพูดคุยเรื่องสัพเพเหระในระหว่างที่ฝนข้างนอกยังไม่หยุดตก ทั้งคู่นั่งกินรามยอนเคล้าไปกับเบียร์ที่มีอยู่เต็มตู้เย็นในห้อง เสียงหัวเราะดังแทรกไปในบทสนทนา ภายในห้องเล็กๆมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันตาเห็น สิ่งเหล่านั้นดึงดงฮันกลับไปยังช่วงที่ทั้งคู่ยังคงมีกันและกันนชีวิต บรรยากาศเหมือนกับเพื่อนเก่าที่หวนกลับมาเจอกัน



    ระยะเวลาที่ต่างหายไปจากชีวิตของกันและกันเนิ่นนานถูกย่นย่อกลับมาอย่างรวดเร็ว



    ดงฮันได้รู้ว่าดงฮยอนกับอดีตภรรยานั้นมีลูกสาวด้วยกันแล้วหนึ่งคนอายุราวๆสองขวบ ส่วนที่หย่าร้างกันนั้นเป็นเพราะความเห็นที่ไม่ค่อยลงรอยกันดีนัก



    “ฮานึลอยู่กับแม่น่ะ เขาน่าจะดูแลเธอได้ดีกว่าฉัน” พูดไปพลางโซ้ยรามยอนเข้าปากไปด้วยก่อนจะหันมามองทางเขาด้วยตาใสแป๋ว เชื่อเขาเถอะ ท่าทางของดงฮยอนที่เข้าสู่วัย 28 ในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับภาพจำสมัยมัธยมปลายของดงฮันเลยสักนิด แม้แววตาจะดูอ่อนล้าแต่ยังคงประกายตาให้ชวนมอง ข้างแก้มยังคงน่าดึงเล่นเหมือนตอนที่ดงฮันชอบทำแต่ก่อน รอยยิ้มจากคนตรงหน้ายังทำให้ในห้องที่แสนแคบและอึมครึมสดใสขึ้นได้เสมอ “ว่าแต่นายเถอะ ไม่มีสาวที่ไหนเหรอถึงปล่อยตัวเองให้โสดแบบนี้”



    ดงฮันชะงักไปเล็กน้อยกับคำถามที่อีกฝ่ายถามขึ้น



    นั่นสินะ ที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีใครที่วนเวียนเข้ามาแล้วอยู่อย่างยั่งยืนเลย



    “ไม่มีหรอก” เขายิ้มบางๆ ตายังคงจ้องมองใบหน้าที่ไม่ได้เจอมาเนิ่นนาน มุมปากที่เลอะของดงฮยอนทำให้อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปเช็ดออกให้



    ทันทีที่ปลายนิ้วของเขาแตะลงบนมุมปากของคนตรงหน้า เหมือนมีไฟฟ้าสถิตเกิดขึ้นระหว่างคนทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างชะงักค้างไปกับสัมผัสแรกในรอบสิบปี ดงฮันถดแขนของตนลงพร้อมกับดงฮยอนที่เม้มปากอย่างประหม่า



    “ปากของนายเลอะ...”



    “อืม”



    บทสนทนาของทั้งคู่ค่อยๆเงียบลง ดงฮยอนรับถ้วยรามยอนจากเขา ดงฮันมองตามแผ่นหลังนั้นที่หายไปในห้องครัว เจ้าตัวคงวางมันลงในอ่างล้างจานถึงเดินกลับมานั่งข้างๆเขาอย่างรวดเร็ว ทั้งคู่นั่งจิบเบียร์สลับกับมองหน้าอีกฝ่ายแล้วเบือนหน้าหนีเมื่อถูกจ้องกลับมาอย่างนี้สักพักแล้ว





    “ฝนหยุดตกแล้วล่ะ” เสียงของคนตรงหน้าเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ ดงฮันละสายตาจากนอกหน้าต่างห้องกลับมามอง ดงฮยอนกำลังกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างที่ชอบทำตอนกังวล



    “อ่อ...” เขาขานรับในลำคอ “งั้นคงได้เวลากลับแล้ว”



    “อืม”



    ดงฮันลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วค่อยย่อตัวลงเตรียมหยิบเสื้อโค้ทของตนเองที่วางพาดอยู่ไม่ไกล แต่เขาก็ต้องชะงักไปเมื่อเจ้าของห้องได้เอื้อมมือมารั้งตัวเขาเอาไว้ก่อน



    ไม่ทันที่จะได้หันไปมองดีๆ ทัศนวิสัยตรงหน้าก็ถูกแทนที่ด้วยดงฮยอนที่หยัดตัวขึ้นมาประคองใบหน้าของเขาแล้วแนบริมฝีปากลงอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกทุกอย่างที่เก็บเอาไว้ปะทุขึ้นจนหัวใจเต้นรัว เสื้อโค้ทของดงฮันร่วงหล่นจากมือที่เอื้อมไปประคองหน้าดงฮยอนกลับ เขาตอบสนองสัมผัสนั้นในทันทีก่อนที่จะทิ้งตัวเองลงไปบนโซฟาโดยมีอีกฝ่ายทิ้งตัวลงตามมา



    ดงฮันโหยหาสัมผัสนี้ สัมผัสที่ไม่เคยลืมเลือน เขากระชับวงแขนโอบกอดแน่นขึ้นราวกับกลัวว่าดงฮยอนจะหายไป โอบรัดแน่นจนรู้สึกได้ชัดว่าคนในอ้อมกอดนั้นผอมลงมากๆ





    ที่ผ่านมาสบายดีไหม



    มีความสุขดีหรือเปล่า





    ดงฮันยังไม่ทันได้เอ่ยถามสิ่งเหล่านี้แม้ว่าจะได้พูดคุยเรื่องราวมากมายกับดงฮยอนไปแล้ว



    ชายหนุ่มที่มัวเมาอยู่กับสัมผัสของดงฮยอนชะงักไปเมื่อรู้สึกถึงน้ำอุ่นๆที่หยดลงเปรอะใบหน้า เมื่อลืมตามาพบว่าคนที่นั่งคร่อมอยู่เหนือตักเขากำลังร้องไห้ ดงฮยอนซบหน้าลงบนไหล่ของเขาและสะอื้นหนักกว่าเดิม





    ทำไมตอนนั้นเราถึงปล่อยให้ตัวเองหายไปจากชีวิตของกันและกัน





    ดงฮันโอบกอดดงฮยอนเอาไว้ มือใหญ่ลูบไปมากลางแผ่นหลังด้วยต้องการจะปลอบประโลม เขาเอียงหน้าลงจูบซับน้ำตาที่ไหลอาบข้างแก้มอีกฝ่าย ก่อนที่จะเป็นหยาดน้ำตาของเขาเองที่ไหลลงมาปะปนกัน





    .

    .



    So whenever you ask me again, how I feel?



    Please remember, my answer is you



    .

    .





    “วันนี้ฮานึลพูดไม่หยุดเลย เธอน่าจะชอบนายจริงๆ”



    ดงฮยอนเอ่ยตอนที่เอี้ยวตัวหลบดงฮันที่เป็นฝ่ายเปิดประตูห้อง ในมือกอดถุงขนมปังฝรั่งเศสกับนมสดเดินนำเข้าไปยังห้องครัว ดงฮันปิดประตูห้องของตนเองลงแล้วหอบหิ้วอาหารสดตามไป



    “วันหลังถ้าจะไปหาก็พาฉันไปอีกสิ”



    “รู้น่า” ว่าแล้วก็หันมายิ้มทะเล้นใส่ “ว่าแต่วันนี้คุณพ่อครัวจะทำอะไรให้ผมทานครับ”



    “อยากกินอะไรล่ะ”



    “อะไรก็ได้เลย”



    “เลือกที่ชอบมาสิ” ดงฮันเอ็ดพร้อมเอื้อมมือไปดึงแก้มดงฮยอนเล่นอย่างหมั่นเขี้ยว “เคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าจะดูแลนายเอง”



    “รู้แล้วน่า” คนเพิ่งถูกดึงแก้มหัวเราะในลำคอเล็กน้อย ก่อนจะยกมือสองข้างขึ้นประคองใบหน้าของดงฮันแล้วเขย่งตัวขึ้นจุ๊บบนริมฝีปากเบาๆ “ถูกดูแลจนทำอะไรเองไม่เป็นแล้วนะ”



    เขาโอบรอบเอวของอีกฝ่ายกลับพร้อมยื่นหน้าเข้าไปหมายจะจูบกลับ แต่ถูกฝ่ามือของคนตรงหน้ายั้งเอาไว้ก่อน



    “ติดไว้ก่อนนะ หิวแล้วล่ะ”



    ดงฮันคลายวงแขนให้ดงฮยอนเป็นอิสระ แต่ก็ไม่วายฉวยจูบหนักๆลงข้างแก้มให้อีกฝ่ายได้โวยวายเล่นก่อนจะไปลงมือทำอาหาร







    “นี่ดงฮยอน” ดงฮันเอ่ยขึ้นตอนที่คีบเสต็กเนื้อที่เพิ่งปรุงเสร็จขึ้นจากกระทะก่อนจะยื่นจานไปให้อีกฝ่ายจัดตามใจชอบ



    “หืม ว่าไง” ดงฮยอนรับจานในมือเขาวางลง



    “ครั้งก่อนที่นายแต่งงานน่ะ...ฉันไม่ได้เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวแบบที่นายบอกเลย”



    “ยังจำได้อีกเหรอ” ดงฮยอนหัวเราะคิกคักในขณะที่หยิบผักสลัดลงจัดบนจานเสต็ก “จะให้แต่งงานอีกรอบหรือไง”



    “ก็แต่งงานอีกครั้งสิ”



    “ฮะ” คนตรงหน้าชะงักไปพร้อมกับเงยขึ้นมาสบตาของเขา ก่อนที่แววตาจะลุกลี้ลุกลนเหมือนคิดอะไรบางอย่างได้เมื่อดงฮันคว้าแหวนเงินที่ซ่อนไว้ในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาตรงหน้า “เดี๋ยวนะ...อย่าบอกนะว่า...”



    “แต่งงานกันนะดงฮยอน แต่งแล้วย้ายมาอยู่ด้วยกัน ถ้าไม่ชอบที่นี่เราไปซื้อบ้านอยู่ด้วยกันก็ได้ ฉันไม่อยากให้นายหายไปจากชีวิตฉันแล้ว”



    “อย่าทำซึ้งตอนก่อนมื้ออาหารสิ” แม้จะเอ่ยเอ็ดเสียงดุแต่น้ำตาของดงฮยอนไหลอาบทั้งสองแก้มไปเรียบร้อย ดงฮันหัวเราะเบาๆในขณะที่เดินเข้าไปใกล้ เขาเอื้อมมือข้างที่ว่างจากการถือแหวนขึ้นเช็ดน้ำตาของอีกฝ่าย



    “ว่าไงกับการแต่งงานอีกครั้ง แต่ฉันไม่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวนะ”



    “ฮื่อ รู้แล้วน่า” ดงฮยอนทุบอกดงฮันเบาๆ ก่อนจะยอมรับการสวมแหวนแต่โดยดี “แต่งสิ อยากมีนายในชีวิตต่อไปเหมือนกัน”



    ว่าแล้วคนตรงหน้าก็พุ่งเข้าสวมกอดเขาแน่นพร้อมกับซุกหน้าลงบนอกราวกับจะปิดบังอาการเขินอายเอาไว้ ดงฮันหัวเราะร่าด้วยหัวใจที่พองโตจนแทบระเบิดตอนกอดกลับก่อนจะจูบลงเบาๆที่หน้าผากเมื่อคนในอ้อมกอดเงยหน้าขึ้นมาสบตาแล้วหัวเราะไปพร้อมกัน ก่อนที่ริมฝีปากของทั้งคู่จะสัมผัสกันอย่างที่ดงฮยอนได้ติดเอาไว้เมื่อครู่นี้





    .

    .

    We'll be alright

    I want to try again

    .

    .






     #มนต101 

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in