เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Midnight Thought (ทูคิมดง)myephemeralmind
SF: All I Want (2/2)






  • “เลิกกันมั้ย”







    “คุณครูดงฮยอน...”



    “...”



    “คุณครูดงฮยอนครับ”



    “ครับ...ครับผม”



    คิมดงฮยอนตื่นจากภวังค์ตามเสียงเรียกที่ดังขึ้น รีบหันไปทางต้นเสียง พบว่าเป็นเสียงเรียกของคังดงโฮ คุณครูพละที่นั่งถัดไปไม่กี่โต๊ะในห้องพักครูห้องเดียวกัน



    “พอดีครูใหญ่ฝากผมเอาเอกสารมาให้ครูน่ะครับ นี่ครับ”



    “ขอบคุณครับ”



    ดงโฮยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้เขาก่อนจะโค้งหัวให้เบาๆแล้วเดินไปที่โต๊ะทำงานของตนเอง ดงฮยอนแกะซองออก ดึงเอกสารข้างในมาอ่าน



    ข้อความในนั้นระบุว่าวันจันทร์หน้าจะมีวงไอดอลมาถ่ายทำรายการโทรทัศน์ที่โรงเรียน ห้องเรียนที่ดงฮยอนเป็นที่ปรึกษาเป็นห้องที่ถูกเลือก และวงไอดอลวงนั้นคือวง JBJ วงบอยแบนด์ที่เพิ่งเดบิวต์ไปไม่นาน



    ดงฮยอนขยี้ตาตัวเองอยู่สองสามทีให้แน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาดไป



    JBJ อย่างนั้นเหรอ





    ให้ตายสิ







    “JBJ คิมดงฮันครับ”



    สมาชิกคนสุดท้ายแนะนำตัวก่อนที่พวกเขาทั้งหกคนจะโค้งตัวลงพร้อมกันที่หน้าห้องเรียน เด็กๆในห้องโดยเฉพาะนักเรียนหญิงพากันกรี๊ดกร๊าด บ้างก็ยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้ ทั้งหมดอยู่ในสายตาของคิมดงฮยอนยืนพิงประตูหลังห้องอย่างอ่อนใจ ดีหน่อยที่ได้รับมอบหมายแค่มองดูอยู่ห่างๆ และคอยให้คำแนะนำในกรณีที่มีปัญหาอะไรขึ้นมา



    ตั้งแต่ JBJ มาเยือน เขาไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับคิมดงฮันด้วยซ้ำแม้ว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาแนะนำตัวเหมือนกับสมาชิกคนอื่นๆ โชคดีหน่อยที่ใครหลายคนคงคิดว่าเป็นเพราะตื่นเต้นที่ได้เจอไอดอลจริงๆ



    ไม่เชิงตื่นเต้นหรอก แค่ประหม่านิดหน่อย นานแล้วเหมือนกันที่ดงฮยอนไม่ได้เจอกับตัวจริงของดงฮัน แถมครั้งสุดท้ายที่เจอกัน...



    ก็จบลงไม่ค่อยดีเสียด้วยสิ







    “วันนี้ขอบคุณทุกคนนะครับ”



    หลังปิดกล้องลง ทีมงาน กลุ่มไอดอลและคุณครูพากันโค้งขอบคุณให้กัน เมเนเจอร์ของวงกำลังเรียกตัวสมาชิกให้กลับ ท่ามกลางความวุ่นวาย ดงฮยอนได้ยินเสียงของดงฮันขัดขึ้นมา



    “ฮยอง ผมขอทักทายเพื่อนของผมได้มั้ยครับ”



    “เพื่อน?” เมเนเจอร์และคนอื่นๆแถวนั้นพากันทำหน้างุนงง ดงฮันพยักหน้ายืนยัน ก่อนจะยิ้มหวานพร้อมชี้มาที่ดงฮยอน คนถูกชี้ตัวแข็งทื่อเมื่อสายตาถูกรอบๆตัวจับจ้องมา



    “คุณครูดงฮยอนน่ะครับ เราเป็นเพื่อนกัน...ขออนุญาตครูใหญ่ด้วยนะครับ”



    “อ้าว คุณครูดงฮยอนไม่เห็นบอกผมก่อนเลย เชิญตามสบายครับๆ”



    “แค่สิบนาทีนะ” คุณเมเนเจอร์ชี้นาฬิกา ดงฮันพยักหน้ายกใหญ่ ก่อนจะลากดงฮยอนออกมาจากวงนั้น ไปยังที่ที่ค่อนข้างจะเป็นส่วนตัวมากขึ้น









    ตราบเท่าที่เป็นไอดอล ไม่มีที่สาธารณะไหนจะกลายเป็นพื้นที่ส่วนตัวได้อย่างแท้จริง แม้ว่าตอนนี้ทั้งคู่กำลังยืนอยู่ในห้องเรียนที่ไร้ซึ่งผู้คน ดงฮยอนก็รู้ดีว่าข้างนอกอาจมีคนกำลังตั้งใจฟังด้วยความอยากรู้อยากเห็น



    “ได้เป็นคุณครูจริงๆด้วยสินะ”



    ไอดอลหนุ่มด้านหน้าระมัดระวังตัวดีพอที่จะพูดออกมาไม่ดังนัก ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ ฟังดูแล้วไม่ต่างจากเพื่อนที่กำลังทักทายกัน ดงฮยอนเม้มปากแน่น หัวใจของเขาเจ็บปวดขึ้นมาอย่างประหลาด



    เมื่อสามปีก่อน เด็กหนุ่มเต้นโคฟเวอร์ที่ฮงแดคนนั้นดูดีและโดดเด่นออกมา ในวันนี้ เด็กหนุ่มคนนั้น คิมดงฮันในคราบของไอดอลดูดีขึ้นอีกหลายเท่าตัว ออร่าเปล่งประกายจนดงฮยอนเริ่มแสบตาขึ้นมา



    ภาพตรงหน้าพร่ามัว ขอบตาเริ่มร้อนผ่าว



    ความรู้สึกตอนครั้งสุดท้ายที่เจอกันหวนกลับมาทักทายอีกแล้ว




    “อืม...”



    “เป็นไง...เป็นไปด้วยดีมั้ยครับคุณครู”



    “ก็ดี...ครับ” ตอบกลับไปด้วยเสียงแผ่วเบา คนตรงหน้าพยักหน้ารับรู้ไปด้วย ดงฮยอนรู้สึกถึงลำคอที่แห้งผาก “...คุณล่ะ”



    “ก็ดีนะ พออยู่บนเวทีแล้วเหมือนฝันเลยครับ แบบที่คุณบอก...ให้ผมไปตามหาความฝัน... ” ดงฮันระบายยิ้มออกมา “แต่พอลงจากเวที...อยู่กับตัวเอง บางทีผมก็เศร้านะ”



    “…” ปากของไอดอลหนุ่มยกยิ้ม แต่แววตาเศร้าหมองจนคนมองสัมผัสได้ อีกกึ่งนึงมันว่างเปล่าจนน่าใจหาย



    “ทำไมชีวิตจริงของผม...ที่กำลังทำตามความฝัน...ทำไมมันไม่มีคุณอยู่ในนั้น”



    ดงฮันเอ่ยออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา ท่าทีสบายๆเหมือนกำลังพึมพำเรื่องดินฟ้าอากาศ แต่ด้วยแววตา น้ำเสียง และถ้อยคำ ทุกอย่างมันกำลังกรีดหัวใจคนฟังอยู่ช้าๆ



    โชคดีหน่อยที่ดงฮยอนเป็นคนกลั้นน้ำตาเก่ง และทักษะของไอดอลอย่างดงฮันก็เช่นกัน ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ไม่มีใครร้องไห้เลย แย่หน่อยก็แค่ดูมีน้ำใสๆกำลังไหลรื้นขึ้นคลอเบ้าตา กะพริบไม่กี่ทีก็คงหายไป



    ดงฮันเงยหน้าขึ้นกะพริบตาสองสามที ก่อนจะระบายยิ้มพร้อมแค่นหัวเราะออกมาอีกครั้ง



    “ขอโทษครับที่พูดอะไรไร้สาระ...คุณครูอย่าถือสาผมเลยนะ”



    “ไม่เป็นไรครับ...”



    “ผมดีใจนะที่ได้เจอคุณครูอีกครั้ง...ถึงตอนนี้จะเศร้ามากๆก็เถอะ”



    “...”



    “คุณครูมีคนรักหรือยังครับ...อ่า...คำถามนี้ก็คงไร้สาระสินะ” ไอดอลหนุ่มยิ้มกว้างแบบที่ปรากฏให้เห็นตามภาพที่แฟนไซต์ถ่ายมา “อยากกอดคุณครูจัง แต่ถ้าใครเห็นก็คงไม่เหมาะ ใช่มั้ยครับ”



    “อย่าเลยครับ”



    “อืม ผมเข้าใจ” คนตรงหน้าสะบัดหัวไปมา ไม่นาน แววตาที่ดูเศร้าหมองก็กลับมาสดใสมากขึ้น “โอ๊ะ ครบสิบนาทีแล้ว...คงต้องไปแล้วล่ะครับ”



    “โชคดีนะคุณ” เขาเอ่ยขึ้น ก่อนที่ไอดอลหนุ่มจะเดินออกไป ดงฮันกลับมา ส่งยิ้มให้เขา แบบเดียวกับวันแรกที่ได้เจอกัน



    “ขอบคุณครับ”





    “วันหลังเราคงได้เจอกันอีกนะครับคุณครูดงฮยอน”





    และเหมือนกลับมาเป็นเพียงคนแปลกหน้ากัน...อย่างวันแรกจริงๆ





    “คุณครูดงฮยอนเป็นเพื่อนมีเพื่อนเป็นไอดอลทำไมไม่เคยเล่าให้คนอื่นฟังเลยล่ะครับ” เป็นคุณครูดงโฮที่เอ่ยทักขึ้นมาอย่างตื่นเต้นตอนที่ดงฮยอนค่อยๆลากร่างกายที่สติหลุดลอยกลับห้องพักครู



    “ผม...กลัวเขาจะจำผมไม่ได้น่ะครับ เราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น”



    ดงฮยอนยิ้มฝืนๆตอบ พยายามกดอารมณ์อย่างมากเพื่อไม่ให้มวลความรู้สึกเมื่อครู่ตีตื้นขึ้นมาทำลายตัวเขา ถ้าร้องไห้ออกมาตอนนี้...คนคงสงสัยว่าเมื่อครู่บทสนทนาเป็นอย่างไร



    หากเป็นเช่นนั้น ทุกสิ่งที่ตั้งใจทำก็จะพังทลายลงมา



    “อย่างงั้นเหรอครับ” คุณครูดงโฮพยักหน้าทำความเข้าใจ “จะว่าไป...ตัวจริงหล่อกว่าในทีวีนะเนี่ย อ้าว คุณครูจะกลับแล้วเหรอครับ”



    “ครับ ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายเท่าไหร่”



    “โอ้ คุณครูดูหน้าซีดๆด้วย พักผ่อนเถอะครับ”



    “ขอบคุณครับคุณครูดงโฮ”



    ดงฮยอนผงกหัวลาคุณครูท่านอื่นในห้องพักครู พาร่างกายและจิตใจที่เลื่อนลอยกลับไปยังที่พักให้ได้





    ดงฮยอนคว้ากุญแจขึ้นมาไขประตู ห้องของเขายังเงียบเชียบเหมือนเดิม เจ้าตัวเดินไปเปิดโทรทัศน์ หวังใจจะให้มันช่วยทำลายความเงียบงันลง



    แต่ไม่ช่วยอะไรเลย



    กระเป๋าหนังที่เคยสะพายอยู่บนไหล่ถูกปล่อยทิ้งลงบนพื้น ตามด้วยเจ้าตัวที่ทรุดลงมาอย่างอ่อนแรง พายุอารมณ์ที่ถูกก่อทิ้งไว้โหมกลับมาเมื่อไม่มีสิ่งใดที่ต้องแอบซ่อนแล้ว หยาดน้ำใสพรั่งพรูออกมาจนภาพตรงหน้าพร่ามัว ดงฮยอนปล่อยโฮออกมาเสียงดังอย่างไม่คิดจะอดกลั้นไว้



    เคยเข้าใจมาตลอดว่าไม่เป็นไร



    ที่แท้ก็หลอกตัวเองทั้งนั้น





    จะไม่เป็นไร...ได้ไงนะ







    All I want is nothing more

    To hear you knocking at my door




    .

    .

    .







    “มีคนจำคุณได้ตอนเราไปเดินเล่นที่ฮงแดด้วยกัน เขาถ่ายรูปลง sns ดีหน่อยที่เบลอหน้าผม”



    “เขาว่าไงอ่ะ”



    “คิมดงฮันที่เป็นเทรนนี่ค่าย OUI มาเดินเล่นที่ฮงแดด้วย ตัวจริงหล่อมากๆ” ดงฮยอนดัดเสียงเล็กเสียงน้อยตอนที่อ่านแคปชั่นในภาพ “อ่า...ดังใหญ่แล้วนะคุณ เป็นแค่เทรนนี่แท้ๆ”



    “เว่อร์แล้ว”



    “ไม่เว่อร์นะ ไหนดูคอมเม้นท์ซิ” ว่าแล้วก็เลื่อนมือถืออย่างสนอกสนใจ ส่วนมากคอมเม้นท์ออกแนวสรรเสริญเทรนนี่หนุ่มที่กำลังทิ้งตัวลงบนตักของเขา



    จนสายตาไปชะงักเข้ากับบางสิ





    ‘เขามากับเพื่อนแหละ แต่ฉันไม่รู้จักเพื่อนเขา’



    ‘บอกตามตรง ถ้าเป็นเพื่อนผู้หญิงฉันคงคิดว่าอปป้ากำลังเดทแน่ๆ’



    ‘แต่นี่อาจจะไม่ใช่แค่เพื่อนผู้ชายก็ได้นะ คิคิคิ’





    ข้อความที่เลื่อนเจอทำให้ดงฮยอนรู้สึกชาไปทั้งตัว เขาเหลือบมองว่าที่ไอดอลที่กำลังนอนเล่นอย่างสบายใจบนหน้าตักของตัวเอง คิมดงฮันพึมพำขึ้นมาอย่างสบายอกสบายใจ



    “นี่ ผมได้ยินมาว่าบริษัทมีแพลนจะเดบิวท์ผมแล้วนะ แต่ก็ไม่ใช่แพลนเร็วๆนี้หรอก”





    ‘ยัยบ้า ไม่มีทาง อปป้าไม่ใช่เกย์หรอก’



    ‘ถ้าอปป้าเป็นเกย์ฉันยอมตายเลย’



    ‘ไร้สาระน่า’





    “เหรอ...ดีใจด้วยนะ”



    “ทำไมเสียงคุณดูไม่ดีใจกับผมเลยล่ะ”



    “คุณคิดมากไปแล้ว ผมก็ต้องดีใจกับคุณสิ”



    ดงฮยอนฝืนยิ้ม พยายามจะควบคุมร่างกายที่ชาหนึบ เอื้อมมือไปลูบข้างแก้มของคนบนตักอย่างแผ่วเบา โครงหน้าได้รูปเอนรับกับมือของเขา ดวงตาคมพริ้มหลับสบาย ดูเหมือนดงฮันจะไปได้ดีในสายทางนี้





    แล้วเขา...กำลังจะทำลายทุกอย่างหรือเปล่านะ





    “ดงฮยอน...ดงฮยอนอา”



    “คุณร้องไห้ทำไม”





    ดงฮยอนเพิ่งรู้ตัว ว่ามีน้ำใสๆไหลออกมาจากดวงตา ดงฮันลุกขึ้นนั่ง เอื้อมมือมาประคองหน้าของเขาอย่างตกอกตกใจ





    “นี่ดงฮัน...”





    “เราเลิกกันมั้ย”





    ดงฮันละมือออก นิ่งค้างไปชั่วครู่ แววตาคู่นั้นดูสับสน ก่อนจะส่ายหัวไปมาอย่างหนักแน่น





    “ไม่เลิก ผมไม่เลิกกับคุณแน่ๆ”



    “คุณไปอ่านอะไรมา”





    คนตรงหน้าคว้ามือถือจากมือของเขาไป เลื่อนอ่านคอมเม้นท์เมื่อครู่ แววตาดูสับสนกว่าเดิม





    “นี่มันไร้สาระมากๆ ดงฮยอนฟังนะ ผมไม่เลิกกับคุณแน่ๆ”



    “ผมไม่อยากทำลายความฝันของคุณ คุณพยายามมาจนขนาดนี้แล้ว มันจะพังลงเพราะว่าคุณคบกับผมไม่ได้”



    “มันจะพังได้ไง”



    “คุณก็รู้ว่าถ้าคุณเป็นไอดอล แฟนคลับคุณรับไม่ได้หรอกเรื่องเดต แล้วนี่คุณเดตกับผู้ชายนะ ไม่มีใครรับได้หรอกนะถ้าไอดอลที่เขาชอบเป็นเกย์”



    “แต่ถ้าเราเก็บมันเอาไว้...”



    “ถ้าเรายังคบกัน ถ้าคุณยังมาหาผม สักวันก็ต้องมีคนรู้”







    “ผมของร้องดงฮัน เพื่อตัวคุณเอง...”



    “ดงฮยอน”



    “เพื่อผมก็ได้”







    “อย่าให้ผมทำลายคุณเลย”



    “เลิกกันเถอะนะ คิมดงฮัน...”





    “ดงฮยอน...”



    “...”



    “คุณเคยรักผมบ้างมั้ย”





    แววตาเว้าวอนของคนตรงหน้าค่อยๆกรีดหัวใจดงฮยอนช้าๆ ไหนจะมือหนาที่เลื่อนมากอบกุมกระชับมือของเขาอีก



    ยิ่งอบอุ่นเท่าไหร่ หัวใจก็ยิ่งรู้สึกพังทลายเท่านั้น





    “ผมรักคุณ”





    ดงฮยอนตอบออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ยืนยันทุกความรู้สึกที่มี ไม่ใช่แค่ดงฮันที่คอยพร่ำบอกเสมอว่ามีเขาเป็นเหมือนโลกทั้งใบหรอก



    ดงฮันเองก็ไม่ต่างอะไรกับดวงดาวที่ส่องแสงสว่างให้เขาได้ชม





    แต่ดวงดาวก็ควรอยู่บนท้องฟ้าสิ





    “ผมรักคุณจริงๆนะ...”



    ดงฮันหลับตาลง ปากเม้มแน่น มือที่กุมไว้ดึงเขาเข้าไปกอด ฝ่ามือใหญ่ๆลูบลงที่กลางหลังเขาช้าๆ ราวกับจะปลอบโยน น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยกระซิบข้างหู



    “ขอบคุณครับ”





    เราจูบกัน...เป็นครั้งสุดท้าย



    มันหวานซึ้ง และปนไปด้วยหยดน้ำตา ทั้งของเขา และอีกคน





    เรากอดกันแน่นกว่าทุกครั้ง



    ก่อนที่ดงฮยอนจะปล่อยคนตรงหน้าไป



    ก่อนที่คิมดงฮันจะยอมแพ้แล้วโทรเรียกผู้จัดการให้มารับกลับไป





    มันดีแล้ว



    ดงฮยอนบอกกับตัวเอง





    ทุกอย่าง มันดีแล้ว...





    .

    .

    .





    ดงฮยอนลืมตาขึ้นช้าๆ



    ดวงตาของเขาหนักอึ้งและแห้งผาก คงเพราะที่ร้องไห้อย่างหนักจนหลับไปบนพื้นทั้งอย่างนั้น รอบข้างมืดมิด มีเพียงแสงจากไฟข้างทางที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา



    เสียงจากโทรทัศน์ที่เปิดค้างไว้ทำให้ดงฮยอนแหงนหน้าขึ้นไปเหลือบมอง



    ชายหนุ่มจากวงที่เพิ่งมาโรงเรียนของเขาปรากฏตัวในหน้าจอ กำลังวาดลวดลายอยู่บนเวทีรายการเพลง





    ดวงดาวกลับคืนสู่ท้องฟ้าแล้ว






    .

    .

    .



    ย่านฮงแด



    กรุงโซล, เกาหลีใต้





    อากาศเริ่มเย็นลงเล็กน้อย



    คิมดงฮยอนสอดมือทั้งข้างที่ว่างในกระเป๋าเสื้อโค้ท มืออีกข้างถือกระเป๋าเครื่องเสียง ที่หลังของเขาสะพายกีต้าร์เอาไว้



    เขาเดินไปเรื่อยๆตามท้องถนน ฮงแดยังคงคึกคักไปด้วยผู้คน และยังคงสนุกสนานไปด้วยเสียงดนตรี



    คิมดงฮยอนไม่ค่อยได้ตามวงบอยแบนด์เท่าไหร่นัก ทว่าเพลงที่กำลังดังอยู่เรียกความสนใจของเขาให้หันไปมองที่ต้นเสียง กลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งกำลังเต้นโคฟเวอร์เพลงเพลงนั้นอยู่



    ทำไมดงฮยอนจะไม่รู้จักเพลงที่ตนเองก็มีอัลบั้มล่ะ



    ขอบตาของเขาร้อนผ่าวจนต้องกระพริบถี่ๆไล่ไอน้ำนั้นออกไปก่อนมันจะพัฒนาเป็นน้ำตา เขายิ้มบางๆให้ภาพตรงหน้า ก่อนจะเดินต่อไป





    คุณในตอนนั้น ตอนที่เราเจอกันครั้งแรกน่ะ



    คุณคนนั้นต้องไม่เชื่อแน่ๆว่าวันหนึ่งจะมีคนมาเต้นโคฟเวอร์เพลงของคุณ





    ดงฮยอนหยุดลงตรงทำเลที่เหมาะแก่การเล่นดนตรีเปิดหมวก ติดตั้งเครื่องเสียง ปรับจูนสายของกีต้าร์ให้เข้าที่



    เมื่อการแสดงเริ่มขึ้น ผู้คนที่เดินผ่านไปมาบ้างเพียงเหลียวมอง บ้างก็หยุดยืนชม





    นานมาแล้วที่ไม่ได้ทำอะไรแบบนี้





    ถึงคุณ...คุณที่กล้าหาญ



    คุณที่เดินทางตามหาความฝน



    คุณที่ประสบความสำเร็จแล้ว





    ต่างจากผมที่ขี้ขลาด ไม่กล้าทำอะไร



    ความกล้าอย่างเดียวคือผลักไสคุณออกไปจากชีวิต







    ไม่เคยบอกไปตรงๆเลย



    แต่ว่าคุณน่ะ...เก่งมากๆเลยนะ







    You took my soul wiped it clean

    Our love was made for movie screens

    All I want - Kodaline










     #มนต101 

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in