เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ประสบการณ์แลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่น @Gifu Universityaiamaor
ลองเข้าชมรมที่ญี่ปุ่น EP.2 | ไปปีนเขากับชมรม ตื่นเต้นมาก
  • หลังจากเพิ่งไปขอเค้าเข้าชมรมได้หนึ่งวัน วันถัดมาก็ต้องไปปีนเขากับชมรมเลย คือตื่นเต้นมากๆๆๆๆ เรานัดกับเพื่อนที่จะมารับเราตั้งแต่8 โมง ที่หน้ามอ เพื่อนที่มารับเราเป็นผู้หญิง ขับรถที่เหมือนรถจี๊ปสีดำมารับ แบบเท่มากๆ ตอนขึ้นรถก็คือโคตรเกร็งแล้วบนรถก็มีเพื่อนในชมรมอีกคนด้วย ทำให้ได้เรียนรู้มารยาทการขึ้นรถของคนญี่ปุ่นว่าตอนขึ้นรถจะต้องพูดว่าโอเนไกชิมัส ที่แปลว่าฝากด้วยนะ และตอนถึงก็จะต้องขอบคุณต่อให้เป็นเพื่อนสนิทกันก็ต้องทำ นี่มันคือความญี่ปุ๊นญี่ปุ่น แล้วบรรยากาศบนรถก็คือกริบมาก เราก็เกร็ง เค้าก็เกร็ง ถามคำตอบคำกัน จนหลังๆก็ให้สองคนนั้นเค้าคุยกันเองส่วนเรานั่งฟัง 555

                ใช้เวลาประมาณครึ่งชม.ก็ถึงที่หมาย และเขาที่เราจะปีนกันก็มีชื่อว่าคินคะซัง ซึ่งมีปราสาทกิฟุอยู่บนนั้น ถือเป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญมากๆของกิฟุเลย แล้วพอมาถึงก็ทำให้ได้รู้ว่าเราแตกต่างจากคนอื่นขนาดไหน คือทุกคนใส่แค่ชุดวอร์มแขนยาวขายาว ในขณะที่เราใส่เสื้อกันหนาวหนามากทับชุดวอร์มบางๆอีก ทีก็คือเขินมาก ได้ยินคนพูดถึงเสื้อเราด้วยอะ พูดถึงเรื่องนี้คือ อันนี้เคยได้ยินจากรุ่นพี่ที่เค้าเคยเข้าชมรมกีฬาที่นี่แปปนึง เค้าบอกว่าพวกผู้ชายที่ชมรมจะไม่กล้าเข้ามาคุยกับเรา แล้วก็ได้มาเจอกับตัวจริงๆ แบบเค้าจะคุยกันเรื่องเรา คือคุยให้ได้ยินเลย แบบนั่นใครอะ เด็กแลกเปลี่ยนหรอ ใส่เสื้อกันหนาวหนามากอะไรงี้ คือคุยใกล้เๆเรานี่แหละ ไม่ได้แอบๆเลย ถ้าสนใจขนาดนั้นทำไมไม่เข้ามาทักเลยล่ะ555 แต่ก็อาจจะเป็นเพราะเราเป็นผู้หญิงแล้วก็เป็นต่างชาติด้วยมั้ง เค้าก็เลยไม่กล้าเข้ามาคุย ก็พยายามทำตัวให้ชิน

                แล้วพอถึงเวลานัดหมายก่อนที่จะเริ่มปีนเขาเค้าก็จะมีการรวมตัวกันก่อนเรียกว่าชูโก ก่อนจะซ้อมทุกครั้งก็จะมีเหมือนกัน เราชอบการรวมตัวมากเพราะมันจะเป็นช่วงที่เค้าจะแจ้งข้าว บอกเป้าหมายของวันนี้ บางทีโค้ชก็จะมาพูดปลุกใจด้วย มันทำให้คิดถึงตอนดูการ์ตูนกีฬา บรรยากาศมันเหมือนกันเลย แล้วขณะที่ตั้งใจฟังอยู่นั้นเราก็ถูกเรียกแล้วก็บอกให้แนะนำตัว! แบบำม่นัดกันสักนิดเลยหรอ คือเราเคยเตรียมประโยคแนะนำตัวไว้นะว่าอยากแสดงความตั้งใจให้เค้าเห็น แต่พอมันกะทันหันก็คิดอะไรไม่ออกเลย เลยแนะนำตัวแค่ชื่อไป มาจากไหนก็ยังไม่พูดเลย เซ็งตัวเองมาก แล้วก็โดนถามอายุด้วย คือในชมรมเค้าจะจริงจังเรื่องรุ่นพี่รุ่นน้องกันมาก ก็เลยต้องบอกให้รู้เพื่อจะได้ให้ความเคารพกันถูก

                หลังรวมตัวอะไรกันเรียบร้อยก็ได้เวลาปีนเขา เราที่กังวลมากกลัวว่าจะปีนไม่รอด จริงๆคือไม่เหนื่อยขนาดนั้น เพราะมันเป็นเขาที่ไม่สูงมาก มี 5 เส้นทางให้เลือก แล้ววันนี้ก็เป็นเส้นที่เดินง่าย ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงยอดแล้ว แต่ระหว่างทางที่เดินก็เริ่มร้อนขึ้นเรื่องๆ จนเราเข้าใจแล้วว่าทำไมทุกคนใส่แค่ชุดวอร์มา สุดท้ายเราก็ถอดเสื้อกันหนาวออกเหมือนกัน และระหว่างทางก็คือแทบจะไม่ได้คุยกับใครเลย อย่างที่บอกว่าเค้ามีความเป็นกลุ่มกัน แล้วเวลาที่เค้าคุยกัน หนึ่งเลยคือฟังไม่ออก ภาษาวัยรุ่นญี่ปุ่นจริงๆก็คือฟังยากมาก คือเรามีเพื่อนญี่ปุ่นนะ แต่ส่วนใหญ่จะรู้จักกันผ่านโครงการแลกเปลี่ยน ซึ่งเค้าก็จะพูดแบบเกรงใจชาวต่างชาตินิดนึง พอมาเจอของจริงก็เลยตายเลย ฟังไม่ออก555 แต่ต่อให้จะฟังออกยังไงก็เข้าไปคุยกับเค้าไม่ได้ เพราะเค้าจะพูดแต่เรื่องที่เค้ารู้กันเอง ซึ่งเราไม่รู้ไง ก็เลยฟังไปเงียบๆ นานๆทีก็จะมีคนมาชวนเราคุยบ้างเล็กๆน้อยๆ มากๆ  เพราะอย่างที่บอกเราก็เกร็งเค้าก็เกร็ง แต่ที่ทำให้บรรยากาศมันดีขึ้นก็คือการถ่ายรูปด้วยกันั่นเอง ถือเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ที่ง่ายที่สุดละ

                แล้วพอถึงข้างบนก็มีการถ่ายรูปหมู่กัน อันนี้ตลกตัวเองมาก ตอนก่อนจะถ่ายรูปเค้าก็บอกว่าถอดหน้ากากกันเถอะ แต่ด้วยความภาษาญี่ปุ่นยังอ่อนแอบวกสับสน ก็เลยคิดว่าเค้าบอกให้ใส่ พอมาดูรูปก็เลยได้เห็นว่าตัวเองใส่หน้ากากอยู่คนเดียว แบบโอ้ยย เขินมาก แล้วก็ไม่มีใครบอกด้วยนะ ดูรูปทีไรขำทุกที

                พอปีนเสร็จถึงตอนจะแยกย้ายก็มีเรื่องให้เศร้าใจเล็กๆ คือผู้หญิงเค้ารวมกลุ่มกันละก็คุยกันว่าหลังจากนี้ไปกินข้าวกันมั้ย ชวนกันต่อหน้าเราเลยนะ แต่ไม่ชวนเรา ณ จุดๆนั้นก็คือ เอาจริงดิ คือช็อคมาก ด้วยเรื่องนั้นก็คือต้องไปปรึกษารุ่นพี่เลยอะ จนพี่เค้าบอกว่าเป็นเดือนๆแหละ กว่าเค้าจะชวนเราไปกินข้าว เราก็ต้องโผล่หน้าไปชมรมให้เค้าเห็นบ่อยๆ แล้วถ้ายังไงเค้าก็ไม่ชวนก็ให้ลองชวนเค้าก่อนไปเลย ตอนนั้นก็รู้สึกว่าทำไมการจะเข้ากับเค้านี่มันยากจัง แต่ก็คิดว่ามาขนาดนี้แล้วก็ต้องสู้ดิ!

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in