เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
FracturaZYRUS
แด่ตัวฉันในวัยสิบเจ็ด...จากตัวฉันในวัยยี่สิบแปด

  • 0.

    เบื้องล่างของผมคือสระน้ำขนาดใหญ่สะท้อนแสงไฟจากเสาล้อมรอบดาดฟ้าค่อยๆพร่าเลือนลงตามความง่วงงุนที่เข้าคืบคลานครอบครองสติสัมปชัญญะทีละน้อย...ทีละน้อย จนไม่สามารถทรงตัวยืนตรงขอบสระได้อีก ปล่อยร่างโน้มเอนไปด้านหน้าร่วงลงสู่ผิวน้ำตามแรงโน้มถ่วง


    เจ็บ...ความรู้สึกแรกยามใบหน้าและลำตัวกระแทกกับผืนน้ำก่อนความเย็นจะค่อยเข้าโอบล้อมคล้ายปลอบประโลม โอบอุ้มผมไว้ในอ้อมแขนแน่นขึ้นเรื่อยๆจนอึดอัด แต่ผมโหยหาอ้อมกอดจากใครสักคนมานานแล้ว จึงไม่ขัดขืน ปล่อยตนเคลิ้มหลับไปในวงแขนนั้น


    กระปุกยานอนหลับและยาแก้ปวดว่างเปล่าที่กำไว้แน่นในมือทั้งสองข้างคลายออกลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ ขณะร่างของผมดิ่งลงสู่ด้านล่าง ปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างค้างคาลอยไปกับกระปุกยานั้น


    จะเรียกว่าปล่อยก็คงไม่ได้...เพราะผมไม่เหลืออะไรแล้ว


    แม้แต่คำตอบว่าจะตื่นขึ้นมาและหายใจไปเพื่อสิ่งใด


    ช่างไร้ค่า...กระทั่งลมหายใจยังสร้างมลพิษให้กับโลก


    ร่างกายไม่ต่างกับขยะเปลืองพื้นที่...ขจัดทิ้งไปไม่มีใครเสียดายขี้คร้านจะยินดีปรีดาที่สวะเช่นผมหายไป


    ผู้ชายมากตัณหาทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับซ้ำยังแพร่เชื้อโรคร้ายให้ ขยะสังคมแบบนี้จะอยู่ไปเพื่ออะไร


    ถึงจะรู้อยู่แก่ใจไม่ใช่ความจริง...แต่มันจะมีประโยชน์อะไรหากไม่มีใครเชื่อหรืออยู่ข้างผมสักคน


    แม้แต่เขา...คนที่ผมรักและเคยบอกว่ารักผมสุดหัวใจ


    ไม่เหลืออะไรแล้ว...


    ผมหลับตาลงปล่อยใจให้ดำดิ่ง...กระทั่งทุกสิ่งอันตรธานไปจากการรับรู้

     


    1.

    ผ่านไปนานเท่าไรไม่อาจรู้ผมได้ยินเสียงดนตรีกระหึ่ม ตามด้วยเสียงปรบมือ โห่ร้องอย่างยินดีคล้ายกับกำลังนั่งอยู่ในฮอลล์จัดคอนเสิร์ตสักแห่ง


    หรือว่าผมมาเกิดใหม่ที่นี่แล้วเขาอาจจะเปิดโทรทัศน์อยู่? แต่ถ้าเกิดใหม่ ผมก็ไม่น่าจะจำได้ทุกอย่างแบบนี้


    ผมยังจำได้ว่าผมเป็นใคร ทำอะไร...และกำลังพบเจอกับเรื่องเลวร้ายเพียงใด


    หรือว่าจะเป็นสวรรค์...ผมตั้งคำถามต่อไปก่อนจะปฏิเสธทันควัน


    ไม่มีพื้นที่สำหรับคนฆ่าตัวตายบนสวรรค์หรอก...


    หรือว่าจะเป็นนรก...นรกที่มีชีวิตชีวาผิดกับในภาพจินตนาการซึ่งได้รับรู้มาตลอด


    เสียงปรบมือและโห่ร้องสงบลงแล้วเมื่อเสียงผู้ชายคนหนึ่งที่น่าจะเป็นพิธีกรประจำงานพูดขึ้นผมฟังไม่ถนัดนัก ก่อนมันจะค่อยชัดขึ้นเรื่อยๆจนฟังออกทุกคำครั้นคนที่เหมือนจะอยู่ข้างผมเอ่ย


    “คุณไม่เคยทำให้ผมผิดหวังมาตั้งแต่สัปดาห์แรกขอให้คุณโชคดีและรักษามาตรฐานไว้”


    น้ำเสียงเคร่งขรึมของเขาสะดุดหูผมมากและรูปประโยคที่ผมยังจำได้ดีแม้มันจะผ่านมากว่าสิบปีแล้วก็ตาม


    จังหวะนั้นเองที่ผมลืมตาขึ้นได้...กวาดตามองไปรอบๆพบว่าตนเองนั่งอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะยาวหันหน้าให้กับเวทีขนาดใหญ่รอบด้านเนืองแน่นด้วยผู้คนส่งเสียงซุบซิบไม่ขาดสาย


    หัวใจผมกระตุกเพราะจำสถานที่แห่งนี้ได้ดี...จุดเริ่มต้นที่นำผมมาสู่จุดจบในวันนี้


    เห็นเช่นนั้นก็กลั้นหายใจเหลือบมองเจ้าของเสียงเมื่อครู่....ก่อนแทบหยุดหายใจ


    เป็นเขาจริงๆ...หนึ่งในคณะกรรมการทรงคุณวุฒิประจำเวทีประกวดร้องเพลงแจ้งเกิดผมเป็นดาวดวงใหม่ประดับวงการมายาผินหน้ามองไปด้านขวาเห็นผู้หญิงวัยกลางคนท่าทางสง่าคนเดิมเช่นเดียวกับชายหนุ่มวัยต้นสามสิบนั่งอยู่ริมสุด


    ผมนั่งอยู่เหมือนเป็นกรรมการคนที่สี่...ซึ่งตอนนั้นไม่มี


    มันเกิดอะไรขึ้นผมย้อนเวลาไปสิบเอ็ดปีก่อนหรือ


    กะพริบตาปริบมองไปยังเด็กหนุ่มที่ยืนเด่นบนเวที  คราวนี้...เหมือนหัวใจจะหยุดเต้นเสียให้ได้


    เขาอายุสิบเจ็ดปี รูปร่างสูงเก้งก้างประสาเด็กวัยรุ่น ผมสีดำสนิทหยักศกเล็กน้อยตัดกับผิวขาวจัดดวงตาสีฟ้ากลมโตสดใสเป็นประกายรับกับรอยยิ้มอวดเขี้ยวซี่เล็ก


    ผมจำเขาได้...เพราะเขาคือตัวผมเมื่อสิบเอ็ดปีก่อน


    สดใส บริสุทธิ์ ไร้เดียงสาเปี่ยมล้นด้วยพลังแห่งความฝัน ...ก่อนจะถูกเงามายากลืนกินทีละน้อยให้ลืมสิ้นทุกสิ่งอย่างแม้แต่ตัวตนที่แท้จริง


    ไม่รู้สิ่งใดชักพาผมมาอยู่ตรงนี้และเพื่อเหตุใด แต่สิ่งนั้นคงอยากจะให้ผมพูดอะไรสักอย่างกับตนเองในอดีตเมื่อคุณกอนซาเลส กรรมการสูงวัยที่นั่งอยู่ข้างกันพยักพเยิดให้ผมอ้าปากใส่ไมโครโฟนที่ตั้งอยู่ตรงหน้าเสียที


    ผมสบนัยน์ตาใสเหมือนลูกแก้วของเด็กหนุ่มบนเวทีรู้สึกถึงหยาดน้ำใสคลอหน่วยตาในลำคอเหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างขึ้นมาจุกอยู่ให้แต่ละคำพ้นริมฝีปากไปอย่างยากลำบากและฟังสั่นเครือ


    “อลัน เพจ...นายฟังฉันนะวันนี้ที่นายได้รางวัลชนะเลิศ มันไม่ใช่จุดจบแต่มันคือจุดเริ่มต้นของสิ่งใหม่ที่สาหัสกว่าโจทย์แต่ละสัปดาห์หลายเท่าตัวจะไม่ได้มีแค่กรรมการและคนดูทางบ้านที่ตัดสินนายแต่จะเป็นทุกคนบนโลกที่ไม่ใช่ทุกคนจะปรารถนาดีและให้อภัยนายได้เสมอที่นี่มันแค่บ่ออนุบาลนะอลัน มหาสมุทรกว้างใหญ่รอนายอยู่ นายไม่มีวันรู้ว่าปลาที่นายว่ายไปเจอจะเป็นอย่างไรหรือกระแสน้ำจะพัดพานายไปเจออะไรมีนักล่าที่ไหนคอยซุ่มโจมตีนายหรือเปล่า ขอให้นายสู้...อย่ายอมแพ้เหมือนฉัน”


    ผมสูดหายใจลึกพยายามไม่สะอื้นออกมา...วินาทีนี้คล้ายเวลาหยุดเดิน สิ่งเดียวที่เคลื่อนไหวคือหนุ่มน้อยสบตามาอย่างใจจดจ่อกับทุกประโยคของผม


    “นายจะเจอผู้ชายคนหนึ่งและนายจะรักเขามาก...ยิ่งในช่วงเจ็ดปีนับจากนี้ที่นายจะเหลือตัวคนเดียวบนโลกเขาก็จะเป็นหลักยึดเพียงหนึ่งเดียวของนาย เป็นทุกๆอย่างทำให้นายอยากจะมีชีวิตต่อไป...เพื่อเขา”


    ถ้าหากตอนนี้คือวันแข่งรอบชิงชนะเลิศของผมจริง‘เขา’ จะต้องนั่งอยู่ตรงแถวบนสุดซึ่งสงวนไว้ให้บรรดาแขกกิตติมศักดิ์


    ‘เขา’…เจ้าของผมตัดสั้นสีน้ำตาลเข้มอวดโครงหน้าคมสันในชุดสูทสามชิ้นสีดำสนิทนั่งหลังตรงดูสง่างามสมกับสืบเชื้อสายราชนิกุลจากเมืองผู้ดีอยู่ตรงนั้นเมื่อผมเงยหน้ามองขึ้นไป สายตากลมใสของเด็กหนุ่มมองตามรอยยิ้มบางแต้มบนใบหน้าน่าเอ็นดูเหมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบชวนให้ขยับมุมปากยกขึ้นตาม แม้จะฝืดเฝื่อนก็ตามที


    “เขาชื่อเกเบรียลสมิธ...จำชื่อนี้ไว้ให้ดีนะอลัน เขาแก่กว่านายเป็นสิบปี แต่นายจะลืมทุกอย่างที่ตั้งเป็นข้อแม้เมื่อเขายิ้มให้ตอนนายยื่นดอกไม้ให้เขาช่วงเดินสายขอบคุณสปอนเซอร์รายการ...แล้วรักเขาให้มากๆ”ผมย้ำ...รู้สึกถึงหยาดน้ำอุ่นไหลลงมาอาบแก้มขณะมองร่างสูงใหญ่ของเขาคนนั้น


    “ขอโทษที่พูดอะไรเพ้อเจ้อยืดยาว...ขอให้นายโชคดีทำตัวเหมือนภูเขา ยืนหยัดอย่างสง่างาม โต้คลื่นลม ไม่หวั่นไหว”


    ผมคลี่ยิ้มทั้งน้ำตาให้ตนเองในอดีต...สิ้นคำนั้นทุกอย่างก็กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง


    พร้อมกับเสียงรอบข้างค่อยเบาลงและเลือนราง


    ไม่สิ...เป็นตัวผมต่างหากที่กำลังจะจางหายไป


    กลับไปสู่ภพภูมิหลังความตายหลังได้โอกาสกลับมาสั่งเสียแก่ตนเองในอดีต…ซึ่งคงไม่ได้อะไรนอกจากความสบายใจที่ได้พูดในสิ่งค้างคาเพราะกระแสธารแห่งโชคชะตาย่อมพัดพาทุกสิ่งไปตามครรลองของมัน


    ไม่มีผู้ใดสามารถขัดขืนได้


    ภาพสุดท้ายที่เห็นคือเขา...เกเบรียลเมื่อผมหันไปทางเก้าอี้ที่ฝ่ายนั้นจับจองอยู่ เลือกจะส่งยิ้มให้ แม้จะตรงข้ามกับหัวใจกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส


    ทำไม...คุณถึงไม่เชื่อผม


    ผมมีแค่คุณคนเดียวไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้นเสียด้วยซ้ำ


    ตัดใจหลับตาลง...ดำดิ่งสู่ความมืดเวิ้งว้างอีกครั้ง ได้ยินเสียงผะแผ่วมาสัมผัสโสตจากนั้นค่อยชัดขึ้น...ชัดขึ้น เหมือนบางอย่างดึงดูดผมเข้าไปใกล้มากขึ้น



    2.

    มันเป็นเสียงเล็ก...แหลมดังเป็นจังหวะ สลับด้วยเสียงฟืด...ฟืดซึ่งเสียงหลังนั้นผมสังเกตสักพักจนแน่ใจว่ามันดังตามจังหวะหายใจของผม


    ความรู้สึกเจ็บแปลบตามส่วนต่างๆของร่างกายเริ่มตามมาสิ้นเรี่ยวแรงไม่มีกำลังแม้แต่ละขยับปลายนิ้ว


    เกิดอะไรขึ้น...ผมอยู่ที่ไหน


    “...อ..ลั...น”เสียงคล้ายกำลังเอ่ยเรียกชื่อของผมราวมาจากที่ไกลแสนไกล ผมพยายามลืมตาขึ้นมองแต่ไม่เป็นผล ทำได้เพียงหลั่งน้ำตาออกมา...แล้วหลับไปอีกครั้ง


    ครั้นรู้สึกตัวอีกหนผมเริ่มขยับปลายนิ้วได้เล็กน้อยห้วงภวังค์ฝันรางเลือน...ความเจ็บปวดเริ่มแผ่ทั่วสรรพางค์กายให้ตอนนี้เริ่มแน่ใจแล้วว่าที่นี่ไม่ใช่สวรรค์หรือนรก ภพภูมิใดในปรโลก


    ผมยังมีชีวิต...และที่นี่คือโรงพยาบาลสักแห่ง


    แม้แต่นรกยังเกลียดชังจนไม่อยากรับไว้เลยหรือผมคิดอย่างขมขื่นรู้สึกอากาศในห้องเหน็บหนาวจนต้องกำผ้าปูที่นอนไว้แน่นให้อบอุ่นขึ้นมาบ้าง


    โทษทัณฑ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่าตกนรก...ได้ประจักษ์ก็คราวนี้


    ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้ว...แต่สุดท้ายยังมีลมหายใจอยู่เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำต่อไป


    น้ำตาไหลออกจากเปลือกตาปิดสนิทผมพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงที่มีน้อยนิดยกมือขึ้นวางบนอุปกรณ์แปลกปลอมที่ต่อเข้ามาในลำคอผ่านปาก...คงจะเป็นท่อช่วยหายใจสินะ


    ขัดใจ เมื่อสัมผัสได้ถนัดว่าอุปกรณ์ยึดไม่ใช่พลาสเตอร์ที่ดึงออกง่ายๆแต่เป็นแผ่นพลาสติกทาบทับริมฝีปากยึดกับต้นคอ


    ไม่เป็นไร...ค่อยๆดึงออกเดี๋ยวก็หลุด


    จังหวะเคลื่อนมืออ่อนแรงลงไปตรงต้นคอเพื่อปลดสายรัดก็มีมืออุ่นมือหนึ่งมาคว้าจับไว้ทันท่วงที มือนั้นบีบมือผมแน่นก่อนเจ้าของมันจะส่งเสียงตะโกนอย่างเร่งร้อน


    “หมอ! เขารู้สึกตัวแล้วกำลังจะถอดเครื่องช่วยหายใจตัวเอง”


    ทั้งร่างสั่นสะท้าน...เพราะผมจำเสียงทุ้มลึกสำเนียงอังกฤษได้ขึ้นใจ


    คุณไม่ต้องการผมแล้วคุณมาห้ามผมทำไม...เกเบรียล


    เปลือกตาอ่อนล้าเปิดขึ้นมองได้ในที่สุดม่านน้ำตาปกคลุมทำให้ทัศนวิสัยสลัวกว่าควรเป็นผมกะพริบตาจนเห็นเพดานห้องสีขาวชัดเจนก่อนจะถูกจับปลายคางให้หันมาสบดวงตาสีเทาวาวโรจน์ข้างเตียง


    “เธอทำบ้าอะไรของเธอ!”เกเบรียลสบถคำหยาบอย่างนานครั้งจะได้ยิน นัยน์ตาคมฉายความรู้สึกหลากหลาย


    ชัดเกินกว่าความรู้สึกใดคงเป็นเจ็บปวดและผิดหวังอย่างรุนแรง


    เขาไม่สมควรจะมองผมด้วยสายตาแบบนี้ด้วยซ้ำ...มันน่าจะเป็นผมมากกว่า


    เจ็บปวด...เมื่อถูกผลักไสไม่ไยดี สายตาเดียดฉันท์ครั้งรู้ข่าวผมทำสาวนอกวงการท้องและแถมโรคเอดส์ให้เธอดังตราตรึงเป็นแผลฉกรรจ์ทุกคราวที่นึกถึง


    ผิดหวัง...เมื่อรู้ว่าที่ผ่านมาเขาไม่เชื่อใจผมสักนิดไม่ฟังแม้แต่คำอุทธรณ์จากผม


    ผมไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้นไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อนในชีวิต ผมมีแค่คุณคนเดียวทั้งร่างกายและหัวใจ


    ทำไมคุณไม่เชื่อผม...


    เราจ้องตากันอยู่เนิ่นนานจนกระทั่งหมอเข้ามา เขาจึงต้องหลบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ทว่าร่างสูงใหญ่นั้นยืนกอดอกพิงเสาตรงมุมห้องอยู่ตลอด รอคอยหมอตรวจร่างกายผมเสร็จฟังคำอธิบายเล็กน้อยอย่างใจเย็น ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งตรงข้างเตียง


    ไม่ทำอะไร...นอกจากจ้องหน้าผมอยู่อย่างนั้นความกดดันแผ่ทั่วทุกอณูบรรยากาศจนผมทนไม่ไหว เบือนหน้าหนีไปทางอื่น


    “อลัน...”เขาเรียกด้วยเสียงอ่อนลงกว่าเดิม มือใหญ่อุ่นเคลื่อนมากอบกุมมือผมไว้หลวมๆ


    “ฉันขอโทษที่ไม่เชื่อใจเธอฉันแทบบ้าตอนขึ้นไปหาเธอที่เพนต์เฮาส์แล้วเจอเธอจมอยู่ในสระตลอดเกือบสองเดือนที่เธอหลับไป ฉันกลัวมากว่าจะเสียเธอไปจริงๆ”


    ผมหลับตาลง...ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้นแต่ประสาทหูก็ยังได้ยินทุกประโยคจากเสียงทุ้มแตกพร่านั่น


    “ฉันจัดการให้คนที่สร้างข่าวออกมาสารภาพหมดแล้วตอนนี้เธอบริสุทธิ์” ปลายนิ้วโป้งหนาคลึงไปมาบนหลังมือของผม


    น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง...มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าคนที่ผมอยากจะให้เชื่อใจและยืนหยัดเคียงข้างที่สุด ไร้ซึ่งศรัทธาในตัวผม


    มันสายไปแล้ว...ผมบอกกับเขาผ่านทางสายตาเพิกเฉยต่อแววเว้าวอนในดวงตาสีเทาซึ่งปกติจะมีแต่ความดุดันเย็นชาสั่งหัวใจไม่ให้สั่นไหว ร้องบอกความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้


    ผมรักเขา...รักไม่มีวันเปลี่ยน


    และไม่มีสิ่งใดมาสั่นคลอนให้แปรเปลี่ยน


    ทำไม...


    เขาทำให้ผมเจ็บจนไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปทำไม...ถึงยังรัก


    สะอื้นออกมาโดยไร้เสียง ร่างกายไม่ฟังคำสั่งให้เบือนหน้าหนียามเรียวนิ้วแข็งแรงจับทิชชูมาซับน้ำตาให้


    คงจะเพราะอยากให้เห็น...ว่าวงหน้าคมนั้นก็อาบน้ำตาไม่ต่างกัน


    นึกถึงห้วงความทรงจำที่ไม่รู้ว่าเป็นความจริงหรือห้วงภวังค์ระหว่างความเป็นความตาย


    ที่ผมในวัยยี่สิบแปดเอ่ยกับหนุ่มน้อยคนนั้น...ตัวผมในอดีต


    ‘นายจะเจอผู้ชายคนหนึ่งและนายจะรักเขามาก’


    สิ่งที่เอ่ยย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า...มีแต่เรื่องของเกเบรียล


    คนสำคัญกว่าชื่อเสียงหรือสิ่งอื่นใด


    วินาทีที่ผมตัดสินใจหยิบยานอนหลับและยาแก้ปวดกรอกกลืนลงปากแล้วปล่อยให้ตนเองตกลงไปในน้ำ...ก็หลังจากตอนที่เขาสะบัดมือผมและก้าวออกจากห้องไป


    ไม่ใช่ตอนที่ข่าวนั้นกระจายแล้วทุกคนบนโลกรุมประณาม


    มันไม่สำคัญ...


    เพราะโลกทั้งใบของผมมีเพียงเขานับแต่ครอบครัวอันประกอบด้วยพ่อแม่และน้องชายจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสี่ปีก่อน


    ผมออกจากภวังค์เมื่อมืออุ่นผละออกไป...แล้วยื่นกลับมาตรงหน้า


    “ถ้าเธอยังต้องการฉันวางมือของเธอลงมา แต่ถ้าไม่..ให้คว่ำมือลงบนที่นอน ฉันจะไปไม่มาให้เธอเห็นหน้าอีกนับแต่วินาทีนี้”


    ใบหน้าหล่อเหลานิ่งราวรูปปั้นสวนทางกับดวงตาวูบไหว...ผมมองหน้าเขา เสียงของตนเองยามบอกหนุ่มน้อยในอดีตดังก้องในโสต


    ‘นายจะเจอผู้ชายคนหนึ่งและนายจะรักเขามาก...ยิ่งในช่วงเจ็ดปีนับจากนี้ที่นายจะเหลือตัวคนเดียวบนโลกเขาก็จะเป็นหลักยึดเพียงหนึ่งเดียวของนาย เป็นทุกๆอย่างทำให้นายอยากจะมีชีวิตต่อไป...เพื่อเขา’


    แด่ตัวฉันวัยสิบเจ็ด..... จากตัวฉันวัยยี่สิบแปด


    ที่เนื้อความเรียบเรียงจากทุกห้องในหัวใจ...มีแต่เขา


    ผมขยับมือที่วางพาดอยู่บนหน้าท้องขยับอย่างอ่อนแรง...


    ...วางมือของตนเองลงบนฝ่ามือกว้างนั้น


    เลือกจะฝากชีวิตและหัวใจของตนเองไว้กับคนๆเดิม



    -THE END-

     

    *หมายเหตุ : เรื่องนี้ลง 2 ที่ คือ Thaiboyslove (ห้องเรื่องสั้น) และที่นี่

     

     

     

     

     

     

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in