เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
PROMETHAYMUSjiskapot
rebus

  •  


    - 1.

    ฤดูร้อนของปี 2019 ผมย้ายมาอเมริกา

     

    ไม่กี่สัปดาห์หรอก เราเพิ่งลงตัว

    ย้ายของออกจากกล่องกระดาษ จัดวางลงในที่ที่เป็นของเรา

    ...

    อย่างนั้นก็ไม่เชิง เพราะมันเป็นที่ของเขา แบบว่า เขาจ่ายน่ะ รู้ใช่ไหม ผมมาอาศัยด้วย

    ผมผ่านเข้ามาเรียนต่อที่คณะศิลปะของมหาวิทยาลัยคอร์เนล ในนิวยอร์ก

    ส่วนเขาก็ผ่านเข้ามาเรียนเป็นสัตวแพทย์ ที่มหาวิทยาลัยคอร์เนลเช่นกัน

    ผมตามเขามา อย่างนั้นก็ว่าได้

    ลอนดอนดูน่าเบื่อขึ้นร้อยเท่าตัวเมื่อไม่มีเขาอยู่ใกล้ๆ

     


     

    เขามีรถ

    ยี่ห้อมีราคา เขาเคยพาผมนั่งหนหนึ่ง

    คราวที่มาอเมริกาเมื่อปีก่อน

    คราวนี้ผมก็นั่งไปกับเขาอีกหน

    เป็นที่ทะเลแถวบ้าน หาดไมอามี่

    เรากำลังย้ายของจากบ้านเขาไปนิวยอร์ก มีแพลนว่าจะบินกลับ

    ผมเสนอให้มันเป็น road trip เล็กๆ กับถนนเลียบชายฝั่ง ก่อนเราจะกลับไปเริ่มต้นอะไรๆ ที่นั่น

    และเขาก็ไม่ปฏิเสธ

     

    ผมได้เรียนรู้หลายอย่างทีเดียว เขาเป็นคนสอนทั้งนั้น

    วิธีการขับรถ การใช้สมาร์ทโฟน อีเมล์

    ความทันสมัย เพื่อให้ผมปรับตัวเข้ากับโลกใบใหม่ที่จะไปเผชิญได้ง่ายขึ้น

    เขาบอกว่าเมื่อได้ไปเรียน ของพวกนี้มันจำเป็น คล้ายกับที่ผู้วิเศษต้องมีไม้กายสิทธิ์

    มันเป็นอุปกรณ์สุดเจ๋งเชียวนะ สมาร์ทโฟนนี่ เขาว่ามันทำอะไรได้หลายอย่าง

    แต่มันทำอะไรได้บ้าง คงต้องถามกับมันเอาเอง

     

    ผมว่าเราคงแลกรหัสผ่านเข้าสมาร์ทโฟนกันที่จุดหนึ่ง

    ผมอาจจะแสกนลายนิ้วมือของผมลงไปในเครื่องเขา และเขาก็ทำเช่นกัน

    เขาอาจจะกดถ่ายรูปผมในเครื่องของผม จังหวะที่ผมไม่รู้ตัว

    ผมกับทะเลหาดไมอามี่

    เขาเคยบอก ว่าตาผมสวย

    มันทำให้เขานึกถึงทะเลหน้าร้อน สิ่งที่เขาโปรดปราน

    ผมรู้สึกรักร่างกายตัวเองขึ้นมามากโข

     


     

    เขาสอนผม

    "นี่เรียกว่าอินสตาแกรม"

    เอาไว้ลงรูปถ่าย เขาว่า

    เป็นเหมือนผ้าใบเปล่าๆ ไดอารี่บันทึกเรื่องราว

    ทีแรกผมสงสัยอยู่นิดหน่อย ว่าจะเอาไว้ใช้ทำอะไรได้กันนะ

    แต่แล้วก็ยิ้ม

    ผมว่าผมรู้ล่ะ



    - 2.

    เรานั่งคุยกัน เรื่อยเปื่อยก่อนเครื่องบินจะออก

    ถามถึงความเป็นไป วางแผนวาดอนาคต เราคุยกันเรื่องไร้สาระ

    ผมอาจจะซื้อโดนัทมาสักสองชิ้นระหว่างทาง

    ผมไม่เคยหมดเรื่องคุยกับเขาเลย

    แต่บางทีเราก็แค่นั่งอยู่ด้วยกันเท่านั้น

    เช่นตอนนี้ ณ ทางออกขึ้นเครื่อง

    ผมมองเขาอยู่นาน

    อ้อยอิ่ง สายตาสื่อสารกันเงียบๆ

    คาเธย์ แม็คคินเลย์ จะติดฝังใจผมไปชั่วกาลป์ เมื่อคิดได้

    ผมเข้าไปจูบ

    ไม่ได้รีบร้อนอะไร เขารู้อยู่แล้วว่ามันจะเกิดขึ้น

    จูบหวานปนเกล็ดน้ำตาล

    เขาไม่ได้พิศวาสน้ำตาลเท่าไหร่หรอก

    แต่เขายิ้ม

    มือเขาอุ่นเสมอ แปะวางบนแก้มของผมอยู่ข้างหนึ่ง

    เอนหัวเอียงไปหา ท่าทางที่เขาคุ้นเคย

    ผมยิ้ม จูบลงบนฝ่ามือของเขาอีกครั้ง

     


     

    เมื่อคิดถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต คงยากที่จะบอกว่าผมไม่ตื่นเต้น

    หลายอย่างรอเราอยู่ อาจจะรอทดสอบเราอยู่เงียบๆ

    ที่นิวยอร์ก เขากับผมมีหลายอย่างให้จัดการ

    ความรับผิดชอบที่เพิ่มมากขึ้น

    แต่ที่สำคัญก็คือ เราจะได้อยู่ด้วยกัน

    ผมตื่นเต้นและดีใจ มากจริงๆ

     

    "ขอถ่ายรูปหน่อยสิ"

     

    ผมว่าคาเธย์ขึ้นกล้องนะ

    ผมชอบที่จะมีรูปถ่ายของเขาอยู่ติดตัว

    อาการเห่อแฟนของผมยังไม่หมดไปหลังสองปีที่คบกันมา

    ผมโชคดีจริงๆ นะ ที่มีเขา

    ผมโชคดีจริงๆ ที่เป็นเขา

    เพราะหากเป็นกับคนอื่น ผมไม่คิดว่าตัวเองจะมีความสุขได้ขนาดนี้หรอก

     

    ที่สนามบินก่อนเครื่องออก เรานั่งด้วยกัน

    เขาตาพร่านิดหน่อยเพราะแฟลชจากกล้องมือถือ

    โดนขอดูโทรศัพท์อย่างสุภาพมีมารยาท ผมใจร้ายบอกไปว่าไม่ให้

    รอให้ไปเห็นในแพลตฟอร์มออนไลน์ ผมจินตนาการรีแอคชั่นไม่ถูกเลย

    เขาหล่อนะ ผมชอบรูปนี้จัง

     


    - 3.

    ถึงนิวยอร์กตอนบ่ายสอง

    เราเก็บของกันบนห้อง ผมบ่นว่าหิวกาแฟ

     

    นึกถึงสมัยเรียน

     

    ที่โต๊ะอาหาร โถงใหญ่ มื้อเช้า มีกาแฟบริการหลายประเภท

    ผมชอบ มักดื่มประจำ เพื่อให้ตื่นเต็มตา เสริมพลังงานให้อยู่ได้ทั้งวัน

    ที่ผมชอบทำ คือใส่นม

    เมื่อไม่ชอบกาแฟหวานเท่าไหร่นัก เอสเปรสโซ่ใส่นมจืดจึงเป็นทางเลือกที่น่ารัก

    ผมจะนั่งดื่มกาแฟไป อ่านอะไรเงียบๆไป ข้างเขาบนที่นั่ง

    เมื่อก่อนเป็นคนไม่ค่อยทานมื้อเช้า รู้ไหม

    ไม่ครบมื้อเท่าไหร่นัก บางวันก็หัวหมุน ไม่ได้กินอะไร

    แต่พอมีเขาแล้ว

    นั่นสินะ

    เหมือนรูปแรก ผมรู้สึกรักตัวเองขึ้นมากโข

    ใส่ใจตัวเองกับอาหาร เล็กๆก็ยังดี แบ่งย่อยเป็นสองสามมื้อ

    แก้มผมนิ่มขึ้นกว่าเดิมอีก

     


     

    ที่นี่ เรามีครัว

    ผมทำอาหารเป็น รู้ไหม

    ไม่ใช่เมนูซับซ้อนยุ่งยาก ไม่ต้องนวดแป้งพายอบขนม

    เขาไม่ชอบขนม ไม่ชอบของหวาน

    แต่เค้กวันเกิดที่ทำให้ เขากินหมดคนเดียวทุกปีเชียว

    (ดังนั้นทุกปี เลยทำเค้กมาแค่ครึ่งปอนด์

    มันน้อยนะ แต่เขาว่ามันอร่อยมาก)

    ผมว่าจะเริ่มทำอาหารทุกวัน

    หวังว่ามันคงไม่เหนื่อยเกินแรง

    ผมต้องหาเวลาได้สิน่า

    มื้อเย็น หลังจากที่เขาเรียนมาเหนื่อยๆ

    ก็จะมีอาหารรอ อาจจะไม่อร่อยที่สุด แต่เขาก็จะได้อิ่มท้อง นอนหลับสบาย เตรียมพร้อมกับวันต่อไป

     

    แปลกไหม

    ผมถามย่า

    ถ้าผมจะขอหนังสือทำครัวของย่าไปที่อเมริกาด้วย

    เรื่องราวก่อนวันออกเดินทาง

    เธอยิ้มยินดี มีความปิติในใบหน้า

     

    บ่ายวันนั้น ย่าพูดเยอะที่สุดในชีวิต

    เธอคอยแนะเตือนถึงข้อผิดพลาดสามัญของมือใหม่หัดปรุง ผมรับฟัง สัญญากับท่านว่าจะไม่ทำ

    มีสูตรเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย บางสูตร ย่าขีดฆ่า แล้วเขียนสัดส่วนวัตถุดิบของท่านเองลงไป

    มันเก่า สันปกเดิมหลุดนานแล้ว คุณปู่เลยซ่อมให้ใหม่ด้วยผ้าสีชมพูอ่อน

    มันยังอยู่ในกล่องขนของ

     

    "ดื่มอะไรไหม"

    ผมถามเขา เราลงมาที่ร้านกาแฟข้างล่างตึก

    นิวยอร์ก เสียงแตรนิดหน่อย อากาศไม่หนาวนัก

    ที่นั่งอยู่ในภาพคือผมเอง

    ผมสั่งไปก่อน นั่งกันสองคน ดื่มไปสักพัก ผมถึงถามเขาอีกที

    คาเธย์เดินไปหยิบกระป๋องน้ำอัดลมกลับมา

    พร้อมดอกไม้

    สีขาวดอกเล็กๆ

    เขาวางมันลงบนจานรองแก้ว

    เขาเลิกบุหรี่นานแล้ว รู้ไหมล่ะ

    เพราะจะต้องทำงานกับสัตว์ เขาไม่อยากเสี่ยงให้คนไข้ของเขามีปัญหาทางเดินหายใจเพิ่มเข้าไปอีก

    เขาเข้ากับสัตว์ได้ดีกว่าผมเสียอีก

    สัตว์ไม่เข้าใกล้พวกคนนิสัยไม่ดีหรอก

     

    รูปคงมาเพราะผมขอ

    หรือเขาอาจจะแอบถ่าย

    'เจ้ามุสสูบบุหรี่อีกแล้ว' น่าจะนึกบ่นอยู่ในใจ

     


     

    กลับขึ้นไปข้างบนหลังดื่มเสร็จ

    แค่โบกไม้สองสามที ของทุกอย่างก็จัดของมันเอง

    เฟอร์นิเจอร์เรามีครบ เขาคงสั่งไว้ตั้งแต่ตอนต้นของฤดูร้อน

    ผมยังไม่ได้ทำอาหาร เราสั่งอาหารจีนเดลิเวอรี่เป็นมื้อเย็น

    นั่งดูซีรี่ย์กันต่อสักพัก

    ก่อนนอน เราคุยกัน

    ตื่นสายได้ตามสบาย เขาเกลี่ยผมของผมเล่น

    ฟูกนอนสีขาว

    เมื่ออยู่ใต้ผ้าห่ม กอดของเขาก็อุ่นขึ้นอีก



    - 4.

    เขากรน

    เรื่องปกติ เวลานอน

     

    ผมเจอเขาครั้งแรกตอนสิบสองขวบ

    เขาสิบเอ็ด ผมสิบสอง แต่เอาน่า เรารุ่นเดียวกัน

    ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะได้อยู่บ้านเดียวกัน

    ไม่รู้ยิ่งกว่า ว่าจะได้อยู่หอนอนห้องเดียวกัน

     

    "จองเตียงข้างนายนะ"

    ผมคงพูดขึ้นที่จุดหนึ่ง กับเด็กชายผมเปีย

    ทุกปีเรื่อยมา เราก็ได้อยู่ห้องเดียวกัน

    เว้นไว้ปีหนึ่ง ตอนปีหก

    ...

    ผมนึกถึงทีไร ก็ยิ้มทุกที

    คงเป็นความรู้สึกของการที่บางอย่างหายไป ถึงคิดได้ขึ้นมาว่าสำคัญกว่าที่เห็น

    แต่สำหรับพวกเรา ก็แค่คิดถึงกันมากขึ้น

    ผมนึกย้อนไปถึงวันแรกที่ได้นอนห้องเดียวกัน ขณะมองหน้าเขาหลับอย่างสงบอยู่ข้างๆ

    เขากรนนิดหน่อย อย่างที่บอก

    เป็นสิ่งที่ถ้าขาดไปผมจะเป็นห่วง

    เขาหลับสนิท และเป็นคนขี้เซา

    ผมว่าเสน่ห์ตรงนี้ก็มีนะ

    ช่วงเวลาก่อนที่เขาจะตื่น

     


     

    เคยเป็นกันไหม การที่ไปจ้องคนคนหนึ่งขณะเขาหลับ

    คงเป็นเรื่องของความรู้สึกที่ส่งผ่านออกมา การจดจ้องให้ความสนใจ

    ผมได้มองเขาอยู่สักพัก เราก็ลืมตามาเจอกัน

    ผมยิ้ม

    "อรุณสวัสดิ์"

    เขาไม่ตอบ

    แต่ขยับมา ใกล้ผมอีกหน่อย

    แล้วหลับต่อ

     

    ผมไม่เห็นข้อเสียของเรื่องนี้

    อากาศเย็นสบาย

    นิวยอร์กสีฟ้า แดดยังไม่สาย

    บรรยากาศสงบเงียบของห้อง และความที่มันทึบแสงเล็กน้อย

    หลังหลับตาได้ไม่นาน ผมก็หลับไปกับเขาด้วย

     

    คงไม่เคยบอก ถึงเรื่องสัตว์เลี้ยง

    สุนัขสาม นกหนึ่ง

    หมาป่า อีกหนึ่ง

    นั่นไง เธอมาแล้ว

    แทรกตัวตรงกลางระหว่างเรา ขนปุยสีส้มแดง หางส่ายไปมา

    มอร์นิ่ง เช้าแล้ว

    เธอไปปลุกคุณพ่อของเธอ

    เลียแก้มเขาเปียกชุ่ม ในที่สุดก็ยอมตื่น

    ผมยกมือถือมาถ่ายรูปเน่ นึกได้ว่าไม่ค่อยจะมีรูปของเธอในโทรศัพท์เลย

     

    เธอทักทายผมนิดหน่อย

    เหมือนเสร็จภารกิจ เลยลงไปขดตัวนอนที่ปลายเตียง

    เหลือผมกับคนขี้เซา

     

    “ไม่เอาน่า”

    แต่เห็นตั้งกล้อง เขาก็รู้

     

    “ไม่เอา ง่วง”

    เขางอแง

    แต่สายไปหนึ่งช็อต

    ผมยอมเก็บ แล้วเอาหัวไปซุกตรงอกเขา

    ถอนหายใจโล่งอก

    ตรงนี้เป็นไม่กี่ที่ ที่ผมรู้สึกปลอดภัย

     

    “อยากกินอะไร”

    ผมเงยหน้า ถามออกไปยิ้มๆ

    “อะไรก็ได้ นายทำอะไรก็อร่อยหมด”

    เป็นคำตอบของเขา

    กี่โมงแล้ว เขาถาม

    เที่ยงกว่าๆ

    จะไปไหน

    ไปทำมื้อเที่ยง

    ลันช์อินเบดไหม

    ถามปนยิ้ม

    ไม่ต้องตอบก็รู้

     


    - 5.

    ไม่ใช่วันเกิดผม

    มันก็แค่วันหนึ่งในสัปดาห์

    แต่ว่ามีเค้ก

     

    ตอนเย็น หลังมื้อค่ำ

    มีกล่องในตู้เย็น

    กล่องที่ผมเห็นอีกทีตอนเปิดตู้เย็นทำอาหารค่ำ

    เขาหยิบมา ปักเทียน จุดไฟ

    เดินมาให้กับมือ

    บนนั้นมีประโยค

     

    น่ารัก

    ผมอ่าน

    แล้วอมยิ้มแก้มปริ

     

    เราคุยกันไม่เบื่อระหว่างเค้ก

    ผมกินคนเดียวแหละ เขาไม่ชอบเค้กไง จำได้ไหม

    แต่กินไม่หมดในรวดเดียวแน่ คงเก็บไว้แบ่งกินหลายๆ วันด้วย

     


    - 6.

    ผมย้ายที่อยู่บ่อย

    แต่ทุกที่ไม่ได้แตกต่างกันสิ้นเชิง

    ไม่เหมือนครั้งน้ี

     

    ที่นี่ไม่ใช่ลอนดอน

    ไม่ใช่คอร์นวอลล์

    แต่เป็นตึกสูงตึกหนึ่งในเมืองหลวงของโลก

    นิวยอร์ก

    ต้องบอกเท่าไหร่ผมถึงจะหายตื่นเต้นกันนะ

     

    ผมปรับเวลานอนได้ กลับมาตื่นเช้าแล้ว

    แสงลอดเข้ามาจากผ้าม่าน

    คาเธย์ยังไม่ตื่นหรอก

    เขานอนคว่ำ ซุกหน้ากับหมอน

    นอนกรนเบาๆ

    หยิบเสื้อกันหนาวมาสวม ชงกาแฟ เดินออกไปที่ระเบียง

    เก็บเกี่ยวความสงบ แสงแดด และตะกอนความคิด

    วันนี้ผมมีแพลนออกไปซื้อเสื้อผ้า ร้านขายของมือสองในละแวก

    ไม่รีบไม่ร้อน สวมแค่รองเท้าแตะ กับชุดลำลอง

    เปิดเพลง สวมหูฟัง

    [ https://youtu.be/VK9nA2IppGE ]

     

    เพลย์ลิสต์หนึ่ง ทำไว้เพื่อเขาโดยเฉพาะ

    จั๊กจี้หัวใจ...

     

    ผมกลับมา ถึงบ้านช่วงบ่ายแก่

    ทั้งห้องกลายเป็นสีส้ม

    อย่างช้าๆ ผมค่อยๆหลงรักทุกอย่างของที่นี่

    เป็นแสงที่สวยไม่หยอก เป็นห้องที่อยู่สบายใช่เล่น

    ผมได้รับการต้อนรับอบอุ่น ฮิปปี้ มูน เจค เน่ สวีท

    คาเธย์

     

    ระหว่างมื้ออาหาร ผมเล่าเรื่องวันนี้ที่พบเจอมา

    ทั้งร้านเบเกอรี่หัวมุม ร้านดอกไม้ ร้านเสื้อผ้ามือสอง

    ผมสงสัยว่าพรุ่งนี้เราจะเข้าไปเดินสำรวจมหาวิทยาลัยกันได้ไหม

    ได้ยินมาว่าคณะของผมกับเขาอยู่กันคนละฟาก ผมอยากเห็นสถานที่ก่อนเวลา

    และอยากใช้เวลาร่วมกับเขา

     



    - 7 8 9.

    หมดเวลาทำตัวเป็นเด็ก

    ใครๆ เขาว่าอย่างนั้นกับมหาวิทยาลัย

    แต่ผมไม่ได้รู้สึกเติบโตขึ้นมากกว่าที่เป็นปกติทุกปีเท่าไหร่นัก

     

    วันศุกร์ วันหยุด

    แท็กซี่กับเขาที่เบาะหลังสนุกใช่เล่น

    จอดส่งที่ประตูหน้า แล้วเราเริ่มเดิน

    ฝั่งซ้ายมือของผม ต้องเดินออกไปไกล เป็นคณะของคาเธย์

    ส่วนที่ฝั่งขวาตรงนี้ จะเป็นที่เรียนของผม

    จับมือกัน เราเดินไปทั่ว

    บางช่วงก็ได้ไถสเก็ตบอร์ดกันด้วย

    ที่นี่กว้างใหญ่

    บอกเลยว่ากว้างกว่าฮอกวอตส์เสียอีก

     

    ไม่เคยสักครั้งที่เขาจะเดินเร็วกว่า เมื่อเราไปด้วยกัน

    เขารั้งจังหวะก้าว รอผมอยู่เสมอๆ

    ไม่เคยอิดออดตอนขอจับมือ

    ไม่บ่นเรื่องที่ผมเกาะแกะ ชอบตัวติดกันไปไหนมาไหน

    เขามีความอดทนยิ่งกว่าใครในชีวิตที่ผมเคยพบ

    ขอให้ถ่ายรูปให้ แม้บางครั้งก็ขัดจังหวะของเขา นำเรื่องวุ่นวายมาให้มากมาย

    แต่คาเธย์ก็ยินดีทำทุกอย่าง

    เขาให้ผมมากกว่าที่ใครจะให้ได้

    ผมรับไว้ด้วยความยินดี และหวังว่าจะตอบรับเขาไปได้เพียงพอไม่แพ้กัน

     

    ผมรู้ว่าเขาจะเรียนหนัก

    มันเป็นเรื่องของหลักสูตรล่ะ

    เขาจะได้ทำงานในฟาร์ม มีสัตว์ในดูแล อยู่ล่วงเวลา

    เขาจะเหนื่อย

    และผมจะอยู่ข้างๆ นะ

     


     

    จำวันปิดเทอม หลังจบปีหกได้ไหม

    นายขอฉันแต่งงาน

    ปุบปับ และขี้เล่น

    มันคือฝาน้ำอัดลม

    ใส่กับนิ้วของฉันได้พอดี จนตอนนี้ก็ยังเก็บเอาไว้

     

    จะบอกนายเท่าไหร่ถึงพอ

    ว่าฉันตื่นเต้นมาก กับสิ่งที่นายขอ

    ตื่นตูมเป็นกระต่าย อยู่ไม่สุขเหมือนแม่ไก่

    วันนั้น ฉันก็ขอนายแต่งงาน

    คาเธย์ แม็คคินเลย์

    แต่งงานกับฉันไหม

    ถึงเราจะเพิ่งคบกันได้หนึ่งปี ถึงเราจะยังมีอะไรอีกมากให้ต้องเรียนรู้

    ฉันไม่คิดว่ามันเร็วเกินไป ไม่อีกต่อไปแล้ว

    นายเป็นคนที่ใช่ หนึ่งเดียว คนเดียว

    กับนาย ฉันไม่รอก็ได้

    เป็นความฝันของนายที่จะแต่งงานมีครอบครัว

    และเป็นความฝันของฉันเช่นกัน ที่จะทำให้ฝันของนายเป็นจริง

    หากขอแต่งงานแล้วอีกฝ่ายตกลง แต่ไม่มีพิธีเกิดขึ้นภายในห้าปี

    เราก็ต้องขอกันใหม่

    เป็นธรรมเนียม

    อย่างนั้นก็ตาม

    ถึงนายจะขอให้รอ

    จะนานเท่าไหร่

    ทุกๆ ห้าปี ฉันก็พร้อมจะขอนายใหม่นะ

    กว่านายจะเรียนจบ

    นายอาจจะอยากจัดพิธีใหญ่โต แขกเหรื่อมากมาย นั่น ต้องการการเตรียมการใช่ไหม

    เพราะงั้น ฉันรอได้

    รอได้ กับนาย ฉันรอได้เสมอ


     

    ผมมองหน้าเขา จ้องนานไปหน่อย

    เก็บทุกรายละเอียดของใบหน้าเขาได้หมดแล้ว

    นึกภูมิใจอยู่ยิ้มๆ

    "อะไร"

    เขาถาม

    "มองทำไม"

    "มองนาย กำลังชื่นชมความงาม"

    เขายิ้ม

    "ฉันรักนายนะ"

    "ฉันก็รักนาย บู"

    กลัวจะไม่มีโอกาสได้บอก

    ผมอยากย้ำเขาในทุกวันว่ามีผมนะ ผมรักเขา

    ไม่อยากเป็นคนที่มานั่งเสียใจทีหลัง

     

    "ถ่ายรูปให้หน่อย"

    เป็นคำขอเขินๆ

    ผมไม่ได้ชอบถ่ายรูปตัวเองนัก

    แต่เขาก็กดให้

    ด้วยกล้องโพลารอยด์ ของวันขวัญคริสมาสต์

    ผมเก็บความทรงจำหลายปีไว้กับแผ่นฟิล์ม ด้วยเครื่องนี้

    ผมยังอยากเก็บต่อไป เรื่อยๆ เลย

     

    "เบ๊บ เขยิบซ้ายหน่อยซิ"

    บ่ายคล้อย ฟ้าเป็นสีส้ม ลมพัดเย็น

    แสงแดดตกกระทบบนหน้าเขา เน้นส่วนให้สวยขึ้น

    เขาเขยิบตามผมขอ อยู่นิ่งตามผมขอ ให้ผมถ่ายรูปให้เขาดู ตามที่ผมขอ

    i get lost in these eyes so many times.

    and could never get enough.

     

    หลังจบทริป เรากลับบ้าน

    นึกไม่ออกเลยว่าถ้าผมเลือกจะอยู่ลอนดอนต่อ มันจะน่าเบื่อขนาดไหนกันนะ

    โอ้

    ผมยังไม่ได้บอกถึงเหตุผลที่ย้ายมาเรียนที่นี่เลยใช่ไหม?

    อย่างที่เดากันได้ ผมย้ายมาอเมริกาเพราะคาเธย์

    ผมอยากมาอยู่กับเขา

    เรียนต่อ ก็ไม่เสียหายนี่นะ

    คิดมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว

    ทบทวนมามากแล้ว

    และทำพอร์ต ส่งไปแล้วด้วย

    (หัวเราะ)

     

    ผมคิดไม่ผิดหรอก

    ผมอยากมา ผมอยากอยู่กับเขา

    ความสัมพันธ์ระยะไกลไม่ฆ่าเรา แต่มันทรมาน

    เมื่อมาได้ ผมก็มา

    เขายินดี อยากให้ผมมาด้วย

    ผมยินดี ที่เขายินดี

    ตรงนี้กับเขา

    เป็นที่ที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจะฝันได้

    ผมมาอยู่ตรงนี้

    ไม่ได้สงบอย่างที่เป็นมาหลายปี

    ไม่ได้คิดถึงชีวิตที่นู่นขนาดนั้น

    ผมอาจจะคิดถึงบ้านริมทะเล แต่มันก็แค่นั้น

    เราจะไปที่นั่นตอนไหนก็ได้

    ยังไงพ่อก็อยู่ที่นั่น

     

    ผมจะอยู่ที่นี่กับเขา

    ให้ผมอยู่กับคุณนะ?

    แล้วเก็บเรื่องราวของเราไว้ในรูปถ่าย

    บางอย่างไม่จำเป็นต้องออกไปข้างนอกนั่น

    บางอย่างก็ควรเก็บไว้บนกำแพงห้อง

    บางอย่างก็ควรเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์

    บางอย่าง ก็ควรเก็บไว้ในใจ

    ให้สายตาได้ชื่นชม ไม่มีอะไรคั่นกลาง

     



     

    happy anniversary my love,

    everyday with you is truly amazing,

    and it's a miracle for me, standing where i'm, beside you.

     

    i couldn't ask more for a living,

    to be with you is the best thing in life i could ever asked for.

    and for that i'm grateful.

     

    thank you, not only for teaching me how to love, but also how to live.

    i'm happy with you here, and i hope you are too.

     

     

    i love you, Cathay.

     

     

    more than i could love anyone ever.

    i hope to spend forever with you,

    might be a bit pushy, might be too much to hope for for the first anniversary,

    but

     

    will you,

    for life,

    with me,

    Cathay?

    even how boring it gets

    even how often we fight

    even when there's a moment we become hard to love,

    hard to deal with.

    let me love you every time you laugh

    every time you fall

    every time you are unable to love

    because that's love,

    you devoted yourself to one person and this one person only

    love is not giving up on each other

     

    i love you,

    and i swear,

    to the sun

    stars

    and moon.


    13112018

    mustafa

    to cathay

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in