เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Fragile โปรดดูแลด้วยความระมัดระวังlittle_T
บทที่ 3 เพื่อนสนิท
  •        ความกลัวเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงในการใช้ชีวิตของฉัน โดยเฉพาะกลัวการเปลี่ยนแปลงซึ่งรวมไปถึงการทำอะไรใหม่ ๆ ด้วยเช่นกัน การทำบางสิ่งเป็นครั้งแรกสร้างความกลัวให้ฉันอย่างมหาศาล ฉันรวบรวมความกล้าอยู่พักใหญ่ สูดหายใจเข้าลึก ๆ หลายครั้งเพื่อลดอาการบิดเกร็งในท้อง ก่อนจะกดโทรออกไปยังเบอร์ที่ตั้งใจไว้ รอเวลาไม่นานก็มีคนรับสาย พยาบาลถามฉันว่าฉันจะเลือกพบนักจิตบำบัดหรือจิตแพทย์ ฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง ไม่คาดคิดว่าจะมีการเลือก มันนอกเหนือสิ่งที่ฉันเตรียมมาพูดคุยครั้งนี้ แต่ดูท่าฉันจะเงียบนานไปหน่อยคุณพยาบาลเลยถามย้ำฉันเป็นครั้งที่สอง 

           ฉันเลือกที่จะขอพบนักจิตบำบัดแทนที่จะพบจิตแพทย์ ด้วยความรู้เท่าที่เคยศึกษามาว่ามีเพียงจิตแพทย์ที่สามารถจ่ายยาสำหรับรักษาโรคจิตเวชได้และฉันยังไม่อยากกินยา 

           การกินยาไม่ใช่เรื่องสนุกและไม่เคยสนุก ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม ยังไม่นับผลข้างเคียงที่ไม่น่าอภิรมย์พวกนั้นอีก

           ฉันต้องการให้นักจิตบำบัดประเมินอาการเบื้องต้นก่อน ถ้านักจิตบำบัดเห็นว่ายาควรมีบทบาทในกระบวนการบำบัด ฉันถึงจะยอมกิน แต่ในใจฉันก็ยังหวัง ให้อาการของฉันอย่าได้ร้ายแรงจนถึงขั้นกินยาเลย การนัดวันเวลาเป็นไปด้วยความรวดเร็วจนฉันยังประหลาดใจ มันง่ายกว่าที่คิดไว้มากโข ที่เหลือก็แค่รอเท่านั้น ฉันย้ำกับตัวเองว่าไม่เป็นไร อีกแค่ไม่กี่วันเอง ฉันรอได้และฉันรอมาตลอดจะรออีกนิดไม่เหลือบ่ากว่าแรงเลยสักนิด ถึงก่อนหน้านี้ฉันจะไม่เคยไปหาจิตแพทย์มาก่อนแต่ก็ไม่ใช่ไม่อยากไป ฉันแค่..กลัวเกินไป

           ฉันกลัวสายตาของคนรอบข้างมากเกินไป ในสายตาคนไทย คนที่พบจิตแพทย์คือคนบ้า แต่ฉันไม่ใช่คนบ้าเสียหน่อยและไม่อยากเป็นด้วย โรงพยาบาลจิตเวชเป็นสถานที่เพียงแห่งเดียวที่ฉันรู้ว่าถ้าอยากพบจิตแพทย์ต้องมาที่นี่เท่านั้น และอย่างที่รู้ ๆ กันว่าใครก็ตามที่มารักษาที่นี่จะถูกตราหน้าว่าเป็นคนบ้าทันที ไม่ว่าจะมาด้วยเหตุผลใดก็ตาม มันทำให้ฉันตอนนั้นในวัยสิบห้าปีกลัวเกินกว่าจะกล้าทำเพื่อตัวเอง และเฝ้ารอ พร่ำบอกตัวเองว่าถ้ามันไม่ดีขึ้นฉันจะไปอย่างแน่นอน รอแล้วรอเล่าจากวันเป็นสัปดาห์และจากสัปดาห์ก็ยาวนานเป็นเดือน เป็นปี มันไม่ได้แย่ลง ซึ่งก็นับว่าดี แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าดีขึ้นเลย บางครั้งก็รู้สึกเหมือนกำลังหลอกตัวเองว่าทุกอย่างกำลังดีขึ้นด้วยซ้ำ ทั้ง ๆ ที่อาการทุกอย่างยังเหมือนเดิม บางครั้งฉันก็เหมือนจะรู้ตัวว่าสิ่งที่ฉันคิดมันโกหกทั้งเพ จนผ่านมาเจ็ดปีฉันก็ยังไม่ได้ไปหาหมอเลยสักครั้ง

           เมื่อใดก็ตามที่เราไม่อาจเปลี่ยนสถานการณ์ได้ นั่นเป็นสัญญาณที่บอกว่าเราต้องเปลี่ยนตัวเอง

    ฉันยังกลัวสายตาคนรอบข้างเหมือนเดิม แต่ฉันกลัวว่าจะถูกตัดสินว่ากำลังเรียกร้องความสนใจมากกว่าการถูกมองว่าเป็นคนบ้าเสียอีก ครั้งนี้นอกจากความกลัวยังมีความปลงแฝงอยู่ด้วย ฉันไม่อยากคิดถึงคนอื่นอีกต่อไปแล้ว ถ้าฉันอยากพูดถึงอาการซึมเศร้าได้อย่างปกติ การหาจิตแพทย์หรือการบำบัดกับนักจิตวิทยาก็ต้องเป็นเรื่องปกติเหมือนกัน ฉันแค่จนปัญญาคิดหาวิธีแก้ปัญหาของตัวเอง ฉันต้องการคนช่วยคิด ฉันต้องการคำแนะนำ ครั้งนี้ฉันต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ

           ฉันมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง เพื่อนที่สนิทที่สุด รู้จักกันมาตั้งแต่ตอนมัธยมศึกษาปีที่สี่ ตั้งแต่ตอนที่ฉันยอมรับว่าตัวเองมีอาการซึมเศร้านั่นละ เธอชื่อ ‘ปลา’ ฉันกับปลาแทบไม่มีอะไรเหมือนกันเลย ปลาเป็นคนเข้าสังคมเก่ง อัธยาศัยดี แถมคุยสนุกอีกต่างหาก อยู่กับปลาฉันไม่เคยเบื่อเลย ต่างจากฉันที่เป็นคนเก็บตัว ออกแนวหลีกหนีสังคมด้วยซ้ำ คุยก็ไม่เก่ง หลายครั้งที่ฉันปลีกตัวออกจากวงสนทนาเพราะกลัวคนอื่นจะเบื่อที่ฉันถามคำตอบคำแบบนี้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราเหมือนกัน เราเผชิญกับภาวะซึมเศร้าเหมือนกัน และด้วยความที่เราเป็นเพื่อนสนิท เราจึงแชร์เรื่องของกันและกันเสมอ

           ปลาโตมากับความรู้สึกไม่เป็นที่รัก ปลาเล่าว่าปลาเป็นลูกคนเล็กและพ่อแม่มีปลาตอนที่ยังไม่พร้อม จึงเอาปลาไปให้ป้าที่ต่างจังหวัดเลี้ยงตั้งแต่เกิดจนถึงสามขวบแล้วค่อยรับกลับมาอยู่กรุงเทพฯ แต่เมื่อกลับมาอยู่กับครอบครัวชีวิตก็ไม่ได้สวยหรูเหมือนที่วาดฝันไว้ ปู่ตั้งแง่กับเธอและพูดเสมอว่า “เธอไม่ใช่หลานฉัน” ตั้งแต่ปลาเข้าเรียนอนุบาลจวบจนทุกวันนี้ ทุกอย่างในชีวิตของปลากลายเป็นเรื่องเล็กของคนอื่น ทั้งความฝัน งานอดิเรก อิสระ ความต้องการต่าง ๆ รวมไปถึง ‘โรคซึมเศร้า’

           ครอบครัวของปลามีความเข้าใจในโรคซึมเศร้าน้อยมากถึงมากที่สุด ในสายตาของพวกเขาโรคซึมเศร้าเป็นแค่เรื่องโกหกที่มีไว้เพื่อเรียกร้องความสนใจ ถ้าจิตใจเข้มแข็งเดี๋ยวก็หาย พวกเขาเชื่อแบบนั้น ตอนที่เราอายุเท่ากัน ปลาตัดสินใจไปพบหมอที่โรงพยาบาลจิตเวชมาแล้ว แต่ก็ไม่เคยไปหาอีก เพราะหมอพูดว่า “ครั้งหน้าพาครอบครัวมาด้วยนะคะ” ปลารู้ว่าพ่อแม่ไม่มีทางมาแน่นอน นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ปลาทำเพื่อตัวเอง

           ฉันไม่ค่อยเข้าใจหมอเท่าไหร่ ปลาเล่าว่าเธอเล่าทุกอย่างให้หมอฟังไปแล้วแต่หมอก็ยังพูดแบบนั้น มันทำให้เธอหมดแรงใจที่จะรักษา ฉันลองคิดในมุมของหมอและจะไม่ตัดสินว่าหมอไม่ดีนะ ตามความเข้าใจของฉัน การบำบัดโดยทั้งสองฝ่ายให้ความร่วมมือ ผลลัพธ์จะต้องดีขึ้นแบบทวีคูณแน่ ๆ เหมือนกับต้องปรับสภาพแวดล้อมของผู้ป่วยและแก้ที่ต้นตอของปัญหา ทำให้บรรยากาศเป็นมิตรเอื้อต่อพลังบวก คนในครอบครัวช่วยกันแก้ปัญหา ประคับประคองกันไปฟังดูดีเลยทีเดียว แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อการเปลี่ยนความคิดคนยากเกินกว่าจะจินตนาการได้

           ถึงฉันจะบอกว่าเราเผชิญปัญหาเดียวกัน แต่ฉันกลับรู้สึกเห็นใจปลาที่ไม่มีใครในครอบครัวที่จะเข้าใจและพร้อมจับมือฟันฝ่าอุปสรรคนี้ไปด้วยกัน ฉันจึงตั้งปณิธานว่าจะเป็นคนจับมือคู่นั้นเอง เพราะฉันยังมีแม่ที่คอยรับฟังและพร้อมจะเข้าใจ แต่ปลาไม่มีใครเลย ฉันรู้ว่าความทรมานจากซึมเศร้าเป็นอย่างไร ถ้าทำได้ฉันก็ไม่อยากให้ใครรู้สึกแบบนี้ทั้งนั้น

           ปลามักทำเหมือนทุกอย่างอยู่ในการควบคุม พึ่งพาฉันให้น้อยที่สุด โดยให้เหตุผลว่าเกรงใจฉัน ไม่อยากเป็นภาระของใคร ทั้งที่ยังต้องทนทุกข์ทรมานกับความเศร้า ความเดียวดาย และอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิม ๆ ฉันคิดว่าปลากำลังหลอกตัวเอง เพราะถ้าทุกอย่างควบคุมได้อย่างที่ปากว่าคงไม่โทรมาร้องไห้แบบตอนนี้หรอก

           ฉันฟังปลาคร่ำครวญถึงเรื่องครอบครัวของเธอเงียบ ๆ ปลาไม่ได้ร้องไห้บ่อย ครั้งนี้คงเกินทนจริง ๆ ฉันถึงรับรู้ความทรมานผ่านน้ำเสียงได้ชัดเจนขนาดนี้ มันทำให้ฉันกลัว ทุกครั้งที่ปลาโทรมาร้องไห้ แปลว่าเธอไม่อยากทนอีกต่อไป และเมื่อไม่อยากทนมันอาจนำไปสู่การจบปัญหาทุกอย่าง

           แม้จะแปลกแต่ลึก ๆ ฉันดีใจที่ปลาโทรมาร้องไห้กับฉัน ดีใจที่ปลาเชื่อใจฉันมากพอที่จะแสดงด้านอ่อนแอให้ฉันเห็น ดีใจที่ปลาระบายความรู้สึกออกมา ไม่ได้มีแค่ความโกรธที่ทำให้ขาดสติ ความเศร้าก็ทำได้เช่นกัน ฉันไม่ได้จะบอกว่าการจบปัญหาเป็นความคิดชั่ววูบ นั่นอาจเป็นสิ่งที่คิดมาอย่างรอบคอบที่สุดในชีวิตด้วยซ้ำ แต่มันเป็นสัญญาณเตือนต่างหาก เตือนว่าพวกเขาพร้อมมากแค่ไหน พร้อมละทิ้งทุกอย่าง พร้อมเดินไปในทางที่เลือกอย่างไม่มีวันหวนกลับ นั่นคือสิ่งที่ฉันกลัว แต่ฉันไม่ได้กลัวทางที่เพื่อนเลือกหรอกนะ ฉันกลัวว่าฉันจะไม่กล้ารั้งเพื่อนไว้ เพราะฉันรักเพื่อนคนนี้มากและฉันเชื่อว่ายังมีหนทางที่จะทำให้เพื่อนรักของฉันหลุดพ้นจากความทรมานนี้ แต่ฉันกลัวว่าหากฉันรั้งปลาไว้ จะเป็นการทำร้ายเธอโดยไม่ได้ตั้งใจมากกว่า


    -----------------------------------------------------------------------
    Talk
    สวัสดีค่ะ วรรณกรรมเรื่องนี้เป็นผลงานธีสิสของเราเองค่ะ
    เราอยากขอความร่วมมือนักอ่านที่น่ารักทุกท่าน ช่วยกรอกแบบฟอร์มต่อไปนี้ให้เราหน่อยค่ะ
    vvv


    https://forms.gle/KJZb86t5NhAYf6Cg8


    ฟอร์มนี้เป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการให้คนทั่วไปทดลองอ่านผลงานค่ะ จำเป็นต้องเก็บข้อมูลของผู้อ่านทั้งชื่อ อายุ และความคิดเห็นต่อเรื่อง เพื่อนำไปใส่เล่มรายงานเท่านั้น จะไม่มีการนำข้อมูลในฟอร์มนี้ไปเผยแพร่สาธารณะเด็ดขาด

    ไม่จำเป็นต้องทำทุกตอนก็ได้นะคะ อ่านรวดเดียวแล้วค่อยทำแบบสอบถามก็ได้ค่ะ
    ทุกเสียงของคุณมีค่านะคะ
    มาเป็นส่วนหนึ่งช่วยให้นิสิตปี 4 ตาดำ ๆ คนนี้เรียนจบด้วยเถอะค่ะ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in