เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
All of meTamago
จูบที่ไร้ความหมายและกลิ่นที่คล้ายฮันนี่โทสต์

  • มันก็เป็นแค่กลิ่นหวานๆเลี่ยนๆที่จงใจทำมาให้เหมือนกับกลิ่นของฮันนี่โทสต์--แต่มันไม่เหมือน ไม่เหมือนเลยสักนิด และมันก็ไม่ใช่ฮันนี่โทสต์ด้วย มันเป็นแค่กลิ่นควันของบุหรี่ไฟฟ้าโง่ๆที่เธอกำลังสูบอยู่ก็แค่นั้น

    ควันสีขาวเหมือนหมอกยามเช้าพวยพุ่งออกมาจากเรียวปากของเธอ เธอยิ้มตาหยีแบบไม่แยแสเมื่อฉันบ่นเรื่องกลิ่น ควัน และการสูบเจ้าสิ่งนั้น เธออ้างว่าสิ่งที่เรียกว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่อันตรายเหมือนกับบุหรี่ เธอบอกว่ามันมีนิโคตินน้อยกว่า และกลิ่นก็หอมกว่าด้วย

    แต่ฉันก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าของคนละอัน จะแทนกันได้ยังไง

    ฉันมาที่นี่ทำไมกันนะ?

    ฉันถามตัวเองในใจรอบที่ร้อย ในห้องเล็กๆของเธอที่เต็มไปด้วยหนังสือการ์ตูนกับกระดาษวาดรูปจนแทบจะไม่มีที่เดิน

    แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีที่ว่างมากพอให้วางรูปและข้าวของเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น 

    ฉันเก็บข้าวของที่วางกองอยู่ให้เข้าที่เข้าทางอย่างที่มันควรจะเป็นในขณะที่เธอมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง จับจ้องอยู่ที่ดวงจันทร์ โดยไม่สนว่าฉันจะพูดอะไร ควันกลิ่นหวานเลี่ยนลอยฟุ้งครอบคลุมเราทั้งคู่ ดูสลัวเลือนลางท่ามกลางแสงไฟโคมสีส้มที่ปลายเตียง 

    "วันนี้ไม่กินสเมอนอฟแล้วเหรอ"

    พอเหลือบไปเห็นเจ้าขวดเครื่องดื่มที่ไม่เคยคุ้น ไม่ใช่ยี่ห้อที่เธอชอบกินเหมือนทุกที

    "วันนี้มันหมด เลยเอาสปายมาแทน"

    เธอไหวไหล่ กระดกเครื่องดื่มนั่นเข้าปาก ฉันเห็นรอยปริร้าวในดวงตาสีเฮเซลนั่น มันไหวริกราวกับใกล้แหลกสลาย เปราะบางราวกับแก้ว ช่างไม่เข้ากันกับท่าทีแข็งกร้าวแบบนั้นของเธอเลย

    ดอกไวโอเล็ตบนผิวเธอดูเด่นชัดท่ามกลางแสงไฟนีออนวอมแวมนอกหน้าต่าง เธอไม่เคยบอกใครเรื่องความหมายของดอกไม้นั่น เป็นความผิดของฉันเองนั่นแหละที่ดันเข้าใจ

    "มันแทนกันได้ด้วยเหรอ"

    ก็ถามลอยๆไปอย่างนั้นทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้ว กลิ่นมาม่าโง่ๆลอยฟุ้งผสมกับกลิ่นฮันนี่โทสต์ปลอมๆนั่น

    ฉันทำอาหารไม่เป็น และไม่เคยคิดจะทำ แต่เธอกลับกลายเป็นเหตุผลให้ฉันต้องลุกขึ้นไปทำมาม่าโง่ๆนั่น 

    "ไม่อ่ะ"

    เผลอไปแตะหม้อร้อนลวกมือ ความร้อนของมันทำให้ต้องรีบชักมือออก ฉันแค่นยิ้มให้กับคำตอบนั่น แล้วเปลี่ยนเรื่องคุย

    "กินข้าวบ้างนะ กินแต่ของอย่างนั้นเดี๋ยวตายเอาสักวัน"

    ฉันเลือกที่จะไม่บอกความจริงว่าฉันต้องลำบากเดินทางสามชั่วโมงจากบ้านมาที่ห้องนี้เพียงเพราะเธอบอกว่าอยู่คนเดียวไม่ได้ในวันแบบนี้

    ไม่เห็นยุติธรรมตรงไหน ในเมื่อหลายวันที่ฉันต้องการเธอ เธอเองก็ไม่เคยมาอยู่ข้างกันเลยแท้ๆ

    แต่อย่างว่าแหละ จะไปถามหาความยุติธรรมในอาณาจักรแห่งใจไปทำไม

    "เป็นแผลนี่"

    เธอว่าตอนที่ฉันยกชามนั่นไปวางตรงหน้า ช่างสังเกตเสียจริงนะ แต่กลับไม่เคยเห็นอะไรที่สำคัญเลย

    "อือ" 

    แค่ตอบรับส่งๆไปอย่างนั้น เกลียดเวลาที่ได้รับอะไรแบบครึ่งๆกลางๆ บางทีการไม่ได้อะไรเลยอาจดีกว่าการได้รับมาแบบไม่พอเพียง

    รู้สึกเหมือนเป็นลาโง่ๆที่วิ่งไล่ตามชิ้นแครอทที่เธอผูกไว้ปลายไม้

    "ไม่รู้จักระวังเลยมึงนี่" 

    เธอบ่นแต่ก็คว้ามือของฉันไปดู เมื่อเห็นว่าเป็นแผลพุพองก็ลุกไปหยิบพลาสเตอร์มาแปะให้ สัมผัสแผ่วเบาอ่อนโยนที่ปลายนิ้วนั่นผลักฉันให้ตกลงไปในหลุมโง่ๆเป็นรอบที่ร้อย

    เจ้าลาโง่ก็ยังเป็นเจ้าลาโง่ ถึงจะรู้ว่าแครอทนั่นมันเป็นแค่ฝันลมๆแล้งๆ แต่เท้าก็ยังวิ่งไล่ตามมันอยู่ดี

    "กูรู้สึกไม่ดีเลยว่ะ"

    แค่เธอเริ่มต้นมาด้วยประโยคนี้ ฉันก็รู้เนื้อความต่อไปของบทสนทนาแล้ว 

    "เรื่องแก้วสินะ"

    "รู้ได้ไงวะ"

    แน่ล่ะ คำว่าเพื่อนคือบัตรผ่านให้ฉันเห็นทุกซอกหลืบของหัวใจเธอ แต่กลับไม่ได้รับอนุญาตให้ก้าวเข้าไป

    "สำหรับมึงก็มีอยู่สองอย่าง ไม่เรื่องกิน ก็เรื่องของแก้ว"

    ถึงตอนนี้ก็ชักอยากจะกินสปายบ้างเหมือนกัน 

    ฉันมาทำอะไรที่นี่กันนะ

    อีกครั้งที่ฉันถามตัวเอง

    "มึงรู้จักกูดีเกินไปละ" 

    เธอหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือมาโคลงหัวฉันไปมา อัดควันหวานเลี่ยนเข้าปอด มาม่าที่ฉันทำ อืดพองเต็มถ้วย เธอไม่แตะมันสักคำ

    มาม่าโง่ๆ ก็เหมือนกับคนทำโง่ๆ

    ฉันสะบัดหัวออกจากมือเธอ เสแสร้งว่าเกลียดมันทั้งๆที่ร่างกายทุกอณูกำลังเรียกร้องหา 

    "เข้าไปส่องเองละก็เจ็บเอง โรคจิตเหรอมึง"

    ใช่...มาหาเขาเองแล้วก็เจ็บเอง

    โรคจิตเหรอ?

    "เออว่ะ สงสัยใช่"

    อีกครั้งที่เธอหัวเราะ--หัวเราะแห้งๆแบบประชดชีวิต อีกไม่กี่นาทีจะผ่านพ้นปีนี้ อีกไม่กี่นาทีจะพ้นวันเกิดแก้ว กาลเวลากำลังทำหน้าที่ของมัน ย่อยสลายความสัมพันธ์ที่หมดอายุให้เปื่อยยุ่ย

    แก้วกำลังเดินไปข้างหน้า ในทางใหม่ๆกับคนใหม่ๆ แต่หมาโง่บางตัว กลับยังนั่งรอคอยเจ้าของอยู่ที่เดิม

    "มึงว่ากูจะลืมเค้าได้ไหมวะ"

    "มึงอยากให้กูตอบว่าไรอ่ะ"

    เธอกระดกขวดนั่นเข้าปาก วันนี้เธอไม่มีน้ำตาเหมือนเมื่อห้าปีก่อน แต่ดวงตาของเธอก็ยังร้องไห้เหมือนเดิม 

    แล้วฉันก็อดไม่ได้ที่ต้องคว้าเธอมากอด ให้ความอบอุ่นกับหัวใจที่กำลังกระจัดกระจายดวงนั้น 

    เธอซบหน้าเข้ากับต้นคอ ลมหายใจของเธอร้อน เธอไขว่คว้า ยึดเหนี่ยว เหมือนคนที่กำลังจะจมน้ำ ปัญหาคือ ทำยังไงฉันถึงจะไม่จมไปกับเธอด้วย?

    ตอนที่เธอจ้องมองเข้ามาในตาคู่นี้ ฉันก็ไม่สามารถปิดบังอะไรได้เลย

    "ทำไมตามึงเศร้าจัง"

    เธอถาม แตะปลายนิ้วแผ่วเบาที่เปลือกตา ลากไล้ผ่านมัน ทิ้งรอยร้อนวูบวาบไว้บนผิวหนัง

    "สมเพชตัวเองมั้ง"

    ฉันตอบพลางแสยะยิ้ม อยากหลบสายตาแต่กลับถูกตรึงอยู่อย่างนั้น--พ่ายแพ้ราบคาบ

    "มึงมันโง่

    หมาโง่ที่นั่งรอเจ้าของ 

    "กูก็โง่"

    ลาโง่ที่วิ่งไล่แครอท

    "ขอโทษ"

    ทั้งๆที่เธอพูดคำนั้น แต่ปลายนิ้วก็ยังสัมผัสอยู่ที่แก้ม เคลื่อนผ่านอ่อนโยนวนเวียน 

    เธอผลักฉันตกหลุมนั่นเป็นครั้งที่ร้อยด้วยปลายนิ้วเล็กๆของเธอ 

    "มึงคิดว่าสปายมันแทนสเมอนอฟได้จริงๆเหรอ"

    ฉันได้ยินตัวเองกระซิบด้วยเสียงแหบพร่า เธอที่อ่อนไหวอยู่ใกล้จนได้กลิ่นฮันนี่โทสต์ปลอมๆนั่น ดวงตาสีเฮเซลดูร้าวรานเหมือนดาวฤกษ์ที่ใกล้ดับสูญ

    "ไม่ได้หรอก"

    เธอกระซิบตอบตอนที่ก้มลงสูดดมพวงแก้ม 

    "ไม่ได้ แต่มึงก็กินมันแทนทุกครั้งเลย"

    แม้กำลังพูดประชดประชัน แต่ร่างกายกลับกำลังตอบรับสัมผัสของเธอด้วยความเต็มใจ 

    "เห็นแก่ตัวเนอะ"

    เธอว่า--ปราการลูกไม้สีดำนั่นปลิดปลิวไปแล้ว และผู้ล่าอาณานิคมกำลังย่ามใจกับการสำรวจ ตีตรา ตักตวง 

    "อืม เห็นแก่ตัว"

    ไม่ใช่แค่เธอ แต่เป็นฉันด้วยที่เห็นแก่ตัว สมรู้ร่วมคิดในการกระทำความผิดครั้งนี้

    ในตอนที่ทิ้งตัวลงบนเตียง กลิ่นฮันนี่โทสต์ปลอมๆนั่นลอยคลุ้งรอบตัว ฉันปล่อยตัวเองให้จมลงในทะเลน้ำตาลหวานเชื่อมและจูบที่ไร้ความหมาย

    แล้วพรุ่งนี้เช้า ทั้งหมดก็จะเป็นแค่เรื่องงี่เง่าของคนเมาเท่านั้น











Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in