เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First Storysetain_namitori
FLUORESCENT
  •  หลังจากกลับจากมหาวิทยาลัย ฉันทิ้งตัวลงบนโซฟา เปิดทีวีดูซีรีส์ และคว้าหวีมาหวีผมสีดำยาวประบ่าของตัวเอง สักพักก็เหลือบมองไปดูเงาตัวเองที่สะท้อนในกระจกจากประตูห้องนั่งเล่น
     ทั้งสันดั้งที่มีนิดหน่อย คิ้วไม่หนาไม่บาง ตาชี้เล็กน้อย ปากกระจับ รูปร่างผอมสูง ผิวขาวแบบคนเอเชียคือขาวแบบเหลืองนิดนิด มันช่างดูธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษเลยและพลอยทำให้ชีวิตน่าเบื่อเพราะไม่ได้มีเสน่หาพอจะถ่ายรูปอัพลงอินสตาร์แกรมเรียกยอดผู้ติดตามได้ น่าเศร้าจริงจริงเพราะฉันอยากให้คนติดตามคลิปร้องเพลงฉันมากขึ้นนะ เลยอยากให้หน้าตามามีส่วนช่วย

     ก๊อก ก๊อก

     คิ้วยกขึ้นเล็กน้อยอย่างสงสัยก่อนจะนึกได้ว่ามีนัดนี่หว่า พอนึกได้เลยรีบเดินไปเปิดประตูบ้านให้ทันที
     "สายัณห์สวัสดิ์ จา" เขาทักทายฉันด้วยสำเนียงอเมริกันและเรียกชื่อฉันเหมือนที่คนหลายคนในโซนตะวันตกเรียกนั้นก็คือ 'จา' ทั้งที่จริงฉันชื่อ 'จ๋า' 
     "สายัณห์สวัสดิ์ ลีโอ" ฉันทักทายเขากลับพร้อมกับหลีกทางให้เขาเดินเข้ามาในบ้าน
     
     ลีโอเป็นชายผิวสีที่ตัวสูงราวราว 180 เซน ที่มาพร้อมรูปร่างและใบหน้าที่เพอร์เฟคมากสำหรับฉัน แต่น่าเสียใจอย่างมหันต์ เขาไม่ใช่แฟนฉันหรอก...ข่าวดี เขาโสดนะ โสดมานานแล้วด้วย ฉันรู้เพราะฉันเป็นเพื่อนเขามาตั้งแต่เขาเป็นแค่ไอ้หนุ่มกะโหลกกะลาน่ะสิ
     เขาวางกล่องพลาสติกขนาดเท่าลังเบียร์ลงบนโต๊ะหน้าโซฟา กล่องนั้นถูกห่อไว้ด้วยผ้าสีดำไม่หนามากและลีโอกำลังจะเกะมันออก
     แขนล่ำสันเผยให้เห็นเมื่อเขาถกเสื้อแขนยาวสีขาวแนบเนื้อขึ้น ดูกล้ามเนื้อที่เหมือนถูกสานด้วยเหล็กกล้านั้นสิ! ว้าว! ขนาดเห็นอยู่ทุกวันก็ยังใจเต้นทุกทีที่ได้มองเลย
     เขาค่อยค่อยเปิดฝากล่องออกมาและภายในส่งกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นน้ำอบที่ใช้ในวันสงกรานต์ ยิ่งสูดยิ่งสดชื่นจริงจริง
     ข้างในคือดอกไม้สีขาวแช่น้ำสีฟ้าที่ดูภายนอกก็เป็นดอกไม้ธรรมดา แต่คงรู้กันอยู่ว่าไม่ธรรมดาไม่งั้นเขาคงไม่ขนมันมาในสภาพแบบนี้ และเขาต้องสาธยายมันให้ฉันฟังแน่นอน

     "ดอกไม้หายากนี่ราคาแพงมากเลยนะ แต่ฉันไปโกงราคามันมาจากตลาดมืดน่ะ" เขายกยิ้มชั่วร้ายเล็กน้อยก่อนจะค่อยค่อยประคองเจ้าดอกไม้สะขาวพร้อมก้านสีเขียวเข้มขึ้นมา "ปิดไฟหน่อยสิ"
     ฉันทำตามที่เขาบอกอย่างไม่ลังเลเพราะสวิตซ์ไฟอยู่ไม่ห่าง 
     ทันทีที่แสงดับวูบลงเหลือเพียงแสงจางจางจากทีวีที่กำลังฉายฉากที่นางเอกกำลังจมน้ำ...ในฉากนั้นเป็นโทนสีฟ้าเหมือนกับสีที่เรืองแสงออกมาจากดอกไม้มากมาก มันสวย น่าหลงไหล และกลิ่นหอมก็ชวนให้อยากเก็บไว้กับตัวอยู่ตลอดมากเหลือเกิน
     "ดอกนึงก็ราคาเกือบเกือบหกหมื่นดอลลาร์แล้ว"
     "นายซื้อมันมากี่ดอลลาร์ล่ะ?" ฉันตรงเข้าไปนั่งลงบนโซฟาและเขาก็นั่งตาม เขาคว้ามือฉันขึ้นมาก่อนวางดอกไม้ลงบนมือของฉันอย่างถนอม
     "สวยใช่ไหม?" ฉันแทบมองไม่เห็นหน้าเขาแล้วถ้าไม่มีแสงจากทีวี
     "สวย... ตอบคำถามฉันได้รึยัง?" พอฉันท้วง เขาก็หลบตาไปแวบนึง นั้นทำให้ฉันยิ่งเกิดความสงสัยและย้ำคำถาม ย้ำไปราวราวสามครั้งเขาก็ยอมบอก
     
     "ฉันขโมยมา"

     "ห๊ะ?"
     "ฉันขโมยมา" ลีโอยีผมเดดล็อคของเขาด้วยสีหน้าตึงเครียดเล็กน้อย เขาหายใจฟืดฟาดพลางลูบหน้าตัวเองเพื่อควบคุมอารมณ์ "ฉันได้ข่าวคราวของดอกไม้นี่ว่ามันช่วยให้เราเชื่อมต่อความคิดกับคนอื่นได้ แล้วมันก็ฟังดูไม่น่าเชื่อ อีกใจก็อยากลอง พอจะซื้อก็กลัวไม่คุ้ม ฉันก็เลย..."
     "ไปขโมยมาอีท่าไหน?"
     "ก็ฉันขอนัดตัวคนขายในร้านกาแฟ ฉันแกล้งทำว่าจะไปเอาเงินสดในรถ พอเขาตามมาวางกล่องใส่ในรถแล้วฉันก็ถีบเขาออกจากรถแล้วขับรถหนีเลย"
     "ไอ้ชั่ว!!!" ว่าแล้วก็ขอฟาดไหล่หนาหนานั้นสักทีด้วยฝ่ามือ
     "เฮ้ อย่าหวง ฉันใส่แว่นดำกับวิกผม แถมมันคงไม่มีใครเชื่อว่าจะมีดอกไม้แบบนี้บนโลก"
     "มันต้องมีคนรู้สิไม่งั้นคงไม่มีคนเอามาขาย" ฉันช้อนตามองเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
     "เขาบอกว่าเขาเป็นคนทำงานวิจัยสร้างมันขึ้นมาเอง เขาขายมันให้ลูกค้าหลายรายแต่คงไม่มีใครออกมารีวิวของแบบนี้หรอก" 
     "คราวนี้ฉันเลยซวยไปด้วยเลย ไอ้ลีโอ ไอ้เวร" ฉันชูนิ้วกลางใส่สหายแล้ววางดอกไม้ลงในกล่องเช่นเดิม นั้นทำให้ลีโอทำหน้าสำนึกผิด
     "งั้นเราต้องใช้มันให้หมด" ลีโอเขย่าไหล่ฉันและทำให้ฉันสะบัดอย่างแรกเพื่อปฏิเสธ
     จู่จู่เขาคว้าตัวฉันมาล็อคเอวไว้และคอไว้! ฉันดิ้นสุดแรงและตะโกนด่าคอแทบแตก ตะโกนตั้งแต่เสียงต่ำเหมือนสุนัขตัวผู้หอนไปจนสูงเหมือนนักร้องโอเปร่า แต่ไร้วี่แววคนช่วยเพราะบ้านฉันเก็บเสียงดีไปหน่อย!! ทันใดนั้นเองเขาก็ส่งเสียงชู่วแล้วล้วงเข้าไปในกล่องใสเพื่อใช้มือชุบน้ำสีฟ้าใสนั้นขึ้นมาจนมือเปียก ที่ทำให้ฉันงงยิ่งกว่างงคือเขายื่นมือที่เปียกนั้นมาตรงหน้าฉันแถมออกคำสั่งที่ทำให้ฉันรู้สึกได้ถึงคำว่าสะอิดสะเอียน
     "ฉันกับเธอต้องลองมัน" เขาจ่อมือมาจนฉันรู้สึกได้ถึงความเย็นจากมือนั้นหรืออาจจะต้องบอกว่ามาจากน้ำสีฟ้าที่ใช้แช่ดอกไม้มากกว่า "ลองชิมดู มันไม่แย่หรอก"
     ฉันส่ายหน้ารัวและนั้นทำให้เขาจี้จุดอ่อนฉัน... เขาใช้นิ้วมือบี้ไฝที่เอวฉัน จุดอ่อนที่เขาและฉันเท่านั้นที่รู้เพราะเขาเคยแกล้งจี้เอวฉันแล้วพบว่าฉันเจ็บหนักมากเวลาไฝถูกสัมผัส
     เวร! ความรู้สึกเหมือนถูกเข็มจิ้มนี่คือคำขู่ดีดีนี่เอง! ฉันเลยใช้ริมฝีปากแตะปลายนิ้วเขาเบาเบาแล้วเลียที่ริมฝีปากตัวเองก่อนกลืนลง
     ไม่ตายหรอก นิดเดียวเอง!
     ลีโอปล่อยฉันแล้วใช้ลิ้นที่ดูใหญ่นั้นเลียที่ฝ่ามือตัวเองหนึ่งที...
     
     อย่าโกรธฉันเลยนะ ฉันไม่รู้วิถีทางแล้ว

     เสียงลีโอ? ไม่สิ เขาไม่ได้พูด
     "ฉันไม่ได้พูด แต่ฉันคิด" เขากล่าวออกมาขัดความสงสัยฉัน "ความคิดของเราเชื่อมต่อกันแล้ว"

     "แน่ใจนะว่าจะลอง?" ฉันถามเขาขณะที่เราสองคนนอนหงายอยู่บนเตียงสำหรับนอนคนเดียว
     "ใช่" เขามองไปบนเพดานสีขาวที่ติดสติกเกอร์รูปดาวและพระจันทร์เรืองแสง "ความฝันของเราต้องเชื่อมต่อกันได้"
     ฉันยื่นมือไปจับมือเขาไว้ "ตรงตรงเลยนะ" เขาหันมาสบตาฉันพร้อมยักคิ้วนั้นยิ่งทำให้ฉันอยากพูดไปอย่างตรงไปตรงมามากขึ้น "ฉันกลัวว่าเราจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก"
     เขายิ้มออกมา "ถ้าเป็นแบบนั้นหมอนั้นคงไม่ขายให้คนอื่นหรอก"
     "ถ้าเราเป็นหนูทดลองล่ะ?" คำถามของฉันทำให้เขาชะงัก เขาค่อยค่อยขยับตัวเข้ามาโอบกอดฉันไว้ด้วยอ้อมแขนที่หุ่มด้วยกล้ามเป็นมัด หน้าฉันแทบจะซบไปที่บ่าเขา ฉันได้กลิ่นเหงื่อจางจางปนกลิ่นสเปรย์ดับกลิ่นกายที่ทำให้ใจร้อนรุ่มเหมือนคำโฆษณา
     "อย่ากังวลเลย" ว่าแล้วเขาก็หลับตาพริ้ม ฉันเองก็...เหมือนกัน

     ขอให้ตื่นขึ้นมาเหมือนปกตินะ

    *-* เผื่อใครนึกหน้าตาลีโอไม่ออก



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in