เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
#30dayswritingchallengeSilapa Junior
DAY 22
  • นมเปรี้ยวกล่องรสส้ม ตัวต่อโลโก้ประกอบกันเป็นบ้าน รายการเกมโชว์สาดแป้งตอนเช้าวันอาทิตย์ พื้นหินกาบสีดำติดเท้า รูปหล่อปูนปลาสเตอร์ทาสี สติกเกอร์เลขแปดที่กระจกห้องน้ำ

    ภาพเหล่านี้วนเวียนอยู่ในภวังค์ความคิดของผม ก่อนเสียงครางหงิงในลำคอเจ้าหมา ปลุกผมให้ตื่นขึ้นขึ้น

    ผมนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นห้องนั่งเล่น ชิ้นแก้วละเอียดกระจัดกระจายไปตามพื้น จัดว่าเละเทะเอาเรื่อง

    อา ปวดหัวจัง
    ไม่ได้เมาหัวทิ่มขนาดนี้มานานขนาดไหนแล้วนะ 

    ผมพยุงตัวเองขึ้น ด้วยความที่สติยังไม่เข้าร่างเต็มร้อย พลั้งไปโดนเศษแก้วบาดจนได้ ผมซี้ดปาก ยกมือขึ้นดูแผลที่หลังมือ หืม นี่เรากำอะไรอยู่ กุญแจอะไรสักอย่าง

    โชคดีที่ยังมีน้ำเหลือในตู้เย็น ผมซัดพาราไปสองเม็ด ควานหาพาสเตอร์มาปิดแผล
    สงสัยเมื่อคืนเมาจนไปเผลอทำโหลเศษเหรียญ นอต กุญแจแตก 

    กุญใจในมือดูคุ้นๆ แฮะ แล้วทำไมอยู่ๆ เราถึงกำมันไว้แน่น

    เจ้าหมาน้อยตะกุยมุ่งลวดไม่หยุด สงสัยจะอยากเข้าห้องน้ำเต็มแก่ ผมยัดกุญแจกดอกเก่านั้นใส่กระเป๋าเกี่ยวเชือกจูงเหล็กที่ปลอกคอ แล้วเปิดประตูแง้มออก หมาน้อยวิ่งจากบ้าน กระชากมือผมเสียแรง ให้ตายเหอะ ยังต้องกลับมาเก็บกวาดอีก นี่มันกี่โมงแล้วนะ

    เจ้าตูบที่ฉี่เสร็จเรียบร้อย เดินดุ๊กดิ๊กอย่างมีปสริงดูสบายอารมณ์ ผมเดินเหม่อลอยไปตามหมานำ คิดเรื่องเรื่อยเปื่อยไม่มีประเด็น และแล้วสายจูงก็หย่อนลง เจ้าหมาหยุดกึกอย่างไม่มีปี่มีปลุ่ม นั่งลงแล้วมองไปที่ทางซ้าย 

    ดอกปีปสีขาวนวลร่วงโรงลงบนแผ่นปูนที่แตกร้าว ตู้ไปรษณีที่โดนแดดเลียจนซีดและสนิมกัดกินจนเขรอะ รอบบุ๋มของเสาริมรั้วที่ไร้บ้านเลขที่ เชื่อมกับประตูรั้วเหล็กสีเขียวแก่ 

    ถึงจะดูโทรมลงไปเยอะ แต่ผมก็จำได้ว่ามันคือบ้านเก่า

    กี่ปีแล้ว ที่ย้ายออกจากบ้านเช้าหลังนี้

    จริงสิ! ผมนึกได้ รีบล้วงกระเป๋าหาจุญแจดอกนั้น ผลักรั้วดังเอี๊ยด เข้าไปลองไขประตูบ้าน 
    นั่น ไขออกจริงๆ ด้วย

    สายจูงตึกรั้งบ่งบอกถึงความอยากออกสำรวจ ผมปล่อยมันให้วิ่งเล่นในสวนรกร้างข้างหน้า แล้วเดินเข้าบ้านอย่างช้าๆ

    แผ่นฝุ่นสีเทาปกคลุมพื้นผิวทุกชนิดโดยทั่ว รอยเท้าถูกฝากไว้บนพื้นหินกาบทีละเก้า ทีละเก้า ผมมองไปรอบตัว นอกจากข้าวของเครื่องใช้ที่ถูกเก็บบออก เฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ทุกอย่างยังอยู่ครบ ทั้งตู้ ลิ้นชัก โซฟา แม้แต่โทรศัพท์บ้านที่พี่ดาวชอบยึดไปโทรคุยเพื่อนเป็นชั่วโมง

    รู้สึกคิดถึง

    เดินขึ้นไปชั้นสอง ที่อยู่ของห้องนอนคนทั้งครอบครัว 
    ตัวห้องดูโล่งแปลกตากว่าชั้นล่าง อาจเพราะทั้งตู้ทั้งเตียงทุกขนย้ายออกไป เหลือเพียงเครื่องปรับอากาศตัวเก่า ที่ชอบน้ำหยดอยู่บ่อยครั้ง รอยคราบน้ำยังมีให้เห็นอยู่เลย

    นาฬิกาบนฝาตายค้างอยู่ที่เวลา 10.10 นาที พอดีราวกับฉากโฆษณา

    พื้นปาเกต์สีมะค่าดำบวมเป็นคลื่นลูกฟูกสันใหญ่ เพราะความชื้นจากน้ำที่ไหนสักแห่ง ผมเดินอย่างระวังไปที่หน้าต่างหัวเตียง มองลงไปเห็นหมาบ๊องนั่นกำลังกินหญ้าอยู่ จริงๆ เลย เดี๋ยวก็อ้วกออกมาอีก

    ขณะที่กำลังเดินกลับออกจากบ้าน ผมเหลือบไปเห็นป้ายที่พ่อเคยแปะวันที่ผนังทางลงว่า

    'ไม่ว่าคุณจะสุขหรือทุกข์ เวลาก็โบยบิน'

    ผมเพิ่งจะเข้าใจก็วันนี้ 

    เชี่ย มือผมลูบทะลุกระดาษที่แห้งกรอบ ป้ายพังจนได้ จะเอามือไปจับทำไมเนี่ย แต่ปรากฎว่า มันมีรูกุญแจอยู่ข้างหลัง แม้จะสิ้นคิดก็ดีกว่าไม่ลอง ผมวิ่งลงไปเอากุญแจบ้านมาลองไข้ในรู้นั้นดู

    คลิ๊ก!

    ในใจผมลิงโลด

    มือผมเอื้อมเข้าไปหยิบสมุดบันทึกเล่มใหญ่ หน้าปกหุ้มหนังมีรูปของพ่อ แม่ ผม พี่ และหมาน้อยอยู่น่าบ้าน ใบหน้าทุกคนเปื้อนยิ้ม นั่นสินะ ลืมไปว่าแม่เป็นนักเขียนบันทึกตัวยง และพ่อก็เป็นช่างภาพที่ถ่ายรูปได้สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยรู้จัก

    ผมกอดตัวแทนครอบครัวเอาไว้แน่น พยายามกลั้นน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา โชคดีจริงๆ ที่เจอมัน

    "เฮ่! ใครอยู่ในนั่นน่ะ"

    ผมชะโงกตัวออกมา เห็นน้าศักดิ์บ้านข้างๆ มายืนอยู่หน้าบ้าน หน้าที่ดูไม่พอใจเปลี่ยนเป็นประหลาดใจทันทีที่เห็นหน้าผม

    "อ้าว อาร์ม โทษทีๆ โตขึ้นซะน้าจำแทบไม่ได้"
    "น้าศักดิ์ สวัสดีครับ"
    "เป็นไงบ้างล่ะเรา เรียนจบรึยัง"
    "จบแล้วครับ ตอนนี้ทำงานอยู่ที่ RSC แล้วแตงโมเป็นไงบ้างครับ "
    "อ้อ ตอนนี้เค้าไปเรียนต่อ ที่อังกฤษโน่น เพิ่งจะบินกลับไปเอง อาทิตย์ก่อนมันยังพูดถึงอาร์มอยู่เลย ว่าคิดถึงตอนที่มาเล่นเลโก้ถังใหญ่กับอาร์ม นี่ยังได้ติดต่อกันอยู่รึเปล่า"
    "อ่อ ไม่เลยครับ ตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้นผมก็...ไม่ได้กลับมาที่อีก"

    น้าศักดิ์หน้าเปลี่ยนอีกครั้ง คงจะนึกเสียดายคำพูดที่เพิ่งหลุดออกจากปากไป(แต่ผมไม่ถือ) เลยแก้เก้อโดยการล้วงไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด
    "อะนี่ เฟสบุ๊คแตงโม ไว้เอาไปแอดคุยกัน"
    "ครับ"
    "งั้นน้าไม่กวนละ โชคดีอาร์ม" น้าศักดิ์เดินกลับบ้านไป หยุดคิดนิดนึง แล้วก็หันกลับมาพูด
    "น้าเห็นอาร์มดูหน้าตาแจ่มใสดี ภูมิใจเถอะนะ ปูกับฉัตรเขาสอนลูกมันอย่างเข้มแข็งจริงๆ ฝากความคิดถึงเจ้าหมาด้วย โชคดีนะ"

    ผมยิ้ม เจ้าหมามันตามพ่อแม่พี่ไปตั้งสามปีแล้วน้าศกดิ์ แต่บ๊ะ ไม่พูดจะดีกว่า เดี๋ยวหน้าแกจะเสียอีก

    นึกแล้วก็ขำ นี่เราเมาค้างถึงขั้นสร้างภาพเดินจูงหมาในจินตนาการมาถึงท้ายซอยขนาดนี้แล้วยังอุส่าห์ดูแจ่มใสอีกเหรอเนี่ย

    แต่ก็อย่างที่พ่อบอกไว้

    เรื่องผ่านมาแล้วให้มันแล้วไป ถ้าไม่มีความสุขกับกับปัจจุบัน ก็เท่ากับว่าขาดทุนน่ะสิ
    ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แค่คิดถึงการเดินกลับไปเก็บกวาดบ้านแสนระเกะระกะ
    ก็แทบจะยิ้มไม่ออก

    'ไม่ว่าคุณจะสุขหรือทุกข์ เวลาก็โบยบิน'

    ผมท่องประโยคนี้ไว้ในใจ


    โจทย์
    Day 22 —You wake up with a key gripped tightly in your hand.  How did you get this key?  What does it lock or unlock?
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in