เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Book reviewBacktothebookspage
รีวิวหนังสือ สวนสนุกแห่งการลงทัณฑ์ รักในฝันของฝางซือฉี
  • Fang Si-Qi's First Love Paradise

    房思琪的初戀樂園 

    เนื้อหาภายในหนังสือ : การข่มขืน, การใช้ความรุนแรงภายในครอบครัว


    ** รีวิวมีสปอยล์เนื้อหาภายในหนังสือ ใครไม่โอเคข้ามได้เลยค่ะ **






    • “การข่มขืนเป็นการฆาตกรรมทางสังคม”


    หนังสือเล่มนี้เล่าถึงฝางซือฉี เด็กสาวที่เติบโตมาในครอบครัวมีฐานะในเมืองเกาสง เมืองทางตอนใต้ของประเทศไต้หวัน เธอเคยมีวันเวลาดีๆ กับครอบครัวและเพื่อนสนิท กระทั่งได้พบกับหลี่กั๋วหัว อาจารย์สอนพิเศษภาษาจีนวัย 50 ปีที่ย้ายเข้ามาอยู่ในคอนโดมิเนียมเดียวกัน เขาล่อลวงฝางซือฉีในวัยสิบสามปีผู้ชื่นชอบวรรณกรรมด้วยการเสนอให้เขียนเรียงความมาให้เขาอ่านที่ห้องของเขาทุกสัปดาห์และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ 5 ปีแห่งการข่มขืนบังคับให้เธอสมยอมเป็นชู้รักของเขาในความสัมพันธ์ของครูกับลูกศิษย์


    นอกจากประเด็นเรื่องการข่มขืน (Rape) และโรคไคร่เด็ก (Pedophilia) ที่อยู่ในส่วนของฝางซือฉีแล้วอีกประเด็นที่เป็นแก่นหลักของเรื่องคือการใช้ความรุนแรงในครอบครัว (Domestic Violence) ที่สวี่อีเหวิน พี่สาวที่ฝางซือฉีสนิทสนมด้วยต้องเผชิญ


    ในบทแรกของหนังสือจะยังไม่เน้นแก่นหลักของเรื่องสักเท่าไร แต่จะพูดถึงปัญหาหลายอย่างที่หลบซ่อนอยู่ในสังคม จนทุกคนมองว่าเป็นเรื่องปกติ เช่น สภาพสังคมระหว่างชนชั้นบนและชนชั้นล่างที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือที่ได้อ่าน ที่อยู่อาศัยที่ได้หลับนอน หรืออาหารที่ได้ทานในแต่ละมื้อ, การตัดสินคุณค่าของผู้หญิงจากหน้าตา, การใช้คำพูดในเชิงคุกคามทางเพศ, ความคิดของกลุ่มอนุรักษ์นิยมที่ยังยึดติดกับแนวคิดที่ว่าผู้หญิงมีหน้าที่แค่มีลูก ไม่จำเป็นต้องอ่านเขียนและเรียนหนังสือให้สูง และเริ่มเกริ่นนำถึงการตำหนิเหยื่อที่ถูกข่มขืนซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมทำกันจนกลายเป็นความเคยชินและไม่ตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเหยื่อ



    • นี่เป็นวิธีที่อาจารย์รักเธอ เข้าใจใช่ไหม

    – ประโยคนี้เป็นประโยคที่หลี่กั๋วหัวพูดกับฝางซือฉีในครั้งที่สองที่เขาขืนใจเธอ และทำให้ฝางซือฉีสร้างกลไกป้องกันตัวเองด้วยการบอกตัวเองว่าเธอต้องรักอาจารย์เพราะคนที่รักจะทำอะไรกับเธอก็ได้ เธอต้องรักเขาเพื่อจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดกับสิ่งที่เขากระทำกับร่างกายเธอจนเกินไป  


    ต่อมาจะเล่าถึงช่วงเวลาที่ฝางซือฉีต้องเจอตลอด 5 ปี มีการกล่าวถึงอาการที่เธอเป็นหลังจากถูกหลี่กั๋วหัวขืนใจ เช่น การนอนไม่หลับเพราะเกิด flashback ว่าอาจารย์หลี่เข้ามาในตัว มักคิดว่าตัวเองหายใจไม่ออก สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จดจำบางสิ่งที่ตัวเองทำไปไม่ได้ และโทษตัวเองซ้ำๆ ว่าตัวเองต้องมีเพศสัมพันธ์กับอาจารย์หลี่ต่อไปเพราะความสวยของเธอ มันเป็นความผิดของเธอ ทั้งยังโดนอาจารย์ตอกย้ำด้วยการบอกว่าเขารักฝางซือฉีที่สุดในโลก เธอช่างสวยเหลือเกิน ถึงเขาจะรู้สึกผิดแต่อย่ามาตอกย้ำความรู้สึกผิดของเขาได้ไหม ฝางซือฉีเองนั่นแหล่ะที่ผิด คำพูดทั้งหมดที่อาจารย์หลี่พร่ำบอกในทุกครั้งของการพบเจอยิ่งตอกย้ำให้ฝางซือฉีเชื่อหมดใจว่าการที่เธอถูกกระทำเป็นความผิดของตัวเธอเองจริงๆ


    ด้วยอายุที่มากกว่าฝางซือฉีถึง 37 ปี และการล่อลวงเด็กสาวในโรงเรียนกวดวิชามาตลอดหลายปี (ตรงนี้เองที่ทำให้เรามองว่าอาจารย์หลี่อาจเป็นโรคไคร่เด็ก) แต่ไม่เคยถูกจับจากเงื่อนไขหลายๆอย่าง ทำให้อาจารย์หลี่ผู้มีประสบการณ์ในการล่อหลอก รวมทั้งยังมีวาทศิลป์ที่ดี มีอำนาจแห่งความเป็นอาจารย์และผู้อาวุโสที่น่าสรรเสริญเพียงแค่ปรนเปรอด้วยคำหวานเล็กๆ น้อยๆ ตบท้ายด้วยการโยนความผิดให้ฝางซือฉีซ้ำๆ ก็ทำให้เขาสามารถล่อหลอกเธอได้กว่า 5 ปี


    ในบทสุดท้าย นักเขียนต้องการนำเสนอถึงการที่สังคมไม่รับฟังเหยื่อ ไม่เชื่อในสิ่งที่เหยื่อพูด แต่กลับตำหนิเหยื่อ อย่างเช่นการบอกว่าเพราะพวกเธอเป็นมือที่สาม พวกเธอจึงสมควรตาย, การตีค่าว่าพวกเธอเป็นโสเภณี แต่ไม่มีสักคนที่จะตำหนิผู้กระทำผิด การที่หลี่กั๋วหัวไม่ได้รับการลงโทษใดๆ ส่วนหนึ่งเพราะสังคมให้คุณค่ากับสถานะอาจารย์สอนพิเศษของหลี่กั๋วหัวมากเกินไป หรือก็คือสังคมให้คุณค่ากับการศึกษา เมื่อนำคำพูดของเด็กเทียบกับความน่านับถือในฐานะอาจารย์ ทำให้ความจริงที่เหยื่อต้องการเรียกร้องถูกกลบหายไปเสียหมด อีกส่วนหนึ่งก็เพราะกฎหมายเน้นที่การมีหลักฐานประกอบการฟ้องร้อง ในเคสแบบนี้ ฝางซือฉีไม่มีหลักฐานอย่างทิชชู่หรือถุงยาง หากฟ้องไปก็อาจถูกฟ้องกลับฐานทำให้เสียชื่อเสียง

    อีกประเด็นสำคัญที่แทรกอยู่ในทุกบทของหนังสือเล่มนี้คือการใช้ความรุนแรงในครอบครัว พี่สาวคนสนิทของฝางซือฉีอย่างสวี่อีเหวินแต่งงานเข้าบ้านตระกูลเฉียน ซึ่งอาศัยอยู่ในคอนโดมีเนียมเดียวกันกับฝางซือฉี ชีวิตคู่ของเธอดูเหมือนจะเป็นไปอย่างราบรื่นแต่แล้วนิสัยที่แท้จริงเมื่อเหล้าเข้าปากของเฉียนอีเหวยผู้เป็นสามีก็เผยออกมาให้อีเหวินเห็น เธอต้องทนกับการถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจเมื่อเขาดื่มเหล้าจนขาดสติ แต่เมื่อไม่ได้อยู่ในฤทธิ์น้ำเมา เขาจะเป็นสามีที่ดูแลภรรยาอย่างดี การบรรยายในส่วนของสามีภรรยาคู่นี้แสดงให้เห็นสภาวะของผู้หญิงที่อยู่ใน Toxic Relationship แต่ยังฝืนอยู่ต่อด้วยความหวาดกลัวและความคาดหวังลึกๆ


    หลังอ่านจบเล่ม สิ่งที่โดดเด่นมากๆของงานเขียนชิ้นนี้คือการอุปมา ทั้งนักเขียนและตัวนักแปลเลือกใช้คำได้เก่งมากและคำที่เลือกใช้ทำให้การจินตนาการถึงสิ่งที่นักเขียนต้องการสื่อสารชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ก็ยังไม่ทิ้งความงดงามทางด้านวรรณศิลป์ที่ผสมผสานอย่างลงตัวกับการบรรยายที่มีความดิบเถื่อนในบางส่วนของเนื้อหาได้อย่างเป็นธรรมชาติ

    ถึงเราจะชอบงานเขียนเล่มนี้มากๆ แต่ยอมรับเลยว่าหลังอ่านจบเราซึมไปเป็นอาทิตย์ เนื้อหาทุกอย่างภายในเล่มวนเวียนอยู่ในหัวของเรา และทำให้เรารู้สึกว่าเหยื่อความรุนแรงมักจะถูกกระทำเพราะเสียเปรียบทางด้านสถานะและอำนาจทางสังคม เหยื่อทุกคนไม่ว่าจะจากความรุนแรงในครอบครัว หรือการถูกขืนใจยังคงเป็นบุคคลที่สังคมไม่ให้ความสนใจ และสังคมนี่เองที่บ่มเพาะให้ความรุนแรงทางเพศเกิดขึ้นซ้ำต่อไป



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in