เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เล่าให้(ไปลอง)ฟังkhuuun
Tributes to the HEROES of sound & vision
  • ตั้งใจให้เอ็นทรี่นี้เป็นที่ระลึกถึงการจากไปครบสองปีของ เดวิด โบวี่ ตำนานของวงการเพลงและแฟชั่น หลังจากข่าวการจากไปของเดวิดถูกประกาศลงทั้งใน Facebook, Twitter และพาดหัวกรอบใหญ่บนหน้าหนังสือพิมพ์ ศิลปินและผู้คนในหลายวงการได้ออกมาร่วมแสดงความเสียใจกันอย่างมากมาย เกิด Tribute ขึ้นในหลายเวทีทั่วโลก ศิลปินทั้งหลายต่างพากันสรรเสริญฮีโร่ของพวกเขาในแบบของตัวเอง และนี่คือ tribute น่าสนใจที่เราขอรวบรวมมาให้ทุกคนได้ลองฟังและดูกัน 


    Moonage Daydream covered by The Last Shadow Puppets [Glastonbury, 2016]


    The Last Shadow Puppets เป็นวงไซด์โปรเจคของ อเล็กซ์ เทอร์เนอร์ (frontman แห่งวง Arctic Monkeys) และ ไมล์ส เคน
    เดวิด โบวี่ ถือเป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญกับ อเล็กซ์ เทอร์เนอร์ โดยอเล็กซ์ได้ให้สัมภาษณ์ว่า Moonage Daydream ได้เปลี่ยนมุมมองการเขียนเพลงของเขาไปอย่างสิ้นเชิง และยังกล่าวว่าโบวี่นั้นอยู่ในทุกๆ DNA ของเพลงที่พวกเขาทำขึ้น ทางด้าน ไมล์ส เคน ได้ออกมาให้สัมภาษณ์แสดงความเสียใจกับนิตยสาร NME หลังจากรู้ข่าวการจากไปของศิลปินคนโปรด ในยุคเริ่มต้นของ TLSP นั้น ได้มีการ cover เพลง In the heat of the morning ของเดวิดไว้ใน EP - The Age of the Understatement อีกด้วย
    เราชอบที่ tribute นี้เคารพเวอร์ชั่นต้นฉบับมากๆ ทั้งในพาร์ทกีต้าร์โซโล่และแซกโซโฟนที่ไมล์สทำได้อย่างสวยงาม และเสียงร้องของอเล็กซ์ที่แน่นอนว่าไม่มีที่ติ


    Orchestral cover of Life on Mars? by SUGIZO [Wembley Arena, 2017]


    อิทธิพลด้านดนตรีของเดวิดนั้นแผ่ขยายมาถึงฝั่งเอเชีย โดยประเทศญี่ปุ่นนั้นรับเอาไปเต็มๆ จนทำให้เกิดกระแส visual-kei ขึ้นในยุค 80 โดยมี X Japan เป็นหัวหอกนำกระแส โยชิกิ ฟรอนท์แมนของวงเองก็มีเดวิดโบวี่เป็นฮีโร่ รวมถึง Sugizo มือกีต้าร์คนปัจจุบันของ X Japan เช่นกัน tribute ที่ขอนำเสนออันนี้คือโซโล่ไวโอลินเพลง Life on Mars? ของ Sugizo ที่ทำไว้อย่างสวยงามและทรงพลัง (สามารถซืื้อเวอร์ชั่นเต็มฟังได้ใน itunes)


    Stunning cover of Space Oddity by Gabrielle Aplin [Dublin, 2016]


    Gabrielle Aplin เป็นศิลปินโฟล์ครุ่นใหม่มากความสามารถที่มาพร้อมเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเธอนั้นชื่นชอบเดวิดโบวี่ในระดับที่เรียกว่าเป็น massive fan เลยทีเดียว เมื่อเธอรู้ข่าวการจากไปของศิลปินที่เธอรัก กาเบรียลจึงได้โคฟเวอร์เพลงโปรดของเธอลงในเซ็ตลิสต์ที่จะเล่นใน UK ทัวร์ด้วย ซึ่งเป็นโคฟเวอร์ที่สวยงามมาก แค่เสียงร้องอันงดงามกับกีต้าร์ตัวเดียวก็สะกดคนดูได้อยู่หมัด


    Rebel Rebel from Madonna's rebel heart [Texas, 2016]


    มาดอนน่าเป็นอีกหนึ่งศิลปินที่มีเดวิดโบวี่เป็นไอดอล เธอเคยให้สัมภาษณ์ว่าชีวิตเธอได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงในคืนที่เธอไปดูคอนเสิร์ตของเดวิด และหลังจากที่เดวิดจากไปได้สองวัน ในระหว่างที่เธอทัวร์อัลบั้ม Rebel Heart อยู่ที่ Houston มาดอนน่าได้เพิ่ม tribute พิเศษขึ้นมาให้กับฮีโร่ผู้ล่วงลับของเธอ
    เธอเลือกเพลง Rebel Rebel ซึ่งเข้ากับธีมของทัวร์และเธอใส่เต็มร้อยแบบไม่แคร์อายุตัวเอง (ฮา) เราชอบสปีชที่เธอพูดมาก สิ่งที่เธอได้เรียนรู้จากเดวิดก็คือ "มันโอเคนะที่คุณจะแตกต่างจากคนอื่น มันไม่สำคัญว่าคุณจะแต่งตัวเหมือนผู้หญิงหรือผู้ชาย มันสำคัญที่ตัวตนข้างใน" และเธอได้ส่งต่อสิ่งนี้ไปยังแฟนเพลงของเธอ นี่คือสิ่งเราประทับใจมากๆ


    Lady Gaga tribute for her biggest inspiration [Grammy Awards, 2016]


    (คลิปต้นฉบับนั้นถูกลบไปแล้ว จึงขอยกคลิปที่คิดว่าสมบูรณ์ที่สุดมาให้ดูกันแทน)
    เป็นที่รู้กันดีในหมู่แฟนเพลงของกาก้าว่าเธอนั้นมีเดวิดโบวี่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญ กาก้าเคยกล่าวไว้ว่ารูปเดวิดบนปกอัลบั้ม Aladdin Sane นั้น เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล มันสำคัญกับเธอมากจนถึงขั้นว่าเธอไปสักรูปนั้นไว้ที่ชายโครงด้านซ้าย และกาก้าก็ได้รับเกียรติจากแกรมมี่ให้เป็นผู้โชว์ Tribute ให้กับศิลปินอันเป็นที่รัก ซึ่งเป็นโชว์ที่ครบเครื่องด้านเมคอัพ คอสตูม และเพลงฮิต แต่ในด้านการแสดงนั้นค่อนข้างเร็วและรีบร้อนไปนิดหนึ่ง เหมือนพยายามจะยัดเพลงฮิตมากมายมาในเวลาที่มีจำกัด ทำให้อิมแพคต่างๆส่งไม่ถึงคนดูเท่าไหร่นัก แต่เราก็ซึ้งที่เธอตั้งใจทำให้มันออกมาให้ดีที่สุด ในฐานะแฟนคลับของทั้งคู่ เราภูมิใจมากจริงๆ


    This is how Arcade Fire and New Orleans pay Tribute to their Heroes [New Orleans, 2016]


    เล่นให้ใหญ่ไปให้สุดต้องขอยกให้กับ Arcade Fire และชาวนิวออร์ลีนส์ทั้งหลาย ที่ไม่ได้มาแค่ tribute ธรรมดา แต่ยกขบวนมาเป็นพาเหรด ร่วมปิิดถนนเดินขบวนไปกับคนทั้งเมืองโดยมีสมาชิกวงเป็นแกนนำ Arcade Fire นั้นก็เป็นวงที่มีเดวิดเป็นแรงบันดาลใจอีกเช่นกัน และความสามารถดันไปเข้าตาเจ้าตัวเข้า เดวิดนั้นชอบ Arcade Fire แบบเอ่ยปากชื่นชมไม่ขาดและได้เป็นผู้ที่ช่วยสนับสนุนและดันให้ Arcade Fire มาไกลจนถึงทุกวันนี้ อีกทั้งยังได้มาแจมในหลายๆคอนเสิร์ตของ Arcade Fire แถมยังมาเป็น backing vocal ให้กับเพลง Reflektor ของทางวงอีกด้วย Tribute ของ Arcade Fire นั้นเรียบง่ายและทรงพลังในแบบที่เราดูแล้วขนลุก มันเป็นการเชิญชวนผู้คนที่รักในสิ่งเดียวกันออกมาเฉลิมฉลอง ใช่ล่ะมันน่าเศร้าที่เขาจากไป แต่เรามาร่วมยินดีกับสิ่งที่เขาทิ้งไว้ให้โลกใบนี้กันดีกว่า สำหรับเราในฐานะแฟนคลับก็ดีใจที่เห็นคนที่รักเดวิดมากมายขนาดนี้ ทุกคนมารวมตัวกันทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ น่าประทับใจมากจริงๆ


    Homage for Depeche Mode's Heroes [2017]


    Depeche Mode คือวงซินธ์-ร็อคระดับแถวหน้าของวงการในยุค 80 ซึ่งได้รับอิทธิพลหลายๆอย่างมาจากเดวิดโบวี่ในแบบที่คุณสามารถรับรู้ได้โดยทันทีหากคุณลองฟังเพลงของพวกเขา ในปี 2017 ที่ Depeche Mode เริ่มทัวร์ Global Spirit นั้นทางวงได้เพิ่มเพลง Heroes ของเดวิดลงเซ็ตลิสต์ โดยถือเป็นการให้ความเคารพกับศิลปินที่เป็นแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ให้กับวง และหลังจากจบทัวร์ ทางวงได้ปล่อย highlight session version ออกมาให้ฟัง ซึ่งเลือกปล่อยในวันที่เพลง Heroes มีอายุครบ 40 ปีพอดี ถือว่าเป็นการ pays homage ที่มีความหมายมากๆ และเราขอยกให้ Heroes เวอร์ชั่นนี้เป็นโคฟเวอร์ที่ดีสุดเท่าที่เคยมีมา เนื่องจากเป็นโคฟเวอร์ที่เคารพต้นฉบับมากๆและคงความเป็นตัวเองไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม


    Heartbreaking tribute from Lorde [BRIT Awards, 2016]


    ขอปิดด้วย Tribute สุดท้ายที่ทำให้เราร้องไห้เยอะที่สุดในบรรดา tribute ทั้งหมด ทุกอย่างบ่งบอกว่าตั้งใจทำให้เพื่อขอบคุณและบอกลาเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ เริ่มจากสปีชของ Annie Lennox ที่เป็นคนประกาศรางวัล BRIT Icon Awards ในปีนั้นให้กับเดวิด (ซึ่ง Annie นั้นก็มีเดวิดเป็นไอดอลเช่นกัน และเคยร่วมงานกันในคอนเสิร์ต tribute ให้กับ Freddie Mercury ในปี 1992) เธอได้กล่าวยกย่องถึงความสำคัญและคุณประโยชน์ของเดวิดต่อวงการ และประกาศรางวัล ซึ่งคนที่มารับรางวัลแทนก็ไม่ใช่ใครที่ไหน Gary Oldman เพื่อนรักของเดวิดนั่นเอง (แกรี่เคยร่วมงานกับเดวิดใน MV The Next Day ซึ่งเป็นผลงานเพลงในอัลบั้มปี 2013 ของเขา) สปีชของแกรี่เป็นการขึ้นมาพูดถึงเพื่อนรักที่เขารู้จักเป็นอย่างดี มันไม่ได้มีส่วนดราม่า แต่มันเรียกน้ำตาเราได้เยอะมาก 

    หลังจากนั้นเป็น tribute ในส่วนของการแสดงที่ได้ Lorde ศิลปินที่มีเดวิดเป็นแรงบันดาลใจอีกเช่นกัน ทั้งยังเป็นผู้ที่เดวิดพูดเองกับปากว่า คนคนนี้คืออนาคตของวงการเพลง และวงไลน์อัพคลาสสิคที่ทำงานร่วมกับเดวิดมาร่วมทศวรรษ ในช่วงเริ่มของการแสดงจะเป็นเมดเลย์โซโล่ที่คัดมาจากเพลงฮิตทุกยุคทุกสมัย จากนั้นก็เข้าสู่เพลง Life on Mars? โดย Lorde นั้นได้แต่งตัวมาในชุดของ Thin White Duke หนึ่งใน persona อันเป็นที่จดจำของเดวิด (เธอได้ใส่กำไลข้อมือเหมือนที่เดวิดเคยใส่ในยุค 70 มาด้วย ต้องขอชื่นชมในการเก็บรายละเอียด) และความสามารถของเธอก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง มันเป็นโชว์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ทรงพลัง และออกมาจากใจจริงๆ สมแล้วที่เดวิดชื่นชมในตัวเธอ

    และนี่ก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่เรายกมาเท่านั้น ยังมี tribute จากศิลปินที่น่าสนใจอีกเพียบ สามารถหาฟังเพิ่มกันได้

    หากเดวิดโบวี่ได้เห็นสิ่งที่โลกนี้ทำเพื่อเฉลิมฉลองและขอบคุณสำหรับการเป็นแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ให้กับใครหลายๆคน เราว่าเขาจะต้องภูมิใจมากแน่ๆ แต่เรื่องน่าเสียดายคือเขาไม่ได้อยู่ดูสิ่งเหล่านี้ เขาไม่ได้อยู่รับรู้ว่าพวกเราภูมิใจในตัวคุณแค่ไหน สิ่งที่เราทำได้ก็คือแสดงออกให้ได้เห็นว่าสิ่งที่เขาทิ้งไว้ให้โลกใบนี้นั้นยิ่งใหญ่เพียงใด และส่งต่อมันผ่านรุ่นสู่รุ่นไปเรื่อยๆ ยินดีที่ได้มารู้จักและขอบคุณจริงๆที่เปลี่ยนชีวิตเราและใครต่อใครมากมายให้ไม่เหมือนเดิมตลอดไป


    1947 - 


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in