เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
รีวิว มิวสิคTiny writer
–– Rhye ––
  •      หากดนตรีเป็นเหมือนยารักษาที่สามารถเยียวยาจิตใจของคนได้ บทเพลงของ Rhye ก็คงเปรียบเสมือนยาสมานชั้นดีเยี่ยม

         ในปีนี้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปีทองของวงการคอนเสิร์ตในบ้านเรา เพราะตั้งแต่ต้นปีก็มีศิลปินมากหน้าหลายตาทั้งตัวพ่อท็อปๆอย่างป๋าเลียม วงป็อบสุดเท่อย่าง The xx หรือวงอินดี้คูลๆอย่าง Foster the people ต่างก็มาเจิมเปิดคอนเสิร์ตในไทยกันตั้งแต่ต้นปีไปแล้วทั้งสิ้น วันนี้เราก็จะพามารู้จักกับอีกหนึ่งr&bแบนด์ที่กำลังจะมาเล่นคอนเสิร์ตในไทยครั้งแรกอย่างเป็นทางการในปีนี้อย่าง Rhye


         Rhye เป็นวงโปรเจกต์ที่โดยดูโอนักดนตรีสองคน ประกอบไปด้วย Michael Milosh (vocalist) และ Robin Hannibal (instrumentalist) ที่ตัดสินใจจับมือกันร่วมทำโปรเจกต์เพลงขึ้นมาเพราะมีความชอบในดนตรีที่เหมือนกัน


         แนวดนตรีที่ Rhye ทำนั้นเป็นแนว r&b/pop ซึ่งมีกลิ่นอายของ soul ผสมอยู่อย่างกลมกลืน มีเมโลดี้เบาบางเหมือนหมอกจางๆและควัน บีทสโลว์ๆเบาๆพอโยกยิ่งทำให้เพลงของพวกเขาฟุ้งและชวนเพ้อฝัน บวกกับน้ำเสียงเอกลักษณ์และนุ่มน่าฟังของไมเคิลที่ลงตัวไปกับดนตรีได้อย่างสมบูรณ์แบบทำให้บทเพลงของพวกเขานั้นช่างดีต่อใจเหลือเกิน

         แต่แรกเริ่มเดิมทีนั้นทั้งไมเคิลและโรบินต่างก็ทำเพลงของตัวเองกันอยู่แล้ว โดยที่โรบินเป็นนักดนตรีชาวเดนมาร์กที่ทำวงร่วมกับเพื่อนๆอยู่ภายใต้สังกัด Plug Research Record ซึ่งก็เป็นค่ายเดียวกับไมเคิล โดยไมเคิลเป็นนักร้องและมีอัลบั้มเป็นของตัวเอง ทำให้โรบินได้รู้จักไมค์ครั้งแรกและรู้สึกสนใจในดนตรีของเขา ดังนั้นโรบินก็เลยติดต่อไปหาไมค์ ไมค์เองที่กำลังอยู่เยอรมันก็ลงทุนบินมาหาโรบินถึงเดนมาร์กเพื่อมาทำดนตรีร่วมกัน ทั้งคู่ก็พบว่าพวกเขามีเทสต์ที่เหมือนกันมากและต่างคนต่างก็ชื่นชมมุมมองเพลงของกันและกัน (แหมมม เหม็นความรัก) แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็แยกกันไป โรบินตัดสินใจย้ายไปอยู่ LA โดยที่ไม่รู้ว่าไมค์เองก็กลับไปทำเพลงที่นั่นเหมือนกัน! (โอ๊ย พล็อตแจ่มใสเว่อ) พอรู้ว่าอยู่ที่เดียวกัน ทั้งคู่เลยกลับมาสานต่อโครงการโดยเริ่มฟอร์มโปรเจกต์เพลงขึ้นมาภายใต้ชื่อ “Rhye”

         ทั้งคู่ได้ปล่อยเพลงลงในเว็บไซต์โดยไม่เปิดเผยตัวตนและข้อมูลใดๆ ซึ่งเพลงนั้นก็คือ Open และ The fall ซึ่งทำให้พวกเขาได้รับความสนใจอย่างมากทั้งจากผู้ฟังและสำนักข่าวดนตรีตั่งต่าง ด้วยความ r&b กับกลิ่น disco นิดๆ ที่มีแบกกราวด์เป็นเสียงเครื่องดนตรีที่ตรึงใจและเสียงสังเคราะห์เรียบง่ายที่ฟังแล้วไม่ธรรมดาเลย ส่งผลให้พวกเขาทำผลงานอีกหลายซิงเกิ้ลออกมาจนเกิดเป็นอัลบั้มเดบิวต์ชุดแรกที่ใช้ชื่อว่า “Woman”


         ซึ่งอัลบั้มชุดนี้เรียกว่าได้กระแสตอบรับดีมากๆๆ เป็นการบุกเบิกเส้นทางให้ Rhye เลยก็ว่าได้ ทุกสำนักต่างเทคะแนนให้อย่างล้นหลาม เพลงของพวกเขาเต็มไปด้วยความอ่อนไหว ทั้งจังหวะเนิบๆ เบสไลน์แน่นแต่ไม่หนัก เครื่องดนตรีหลายชิ้นที่ถูกนำมาผสมรวมกันได้อย่าลงตัว และที่สำคัญเลยคงเป็นเสียงของไมเคิล คือตอนเราเองฟังครั้งแรกยังคิดว่าคนอะไรเสียงมีเสน่ห์มาก หลายคนอาจคิดว่าเป็นเสียงผู้หญิงด้วยซ้ำ ด้วยความที่นางมีเสียงแหบๆแต่หวานละมุนหู แถมขึ้นสูงเก่งอีก และด้วยสไตล์การร้องแบบไม่หวือหวาแต่สามารถแสดงศักยภาพออกมาได้อย่างดี และก็ชอบเอื้อนๆงี้ คือเสียงนางเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของดนตรีแต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเครื่องดนตรีหลักที่คอยส่งให้เพลงออกมาอย่างสวยงาม สิ่งหนึ่งที่เราสัมผัสได้เลยคืออารมณ์ที่ถ่ายทอดออกมาผ่านน้ำเสียงมันแบบดีมาก ฟังแล้วอยากร้องไห้ ได้แต่สะกดตัวเองว่าอย่าอินเกิน

                          Michael Milosh

         Woman นั้นปล่อยออกมาในปี 2013 นั่นก็เท่ากับว่าเป็นเวลากว่า 5 ปีแล้วที่ทั้งคู่ได้มีผลงานออกมาให้ฟังกัน มาในปีนี้ Rhye จึงเซอร์ไพรส์ด้วยผลงานอัลบั้มชุดใหม่ที่เพิ่งปล่อยออกมาหมาดๆ ซึ่งอัลบั้มนี้มีชื่อว่า “Blood” แต่ในอัลบั้มนี้โรบินนั้นได้ถอนตัวจากโปรเจกต์ไปแล้ว จึงถือว่านี่เป็นผลงานที่ไมเคิลได้ใส่ความเป็นตัวเองลงไปมากขึ้น ถ้าฟังแล้วจะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของซาวด์ดนตรีว่าดูมีชีวิตชีวามากขึ้น มีหลายแทร็กที่เพิ่มลูกเล่นเข้าไปและบีทดูคึกคักมากขึ้น แต่ก็ยังคงความเป็นrhyeและเนื้อเพลงเกี่ยวกับความรักไว้ได้เหมือนเดิม สำหรับเราเราชอบอัลบั้มนี้ในภาพรวมมากกว่าอัลบั้มแรกนะ คือเหมือน woman จะมีเพลงพีคๆอยู่แต่เพลงอื่นๆคือก็มีคุณภาพแบบเท่าๆกัน แต่ในอัลบั้มใหม่นี่คือซาวด์มันเปลี่ยนไปแล้วสดใสมากขึ้น เวลาฟังแต่ละแทร็กแล้วจะรู้สึกเซอร์ไพรส์อยู่ตลอด แล้วก็รู้สึกว่ามันเฟรชดีที่ได้เห็นนางทำเพลงในมุมมองใหม่ๆแบบนี้ เพราะฉะนั้นก็อยาก recommend มากๆ รับรองว่าจะไม่ผิดหวัง



         สำหรับช่วงแนะนำแทร็กน่าฟัง จะขอเปิดด้วยเพลงแจ้งเกิดนี้เลยละกัน คือเป็นเพลงที่ตอนแรกเราฟังละชอบ Open มากกว่า แต่ไปๆมาๆกลับเป็นเพลงนี้ที่ฟังแล้วไม่เบื่อเลย ไม่ว่าจะเป็นองค์ประกอบของซาวด์ดนตรีที่มันติดหู ความละมุนของเสียงเปียโนและไวโอลิน หรือว่าจะเป็นเนื้อเพลงที่ช่างเจ็บปวดซะเหลือเกิน เราคิดว่าเพลงนี้ค่อนข้างแตกต่างออกมาจากเพลงอื่นๆในอัลบั้มแรกอยู่พอสมควร ซึ่งฟังๆแล้วน่าจะเป็นแนวทางของอัลบั้มที่สองซะมากกว่า อาจจะเพราะจังหวะและความมีชีวิตในเพลงด้วย ทำให้เพลงนี้เป็นเพลงโปรดของเราไปได้ง่ายๆเลย



       อีกเพลงที่อยากแนะนำมาจากอัลบั้มที่สอง เป็นเพลงที่มีจังหวะสนุกๆ อัพบีท ฟังแล้วรู้สึกสดใสเหมือนในช่วงซัมเมอร์ ด้วยความที่ตัวเพลงมีเมโลดี้ซอฟต์ๆสนุกสนาน ชวนโยกเบาๆ ทำให้มันฟังง่ายและเหมาะกับการนั่งฟังตอนปิกนิคในสวนสาธารณะสวยๆมาก 


      
        แทร็กสุดท้ายที่อยากให้ลองฟังกัน คงเป็นเพลงนี้ซึ่งจริงๆไม่ใช่ของ Rhye แต่เป็นผลงานของ J. Views ที่ดึงตัวพี่ไมค์มาฟีทเจอริ่ง ดังนั้นเลยใช้ชื่อ Milosh ซึ่งเป็นสเตจเนมของไมค์แทน สิ่งนึงที่เราสังเกตได้คือ ไม่ว่าใครจะเป็นเจ้าของเพลงแต่ถ้าเอาไมค์ไปร้องแล้ว เพลงนั้นจะกลายเป็น rhye ทันที55555 เพลงนี้ก็เช่นกัน ทั้งไดนามิกและท่วงทำนอง รวมไปถึงเนื้อหาเพลงแนวยื้อเธอไว้ไม่ไปได้มั้ย แบบนี้มันเป็นrhyeมากๆ แต่เพลงนี้ก็จะมีความซินธ์มากกว่าปกติตามแนวเพลงของ j. views เขานั่นแหละ ซึ่งออกมาแบบกลมกล่อมดีมั่ก



          จริงๆคือเราหยุดเขียนบล็อกมาหลายเดือนแล้วเพราะยุ่งๆด้วย(จริงๆคือขี้เกีย—) แต่รู้สึกอยากเขียนRhyeมากๆ เพราะเป็นวงที่เรารักจริงๆ ประกอบกับที่นางออกอัลบั้มใหม่และมาเปิดคอนเสิร์ตในไทยจึงถือเป็นฤกษ์งามยามดีที่จะเขียน Tribute ให้สักหน่อย แล้วก็อยากถือโอกาสนี้ช่วยพี่เขาขายของ แล้วก็ชวนทุกคนไปดูเขาเล่นไลฟ์สดๆกัน ตอนนี้เจ้าของบล็อกอยู่ตปท.เลยอด สารภาพว่าตอนเห็นทาง Have you heard ประกาศพามานี่ร้องไห้เลย555555 แบบรอมานานอะเนอะ ไม่อยู่ปุ๊บดันมาซะนี่ เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกคนระลึกชาติไว้ว่าตัวเองโชคดีมากๆที่พี่เขามาหาถึงไทยนะคะ T^T  ถ้ามีโอกาสก็ไปเถอะนะ คุ้มค่าจริงๆ นี่ดูเวลาไลฟ์ทางเพจบ่อย พี่ไมค์ร้องแบบแผ่นเสียงเลย แถมชอบมีอิมโพรไวซ์ดนตรีด้วย น่าสัมผัสบรรยากาศจริงมาก คอนมันต้องไปนะคะทุกคน  ใครได้ไปก็ฝากความรักไปให้พี่ไมเคิลด้วยนะคะ หวังว่าทุกคนจะชอบและสนับสนุนผลงานของ Rhye ต่อไปเรื่อยๆเหมือนเรานะคะ <3




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in