เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องที่ระบายไม่ได้ เราจะพูดว่ามัน เป็นเรื่องใส่ใข่(เรื่องแต่ง)Dareka Ayumi
เรื่องที่ระบายไม่ได้ เราจะพูดว่ามัน เป็นเรื่องใส่ใข่(เรื่องแต่ง) 9
  • "แกรู้จัก แอนโนนีมัสปะ"

    พี่ฝนกล่าวถึงแฮกเกอร์ของโลกโซเชียล ซึ่งกำลังเป็นที่รู้จักในขณะนั้น
    เนื่องจากคนกลุ่มนี้ได้โจมตีประเทศของเรามาได้ซักพักแล้ว
    แน่นอนเราต้องรู้จัก แต่เราไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับความเป็นแฮกเกอร์เลย

    "แกไม่ชอบรับน้อง ไม่ชอบทหาร แกน่าจะลองติดต่อไปขอทำงานกับคนพวกนั้นนะ"

    เราทำหน้าเหมือนคนปวดขี้ ใส่พี่ฝน แล้วเถียงกลับไปว่า

    "เราไม่ชอบวิธีการของกลุ่มพวกนี้ต่างหากละ
     เน้นแต่ภาพลักษณ์ จนไม่สนชีวิตคนอื่น
    อย่าง ให้คนเข้าแถวอะ ใครเข้าแถวนะ 
    คนนั้นเป็นคนปกติ 
    ส่วนใครแตกแถวละก็ ถือว่าต้องกำจัด
     ไม่งั้นจะทำให้เสียชื่อสถาบัน หรือจะทำให้ดูไม่ดี"

    พี่ฝนเอาตีนเขี่ยเราจนตกจากม้านั่ง 
    แต่เราไม่ว่างที่จะมาใส่ใจเรื่องเล็กน้อย
    เพราะ เราเพิ่งอ่านข้อความของเพื่อนดาว ที่ไปเรียนซ่อม 
    แต่ต้องเข้าโรงบาลอย่างกระทันหัน 
    เพราะถูกกลุ่มคนนอกกฎหมาย จากในมหาลัย รุมทำร้าย ด้วยดาบยาว ! 

    เพื่อนดาวเลยขอช่วยให้เราไปมหาลัยเพื่อสืบสวนหาที่มาที่ไป ว่าเกิดอะไรขึ้น
    เพื่อนดาว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ทำไมถึงถูกเล่นงาน

    เรารีบคว้ากุญแจในบ้าน แล้วออกรถทันที 

    "เฮ้ยไปไหน" พี่ฝนตะคอกไล่หลังมาด้วยความสงสัย

    "มีคดีในมหาลัย" เราตะคอกกลับอย่างเร่งรีบ

    "ไอ้โกหก" พี่ฝนไม่เชื่อเลยคว้าหมวกกันน็อคใกล้ๆ กระโดดซ้อนท้ายมาเพื่อพิสูจน์

  • เราแวะร้านตามทาง เพื่อซื้อผ้าปิดปาก ไว้สำหรับอำพลางตัว 
    เพราะคดีในคราวนี้ ถึงขั้นทำร้ายร่างกาย
    แถมเป็นอาวุธมีดดาบ แล้วยังเป็นฝีมือของคนจำนวนมาก

    เราทั้งกลัวและตื่นเต้น 

    "แกมาทำอะไรที่นี่เนี่ย" พี่ฝนบ่นพึมพัม ขณะเคี้ยวขนมอยู่ในปาก

    เพื่อนดาวเริ่มให้ข้อมูลผ่านทางแชทของ Facebook 
    "นั่งเรียนกับเด็กในห้องซักพัก ก็ออกไปหาอะไรกิน 
    เลยอ้อมไปหาอะไรกินหลังตึก พอซื้อขนมปังมาเสร็จ
    ก็เดิมกลับมาทางเดิม แต่อยู่ๆก็มีเสียงกระทืบเท้ามาจากตึกเก่า
    ตอนแรกก็หัวเราะ นึกว่าเล่นอะไรกัน แต่พอมีคนหนึ่ง ชักดาบออกมา
    ตูหน้าซีดเลย ทั้งๆที่ตะโกนบอกแล้วว่า ยอมแล้วๆ พวกนั้นก็ฟันไม่หยุด
    โดนมือโดนตัว นึกว่าจะตายซะแล้ว จำได้ว่าโดนฟันแรงมาก แต่ไม่มีแผลเท่าที่คิด
    บอกอาจารย์แล้ว เห็นว่ากำลังให้ตำรวจมาช่วยดู"

    เนื่องจากเพื่อนดาวอยู่ในโรงบาล จึงไม่รู้สถานการณ์ใดๆที่เกิดขึ้นต่อจากในมหาลัย
    เราจึงสันนิษฐานว่า ตำรวจยังไม่มาถึงที่เกิดเหตุ
    หรือ อาจารย์อาจจะยังไม่ได้แจ้ง

    "แล้วก็อีกอย่าง พวกนั้น สวมเสื้อกันฝนกับหมวกกันน็อค ใส่ถุงมือ เหมือนกันทุกคนเลย"
    เพื่อนดาวทิ้งท้าย

    เราตรวจดูสถานที่ ซึ่งมีร่องรอยของพื้นรองเท้าบูทจำนวนมาก
    ในจุดอับกล้องวงจรปิด ซึ่งกลุ่มคนดังกล่าว ได้ดักรอเพื่อนดาวอยู่อีกฝั่ง
    ก่อนจะกรูกันเข้ามาไล่ฟัน โชคดีที่ พื้นที่ตรงนี้ ไม่มีคนเพ้นพ่าน 
    รอยรองเท้า จึงยังคงรูปไว้บนดินทรายอย่างชัดเจน
  • "ขนดาบยาวจำนวนมากแบบนั้นเข้ามา 
    โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่สังเกตเห็น"

    เราพูดคนเดียว 

    ก่อนจะรีบดิ่งไปหาเจ้าหน้าที่เชน ที่เป็นหัวหน้ากล้องวงจรปิด
    เพื่อขอประสานงานกับผู้ควบคุมดูแลกล้องในจุดอื่นๆ
    มองหากลุ่มคน หรือ
    ใครก็ตามที่สวมเสื้อกันฝน พกพาสิ่งที่น่าจะเป็นอาวุธดาบ ในวันนี้

    "อ่อ กลุ่มคนรุมทำร้ายอะเหรอ ตำรวจก็มาขอดูไปแล้ว แต่ไม่เจออะไรเลย" 
    เราตกใจเล็กน้อย เพราะไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน

    นั้นหมายความว่า นี่อาจจะเป็นเรื่องซึ่งเจ้าหน้าที่คิดว่า เพื่อนดาวกุขึ้น
    จนทำให้เจ้าหน้าที่ต้องถอนกำลังออกจากการสืบสวน

    "พี่โก๊ะ..."

    เราหันไปตามเสียงที่เราคุ้นดี อลิซาเบธ 
    หญิงสาวตัวอ้วนมากด้วยเครดิต ทักเราด้วยสีหน้าไม่ยินดี

    "พี่โก๊ะมามหาลัยเพราะพี่ดาวใช่มั้ย"

    เธอถาม เหมือนจะรู้ว่า กำลังเกิดอะไรขึ้น

    "พี่โก๊ะไม่สบายเหรอค่ะ" เธอเห็นเราสวมผ้าปิดปาก จึงทักด้วยความสงสัย
    เราพยักหน้าเบาๆ เพื่อเลี่ยงการเสียเวลาจากการอธิบาย

    "แต่ตามหนูมาก่อนดีกว่า ด่วนๆเลยค่ะ"
     อลิซาเบธกล่าว ก่อนจะรีบร้อนนำทางพวกเราไป

    พี่ฝนที่ยืนเบื่อๆอยู่ เริ่มรู้สึกตื่นเต้น แถมเธอเริ่มรู้แล้วว่า เรื่องที่เราเล่า ไม่ได้โกหก
    เธอชี้ไปยังอลิซาเบธ ส่งซิกถามเราว่า 'เด็กคนนี้เหรอ อลิซาเบธ'
    เราพยักหน้า 
  • "พี่โก๊ะไม่สบายเหรอค่ะ" เธอเห็นเราสวมผ้าปิดปาก 
    จึงทักด้วยความสงสัยเราพยักหน้าเบาๆ 
    เพื่อเลี่ยงการเสียเวลาจากการอธิบาย

    "แต่ตามหนูมาก่อนดีกว่า ด่วนๆเลยค่ะ" อลิซาเบธกล่าว
     ก่อนจะรีบร้อนนำทางพวกเราไป

    พี่ฝนที่ยืนเบื่อๆอยู่ เริ่มรู้สึกตื่นเต้น 
    แถมเธอเริ่มรู้แล้วว่า เรื่องที่เราเล่า ไม่ได้โกหก

    เธอชี้ไปยังอลิซาเบธ ส่งซิกถามเราว่า 
    'เด็กคนนี้เหรอ อลิซาเบธ' เราพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจ
    การมีตัวตนของอลิซาเบธ ก็คือหลักฐานชิ้นสำคัญของการเป็นนักสืบของเรา
    แถมพี่ฝนรู้ทันที เพราะ รู้ว่าเราไม่น่าจะมีเพื่อน 

    เราทั้งสามคนเดินทางมาถึงตึกร้างซึ่งอยู่ใกล้ๆบริเวณจุดรับน้องเก่า
    "ว่าแต่ มาที่นี้ทำไม" เราถามอลิซาเบธด้วยความสงสัย

    "รุ่นพี่อยากจะคุยกับพี่โก๊ะ" เธอตอบด้วยสีหน้าซีดๆ

    แต่เราคิดว่า หลังจากได้ยินคำว่า รุ่นพี่ เราก็ซีดไม่แพ้กันกับอลิซาเบธ
    แต่ไม่เป็นไร วันนี้เรามาพร้อมกับพี่ฝน ซึ่งไม่ต่างจากทนายความตัวเป็นๆ
     ที่สามารถอ้างสิทธิ์ ใช้กฏหมายปกป้อง เพื่อปกป้องเราได้
  • อลิซาเบธชี้เส้นทางให้เราเดินเข้าไป 
    เพราะเธอกำลังวุ้นอยู่กับการปิดประตูที่ขึ้นสนิม จนเลื่อนไม่ได้

    เรากับพี่ฝนจึงเดินเข้าไปสำรวจภายในห้องที่นัดกับรุ่นพี่

    และแล้ว

    ความรู้สึกหน้าซีดเมื่อครู่ เมื่อเทียบวินาทีนี้ มันต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

    กลุ่มคนประมาณสิบคนในเครื่องแบบเสื้อกันฝน ยืนเป็นกลุ่มตรงมุมห้อง
    มีแสงสลัวๆ เล็ดลอดมาจากหน้าต่าง ทำให้เราเห็นทุกอย่างชัดเจน

    เรากับพี่ฝนยืนขาแข็ง เราพยายามทบทวนว่า 
    หรือนี้จะเป็นกับดัก แต่อลิซาเบธเองก็ไม่น่าจะหักหลังเรา
    หรือ อลิซาเบธจะไม่รู้เรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน

    เราจินตนาการถึงช่วงที่จะโดนฆาตกรรม แล้วฝังไว้หลังตึกร้าง
    เราคิดว่าเราหน้าซีดสุดๆ เพราะ
    พี่ฝนเองที่เหมือนคนหัวช้า หน้าซีดอย่างสุดๆ

    ถึงตรงจุดนี้ ไม่ว่าใคร สัญชาตญาณการเอาตัวรอด มันพูดตรงกันคือ
    วิ่ง วิ่ง แล้ว ก็วิ่ง ในที่สุด เรากับพี่ฝนรวบรวมพละกำลังออกมาเพื่อตะคอกหากันว่า

    " วิ่ง !!! " 

    ด้วยความตื่นตระหนก เราลืมไปว่า อลิซาเบธอาจจะยังไม่รู้
    แต่ไม่เป็นไร เราค่อยหนีออกไป แล้วเรียกคนมาช่วย

    พี่ฝนกับเรา กรีดร้องทุกครั้ง ที่เจอทางตัน หรือ เส้นทางขาด...




  • นี้เป็นประสบการณ์ขนหัวลุกที่สุด เท่าที่เราเคยเจอมาในชีวิต
    เราทั้งคู่มาถึงทางตัน 
    จึงพยายามหาที่แอบ

    มือของเราเย็นจัดด้วยความกลัว

    เสียงฝีเท้า จากรองเท้าบูทจำนวนมาก กึกก้องไปทั่ว ตัวอาคาร
    เราแน่ใจว่า นี้คือคนกลุ่มเดียวกันกับกลุ่มที่จู่โจมเพื่อนดาว

    "พี่โก๊ะ ไม่เป็นไร ออกมาคุยกันก่อน มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน"

    เรากับพี่ฝน รู้ตัวว่ากลั้นหายใจ จึงค่อยๆถอนหายใจออกมา
    กลืนน้ำลาย ก่อนจะค่อยๆเดินออกมาหาเสียงดังกล่าว

    นั้นไม่ใช่เสียงของอลิซาเบธ แต่เป็นเสียงที่อ่อนโยน ที่เราเคยได้ยินมาก่อน 

    แอนนี่ !

    นางฟ้า พร้อมกับกลุ่มคนติดอาวุธ ดาบยาว ยืนอยู่ข้างหลังเธอ
    บ้างก็สวมผ้าปิดปาก บ้างก็โพกหัว บ้างก็หมวกกันน็อค บ้างก็ไม่สวมอะไรปิดบังเลย
    .
    .
    .
  • เธอยิ้ม เหมือนกับที่ตอนเจอเราครั้งแรก ในคดีแผ่นผ้าใบที่ถูกขโมย
    เรายิ้มแบบเขินๆ แล้วหัวเราะ ด้วยความลังเล
    พี่ฝนยังคงยืนไม่แน่ใจอยู่ข้างหลังเรา

    "มีเรื่องต้องขอโทษ และอธิบายกันเยอะเลยค่ะ"
    เธอกล่าว พร้อมกับ อ้าแขนเปิดทางให้เราเดินกลับไปยังจุดนัดพบ

    "อะไรกันๆ" ในที่สุด อลิซาเบธ ก็วิ่งตามมาทันเหตุการณ์

    "ทุกคนกลับไปห้องประชุมกันก่อน" แอนนี่พูดด้วยเสียงเรียบ
    คนที่สวมเสื้อกันฝนทุกคน ก็ค่อยๆทยอยกันกลับ

    แอนนี่พยักหน้าให้เราอีกครั้ง เพื่อเป็นการต้อนรับ
    เราได้สติ จึงโค้งกลับด้วยความสุภาพ

    .
    .
    .

    " กลุ่มผู้ก่อการร้าย ! "


    เรากับพี่ฝนพูดออกมาด้วยความแปลกใจพร้อมกัน

    "ใช่ค่ะ พวกเราเริ่มทำเรื่องนี้กันมาตั้งแต่ ปี 2"

    จากนั้นแอนนี่ก็ค่อยๆเล่าว่า เธอคือใคร และสมาชิกกลุ่มเสื้อกันฝนคือใคร
    รวมไปถึงเหตุผลในการจู่โจมทำร้ายเพื่อนดาว

    เพราะพวกเธอเข้าใจว่า เพื่อนดาว
     คือสายคนสำคัญ ที่คอยขับเคลื่อนระบบรับน้อง

    เพราะเมื่อกฏหมายไม่ช่วยเหลือ เธอก็เลยเปลี่ยนตัวเองเป็นกฏหมายเสียเอง




  • ประหลาด และ แปลก จนเรารับไม่ทัน และแทบไม่อยากเชื่อ
    ส่วนพี่ฝนก็กระพริบตามองหน้าเรา 
    ทำสีหน้า ส่งสัญญาณให้เรารู้ว่า ไม่เข้าใจอะไรซักอย่าง

    "แล้ว เพื่อนดาวเป็นสาย หมายความว่าไงเหรอ"

    ด้วยคำถามที่เราคาใจที่สุด เราเลยถามแอนนี่ออกไปก่อน

    "เราเพิ่งรู้จากอลิซาเบธ ว่าพี่ดาวและพี่โก๊ะ เป็นหนึ่งในกลุ่มต่อต้านระบบรับน้อง"

    (อ่า ดูเหมือน เธอจะไม่คำนึงถึงระบบรับน้อง เรียกเราว่า "พี่"
     ฮ๊าาา ชื่นใจ กำลังข้องใจ ทำตัวไม่ถูก ว่าจะเรียกเธอว่าน้อง หรือ พี่ อยู่พอดี)

    "แต่ นั้นไม่ได้ปฏิเสธว่า พี่ดาวมีส่วนในการได้รับผลประโยชน์รวมอยู่ด้วย"

    แอนนี่พูดจาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน แต่ดูขึงขังขึ้น

    "รายชื่อที่ปรากฏจากคำสารภาพ มีชื่อพี่ดาวอยู่ด้วย 
    หน้าที่ของพวกเรา เลยต้องลงโทษพวกเขา..."

    เราเองก็เพิ่งรู้ว่า เหตุผลที่รุ่นพี่ที่จบไปแล้ว ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่แถวนี้
    เพราะตัวเองอยู่รอดกับระบบรับน้อง มีรายได้จากการทำตลาด หากินกับการรับน้อง
    อยู่เบื้องหลัง แอนนี่ อธิบายประวัติความเป็นมา รวมไปถึงหลักฐานทั้งหมด





  • แน่นอน 
    เรารู้สึกโดนหักหลังอีกครั้ง

    มาคิดๆดูแล้ว ไม่ว่าตอนสืบสวนคดีใหญ่ๆ
    หรือ ต้องออกลุยเผชิญหน้ากับอะไรก็ตาม
    เรามักจะลงมือคนเดียวเสมอ

    เราเพิ่งรู้ว่า เพื่อนดาว เป็นสายลับ ที่เคยส่งข่าวจากกลุ่มไส้เดือน ให้กับพวกรุ่นพี่
    ที่เราถือว่าเป็นศัตรู และนั้นอธิบายว่า ทำไมรุ่นพี่ทุกคน ถึงเกรงใจเพื่อนดาวไม่ต่างกับ
    รุ่นพี่คนอื่นๆ รวมไปถึงสิทธิพิเศษมากมาย ที่เราซึ่งเป็นพี่ซิ่วเหมือนกัน
    แต่ไม่เคยได้รับของพวกนี้เลย เราต่อสู้ยืนหยัดเพื่อกลุ่มไส้เดือนมาตลอด

    เราช็อคมาก 
    เราไม่อยากเชื่อข้อมูลของแอนนี่ (นางฟ้าของเรา)

    แต่แอนนี่ เป็นคนซีเรียสกว่าที่เราคิดไว้

    เธอเป็นคนประเภทที่เราเคยตั้งชื่อเรียกว่า

     'นักลงมือทำ' เป็นนักเลง เป็นคนจริง
    กว่าเรา และ กว่าเพื่อนดาวมาก

    เราไม่รู้ว่าจะปะติดปะต่อเรื่องอย่างไร ไม่ให้เกิดอารมณ์คลั่งเสียก่อน
    เราจึงเปิดดู Facebook 

    "เป็นไง พอรู้ตัวมั้ย ว่าคนทำมันเป็นใคร ช่วยเอาชื่อมาให้เราที"

    ดูเหมือน เพื่อนดาว จะขาดความชิลไปเยอะมาก พูดมากขึ้น ต้องการมากขึ้น
    ในที่สุดความโกรธ ก็เข้าครอบงำเรา 

    เรายิ้ม ก้มให้แอนนี่ ก่อนจะพยายามเดินอย่างคนสุภาพออกมาจากตึก 
    แอนนี่ก้มหน้าด้วยความสุภาพเช่นกัน 

    "เดี่ยวไอโก๊ะ"  พี่ฝนเรียกให้เราหยุด

     แต่เราอารมณ์เสียอย่างที่สุด !

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in