เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องที่ระบายไม่ได้ เราจะพูดว่ามัน เป็นเรื่องใส่ใข่(เรื่องแต่ง)Dareka Ayumi
เรื่องที่ระบายไม่ได้ เราจะพูดว่ามัน เป็นเรื่องใส่ใข่(เรื่องแต่ง) 8
  • เสียงกระจกคนข้างบ้านแตก 
    ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องอันโหยหวนของหญิงสาว ซึ่งเราคุ้นหูดี

    พี่ฝนนั้นเอง

    ช่วงขณะปิดเทอมหน้าร้อน
    เราใช้เวลาอยู่กับการนอน และอ่านหนังสือ(การ์ตูน)
    นานๆจะมีโมเม้นท์แบบ เกิดคดีฆาตกรรม และ เสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือ

    แต่น่าเสียดาย แถวบ้านเราจะมีพี่สาวคนหนึ่ง ที่มักจะโวยวายใส่เด็กแถวบ้าน
    จนเสียงดังลั่น ด้วยการกรีดร้องราวกับระบายความอัดอั้นในใจออกมา

    เราค่อยๆเดินออกจากบ้านใส่รองเท้าออกไปดู
    "บอกแล้วใช่มั้ย ว่าอย่ามาปาลูกกอล์ฟเล่นกันแถวนี้"

    ดูเหมือนว่าเด็กๆพวกนี้จะใช้ลูกกอล์ฟจากสนาม ที่อยู่ห่างออกไปไม่มาก 
    มาโยนเล่น จนพลาดไปโดนกระจกบ้านพี่ฝนเข้า

    "ขอโทษคับ ขอลูกกอล์ฟคืนด้วย-" เด็กหนึ่งในสาม ที่ใจกล้าคนหนึ่งกล่าวขึ้น

    "นี้เมิงยังจะเอาอีกเหรอลูกกอล์ฟ" 
    พี่ฝนสวนทันควัน เราคิดว่าถ้าพี่ฝนไม่จบกฏหมาย หรือไม่ห่วงคุก 
    เด็กคนนี้คงโดนพี่ฝนลากไปฆ่าหมกส้วมแล้ว

  • ขณะจะเดินกลับเข้าบ้าน
    เราบังเอิญไปเห็นรอยแตกตรงกระจกเข้า

    "ขอโทษนะ ทำยังไงถึงปาไปโดนหน้าต่าง"
    ด้วยความสงสัยเราจึงถามพวกเด็กๆไป

    พวกเด็กๆหันหน้าเข้าหากัน เพื่อทบทวนความทรงจำ

    "เบสบอล"

    ทั้งสามตอบพร้อมกัน 

    "ช่วยยืนให้ดูหน่อย ว่าใครยืน ปา ตี ตรงไหนบ้าง"

    เราพูดด้วยความตื่นเต้น
    ก่อนจะถูกขัดด้วยสายตาอันข่มเหงของพี่ฝน

    "คิดจะทำอะไรมิทราบ" พี่ฝนตะคอกใส่เรา

    เราชี้ไปที่หน้าต่าง พร้อมพูดอธิบาย
    "นั้นไม่ใช่ความแรงขนาดที่เด็กปกติจะทำได้"

    หลังจากเห็นฟอร์มการยืน ของทั้งสามคนเราก็แน่ใจทันที

    ว่าลูกไม่ได้ถูกตีด้วยไม้ แต่เป็นการปาลูกพลาดของเด็กๆ
     จนทำให้ลูกกระเด้งออกไป ซึ่งแรงขนาดนั้น
     ทำให้กระจกแตกเป็นรูเท่าลูกกอล์ฟไม่ได้
    เพราะมันต้องอาศัยแรงส่งสูงมากถึงจะทะลุกระจก
     จนสร้างรูที่เล็กพอที่มันจะลอดเข้าไปได้...



  • หลังจากให้เด็กๆช่วยกันหาลูกกอล์ฟ แถวๆหน้าบ้านพี่ฝน 
    เราก็พบคำตอบ
    ลูกกอล์ฟที่เด็กๆปา ดันเกิดขึ้นพร้อมๆกับ ช่วงที่ลูกกอล์ฟปริศนาอีกลูก
    พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง
    ซึ่งเป็นไปได้ว่า 

    มีคนตีมันด้วยไม้กอล์ฟ ลอยมาจนถึงบ้านพี่ฝน 
    ระยะประมาณสองร้อยเมตร 

    หรือใช้เครื่องมือช่วยในการยิง ส่งออกมาจากระยะใกล

    "งั้นเดี่ยวไปดูให้ ว่าใครเป็นเจ้าของลูกกอล์ฟ"

    พี่ฝนโยนลูกกอล์ฟที่ตกในบ้านมาให้เรา ก่อนจะปิดประตูบ้าน 
    แล้ววิ่งตามหลังพวกเรามา

    "ว่างมากหรือไง เรียนเป็นไงบ้างอะ จะตกอีกรอบป่าววะเนี่ย" 
    แน่นอนว่า จริงๆแล้ว พี่ฝนกับเรา เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน
    แต่บังเอิญเราดันออกมาเสียก่อน 

    ด้วยความที่เราเข้าไปเรียนใหม่อีกรอบ ด้วยความรู้สึกรับผิดชอบ 
    เราจึงต้องเรียกหล่อนว่า "พี่" นำหน้า ตามกฏของมหาลัย
    ("มาก่อนคือพี่ มาหลังคือน้อง มาพร้อมคือเพื่อน" มาอีกรอบก็เลยเรียก "พี่" )...
  • เหตุผลที่เราสนใจเรียนศิลปะ เพราะพี่ฝนนี้แหละ
    ดันชวนเราเข้าไปเรียนวิชาเสรี(วิชาที่เราจะเลือกเรียนอะไรก็ได้ตามใจชอบจากในมหาลัย)
     ของเด็กปีสามของคณะศิลปะ

    ทำให้เรารู้สึกติดใจ หลังจากได้รับคำติชมจากอาจารย์ผู้สอน
    และทำให้เรารู้ว่า คณะแห่งนี้ มีข้อมูลที่เราไม่สามารถ
    ค้นหาได้เพียงลำพังแฝงอยู่ และช่วยในการพัฒนาความสามารถ

    สุดท้าย พอเราเลือกเส้นทางชีวิตใหม่ได้ เราก็เลือกศิลปะอย่างไม่ลังเล

    ดูเหมือนว่าพี่ฝนยังอยู่ในช่วงเตรียมสอบเข้าบรรจุเป็นข้าราชการ 
    เธอคงมองว่า การได้ทำงานตรงนี้ จะช่วยสร้างความมั่นคงในชีวิต

    ซึ่งต่างกับแนวทางของเราอย่างชัดเจน

    เราแค่ใช้ชีวิต เพื่อความสนุก
    ไม่ได้มองไปถึงอนาคตที่มั่นคงเลยแม้แต่น้อย

    "ก็เรื่อยๆ ช่วงนี้รับน้องก็ไม่โหดเหมือนตอนปีหนึ่งแล้ว เด็กๆก็หยุดคว่ำบาตรแล้วด้วย"

    พี่ฝนมองหน้าเรา ทำปาก ตีสีหน้าเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ 
    แต่มันเป็นสีหน้าที่ดูถูกเหยียดหยามสำหรับเรามากกว่า

    "แกไปสอบตำรวจเถอะ"
    เป็นประโยคฮิตของเจ้าหล่อน ที่พยายามชักจูงให้เราไปเป็นตำรวจ หรือ ทหาร

    ซึ่งตอนที่เราโดนหักอกโดยคนรัก เราก็ได้พี่ฝนนี้แหละ ชวนไปเที่ยว ไปผจญโลก
    สุดท้ายเราก็ได้คำตอบของเรากลับมา 

    พี่ฝน เป็นคนที่เรามองว่า เหมือนกับผู้ให้ชีวิตของเราไม่ต่างจากแม่คนที่สอง
    คนที่เราจะต้องตอบแทนบุญคุณให้ได้ 
    หรือไม่ก็แค่ ยืนเป็นเพื่อนในยามที่หล่อนต้องการ


  • แต่เจ้าตัวเองมักจะพูดว่า "เราเห็นดูพ่อแม่แก ทำไมแกไม่ไปเป็นตำรวจ"

    ซึ่งเราก็อธิบายไปหลายรอบแล้วว่า 
    เราไม่ชอบชีวิตที่พยายามแล้ว ให้คนอื่นมาตัดสิน ว่าผ่าน หรือไม่ผ่าน 
    เราอยากจะทำเรื่องที่อยากทำ 
    เรื่องที่สามารถเปลี่ยนความพยายามของตัวเอง 
    มาเป็นอำนาจตัดสินความสำเร็จของตัวเอง ได้ด้วยตัวเอง

    แต่เรากับพี่ฝนมักจะคุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะแต่ละคนมีวิถีชีวิต มีมุมมองที่ต่างกัน

    แต่คดีในวันนี้อาจจะทำให้พี่ฝน เข้าใจมุมมองของเรามากขึ้น

    หลังจากซักถามพยานใกล้ๆจุดที่น่าจะเป็นพื้นที่ต้องสงสัย
    ก็พบว่า มีเสียงเหมือนคนหวดลูกกอล์ฟอยู่จริงๆ

    ชายคนนั้นให้การณ์ว่า 
    "ลุงแจ่มเป็นคนตีแน่ๆ ผมนั่งอยู่ที่ร้านตรงหัวมุม เห็นแกตีกอล์ฟอยู่ตรงทุ่งหญ้า
    ไปฝั่งบ้านน้องพอดี เห็นกรี๊ดลั่นมาถึงนี้เลย เสียงน้องใช่ปะ ลุงแจ่มเลยคนตี"

    เราพยักหน้าขอบคุณชายคนดังกล่าว 
    (สร้างภาพเป็นคนดีของสังคมอย่างเต็มที่โดยไม่รู้สึกเสียดายพลังงานแม้แต่น้อย)
  • ระหว่างเดินมาซักพักจนถึงร้านค้าตรงหัวมุม

    พี่ฝนทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้อีกครั้ง
    "ถ้าเจอลุงแจ่มแล้วแกจะทำไงอะ"

    เรายิ้ม 

    หลังจากเรากับพี่ฝนมายืนอยู่ที่ร้านตรงหัวมุม ที่ชายคนนั้นเล่าให้ฟัง

    "เราได้ตัวคนร้ายตั้งนานแล้ว จะไปหาลุงแจ่มทำไมอีก"

    เรากล่าวก่อนจะชี้ไปยังจุดที่น่าจะเป็นทุ่งหญ้า
    "พี่ฝนเห็น ทุ่งหญ้าจากตรงนี้ปะ"

    พี่ฝนกระพริบตารัวๆพยายามเรียกสติ
    "ทำไมอะ มองไม่เห็น ต้นไม้บัง ... เฮ้ย"

    "ใช่แล้ว ชายคนเมื่อกี้ บอกว่าเห็นลุงแจ่มตีไปยังบ้านพี่ฝน 
    จากร้านค้าตรงหัวมุม แต่จากบริเวณนี้ ไม่สามารถเห็นได้เลย
    ว่าใครทำอะไรอยู่ในทุ่งหญ้า"

    คนที่จะรู้ทิศทางของลูกกอล์ฟได้ 
    นอกจากจะต้องเป็นคนที่เห็นเหตุการณ์จริงๆแล้ว
    ก็คือคนตีลูกเสียเอง หรือ "คนร้าย" นั้นเอง



  • พี่ฝน หยุดทำหน้าเหมือนคนกำลังร้องไห้
    สีหน้าของหล่อน ดูเหมือนจะประทับใจขึ้นมาเล็กน้อย

    เราเข้าใจทันที ว่าพี่ฝนคงเริ่มเห็นแล้วว่า

    ความพยายามที่จะใช้ชีวิตของเรา 

    มันทรงพลังแค่ไหน
    จริงๆเราอยากจะโม้ต่อไปอีกว่า นี้คือเศษเสี้ย-

    "แกน่าจะไปสอบเป็นตำรวจนะ"

    .

    .

    .

    อ่า คนที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้คราวนี้ 

    คือเรานี้แหละ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in