เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องที่ระบายไม่ได้ เราจะพูดว่ามัน เป็นเรื่องใส่ใข่(เรื่องแต่ง)Dareka Ayumi
เรื่องที่ระบายไม่ได้ เราจะพูดว่ามัน เป็นเรื่องใส่ใข่(เรื่องแต่ง) 4
  • ความเดิมตอนที่แล้ว หลังจากโดนคว่ำบาตรนับครั้งไม่ถ้วน
    เหล่ารุ่นพี่ทุกระดับชั้น (รวมถึงรุ่นที่ไม่ได้ไปผุดไปเกิด) มองว่า เหล่าพี่ซิ่วเป็นภัยอย่างแท้จริง
    จึงเริ่มยกขบวนทัพทั้งคณะศิลปะเข้าตี พี่ซิ่วทั้งสองอย่างดุดัน 
    ด้วยการแย่งชิงพื้นที่พักอาศัย
    จนทำให้ทั้งสองแทบไม่เหลือแหล่งกบดาน

    แต่ทฤษฎี "ฟ้าหลังฝน" ยังไม่ทอดทิ้งพวกเรา

    พี่ซิ่วทั้งสอง พบจุดกบดานใหม่ พร้อมกับค่าใช้จ่าย ที่เรียกว่า "ความเสี่ยงที่สูงขึ้น"
    แต่น่าแปลก ทั้งคู่ไม่แม้แต่จะคิดทบทวน
    หนำซ้ำยังคิดที่จะยึดอาคารใหม่ทั้งห้าชั้นเป็นของตัวเอง

    เสียงปริศนาดังกังวานไปทั่วตึก
    ผู้คนควรจะออกจากตึกไปตั้งแต่เวลา ห้าโมงเย็น
    แม่บ้าน หกโมงเย็น มีแต่เฉพาะเจ้าของคณะ ที่เข้าออกได้ตามใจ

    เราที่เพิ่งถูกไล่ออกมาจากห้องในเวลาประมาณหนึ่งทุ่ม ควรจะเป็นคนกลุ่มสุดท้าย
    เพื่อนดาวยังคงชิล ก่อนจะควักบุหรี่ออกมาสูบ

    เราเดินเข้าไปในห้อง ปลดล็อกหน้าต่าง ก่อนจะออกมาพร้อมกับเจ้าของคณะ
    "ทำอะไรวะ" เพื่อนดาวกล่าวด้วยความสงสัย

    เราสูดหายใจ พร้อมบอกความเป็นไปได้ที่เรากำลังคิด
    "มีช่องทางให้แอบเข้าไปในตึกเยอะมาก แถมไวไฟทุกชั้นก็เปิดตลอด 24 ชั่วโมง"
    เพื่อนดาว มองขึ้นไปยังชั้นบนของอาคารที่มืดสนิท ก่อนจะกล่าวด้วยความสงสัย
    "อย่าบอกนะ ว่าจะงัดประตูเข้าไป"

    ช่างเป็นคำถามที่เราต่างก็รู้คำตอบอยู่แล้ว ...




     
  • หลังจากทบทวนแม่บทกฎหมายผ่าน Google 
    เราต่างก็เข้าใจความรุนแรงของการบุกรุก
    แต่ด้วยความที่ไม่เคยมีประวัติอาชญากรรม 
    แถมยังเป็นนักศึกษาในมหาลัย 
    อย่างมากก็แค่โดนตักเตือน หรือยึดบัตรนักศึกษา

    ซึ่งบัตรนักศึกษาของเรา เจ้าหน้าที่เก็บเอาไว้ละทำหายไปแล้ว 
    เป็นโอกาสดีของเราแท้ๆ
     แต่คงเป็นความเสียเปรียบของผู้สมรู้ร่วมคิดอย่าง
    เพื่อนดาวที่ต้องมาร่วมก่ออาชญากรรมพร้อมกับเรา

    แต่เพื่อที่จะยึดตึกหลังนี้
    เราต้องเข้าไปตรวจสอบ 
    ว่าเกิดอะไรขึ้น
    และทันทีที่มีข้อมูล เราสามารถใช้มันเป็นเครดิต
    ซื้อตัวหัวหน้าเจ้าหน้าที่กล้องวงจรปิด 
    เพื่อเบิกทางในการใช้ตึกแก่ชุมชน "กลุ่มไส้เดือน" ของเรา

     ขณะปืนเข้ามาทางหน้าต่างที่เราไม่ได้ลงกลอนไว้ เราก็มีเรื่องให้คุยกัน
    โดยเฉพาะทั้งข้อตกลงในการหนีการจับกุม
     และข้อตกลงหลังถูกจับกุม 

     ทฤษฎี "ถุงยางอนามัย" 
    ร่วมสุข สร้างความปลอดภัย 
    ลดความเสี่ยง แล้วทิ้งไปในยามที่หมดคุณค่า
    แน่นอนว่า เราไม่ยอมเสียเวลาในคุก 
     เราตั้งใจจะโยนความผิดให้เพื่อนดาวทั้งหมด

    (ภายหลังเราสารภาพ เพื่อนดาวพอได้ฟังทฤษฎีนี้แล้ว ก็ยังคงชิลๆ)


  • เราสองคนเปิดไฟมือถือ ลดแสงให้อยู่ในระดับที่ต่ำที่สุด
    แยกย้ายกันดูแต่ละชั้น คนละฝั่ง เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งใดหลุดรอดสายตาไป

    ทันทีที่พบสิ่งผิดปกติ ก็กดปุ่มโทรออก แล้วหยอดเข้ามาหากันเท่านั้นเอง

    หลังจากสิบห้านาที
    เราทั้งสองก็ไม่พบความผิดปกติอะไรเลย
    "เสียงสะท้อนจากอีกตึกป่าว"
    เพื่อนดาวสงสัยในเสียงปริศนาที่ดังขึ้นเมื่อตอนหนึ่งทุ่ม

    เราพยายามนั่ง
    แล้วนึกถึงความเป็นไปได้ ถ้าคนร้ายเข้าตึกมา จะเข้ามาเพื่ออะไร
    คำตอบเดียวคือที่พอจะพิสูจน์หาคำตอบได้ 
    คือการเข้ามาลักลอบใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในตึก  
    ซึ่งอยู่ในห้อง

    ประมาณห้านาที เราก็คิดว่า ควรจะลองตรวจสอบห้องทุกห้อง
    ตั้งแต่ชั้นสามเป็นต้นไป เพราะ ทั้งสามชั้น 
    มองเห็นจากที่พื้นได้ยาก ไฟตามถนนยังส่องมาไม่ถึงอีกด้วย

    จนมาถึงชั้นที่ห้า ชั้นสุดท้าย
    ลูกบิดของประตูถูกล็อกไว้โดยแม่บ้าน
    แต่เรากลับสังเกตได้ว่า มีอากาศเย็นมากพัดออกมาผ่านใต้ช่องประตู
    เรามั่นใจว่าเสียงแอร์กำลังทำงานอยู่

    แต่พอเห็นประตู เราก็แน่ใจ
    นี้เป็นประตูบานคู่ ถึงจะล็อกลูกบิดไว้
    แต่หากไม่ได้ลงกลอนจากด้านใน
    มันสามารถผลักเข้าไปได้...


  • ประตูถูกเปิดออกอย่างช้าๆ
    ภายในห้องมืดสนิท
    มีอากาศเย็นยะเยือก พัดออกมา 
    เครื่องปรับอากาศเพิ่งถูกใช้งานและปิดเครื่องไปหมาดๆ 

    เมื่อเช็คกลอนที่ประตู 
    พบว่า แม่บ้านไม่ได้ลืมลงกลอน
    แต่เป็นฝีมือของใครบางคน 
    ที่งัดเอากลอนออกจากประตู ด้วยวิธีการเลื่อยสลักทิ้งไป

    "มีคนอยู่จริงๆสิเนี่ย" 
    เพื่อนดาวกล่าว ขณะกำลังเดินดูรอบๆให้แน่ใจ ว่าไม่มีคนแอบอยู่

    "เราจะพิสูจน์เรื่องนั้นกันเดี่ยวนี้"
    ว่าแล้วเราก็เปิดเครื่องคอมพ์ ขณะเพื่อนดาวเดินดูรอบๆ
    เราเช็คโปรแกรมที่ถูกใช้ล่าสุด 
    รวมถึงประวัติการใช้งานอินเทอร์เน็ต

    จากนั้นเซฟเป็นไฟล์ภาพด้วยการปริ้นสกรีนแล้วเก็บไว้เป็นหลักฐาน
    ไม่ว่าใครก็ตามที่ใช้ห้องนี้ ได้หลบหนีออกไปอย่างเร่งรีบ

    ชื่อแอคเค้าท์ Facebook ของคนนิรนามที่ถูกทิ้งไว้ 
     "คิง จ็อฟฟรี่" 
    และชื่อกลุ่มส่วนตัว ที่คนๆนั้นได้เข้าไปปฏิสัมพันธ์ด้วย 
    "กลุ่มเสื้อกันฝน" 

    ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นใคร ดูเหมือนจะระวังตัวมาก
    และบ้าระห่ำพอๆกับพวกเรา ที่ลักลอบเข้ามาใช้ตึกแห่งนี้
    แต่ ทางที่ออกจากตึกได้ มีเพียงเส้นทางที่เราใช้เข้ามาเท่านั้น
    แถมเวลาการใช้ ก็เป็นช่วงประมาณหนึ่งทุ่ม 
    ซึ่งตรงกับเสียงที่เราได้ยินเข้า


  • เพื่อนดาวครุ่นคิด ขณะมองดูชื่อดังกล่าว
    "เหมือนเคยได้ยินจากที่ไหน จ็อฟฟรี่"

    ดูเหมือนว่าความชิลของเพื่อนดาวจะทำให้ข้อมูลขาดๆหายๆ
    จนกว่าเพื่อนดาวจะนึกอะไรออก
    เราคิดว่าจะเก็บข้อมูลตรงนี้เป็นความลับ
    เราเลยทำการลบข้อมูลทั้งหมดในเครื่องคอมพ์ทิ้ง
    แล้วสำรองมันไว้เพื่อค้นหาตัวคนร้ายต่อไป

    รวมถึงเสียงปริศนาตอนหนึ่งทุ่ม
    เหมือนกับเสียงกระทบของอะไรบางอย่าง
    ดังกังวานไปทั่วตึก ช่วงสั้นๆ พร้อมกับช่วงระยะเวลาใช้งานคอมพ์
    เราแน่ใจว่าต้องเป็นฝีมือของคนๆเดียวกัน


    วันรุ่งขึ้น 
    เราและเพื่อนดาวเดินทางมายังห้องควบคุมกล้องวงจรปิด
    ตรงชั้นสอง พบกับเจ้าหน้าที่ที่พร้อมจะรับเรื่องแจ้งของเราไว้
    เราสารภาพกับเจ้าหน้าที่ ว่าลักลอบขึ้นตึกมาในช่วงกลางคืน
    เพราะได้ยินเสียงแปลกประหลาด
    รวมถึงหลักฐานที่บอกว่ามีคนใช้ห้อง ในช่วงเวลาดึก

    แล้วก็เป็นไปอย่างที่คาด
    ดูเหมือนเจ้าหน้าที่หัวหน้ากล้องวงจรปิด 
    จะรู้จักการใช้เส้นสายในการทำงาน พูดกันเข้าใจง่าย

    เราทั้งสามต่างเข้าใจว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
    เป็นไปตามแผนที่เราวางไว้ เราได้เครดิตชายคนนี้มาแล้ว...

  • เจ้าหน้าที่คนนี้ ชื่อ เรศ
     หลังจากฟังข้อเสนอจนเข้าใจความจำเป็นในการใช้ห้องในช่วงกลางคืนของพวกเรา
    เขากลับปฏิเสธ เพราะมองว่ามันเกินความรับผิดชอบของนักศึกษาตัวเล็กๆ

    แต่เขาก็ช่วยสนับสนุนเต็มที่ในการอำนวยความสะดวก ต่อการสืบสวน
    แถมยังเสนอให้ นำอาจารย์ชั้นผู้ใหญ่ มาขอเปิดจุดใช้งานตึก
    เพื่อรับผิดชอบ 

    เราเห็นว่าอย่างน้อยก็มีทิศทางความเป็นไปได้ในการสร้างชุมชน
    เท่านี้ก็แค่ ฟาดเครดิตใส่หัวอาจารย์ชั้นผู้ใหญ่เข้าสองสามที
    เราก็จะได้ชุมชนของกลุ่มไส้เดือน และที่พักพิงของเด็กร่วมห้องทั้งหมด

    ไม่ช้า เครดิตก็จะมากพอให้โค่นล้มอำนาจของเหล่ารุ่นพี่
    เราอดยิ้มแบบมีความสุขกับอนาคตที่กำลังมาถึงไม่ได้เลย

    ใช่แล้ว

    วันนั้นจะมาถึง วันที่เรารอคอย
    วันที่เราจะได้ปลดปล่อยให้รุ่นพี่ไปผุดไปเกิด 
    รวมถึงวันล้มสลายของ
    กิจกรรมรับน้อง

    การมีตัวตนของเราจะเป็นข่าวร้ายต่อสมาชิกของระบบรับน้อง
    (หลังๆเราเริ่มลืมไปแล้ว ว่าเราไปเข้าเรียนเพื่อจะทำงาน ไม่ใช่ทำสงคราม)
  • เนื่องจากการขอเปิดจุดใช้งานของตึกใหม่
    จำต้องมีเหตุผลที่ฟังขึ้น

    เราเลยพยายามเตรียมข้อมูล 
    พร้อมกับวิธีในการพูดหว่านล้อม 

    ความประทับใจแรกสำคัญที่สุด 
    รวมถึงการทำให้เป้าหมายมองเห็นความสำคัญ
    มองเห็นปัญหา มองเห็นการมีผลประโยชน์ร่วมกัน

    แต่ ถ้าต้องมีการโหวต หรือ การออกค่าใช้จ่าย 
    เราจะต้องลำบากแน่ๆ 

    เป้าหมายที่เป็นอาจารย์ชั้นผู้ใหญ่ เข้ามายังห้องเรียน ตามคาปสอน
    กดรีโมทแอร์ 
    อยู่ๆ เราก็เอะใจ จนเสียสมาธิจากเรื่องที่กำลังตั้งใจจะทำ
    แล้วพบว่า

    "ถ้าคนร้ายไม่ได้อยู่ในห้องนั้นมาตั้งแต่แรกละ" 
    เราตะคอกใส่เพื่อนดาว ลั่นห้อง

    สิ่งที่เราเชื่อว่าคนร้ายอยู่ในห้องนั้น และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
    เพราะเราเข้าใจว่า ห้องนั้น คือห้องที่คนร้ายอาศัยอยู่ ด้วยแอร์ที่เย็นจัดจนผิดสังเกต

    ถ้าคนร้ายจงใจเปิด-ปิด แอร์ด้วยรีโมท ขณะอยู่อีกที่หนึ่ง
    นั้นอธิบายวิธีการหายตัวไปของคนร้าย 
    ขณะที่แอร์หยุดทำงานพร้อมๆกับการเข้ามาในห้องของพวกเรา...





  • แต่ถ้ารู้ว่าเรากำลังมา มีเวลาเหลือขนาดนั้น
    ทำไมยังจงใจทิ้งชื่อแอทเคาท์ 
    และชื่อกลุ่มไว้ให้เราดูล่ะ ?

    เราข้องใจกับชื่อจ็อฟฟรี่มาก
    เราเลยพยายามล็อกอิน โดยใช้ชื่อ และพาสเวิร์ด
     จากคำใบ้"คิงจ็อฟฟรี่" เป็นไอดี
     ส่วนพาสเวิร์ด น่าจะเป็นหมายเลขห้อง แต่ 552 มีแค่สามหลัก
    งั้นหมายความว่า ห้องอีกห้อง 
    จะต้องเป็นพาสเวิร์ดสามตัวที่เหลือ 551 552 553

    หลังจากเราลองทุกวิถีทางแล้ว ก็ไม่ได้คำตอบ

    "มันอยู่บนหลังคาป่าว" เพื่อนดาวพูดขึ้น

    ทำให้เราแน่ใจว่า ยังมีคำใบ้ที่เรายังคิดไม่ถึงอยู่อีก
    ห้องที่อยู่ข้างใต้ห้อง 552 นั้นเอง

    หลังจากใส่เลขห้องอีกสามตัวที่อยู่ถัดลงไป 542
    เราก็ล็อกอินได้ในที่สุด 
    อย่างที่คิด นี้เป็นแค่แอทเคาท์ว่างเปล่า
    คนๆนี้ กำลังต้องการจะสื่อสารอะไรบางอย่าง
    "สมาชิกกลุ่มเสื้อกันฝน" ที่เข้าได้โดยแอคเค้าท์ คิง จ็อฟฟรี่ เท่านั้น...


  • และแล้ว เราก็พบข้อความภายในกลุ่ม 
    เพียงหนึ่งข้อความ
    เป็นแอทเคาท์และกลุ่มที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์เดียว
    นั้นคือเพื่อส่งข้อความว่า

    "To the one who holds the keys to the truth.
    Until next time. "

     (น่าจะเขียนถูกนะ)

    ในตอนนั้น เราแน่ใจว่า
    ใครบางคนกำลังเฝ้ามองเราอยู่ จนรู้สึกตื่นเต้น

    กำลังคาดหวัง และเฝ้ารอ 
    ในตอนนั้น เรารู้แค่นั้น 

    หรือไม่ก็แค่พวกเล่นพิเรนทร์ ... 

    แต่หลังจากนั้นสามวัน อาจารย์ชั้นผู้ใหญ่ก็ช่วยรับผิดชอบสถานที่ชั้นล่างของตึกห้าทั้งหมด
    ให้เป็นสถานที่ทำงานของเด็กนักศึกษาปีหนึ่ง ตลอด 24 ชั่วโมง ! 
    (แน่นอนว่าเราแอบขึ้นไปใช้ห้องที่ถูกเลื่อยกลอน เพราะเราชอบที่เงียบๆ ความเสี่ยงเท่าเดิม) 

    (ตอนต่อไป เราจะได้เริ่มคดีที่สี่ซักที !)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in