เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
หาเรื่อง!Taepal
ของหายใจกลางกรุงเทพฯ
  • ช่วงนี้ คุณเคยทำของหายหรือเปล่าครับ
    ถ้าเคย คุณเข้ามาอ่านถูกเรื่องแล้ว มาดูกันว่า ถ้าทำของหายกลางกรุงเทพฯ แล้วจะเป็นยังไง!?

    เรื่องนี้เกิดขึ้นกับผมเองในวันศุกร์ที่อากาศค่อนข้างร้อนแรง
    ในขณะที่ผมกำลังออกจากร้านกาแฟแห่งหนึ่งในสามย่านช่วงบ่ายสองเพื่อจะกลับบ้าน

    พอนั่งบนวินมอไซค์ได้ไม่นาน ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า 
    "กระเป๋าตังค์อยู่ไหนนะ"
    ผมรีบหาในกระเป๋าเป้ที่แบกมา ทุลักทุเลอยู่บนวินมอไซค์นั่นแหละ
    "เข้ หาไม่เจอ!"
    พอลงจากรถมอไซค์ก็รีบหาให้ละเอียดอีกที ก็ยังไม่เจอ
    "พี่ กระเป๋าตังค์ผมเหมือนจะหายอะ"
    "เอ่อ.. ไม่เป็นไรน้อง มาส่งแค่นิดเดียว" พี่วินพูดด้วยเสียงเรียบ ๆ
    "อ้อ ผมจ่ายด้วย Promptpay ได้ไหมพี่" ด้วยความที่ผมชอบใช้เทคโนโลยีและไม่อยากให้พี่วินรู้สึกเซง ก็มีโอกาสได้ใช้ Cashless payment ไป 
    "อ๋อ ได้ครับ" พี่วินพูดพร้อมเปิดแอพธนาคารสีเขียวให้เพื่อสแกน QR code

    พอผมพาตัวเองมาตั้งสติที่ห้องได้ ก็รีบคิดว่า จะเอายังไงต่อ พอคิดได้ว่า "จริง ๆ ลองกลับไปดูที่ร้านกาแฟ ถามพี่ยามแถวนั้น น่าจะเวิร์คที่สุดสำหรับชั่วโมงนี้" เลยเปลี่ยนชุดสบาย ๆ เพื่อรับมือกับอากาสข้างนอก เตรียมเงินที่พอมีอยู่บ้างไว้เดินทาง จากนั้นรีบนั่งวินกลับไป..

    "เจอมั้ยน้อง" พี่บาริสต้าถาม
    "ไม่เจอเลยครับ ถ้าเจอ ยังไงบอกผมด้วยนะพี่"
    "ได้ครับ"
    ผมเดินออกจากร้านกาแฟด้วยความปลงเพื่อไปยังป้อมยามใกล้ ๆ ขณะเดียวกันก็พยายามดูถนนหนทางเดินซ้ำไปซ้ำมาเหมือนเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ
    "ไม่มีเลยหนู ทำตกแถวไหนล่ะ"
    "คิดว่า แถว ๆ นี้ตอนขึ้นวินมอไซค์ครับ ถ้าเจอแล้วยังไงฝากเก็บไว้ก่อนนะครับ กระเป๋าตังค์สีดำนะครับ"
    "ได้จ้ะ" พี่ยามผู้หญิงตอบพลางยื่นบัตรจอดรถให้กับรถที่ขับเข้ามาในบริเวณ
    พอมาคิดดูอีกที แล้วเค้าจะติดต่อเราได้ยังไงนะ ถ้าเค้าเจอกระเป๋าตังค์แล้ว เพราะกระเป๋าตังค์เองก็ไม่ได้มีเบอร์มือถือเราอยู่

    ผมคิดว่า วิธีที่ดีที่สุดตอนนี้ คือ รีบกลับไปที่ห้องเพื่อโทรไปอายัดบัตร ATM ที่หายไปทั้งหมดก่อน (เพราะข้อมูลสมุดบัญชี/เลขบัตรอยู่ที่บ้านหมดเลย)
    ในขณะที่ยืนปรับทุกข์กับรุ่นพี่คนหนึ่งที่กลับทางเดียวกันบนรถไฟใต้ดิน ก็มีเบอร์แปลก ๆ โทรมา..
    "สวัสดีครับ"
    "สวัสดีค่ะ คุณ ศ. หรือเปล่าคะ ไปทำกระเป๋าตังค์หายที่ไหนหรือเปล่า"
    "ใช่ครับ กระเป๋าตังค์หาย เพิ่งไปหาแถว ๆ สามย่านมา แต่ไม่เจอเลยครับ" ในใจเริ่มมีความหวังขึ้นมา!
    "แล้วในกระเป๋าตังค์มีเงินเยอะไหมคะ"
    ผมคิด ถามทำไม งง
    "มีประมาณ 500 บาทครับ"
    "คุณคิดว่าโดนล้วงกระเป๋าที่ไหนหรือเปล่าคะ ไม่มีเงินเลยนะ"
    "อ่าวเหรอครับ แล้วตอนนี้กระเป๋าตังค์อยู่กับพี่หรือเปล่าครับ"
    "ใช่ค่ะ มีบริการขนส่งเจ้านึงเอามาส่งให้ บอกว่าเก็บได้ที่ถนนเชื้อเพลิง เพราะมีบัตร ATM ธนาคารเราอยู่ ยังไงมารับสาขาบ่อนไก่นะคะ"
    "บ่อนไก่เหรอครับ ได้ครับ ผมอยู่รถไฟฟ้าใต้ดินพอดี เดี๋ยวรีบไปครับ"
    "ก่อนห้าโมงนะคะ"
    "ได้ครับ" ใจพองโตมากกก ในที่สุดก็เจอกระเป๋าตังค์!

    หลังจากที่รับกระเป๋าตังค์จากผู้จัดการธนาคารแห่งนั้นและกล่าวขอบคุณ ก็รู้สึกว่า..
    เรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับตัวผมมาก เราไม่รู้เลยว่ากระเป๋าตังค์เราไปผจญภัยที่ไหนบ้าง และที่แน่ ๆ มันไม่ได้ตกที่ถนนเชื้อเพลิงแน่นอน เพราะผมไม่ได้ไปแถวนั้นเลยวันนี้
    ยังไงก็ตาม อยากจะชื่นชมคนไทยด้วยกันเองด้วยที่เข้าใจหัวอกคนที่ทำของหา แล้วเอามาคืน

    พอเขียนเรื่องนี้เสร็จ แล้วก็อยากรู้สถิติของคนที่ทำของหาย ก็พบตัวเลขที่น่าสนใจ คือ..
    1. คนอเมริกัน ใช้เวลา 2.5 วัน (60 ชั่วโมง) ต่อปีในการตามหาของที่หาย
    2. คนทั่วไปใช้เวลา 1 ปีโดยประมาณเพื่อตามหาของที่หายตลอดทั้งชีวิต

    เห็นแบบนี้ก็แอบรู้สึกเสียเวลาเหมือนกันนะ..
    หวังว่าทุกคนจะสัมผัสกับความรู้สึกอยากบริหารเวลา/สติมากขึ้นจากเรื่องนี้นะครับ ?

    Sources:
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in