เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[JackBam] Angels /GOT7 FanFictionChunari_CJ
Chapter 12 : ปีก
  • ห้องสีฟ้าอ่อนที่ตกแต่งด้วยตัวการ์ตูนน่ารักๆ สำหรับเด็กเปิดไฟสว่างจ้า สร้างความแปลกใจให้กับจินยอง เพราะห้องนี้เป็นห้องตรวจเฉพาะของแบมแบมคนเดียวเท่านั้น ปกติจึงไม่ค่อยมีใครเข้ามาสักเท่าไหร่ แต่เมื่อสายตาเข้มงวดกวาดดูรอบๆ ห้อง ก็ได้เห็นรองเท้าคอมแบ็ตคู่ที่ดูหนาหนักโผล่พ้นออกมาจากฉากกั้นบนเตียงสำหรับตรวจของแบมแบม จินยองถอนหายใจแล้วเดินไปยังโต๊ะทำงานใกล้ๆ เสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดของเก้าอี้เก่าทำให้คนที่อยู่บนเตียงรู้สึกตัว แต่ก็ยังคงนอนต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

    “บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าใส่รองเท้าขึ้นเตียง” น้ำเสียงของหัวหน้าแผนกวิจัยราบเรียบ ไม่ได้แสดงออกถึงอารมณ์ขัดใจเหมือนคำพูดแต่อย่างใด

     

    “โทษที มาถึงก็สลบไปเลย” เสียงทุ้มต่ำของคนที่นอนอยู่บนเตียงตอบกลับมา

     

    “ทำไมไม่กลับไปนอนที่หอดีๆ ล่ะ” จินยองถามทั้งๆ ที่รู้คำตอบ

     

    “ขี้เกียจอ่ะ เดี๋ยวก็ต้องออกไปอีกนี่นา” รองเท้าคอมแบ็ตเริ่มกระดิกไปมาอย่างอารมณ์ดี แสดงให้เห็นว่าคนบนเตียงเริ่มตื่นเต็มที่  “แจ็คสันล่ะ”

     

    “เห็นเด็กบอกว่าเปลี่ยนชุดออกไปตั้งแต่เมื่อคืน คงจะกลับบ้านไปแล้วมั้ง คนไฮเปอร์แบบนั้น ให้มานอนอยู่เฉยๆ ก็คงจะเบื่อ” จินยองหันไปทำงานกับหน้าจอ รายงานและกราฟสถิติต่างๆ ปรากฎขึ้นทันทีที่นิ้วเรียวยาวสแกนลงบนแพด

     

    “แล้วเด็กนั่นล่ะ”

     

    “ยูคยอมน่ะเหรอ ยังเก็บตัวอยู่ในห้อง ไม่ยอมออกมา นายก็ยกเลิกพักงานเค้าได้แล้ว จะได้ออกมาเจอผู้เจอคนบ้าง เก็บตัวนานๆ เดี๋ยวก็กลับไปเป็นแบบเดิมอีก เปลี่ยนจากพักงานเป็นใช้งานหนักแทนไม่ได้รึไง”

     

    “อืม ถ้านายเซ็นรับรองให้ ก็คงจะได้ล่ะมั้ง” คนที่นอนอยู่ยังคงโต้ตอบโดยไม่มีท่าทีจะลุกขึ้นจากเตียง

     

    “นี่ เจบี”

     

    “หืม”

     

    “ฉันได้ข้อมูลเรื่องเมทของแบมแบมแล้วนะ” เสียงรูดฉากกั้นดังขึ้นแทบจะทันทีที่จินยองพูดจบประโยค เจบีลุกขึ้นมานั่งห้อยขาลงมาจากเตียง

     

    “ได้อะไรบ้าง!!” น้ำเสียงของหัวหน้าแผนกลาดตระเวนปกปิดความตื่นเต้นไว้ไม่มิด 

     

    “ก็แค่ชื่อ” จินยองเอนหลังลงที่พนักเก้าอี้แล้วหลับตา

     

    “เอาเถอะ ก็ยังดี...  ชื่ออะไรล่ะ” 

     

    “เจียเออร์”

     

    “เจียเออร์????”

     

    “แปลกใช่มั้ยล่ะ” จินยองยกตัวขึ้นจากพนักเก้าอี้แล้วหันกลับมาสบตากับเพื่อนสนิทอย่างขอความเห็น

     

    “นั่นสิ แองเจิ้ลส์อะไร ชื่อแปลกชะมัด” เจบีพยักหน้าให้ช้าๆ พยายามครุ่นคิดถึงลิสต์รายชื่อแองเจิ้ลส์ที่อยู่ในบริเวณนี้ทั้งหมด “ที่แน่ๆ คงไม่ได้อยู่แถวนี้  เดี๋ยวฉันลองไปติดต่อสอบถามกับสาขาฮ่องกงแล้วก็ที่จีนดู อาจจะอยู่แถวๆ นั้น อย่างน้อยก็ได้ชื่อแล้ว ให้รอช้ากว่านี้คงไม่ดีแน่ๆ” ร่างสูงของหัวหน้าแผนกลาดตระเวนก้าวลงจากเตียง 

     

     “ฝากด้วยนะ”

     

    “ไม่ต้องห่วงน่า จะรีบหาให้เจอแน่นอน” เจบีโบกมือแล้วเดินออกจากห้องไป

     

    จินยองทิ้งตัวลงบนพนักเก้าอี้อีกครั้ง ชายหนุ่มครุ่นคิดถึงชื่อที่ได้มาจากแบมแบมเมื่อหลายวันก่อน ชื่อที่เขาได้ยินครั้งแรกยังรู้สึกแปลกใจ เพราะชื่อของแองเจิ้ลส์ส่วนใหญ่  เมื่อแปลออกมาเป็นภาษาของมนุษย์แล้วจะเป็นชื่อที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติซะส่วนมาก แล้วก็ยังบ่งบอกถึงลักษณะเฉพาะของแองเจิ้ลส์คนนั้นได้กลายๆ อีกด้วย

     

    ยกเว้นก็แต่ชื่อของแบมแบมที่พวกเขาเป็นคนตั้งให้  เพราะแบมแบมบอกว่าจำชื่อของตัวเองไม่ได้ แองเจิ้ลส์คนอื่นๆ ในสถาบันเรียกเด็กน้อยว่า “ไวท์” ซึ่งเป็นชื่อที่แบมแบมเกลียดที่สุด เจบีก็เลยตั้งชื่อให้เด็กน้อยว่าแบมแบมจากซองขนมที่เขาชอบกินในตอนนั้น ไม่น่าเชื่อว่าขนาดชื่อเมทของแบมแบมเองก็ยังแตกต่างจากแองเจิ้ลส์ทั่วไป ชายหนุ่มส่ายหัวเบาๆ คิดไปตอนนี้ก็เปล่าประโยชน์ ที่เหลือคงต้องฝากความหวังไว้กับเจบีแล้ว หวังว่าพวกเขาคงจะหาตัวแองเจิ้ลส์คนนั้นมาได้ทันเวลา ก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้นกับแบมแบม

    .

    .

    .

    .

    .

    คฤหาสน์หลังใหญ่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวบนยอดเนินสูงของเขตที่พักอาศัย ภายในตกแต่งไว้อย่างหรูหราด้วยดีไซน์ผสมผสานจีนยุโรปอย่างลงตัว ทุกทางเข้าออกเต็มไปด้วยชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำสวมแว่นดำ และคนรับใช้ในชุดฟอร์มแบบจีนเดินกันขวักไขว่

     

    ชายชาวเอเชียวัยกลางคนในชุดสูทชั้นดีสีเทา ทรงผมเรียบแปล้อย่างนักธุรกิจเต็มขั้นนั่งหลังตรงอยู่บนโซฟาของชุดรับแขกสไตล์ยุโรปดูหรูหราในห้องรับรองโอ่โถง กระเป๋าโลหะสีเงินขนาดย่อมวางอยู่ข้างกาย มือของเขาลูบกระเป๋าโลหะเย็นเฉียบไปมาด้วยความกังวล ไม่กี่อึดใจต่อมา ประตูหนาหนักของห้องรับแขกก็เปิดออก ชายสูงวัยที่ดูทรงอำนาจในชุดถังจวงสีน้ำเงินเข้มปักลวดลายด้วยดิ้นเงินเดินเข้ามาด้วยท่าทีกระฉับกระเฉง  ถัดมาอีกหนึ่งช่วงตัวเป็นพ่อบ้านวัยกลางคนในชุดเสื้อขาวกางเกงดำ ผมสั้นที่เซ็ทเป็นระเบียบราวกับไม่เคยยาวขึ้นเลยแม้แต่น้อยตั้งแต่รู้จักกันมา คังจุนซาลุกขึ้นโค้งคำนับให้คนที่เพิ่งเข้ามาใหม่โดยอัตโนมัติ

     

    ร่างกำยำที่ดูราวกับชายวัยกลางคนปลายๆ มากกว่าจะเป็นคนที่อยู่ในอายุช่วงบั้นปลายพยักหน้ารับ แล้วนั่งลงตรงโซฟายาวตัวหลักของชุดรับแขก พ่อบ้านคนสนิทเดินแยกออกไปอีกทางเพื่อเตรียมน้ำชามาเสิร์ฟ คังจุนซานั่งนิ่งรอคอยอย่างอดทน

     

    ไม่กี่อึดใจต่อมาอาจูก็ยกน้ำชามาเสิร์ฟให้ทั้งเจ้านายและแขกแล้วจึงถอยไปยืนด้านหลัง ท่านหลี่ยกชาขึ้นจิบพอเป็นพิธีแล้วจึงพยักหน้าให้สัญญาณแก่ชายที่กำลังรออยู่ คังจุนซาวางกระเป๋าสีเงินลงบนโต๊ะรับแขกอย่างแผ่วเบา แล้วดันออกไปจนอยู่ต่อหน้าบุรุษผู้ทรงอำนาจ มือหยาบหนาของท่านหลี่ดูจะสั่นเล็กน้อยขณะที่ยื่นออกมารับกระเป๋าไปเปิดดูสิ่งที่อยู่ข้างใน สายตาพึงพอใจฉายชัดเมื่อได้เห็นสิ่งที่กำลังรอคอย ชายชราปิดกระเป๋าแล้วส่งให้อาจูพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย อาจูรับกระเป๋ามาถือไว้แล้วกดโทรศัทพ์สั่งการบางอย่าง คังจุนซาลอบถอนหายใจอย่างแผ่วเบา

     

    “ฉิวเฉียดเลยสินะ” เสียงทรงอำนาจเอ่ยทัก

     

    “ขออภัยครับ ทางเราเกิดเหตุสุดวิสัยบางอย่าง” ชายวัยกลางคนค้อมหัวลงต่ำครูหนึ่งแล้วกลับมายืดตัวตรงเช่นเดิม

     

    “ก็ยังถือว่าทันเวลา..  คิดแผนการล่วงหน้าเอาไว้บ้างรึยังล่ะ  เวลาใกล้จะหมดแล้วไม่ใช่รึไง”

     

    “ก็มีบ้างครับ แต่ผมขอยืนยันว่ายังไงก็จะทำไปจนกว่าจะถึงที่สุด”

     

    “เอาเถอะ จะเอายังไงก็บอกมาแล้วกัน ใช้บริการทางนี้ก็ยังถือว่าสะดวกที่สุดล่ะนะ ขอบใจมาก” 

     

    “ขอบคุณครับท่านหลี่”  ชายชราลุกขึ้นแล้วเดินจากไปแทบจะในทันทีที่คังจุนซาพูดจบ ชายวัยกลางคนลุกขึ้นยืนค้อมตัวเล็กน้อยเพื่อส่ง ปลายหางตาจับความเคลื่อนไหวของพ่อบ้านคนสนิทที่รีบเดินตามนายไปทันที คังจุซาทรุดลงนั่งเมื่อชายทั้งสองคนออกไปจากห้องเรียบร้อยแล้ว ผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าถูกยกขึ้นมาซับเหงื่อที่ซึมอยู่บนหน้าผาก ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่ได้อยู่ต่อหน้าชายชราผู้นี้ เขาก็ไม่เคยชินสักที

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    ท่ามกลางแสงแดดยามสายที่ส่องลอดหลังคาโปร่งของโดมไม้ เสียงหัวเราะสดใสยังคงก้องกังวานไปทั่วรังของแองเจิ้ลส์น้อย แจ็คสันนั่งขัดสมาธิอยู่กลางฟูกที่ถูกสานขึ้นด้วยสิ่งที่ดูเหมือนใบไม้เรียวยาว แต่ยัดไส้เอาไว้ด้วยวัสดุนุ่มนิ่มหลายๆ อย่าง รวมทั้งขนปีกเส้นสั้นๆ สีขาวที่โผล่ออกมาให้เห็นอยู่ทั่วไป ชายหนุ่มนั่งอมยิ้ม สายตาจับจ้องไปยังร่างเล็กสีขาวที่นอนกลิ้งไปมาอยู่ที่ริมเตียง เสียงหัวเราะยังไม่จางหายทั้งที่เมื่อสักครู่เพิ่งจะร้องไห้มาหยกๆ

     

    “พอได้แล้วแบมแบม ขำอะไรเฮียนักหนาเนี่ย ลุกขึ้นมาเร็วเข้า” มือใหญ่กว่าคว้าข้อมือเล็กเพื่อดึงให้ลุกขึ้น แต่คนตัวเล็กตรงหน้ากลับทำตัวอ่อนปวกเปียก

     

    “แจ็คเป็นเต่า.. คิคิคิคิคิ” แองเจิ้ลส์น้อยช้อนตาขึ้นมอง คำพูดยังคงยืนยันความคิดแล้วต่อด้วยอาการหัวเราะคิกคักไม่เลิก น่าจับมาฟัดซะจริงๆ

     

    “อารมณ์ดีแล้วสินะ” แจ็คสันถามยิ้มๆ เด็กน้อยผงกหัวให้แล้วกลิ้งไปกลิ้งมาข้างๆ เขา  ชายหนุ่มยึดไหลเล็กแล้วดึงตัวเด็กน้อยให้ขึ้นมานั่งดีๆ

     

    “ไหนดูสิ เมื่อคืนเจ็บตรงไหนรึเปล่า พวกมันทำอะไรนาย” มือหนาไล่พลิกข้อมือเล็กเพื่อสำรวจ ท่อนแขนเรียวถูกพลิกกลับไปกลับมาเพื่อหารอยแผล สายตาคมไล่หาร่องรอยบาดเจ็บไล่ไปจนถึงลำคอขาวที่มีปลอกคอไฟฟ้าสีดำสวมอยู่ แจ็คสันเชยคางเด็กน้อยให้เงยหน้าขึ้น เพื่อสำรวจรอบปลอกคอชัดๆ แต่ร่างกายของแบมแบมไม่มีหลักฐานว่าถูกทำร้ายหลงเหลืออยู่เลย ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไปโดนปลอกคอนี่เข้าลำคอคงจะมีแต่รอยช้ำจนไม่อาจแม้แต่จะขยับตัว แจ็คสันพยายามหาทางแกะปลอกคอไฟฟ้าออก ชายหนุ่มไล้มือไปตามเส้นปลอกคอเพื่อหาปุ่มอะไรสักอย่าง และดูเหมือนว่าแองเจิ้ลส์น้อยจะรู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ มือเล็กเลื่อนมากุมมือของเขาไว้แล้วส่ายหน้าเบาๆ ชายหนุ่มจึงยอมล้มเลิกความพยายาม

     

    “ไม่แฟร์เลย ทำไมพวกเขาถึงต้องทำแบบนี้กับนายด้วย” แบมแบมเพียงแต่ส่งยิ้มจางๆ ให้เขาโดยไม่โต้ตอบ แจ็คสันเดาได้ว่าแบมแบมคงไม่อยากให้เขาพูดถึงเจบีหรือจินยองในแง่ร้าย เขาจึงยอมหยุด เพราะเขาเองก็สัมผัสได้ว่าเจบีและจินยองให้ความเอาใจใส่แบมแบมมากกว่าคำว่าแองเจิ้ลส์ของสถาบัน ชายหนุ่มจึงเบนความสนใจ เปลี่ยนไปสำรวจรังของแองเจิ้ลส์น้อยแทน

     

    ภายในรังทั้งสว่างแล้วก็กว้างขวาง อากาศก็ยังถ่ายเทได้สะดวก เขายังไม่รู้สึกถึงความอึดอัดเลยสักนิดตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ชายหนุ่มกวาดสายตาไปรอบๆ พื้นรังทำจากดินเหนียวที่ถูกปาดจนเรียบเสมอกัน เขาคิดว่าข้างใต้พื้นดินเหนียวเองก็คงเป็นกิ่งไม้ใบไม้สานเช่นเดียวกับด้านบน ความสามารถของแองเจิ้ลส์ช่างน่าทึ่ง ขนาดแบมแบมเป็นแองเจิ้ลส์ที่ไม่ใช่ผู้ใหญ่เต็มตัว ยังทำได้ถึงขนาดนี้

     

    “นี่แบมแบมทำเองหมดเลยเหรอ เก่งจังนะ” แองเจิ้ลส์น้อยพยักหน้ารัวๆ ริมฝีปากที่นุ่มนิ่มเหมือนเยลลี่ฉีกยิ้มกว้างด้วยความภาคภูมิใจ ตากลมโตไล่มองตามสายตาสำรวจของแจ็คสันแล้วก็ลอบมองเสี้ยวหน้าของชายหนุ่มไปในตัว สายตาของแจ็คสันไล่มาจนถึงบริเวณผนังที่อยู่ริมด้านในของฟูก และกำลังจะเอี้ยวตัวกลับเพื่อหันไปดูด้านที่เขาคิดว่าควรจะเป็นหัวเตียงหรือหัวฟูกหรือรังหรืออะไรก็ตามแต่ที่แบมแบมเอาไว้นอน แต่ถูกมือเล็กดึงให้หันกลับมา

     

    “หืม มีอะไรเหรอแบมแบม” ชายหนุ่มถาม แต่เด็กน้อยไม่ตอบ ได้แต่ส่ายหน้า ใบหน้าใสเป็นสีชมพูระเรื่อ ในเมื่อเด็กน้อยบอกว่าไม่มีอะไรเขาก็เลยจะหันกลับไปดูที่หัวเตียงอีกครั้ง แต่แบมแบมก็ดึงให้เขาหันกลับมาอีก

     

    “เอ๊ะ หรือว่าซ่อนอะไรเอาไว้ห๊ะ ไม่อยากให้เฮียเห็นอะไรรึไง” แจ็คสันส่งสายตารู้ทันแล้วทำท่าจะหันกลับไปอีกครั้ง แองเจิ้ลส์น้อยกระตุกมือเขารัวๆ ทั้งสองคนเล่นเอาล่อเอาเถิดอย่างสนุกสนาน แบมแบมเผลอหลุดหัวเราะออกมามือเล็กกลายเป็นดึงเขาเล่นๆ แทนที่จะห้ามอย่างจริงจังเหมือนครั้งแรก ชายหนุ่มแกล้งหันไปหันมาให้เด็กน้อยไม่ทันระวังตัว พอได้จังหวะเขาก็หันกลับไปด้านหลังทั้งตัวอย่างรวดเร็ว แบมแบมที่ตกใจวิ่งอ้อมมานั่งดักหน้าเขาไว้ได้ทันท่วงที ร่างเล็กนั่งบังบางสิ่งบางอย่างที่เขาเห็นแวบๆ ว่าเป็นกองอะไรสักอย่าง ตรงส่วนหัวนอนมีกิ่งไม้ขนาดย่อมเรียงเอาไว้คล้ายเป็นชั้นวางของเขาเห็นหุ่นฟางสองสามตัวตั้งอยู่

     

    “ขี้โกงนี่นาแบม แองเจิ้ลส์นี่ไวจริงๆ เลย ขอเฮียดูหน่อยซี่ ซ่อนอะไรไว้บอกมานะ” แจ็คสันชะโงกซ้ายทีขวาที แต่แบมแบมก็โยกตัวบังเอาไว้ตลอด

     

    “เอ๊ะ นั่น อะไรน่ะ!!” มุกคลาสสิกถูกควักออกมาใช้ ชายหนุ่มตะโกนเสียงดังพร้อมกับชี้ขึ้นไปที่เพดานโดมด้านหลังแบมแบม เด็กน้อยหลงกลหันไปดูตามเสียงของเขาด้วยความตกใจ แจ็คสันจึงได้โอกาสจับไหล่ทั้งสองข้างของเด็กน้อยเอาไว้แล้วเบี่ยงร่างเล็กออกให้พ้นสายตา แบมแบมตกใจพยายามขืนตัวกลับมานั่งที่เดิมแต่เด็กน้อยก็รู้ว่าความลับของเขาได้ถูกเปิดเผย ร่างเล็กจึงขยับออกไปนั่งข้างๆ แทน มือเล็กยกขึ้นปิดหน้าไว้ด้วยความเขินอาย

     

    ตรงหัวเตียงใต้กิ่งไม้ที่ดูเหมือนชั้นวางของ มีตุ๊กตาเต่ากองพะเนินหนึ่งกอง และกองเล็กกองน้อยกระจายไปทั่ว ตุ๊กตาเต่าตัวเล็กตัวน้อย ทั้งแบบสานขึ้นจากใบไม้ กระดาษ เถาวัลย์ มีทั้งตัวที่แห้งจนคล้ายฟาง ทั้งตัวที่ยังเขียวสด แจ็คสันรู้สึกบอกไม่ถูกกับภาพที่ได้เห็น มันทำให้หัวใจของเขาทั้งอบอุ่น ทั้งจั๊กจี้ ทั้งร้อนรนแบบแปลกๆ เขาหันไปมองแบมแบม เด็กน้อยยังคงปิดหน้าปิดตา แต่หูที่กางเล็กๆ นั่นกำลังแดงแจ๋ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเต่าพวกนี้หมายถึงใคร เพราะแบมแบมย้ำคำนั้นอยู่ตลอด.. แจ็คเป็นเต่า.. และเต่าทั้งหมดนี่บอกได้ว่าแบมแบมคิดถึงเขามากแค่ไหน

     

    “อ้อ.. เอ่อ.. เอ่อ..” ชายหนุ่มพยายามจะทำลายความเงียบในบรรยากาศ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะสรรหาคำพูดไหนออกมาดี ต่างคนต่างก็เขินกันไปหมด มือไม้รู้สึกมันจะเกะกะจนต้องยกขึ้นมาเกาคอแก้เก้อทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้รู้สึกคันอะไร

     

    “ตะ เต่าพวกนี้น่ารักดีเนอะ แบมแบมคงจะ.. ชอบเต่า..” สองพยางค์สุดท้ายลอดริมฝีปากออกมาเพียงแผ่วเบา แจ็คสันพยายามเบนความสนใจไปหาอย่างอื่นต่อ และตุ๊กตาฟางรูปคนบนชั้นก็ดูจะเข้าท่าดี ชายหนุ่มจึงเอื้อมไปหยิบมาดู

     

    “แบมแบม นี่ใครน่ะ” เสียงทุ้มพยายามดึงความสนใจให้เด็กน้อยเลิกปิดหน้าปิดตา แบมแบมแหวกนิ้วออกเพื่อมองสิ่งที่ถูกถามถึง

     

    “จีน” มือเล็กเลิกปิดหน้าเมื่อเห็นว่าแจ็คสันไม่ได้ให้ความสนใจกับเต่าของเขาอีกแล้ว แต่หูทั้งสองข้างยังคงเป็นสีแดงจางๆ

    “แล้วนี่ล่ะ” แจ็คสันหยิบตุ๊กตาคนอีกตัวขึ้นมา

     

    “เจบี” ชายหนุ่มกวาดสายตามองหาตุ๊กตารูปคนตัวอื่นๆ แต่ก็ไม่เห็นมี ความรู้สึกดีใจเล็กๆ ก่อตัวในหัวอก เขาวางตุ๊กตาคนทั้งสองตัวกลับไปที่เดิมอย่างระมัดระวัง แล้วหยิบตุ๊กตาแองเจิ้ลส์อีกสองตัวขึ้นมาแทน

     

    “นี่พ่อกับแม่เหรอ” แบมแบมพยักหน้าช้าๆ รองยิ้มจางๆ แฝงด้วยความเศร้าสร้อย ชายหนุ่มรับรู้ได้ว่าแองเจิ้ลส์น้อยไม่อยากพูดถึง เขามองปีกของตุ๊กตาอย่างพินิจพิจารณาแล้ววางตุ๊กตากลับลงไปที่เดิม ร่างสูงหันมานั่งประจันหน้าแล้วจ้องตากลมโตของเด็กน้อย แบมแบมจ้องตาเขาตอบแล้วขยับนั่งคุกเข่าดีๆ รอฟังสิ่งที่จะตามมาเมื่อรู้สึกได้ถึงความจริงจังบางอย่าง

     

    “แบม.. กางปีกให้เฮียดูหน่อยได้มั้ย” สิ้นเสียงคำถามเด็กน้อยก็ทำตาโตเหมือนเขากำลังพูดเรื่องเหลือเชื่อออกมา เด็กน้อยสั่นหัวอย่างรุนแรงทันที

     

    “น่านะ ในนี้ไม่มีใครสักหน่อย ให้เฮียดูแป๊บเดียวเอง” ชายหนุ่มพยายามตื้อ ถ้าเป็นเมื่อวานเขาคงไม่กล้าขออะไรแบบนี้ แต่เต่ากองนั้นบอกอะไรเขาบางอย่าง

     

    “ไม่เอา.. น่าเกลียด” เด็กน้อยก้มหน้า มือสองข้างกำแน่น และยังคงส่ายหน้าอย่างแรง

     

    “ไม่น่าเกลียดสักหน่อย”

     

    “ไม่เอา แจ็คจะเกลียด” เสียงเล็กเริ่มสั่นเครือ หัวสีขาวยังคงส่ายหน้าไปมาไม่หยุด น้ำตาเม็ดโตหยดลงที่หัวเข่า

     

    “ไม่เอานะ อย่างร้องสิ แจ็คไม่เกลียดแบมแบมหรอกนะ”

     

    “แต่ทุกคนเกลียด ฮึก..”  เด้กน้อยกลั้นสะอื้นเพราะถูกขอร้องให้หยุด

     

    “แบม.. ฟังนะ ใครจะเกลียดก็ช่าง  แต่คุณเต่าของแบมแบม จะไม่มีวันเกลียดแบมแบมเด็ดขาด” ชายหนุ่มกุมมือเล็กแล้วยกขึ้นมารวบไว้ด้วยกัน ออกแรงดึงเล็กน้อยเพื่อให้เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองเขา รอยยิ้มมั่นคงกับสายตาจริงจังทำให้เกิดประกายลังเลไหววูบในตากลมโต แจ็คสันกุมมือเล็กทั้งสองข้างเอาไว้ด้วยมือเดียว แล้วใช้มือที่ว่างอยู่เช็ดน้ำตาให้กับตาคู่สวยอย่างแผ่วเบา

     

    “แต่ว่า...” แองเจิ้ลส์น้อยยังคงลังเล

     

    “อึก!  โอ๊ะ!! โอ๊ย!!” ร่างของแจ็คสันกระตุก มือหนาปล่อยมือของเด็กน้อยแล้วกุมหน้าอกแน่นแล้วทิ้งตัวลงนอนคุดคู้อยู่บนฟูก

     

    “แจ็ค!!!!” เด็กน้อยลนลานเขย่าตัวชายหนุ่มที่นอนร้องโอดโอย

     

    “เจ็บ!!  ไหน!!” มือเล็กพยายามหาบาดแผลที่สร้างความเจ็บปวดให้ชายหนุ่ม

     

    “เจ็บตรงนี้..” มือของแจ็คสันจับมือเล็กมาวางที่หัวใจ “แต่ว่า.. ถ้าได้เห็นปีกของแบมแบม จะต้องหายแน่เลย” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันจนแทบจะผูกปม ทั้งงุนงงทั้งลนลาน

     

    “โอ๊ยยยย เจ็บมากเลยแบม ทนไม่ไหวแล้ว” ชายหนุ่มยังคงร้องโอดโอย ดิ้นไปมาทั้งๆ ที่กุมมือของแองเจิ้ลส์น้อยเอาไว้ตรงหัวใจ

     

    “จะหายเหรอ..” แองเจิ้ลส์น้อยถามอย่างลังเล แววตาใสซื่อเชื่อชายหนุ่มอย่างสนิทใจ

     

    “หายสิ.. นะ” เสียงเว้าวอนออดอ้อนส่งไปถึงแองเจิ้ลส์น้อยที่ยังคงลังเล ร่างเล็กครุ่นคิดอยู่เพียงชั่วครู่ ก็ตัดสินใจได้ แบมแบมดึงมือที่ถูกกุมไว้ออกมาจากมือของชายหนุ่ม ร่างเล็กมองไปรอบๆ เพื่อกะระยะ แล้วถอยออกไปอยู่ในจุดที่คิดว่าเหมาะสม คนที่นอนอยู่บนฟูกยังคงส่งเสียงโอดโอยแบบพอเป็นพิธี แต่สายตาจับจ้องที่แองเจิ้ลส์น้อย ร่างเล็กถอดเสื้อแขนสั้นสีขาวออกจากตัวแล้วคุกเข่าหลับตาปี๋

     

    “แบมแบมทำอะ..”  แจ็คสันตกใจที่เห็นเด็กน้อยถอดเสื้อ แต่เพียงแค่เสี้ยววินาทีนั้นเอง..

     

    พรึ่บ!!  เสียงสะบัดปีกดังขึ้นเบาๆ แต่ก้องไปทั่วโดมไม้ ปีกสีขาวบริสุทธิ์แผ่ออกเต็มความกว้าง ปลายปีกแผ่วพริ้วราวกับมีสายลมพัดผ่าน ขนอ่อนของปีกที่หลุดออก กระจายตัวฟุ้ง แล้วค่อยๆ ลอยละล่องลงสัมผัสพื้น ชั่วพริบตาที่แบมแบมกางปีก แจ็คสันได้เห็นภาพที่เขาคิดว่างดงามที่สุดในโลก เบื้องหลังเป็นลำแสงจากภายนอกส่องลอดเพดานลงมาเป็นลำเล็กๆ สีทอง ตกต้องกับปีกสีขาวบริสุทธิ์ งดงามยิ่งกว่าสีขาวใดที่เขาเคยเห็น เส้นผมสีขาวดูเหมือนส่องประกายสีเงินเพียงชั่วครู่ แจ็คสันรู้สึกเหมือนได้เห็นวงแหวนฮาโลสีทองลอยอยู่เหนือหัวแบมแบมยังไงอย่างงั้น

     

    ชายหนุ่มอ้าปากค้าง ร่างกายแข็งทื่อเหมือนถูกตรึงไว้ด้วยมนต์สะกด ในสายตาเขามีเพียงปีกสีขาวที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น  แบมแบมที่คุกเข่าหลับตาปี๋เริ่มเอ๊ะใจถึงความเงียบ จึงค่อยๆ หรี่ตาขึ้นดูทีละข้าง เห็นเพียงชายหนุ่มนั่งนิ่ง

     

    “แจ็ค..” เสียงเรียกแผ่วเบาปลุกให้เขารู้สึกตัว แจ็คสันมองตามเสียงเรียก แบมแบมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ แต่พยายามกลั้นเอาไว้

     

    “น่าเกลียดเหรอ”

     

    “ถ้าใครบอกว่าปีกของแบมแบมน่าเกลียดนะ.. เฮียจะไปตบปากมันให้ปากหลุดเลย” แจ็คสันขยับเข้าไปใกล้แล้วลูบหัวสีขาวของเด็กน้อย

     

    “ปีกของแบมแบม.. สวยมาก.. สวยที่สุดในโลก.. สวยกว่าปีกของแองเจิ้ลส์คนไหนๆ ในโลกนี้เลย” แบมแบมมองปีกสีขาวของตัวเองอย่างลังเล

     

    “เชื่อคุณเต่าสิ..” มือที่ลูบหัวเลื่อนลงมาประคองแก้มน้อยๆ ซับน้ำตาที่หยดลงมาจากหางตา ใบหน้าของแองเจิ้ลส์น้อยหันมายิ้มให้เขาจนตาหยี

     

     

    “อื้ม.. แบมเชื่อ...” 

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in