เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[JackBam] Angels /GOT7 FanFictionChunari_CJ
Chapter 10 : ภาคสนาม 2
  • สัญญาณไฟของเซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดงและกระพริบถี่ เมื่อมือหนาดึงเอาสิ่งแปลกปลอมที่แทบจะกลืนไปกับกล่องเซ็นเซอร์ขนาดเล็กออกไป เจบีหยิบตัวรบกวนสัญญาณขนาดจิ๋วขึ้นส่องดู ก่อนจะเก็บใส่ซองพลาสติก แล้วจึงยัดลงกระเป๋าอุปกรณ์ที่คาดเอวไว้อย่างขัดใจ ร่างสูงใหญ่ยืดตัวขึ้นคิ้วหนาขมวดมุ่นอย่างครุ่นคิด ตาคมกริบกวาดไปทั่วเพื่อประเมินสถานการณ์ 

     

    นี่เป็นตัวรบกวนสัญญาณตัวที่สามแล้วที่เขาหาเจอตั้งแต่ออกลาดตระเวนตอนเช้า ตัวรบกวนสัญญาณรุ่นใหม่ที่เขาไม่เคยเห็น จะต้องถูกยิงมาจากระยะที่ไกลกว่าระยะเซ็นเซอร์ สร้างความน่าหนักใจเป็นอย่างยิ่ง ตัวกวนสัญญาณตัวเล็กๆ เพียงตัวเดียวสามารถทำให้เซ็นเซอร์โดยรอบที่ส่งต่อกันเป็นเน็ทเวิร์ครวนได้อย่างง่ายดาย เจบีกัดฟันกรอดเมื่อนึกถึงว่ามีไอ้ตัวเล็กๆ พวกนี้อยู่ในอาณาเขตของเขาอีกมากแค่ไหน โดยที่เขาไม่รู้ หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนเจ็บใจกับความหละหลวมของตนเอง ทั้งๆ ที่เขาเคยได้รับรายงานเรื่องเหตุการณ์ประหลาดๆ ที่เกิดขึ้นในป่าเมื่อเร็วๆ นี้จากไรอันมาบ้างแล้ว

     

    ชายหนุ่มยกสมาร์ทริสแบนด์ขึ้นมากด เปลี่ยนเอียร์ปลั๊กที่สวมอยู่ให้กลายเป็นอุปกรณ์สื่อสาร

    “ข่าวร้าย เราโดนเจาะ ใครเจออะไรบ้าง”

     

    “แถวๆ รัง ยังไม่เจออะไร พวกแองเจิ้ลส์เก็บตัวเงียบกันหมด ท่าทางจะรู้ว่าพวกมันยังอยู่แถวนี้” เสียงออสริคตอบกลับมาเป็นคนแรก

     

    “จากมุมสูงไม่มีความเคลื่อนไหวผิดปกติค่ะหัวหน้า พวกนกก็ดูปกติดี ไม่มีตรงไหนแตกตื่น” ลิซ่ารายงานพร้อมเสียงลมอื้ออึงจากยอดไม้สูง

     

    “แจ็คสันยูคยอมว่าไง”

     

    “พวกเราเชื่อว่าร่องรอยใหญ่ๆ โดนลบไปหมดแล้วฮะฮยอง แต่ต้องมีคนอยู่แถวนี้แน่ๆ เฮียแจ็คกับผมพบร่องรอยเล็กๆ อยู่เต็มไปหมด แต่แปลกตรงที่มันหายไปเป็นช่วงๆ ไม่ประติดประต่อเลย เรากำลังมุ่งหน้าไปที่น้ำตกฮะ เผื่อจะเจออะไรบ้าง”

     

    “อย่าไปไกลนะยูคยอม พวกนายต้องกลับฐานก่อนค่ำ ถ้าเจออะไรให้รีบแจ้งมาทันที”

     

    “ครับผม!!” สองแสบประสานเสียงกันผ่านหูฟัง

     

    “บ๊อบบี้ ผมจะกลับไปที่ฐาน คุณเอาตัวอย่างกลับไปให้ยองแจวิเคราะห์”

     

    “ไม่มีปัญหา เดี๋ยวให้ไรอันเอากลับไปให้  ไอ้หนูไซเบอร์คงตื่นแล้วละมั้ง” บ๊อบบี้รับคำอย่างง่ายๆ

     

    “ยู้ฮู้วว มีใครต้องการผมอยู่รึเปล่า!! ท่าน Ars คนนี้กลับมาแล้ว พร้อมทำงานเต็มที่คร้าบบบบ” เสียง 180 เดซิเบลของยองแจดังขึ้นจนทุกคนแทบจะถอดเอียร์ปลั๊กของตัวเองไม่ทัน

     

    “ยองแจ! นายจะทำลายประสาทหูของทุกคนทุกครั้งที่ออนไลน์ไม่ได้นะ!” เจบีถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย

     

    “ฮ่าๆๆ ขอโทษครับฮยอง ว่าแต่เจออะไรกันบ้าง ขอข่าวดีหน่อยนะ”

     

    “เสียใจนะที่มีแต่ข่าวร้าย เซนเซอร์เราโดนเจาะ ตัวกวนสัญญาณขนาดเล็กมากแบบที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน พวกมันวางแผนมาอย่างดี พวกเราคงต้องเช็คกันใหม่หมด ยองแจ นายรันโปรแกรมตรวจสอบความเคลื่อนไหวระหว่างอาทิตย์ที่ผ่านมาให้ที ฉันจะให้ไรอันเอาตัวอย่างกลับไปให้นาย”

     

    “โอเค ผมจะรันให้เดี๋ยวนี้แหละ” เสียงรัวคีย์บอร์ดดังขึ้นตั้งแต่ยังไม่ทันขาดคำ

     

    “แล้วก็ยองแจ นายสแตนบายตรวจสอบค่าต่างๆ เรียลไทม์ให้ที เจออะไรผิดปกติรีบแจ้งมาด้วย”

     

    “รับทราบครับผม”

     

    “บ๊อบบี้ เตรียมรถให้ที อีกห้านาทีผมจะกลับไปถึง ให้ไรอันรีบเอากลับไปด่วน ทุกคนข้างนอกพักกินข้าวแล้วให้ลาดตระเวนต่อทันที ตรวจสอบเซ็นเซอร์ทุกตัวที่อยู่ใกล้ๆ ให้ดีด้วย”

     

    “รับทราบ!!” เสียงทุกคนตอบรับขึ้นพร้อมกัน เจบีปิดสัญญาณสื่อสารแล้วกระแทกส้นเท้าเพื่อเรียกบอร์ดแรงดันของเขาออกมา แล้วบ่ายหน้ากลับไปยังฐานโดยไม่รอช้า

     .

    แจ็คสันมองหาที่เหมาะๆ สำหรับพักกันชั่วครู่ ทั้งสองคนตัดสินใจเลือกใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีรากยกขึ้นสูงเป็นที่นั่งที่เหมาะเจาะ ปืนเลเซอร์ที่ถือมาตลอดการลาดตระเวนตั้งแต่เช้าถูกเก็บใส่ซองข้างเอว ยูคยอมล้วงลงไปในกระเป๋าอุปกรณ์แล้วส่งแคลอรี่บาร์ต่อให้กับแจ็คสัน คิ้มเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นรสชาติที่ระบุไว้ข้างห่อ


    “นายนี่ชอบของหวานจริงๆ เลยนะ ไม่มีรสอื่นให้เฮียเลยรึไง”  ริมฝีปากบางใต้หน้าม้าหนาเตอะฉีกยิ้มกว้าง แคลอรี่บาร์อีกอันถูกโยนมาให้แทนรสช็อกโกแล็ตอันเก่าที่แจ็คสันส่งกลับคืน

     

    “สปาเก็ตตี้มีทบอล เออ ค่อยสมเป็นอาหารกลางวันหน่อย” ชายหนุ่มแกะห่อแล้วกัดไปคำใหญ่ รสชาติสดใหม่ที่ไม่น่าจะได้จากอาหารอัดแท่งกระจายเต็มปาก เรื่องนี้ที่แม้แต่เขายังยอมรับ ว่าอาหารขอสถาบันนี้นั้นอร่อยมากจริงๆ

     

    “เฮียคิดว่าไง”

     

    “ไม่ว่าไงนี่ ก็อร่อยดี”

     

    “โธ่ ไม่ดิเฮีย หมายถึงนี่ต่างหาก” ยูคยอมส่ง GPS มาให้เขา รอยมาร์คสีแดงกระจัดกระจายบนหน้าจอแสดงตำแหน่งที่พวกเขาสองคนพบร่องรอยผิดปรกติ ซึ่งก็กระจายตัวไปทั่วโดยไม่มีแบบแผน

     

    “รอยมีทั้งเก่าทั้งใหม่” แจ็คสันตอบทั้งๆ ที่ยังเคี้ยวแคลอรี่บาร์คำใหญ่ “ฉันว่ามันต้องอาศัยอยู่ในรัศมีรอบๆ นี้แน่นอน”

     

    “แต่ว่า เป็นไปได้ยังไงที่จะมีคนมาแคมป์ในป่านี้แล้วหลุดรอดสายตาพวกเราไปได้ พวกฮยองลาดตระเวนกันทั้งวันทั้งคืน เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวเราก็มี แล้วก็ยังดาวเทียมที่คอยสแกนอินฟาเรดตรวจจับคลื่นความร้อนอีก ถ้ามีคนอยู่รวมเป็นกลุ่มยังไงก็ต้องเจอนะเฮีย”

     

    “เจบีฮยองบอกแล้วไงว่าเซ็นเซอร์เราโดนเจาะ ถ้าลองมีเทคโนโลยีใหม่ ก็แสดงว่าไม่ได้มีมาอย่างเดียวแน่ๆ แต่ที่น่าสงสัยก็คือ พวกมันรู้ได้ยังไงว่า ระบบตรวจสอบของเรามีอะไรบ้างน่ะสิ ถึงเลี่ยงได้เกือบหมดแบบนี้”

     

    “นั่นสินะเฮีย แต่ไม่ว่ายังไงเราก็ควรจะไปตรวจที่น้ำตกดูก่อน ถ้าอยู่แถวนี้จริง ยังไงน้ำก็สำคัญที่สุด  ที่น้ำตกน่าจะมีร่องรอยให้เห็นมากกว่านี้” ยูคยอมส่งซองน้ำดื่มให้แจ็คสันเมื่อเห็นว่าแคลอรี่บาร์ในมือหมดลงเรียบร้อย ทั้งสองเก็บกวาดร่องรอยของตนเองแล้วเตรียมตัวออกลาดตระเวนต่อทันที แจ็คสันตรวจสอบ GPS เพื่อหาตำแหน่งของน้ำตกที่ยูคยอมว่า แล้วก็พบว่าตำแหน่งของน้ำตกอยู่ไกลออกไปพอสมควรเลยทีเดียว

     

    “เฮ้ ยูคยอม ถ้าเราไปถึงน้ำตกแล้ว เราจะกลับทันค่ำได้ยังไง จากนี่ไปก็อีกตั้งเกือบสองชั่วโมง เจบีฮยองบอกให้นายกลับก่อนค่ำนะ”

     

    “โธ่ เฮีย ผมไม่ใช่เด็กสักหน่อย เจบีฮยองก็โอเว่อร์ไป” ยูคยอมตอบเสียงเรียบโดยที่หน้าม้าหนาเตอะนั่นไม่หันมาสบตากับเขา ลางสังหรณ์เล็กๆ บางอย่างรบกวนจิตใจของแจ็คสัน แต่เขาก็พยายามปัดมันออกไป จริงอย่างยูคยอมว่า ตั้งแต่เข้าป่ามาก็มีแต่เขาที่ต้องตามหลังเด็กร่างยักษ์ที่แทบจะกลืนไปกับผืนป่าทั้งๆ ที่ร่างกายนั้นน่าจะดูเกะกะเก้งก้าง แต่การเคลื่อนไหวกลับเนี๊ยบอย่างไม่มีที่ติ  ดังเช่นร่างกายของคนที่ถูกฝึกฝนมาอย่างดี ดังนั้นถึงแม้อายุจะยังน้อย กับพฤติกรรมที่ชอบเล่นเป็นเด็ก แต่เวลาทำงานแล้วยูคยอมก็ถือได้ว่าเป็นผู้ใหญ่ที่พึ่งพาได้อย่างมากคนหนึ่ง ไม่น่าจะมีอะไรต้องเป็นห่วง

     

    แจ็คสันเลือกที่จะเชื่อมั่นในตัวคนที่เชื่อมั่นในตัวเขามากกว่าจะคิดอะไรจุกจิก การลาดตระเวนยังคงดำเนินต่อไป สลับกับการรายงานและการหยุดเป็นระยะเมื่อพบร่องรอยผิดปกติ จนเมื่อถึงเวลาบ่ายจัดทั้งคู่ก็มาถึงริมน้ำตกขนาดใหญ่

     

    ชั้นที่พวกเขามาถึงเป็นแอ่งน้ำและขั้นน้ำตกสั้นๆ ลดหลั่นกันลงไป โดยที่ยังมีต้นไม้ริมฝั่งปกคลุมอยู่หนาทึบ ความชันที่ไม่มากนัก กับกระแสน้ำที่ไม่รุนแรง น้ำจึงใสแจ๋ว เหมาะแก่การนำน้ำจากน้ำตกไปใช้ประโยชน์ ถัดขึ้นไปทางต้นน้ำเป็นหน้าผาสูง น้ำที่ตกลงมากระจายฟุ้งเป็นละอองสีขาวด้วยแรงลม  มีแถบสีรุ้งจางๆ พาดผ่านจากการสะท้อนแสงของละอองน้ำ  ใต้หน้าผาเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่เปิดโล่ง มีเพียงต้นไม้ใหญ่โดดเดี่ยวที่ยื่นเข้าไปในแอ่งน้ำสีเขียวมรกต แจ็คสันอ้าปากค้างกับทัศนียภาพที่ได้เห็น

     

    “โว้วววว”

     

    “สวยใช่มั้ยล่า ตรงนั้นน่ะ เป็นอ่างอาบน้ำของพวกแองเจิ้ลส์ด้วยนะ ถ้าเฮียโชคดี บางทีวันนี้เราอาจจะได้เห็นพวกเค้ามาอาบน้ำกันก็ได้ นี่แหละที่ผมอยากให้เฮียมาเห็น” มุมปากยูคยอมยกสูงอย่างภาคภูมิใจที่ได้อวดของดี หน้าม้ากระตุกจากการยักคิ้วให้แจ็คสันรัวๆ

     

    “ขอบใจนะยูคยอม” แจ็คสันซาบซึ้งที่ยูคยอมดึงดันจะมาให้ถึงน้ำตกให้ได้ ไม่ใช่แต่เพียงเพราะดื้อดึงในเรื่องงานอย่างเดียว “แต่ยังไงเราก็ต้องรีบทำงานก่อน จะได้รีบกลับ” เวลาที่ล่วงเลยมามากเกินไปทำให้ความกังวลเล็กๆ นั่นกลับมาอีกครั้ง ยูคยอมพยักหน้ารับคำแล้วทั้งสองก็แยกกันออกไปสำรวจบริเวณโดยรอบน้ำตก

     

    ร่องรอยที่ไม่อาจกลบได้มิดบริเวณรอบน้ำตกทำให้การสำรวจกินเวลามากกว่าที่คิด แต่ก็ทำให้สามารถเก็บข้อมูลได้มากพอสมควร รู้สึกตัวอีกทีเมื่อเงยหน้าขึ้นแจ็คสันก็เห็นยูคยอมก็วิ่งมาหาเขาด้วยฝีเท้าเบาหวิวแต่หน้าตาตื่น

     

    “ยูคยอม!! เกิดอะไรขึ้น!” ชายหนุ่มกระชับปืนมั่นในมือเมื่อคิดว่าเกิดเหตุร้าย ยูคยอมที่ไม่ตอบได้แต่สั่นหน้า นิ้วชี้จรดค้างอยู่ที่ริมฝีปาก อีกมือก็ลากแจ็คสันให้ตามมา แจ็คสันที่โดนลากถูลู่ถูกังวิ่งตามเด็กร่างยักษ์มาจนถึงต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ยูคยอมทำสัญญาณให้แจ็คสันปีนขึ้นไปก่อนที่จะดึงตัวเองไต่ขึ้นไปตามกิ่งไม้ล่วงหน้าไปก่อนอย่างเงียบเชียบ แจ็คสันก็ได้แต่ปีนตามขึ้นไปด้วยความงงงวยจนกระทั่งถึงคบไม้ใหญ่ที่อยู่สูงจากพื้นดิน ยูคยอมนั่งห้อยขาลงบนกิ่งไม้เว้นที่เอาไว้ให้เขาที่ปีนขึ้นมาตามหลัง

     

    “ยูคยอม มีอะไร!” ชายหนุ่มกระซิบถามย้ำอีกครั้ง

     

    “ชู่ว!” ยูคยอมปรามให้เขาเบาเสียงที่เบามากอยู่แล้ว แล้วจึงชี้ให้เขามองผ่านช่องระหว่างพุ่มไม้ออกไป จากมุมนั้นสามารถมองเห็นแอ่งน้ำสีเขียวมรกตที่ตีนหน้าผาน้ำตกได้อย่างชัดเจน และมันก็ไม่ว่างเปล่าอีกแล้ว แองเจิ้ลส์สองคู่กับแองเจิ้ลส์วัยเด็กอีกหนึ่งคนกำลังหยอกล้อเล่นกันอยู่บนต้นไม้ใหญ่ที่ยื่นลงไปในแอ่งน้ำ ปีกคู่ใหญ่เล็กหลากสีสันกระพือพรึบพรับระหว่างที่ทั้งหมดกำลังเล่นกันดูละลานตา เสียงหัวเราะดังแว่วมาแผ่วเบาในสายลม

     

    “ว๊าวววววว”

     

    “เฮียโคตรโชคดีเลยนะเนี่ย ช่วงนี้พวกแองเจิ้ลส์น่าจะระวังตัวเป็นพิเศษ แต่ก็ยังมีกลุ่มนี้ยอมมาอาบน้ำ ถึงแองเจิ้ลส์ในอานาเขตนี้จะรู้ว่ามีพวกเราคอยช่วยดูแลอยู่ก็เถอะ แต่ยังไงก็พยายามหลีกเลี่ยงมนุษย์อยู่ดี ถ้าเกิดพวกเขาเห็นเราคงเลิกอาบน้ำแล้วกลับรังไปแน่ๆ เลยล่ะ อย่าโวยวายล่ะเฮีย”

     

    แจ็คสันพยักหน้าเงียบๆ เฝ้าดูสิ่งมีชีวิตอันงดงามที่เขาใฝ่ฝันถึง แองเจิ้ลส์สามคนพ่อแม่ลูกกำลังแหวกว่ายเล่นอยู่ในแอ่งน้ำ แจ็คสันเห็นแล้วก็อดคิดไปถึงแบมแบมไม่ได้ แบมแบมจะได้ทำแบบนี้บ้างรึเปล่านะ ก่อนที่จะถูกพามาที่สถาบัน ถึงตาจะจ้องมองภาพที่อยู่ตรงหน้า แต่ใจเขากลับคิดไปถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาเมื่อเช้าตอนที่เขาเป่าเพลงให้แบมแบมฟัง ภาพน้ำตาเม็ดโตๆ ที่หยดลงจากตาคู่สวยในหัวพาให้ใจของเขากลับมาปวดหนึบอีกครั้ง

     

    เสียงหัวเราะใสๆ ที่ดังแว่วมาทำให้แจ็คสันกลับไปสนใจภาพตรงหน้า แองเจิ้ลส์คู่ที่ยังนั่งอยู่บนต้นไม้กำลังหยอกล้อกัน ฝ่ายชายกำลังจัดตกแต่งขนปีกบริเวณโคนปีกด้านหลังให้ฝ่ายหญิง ที่พยายามขยับหนียุกยิกพร้อมกับหัวเราะด้วยความเขินอาย เป็นภาพที่เต็มไปด้วยความรักเหมือนตอนที่เขาเห็นการ์เน็ตกับแซฟไฟร์ทำให้กันตอนที่มาถึงสถาบันใหม่ๆ ภาพตรงหน้าในตอนนี้เองก็ชวนให้ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

     

    ทั้งสองคนนั่งซ่อนตัวอยู่เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวน จนกระทั่งพวกแองเจิ้ลส์ทุกคนอาบน้ำจนเสร็จ ซึ่งกินเวลาไปพอสมควร แจ็คสันสะกิดให้ยูคยอมดูเวลา ยูคยอมพยักหน้าเบาๆ ทั้งคู่ตั้งใจจะกลับฐานทันทีที่พวกแองเจิ้ลส์กลับรัง แต่ก่อนที่ใครจะทันตั้งตัว เสียงเชือกไฟฟ้าแหวกอากาศก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงกรีดร้องของแองเจิ้ลส์เด็กที่ยืนอยู่บนต้นไม้ห่างออกไป ปลายเชือกด้านหนึ่งรัดเข้าที่ปีกและลำตัวของเด็กน้อย ปลายอีกด้านเป็นชายสองคนในชุดสีน้ำเงินรัดรูปตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งสองคนลอยอยู่บนบอร์ดแรงดันรูปร่างกลมแบนเหมือนถาดสีดำขนาดใหญ่ ทันทีที่จับแองเจิ้ลส์เด็กได้ทั้งสองก็บ่ายหน้าเข้าไปในเขตป่า เชือกไฟฟ้าลากเอาแองเจิ้ลส์เด็กที่กำลังดิ้นทุรนทุรายและกรีดร้องลอยตามไปด้วย แองเจิ้ลส์ทั้งสี่ส่งเสียงทั้งคำรามลั่นและกรีดร้อง ปีกทั้งสี่คู่แผ่กว้างแล้วโผตามแองเจิ้ลส์เด็กที่กำลังถูกลากออกไป

     

    ยูคยอมกระแทกส้นเท้าเรียกบอร์ดแรงดันแล้วกระโดดลงจากกิ่งไม้สูงลิ่วที่ทั้งคู่ซ่อนตัวอยู่ด้วยกันแล้วเร่งความเร็วตามไปในแทบจะทันที แจ็คสันกระโดดลงจากกิ่งใหญ่แล้วไต่ลงจากต้นไม้ เพราะเขาไม่สามารถทำเช่นเดียวกับยูคยอมได้ แจ็คสันจึงเลือกที่จะกดสมาร์ทริสแบนด์บนข้อมือเพื่อเรียกกำลังเสริม

     

    “เจบีฮยอง!! เจอเป้าหมายแล้ว มีชายสองคนกำลังพยายามลักพาตัวลูกแองเจิ้ลส์ที่น้ำตกครับ!!! ยูคยอมกำลังตามไป” เมื่อรายงานเสร็จแจ็คสันเองก็เรียกบอร์ดของเขาออกมาทันทีที่เท้าสัมผัสพื้น เสียงกรีดร้องและคำรามของแองเจิ้ลส์ทั้งสี่ยังคงดังมาอย่างต่อเนื่อง ถ้าไม่ได้ใส่เอียร์ปลั๊กเอาไว้เขาคงปวดจนหัวแทบระเบิดไปแล้วแน่ๆ  แจ็คสันเร่งความเร็วบอร์ดของเขาไปทางแอ่งมรกตโดยไม่รอช้า

     

    ยูคยอมลอยตัวอยู่เหนือน้ำเร่งความเร็วตามชายทั้งสองคนไป เชือกไฟฟ้าขนานไปกับพื้นน้ำตามแรงถ่วงทั้งสองด้าน  โชคดีที่ทั้งสองมัวแต่เร่งความเร็วเพื่อหนีแองเจิ้ลส์ทั้งสี่จึงไม่เห็นยูคยอมที่ตามมาทีหลัง เมื่อได้ระยะยูคยอมคว้าเอาปืนเลเซอร์ขึ้นเล็งทั้งที่ยังเร่งความเร็วจนสุด เสียงฟึ่บดังขึ้นพร้อมกับเชือกไฟฟ้าที่ขาดสะบั้นทำให้สิ่งที่อยู่ปลายทั้งสองด้านเสียสมดุลกระเด็นออกไปคนละทิศละทาง แองเจิ้ลส์เด็กลอยหวือกลับไปอยู่ในอ้อมกอดของแองเจิ้ลส์คนพ่อที่บินตามมารับเอาไว้ได้ทัน ส่วนชายสองคนที่อยู่อีกด้านเสียสมดุลจากน้ำหนักถ่วงที่หายไปทำให้บอร์ดแรงดันตีลังกาไปหลายตลบก่อนที่ทั้งคู่จะพยายามทรงตัวกลับมาได้ใหม่และหันกลับมามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อได้เห็นยูคยอมที่กำลังลอยอยู่เหนือน้ำ ทั้งสองก็รีบเร่งความเร็วบอร์ดหนีหายเข้าไปในป่า

     

    “เฮีย!! แก้เชือกให้เด็กก่อน พวกเค้าแก้เองไม่ได้ ผมจะตามพวกมันไปเอง!!” ยูคยอมตะโกนบอกแจ็คสันที่กำลังใกล้เข้ามาแล้วรีบเร่งความเร็วตามชายสองคนที่หายเข้าไปในป่า

     

    “ยูคยอม เดี๋ยว!!” ยูคยอมเร่งความเร็วตามไปโดยไม่ฟังคำทัดทานของชายหนุ่ม แจ็คสันหันกลับไปหาแองเจิ้ลส์ทั้งสี่ที่เขาไม่รู้จะเรียกว่าลอยตัวหรือบินอยู่เหนือน้ำดี เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นการบินหรือการลอยตัวในแนวดิ่งแบบนี้ของแองเจิ้ลส์ใกล้ๆ เพราะแองเจิ้ลส์ส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะบินถ้าไม่จำเป็น ปีกแผ่กว้างกระพือเป็นระยะเพื่อรักษาสมดุลให้ลำตัวตั้งตรง เชือกไฟฟ้าสีดำยังพันธนาการแองเจิ้ลส์เด็กที่อยู่ในอ้อมกอดของแองเจิ้ลส์ที่เป็นพ่อ เชือกไฟฟ้าที่ถูกออกแบบมาเพื่อต้านทานแรงดึงที่มหาศาลของแองเจิ้ลส์โดยเฉพาะ แองเจิ้ลส์จึงไม่สามารถเอาออกเองได้ และท่าทางว่าแองเจิ้ลส์ทั้งสี่เองก็รู้เรื่องนี้ดีเช่นเดียวกัน จึงยังรอเขาอยู่เงียบๆ

     

    แจ็คสันละล้าละลัง เขาชี้ไปที่เข็มกลัด ACRI ที่หน้าอกเพื่อเป็นการยืนยัน แองเจิ้ลส์คนพ่อพยักหน้าเบาๆ เขาหันไปพูดอะไรบางอย่างกับอีกสามคนที่เหลือ แล้วบินเข้ามาหาแจ็คสันพร้อมกับแองเจิ้ลส์เด็กในอ้อมกอด แจ็คสันควานหาใบมีดเลเซอร์ในกระเป๋าอุปกรณ์ก่อนจะดึงมันออกมาแล้วตัดเชือกสีดำที่พันธนาการเด็กน้อย ทุกการกระทำของเขาถูกจ้องมองด้วยความสงสัยจากนัยตาสีฟ้าเทอร์คอยส์ เขาตัดเชือกทั้งหมดจนเสร็จ แล้วจึงเงยหน้าขึ้นพอดีกับที่ตาของเขาสบกับแองเจิ้ลส์คนพ่อเข้า นัยตาสีฟ้าใสจ้องมองเขาด้วยความสงสัยและพยายามค้นหาอะไรบางอย่าง แต่แจ็คสันไม่มีเวลาหาคำตอบ เขาพยักหน้าให้แองเจิ้ลส์ว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจึงบ่ายหน้าเร่งความเร็วเข้าป่าไปยังทิศที่เข้าเห็นยูคยอมเข้าไปเมื่อสักครู่

     

    “แจ็คสัน ยูคยอม พวกเรากำลังไป พวกนายตามไป แต่อย่าปะทะนะ เข้าใจมั๊ย” เสียงเจบีดังขึ้นในหูฟัง

    “รับทราบครับ ผมจะรีบตามยูคยอมไป ฮยอง! ผมว่าพวกมันน่าจะย้อนกลับเข้าไปในเขตเรา ให้ยองแจสแกนความเคลื่อนไหวเอาไว้ดีกว่าครับ!!!” แจ็คสันยก GPS ขึ้นสำรวจทิศทาง จุดสีเขียวของยูคยอมกระพริบอยู่ไกลจากเขาพอสมควรแต่ก็ยังอยู่ในรัศมี ชายหนุ่มเร่งความเร็วบอร์ดของตัวเองให้มากขึ้นอีกและหลบเลี่ยงกิ่งไม้ข้างหน้าไปพร้อมๆ กัน  เพียงชั่วครู่จุดแสดงตำแหน่งของยูคยอมก็หยุดนิ่ง แจ็คสันจึงมุ่งหน้าตรงไปยังตำแหน่งนั้น

     

    ร่างสีดำสนิทของยูคยอมยืนหันรีหันขวาง ปืนเลเซอร์กระชับแน่นในมือ แจ็คสันเก็บบอร์ดของตัวเองแล้วเดินเข้าไปหาด้วยความระมัดระวัง

     

    “ผมตามมาจนถึงตรงนี้แล้วอยู่ดีๆ พวกมันก็หายไป เหมือนอย่างที่พี่ลิซ่าบอกเลย” ยูคยอมหันมากระซิบ

     

    “ฉันแจ้งตำแหน่งไปแล้ว ทุกคนกำลังตามมา” แจ็คสันกวาดสายตาไปรอบๆ บริเวณนี้เงียบสงัดมากจนผิดปกติ ไม่มีแม้แต่เสียงของสัตว์ป่าหรือนกสักตัว

     

    “ชุดของพวกมันพรางตัวได้ด้วยล่ะเฮีย เกือบจะล่องหนโดยสมบูรณ์เลย ผมเกือบคลาดสายตาตั้งหลายครั้ง”

     

    “ฉันว่าพวกมันต้องยังอยู่แถวนี้แน่ รอบๆ นี่มันดูผิดปกติยังไงไม่รู้” ยูคยอมพยักหน้ารับ สายตาใต้หน้าม้าหนาเตอะยังคงสอดส่ายไปทั่ว

     

    “เฮ้ ทั้งสองคนเป็นไงกันบ้าง” เสียงยองแจดังขึ้นในหูของทั้งสอง

     

    “ยองแจ นายเห็นพวกเรารึเปล่า” แจ็คสันเอ่ยถามด้วยเสียงที่แทบจะเป็นเสียงกระซิบ

     

    “ชัดแจ๋วเลย พวกเจบีฮยองกำลังไป คงไม่เกินครึ่งชั่วโมง ระวังตัวกันด้วยล่ะ”

     

    “ยองแจฮยอง ช่วยสแกนรอบๆ นี้ดูให้หน่อยสิ ทั้งผมทั้งเฮียแจ็ครู้สึกว่ามันผิดปกติมากเลย” ยูคยอมเองก็แทบจะกระซิบเช่นกัน แต่เสียงที่เขาได้ยินจากเอียร์ปลั๊กกลับดังชัดเจนไม่ต่างจากปกติ

     

    “ฉันสแกนดูตั้งแต่นายแจ้งมาแล้ว แต่ไม่พบอะไรผิดปกติเลย ค่าทุกอย่างปกติดี  นอกจากเซ็นเซอร์ที่เจบีฮยองเจอตัวกวนสัญญาณแล้ว ฉันก็รันสแกนตัวอื่น รวมทั้งคลื่นความร้อนด้วยแต่ไม่มีคลื่นความร้อนที่ผิดปกติอยู่แถวนั้นเลย”

     

    “ไม่มี คือไม่มีเลยใช่มั้ย แม้แต่สัตว์สักตัว” แจ็คสันพุ่งไปยังประเด็นที่เขากำลังสงสัย

     

    “เอ่อ.. ใช่ ไม่มีเลย” ยองแจตอบอย่างลังเล

     

    “นั่นไงล่ะที่ผิดปกติ ความปกติมากเกินไป ถ้าอย่างนั้น.. ถ้าเราเปลี่ยนเป็นสแกนอุณหภูมิที่ปกติมากเกินไปล่ะ”

     

    “หมายความว่ายังไง”

     

    “หมายความว่า ถ้าฉันเดาไม่ผิดมันจะต้องมีเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยหลบการสแกนด้วยรังสีอินฟาเรด ถ้าอยากจะซ่อนตัวจากคลื่นความร้อน ก็ต้องทำให้ภายนอกมีอุณหภูมิที่คงที่ที่สุด แต่อุณหภูมิทั่วไปมันไม่คงที่อยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ ถ้าเราเปลี่ยนจากการสแกนคลื่นความร้อนที่ผิดปกติ เป็นหาจุดที่อุณหภูมิคงที่มากจนเกินไปล่ะ”

     

    “โว้วว ฉลาดใช่ย่อยนี่นา  คนทั่วไปคงจะยากหน่อย แต่ไม่มีปัญหาสำหรับท่าน Ars คนนี้อยู่แล้ว แต่ถึงยังไงก็คงต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์มากกว่าปกติอยู่ดี ฉันจะรันสแกนระหว่างที่พวกนายรอเจบีฮยองก็แล้วกัน” เสียงรัวคีย์บอร์ด กับเสียงตี๊ดๆ ดังขึ้นพร้อมกัน ทันทีที่ยองแจพูดจบ

     

    “ยูคยอม ตั้งเลเซอร์สำหรับเล็งเอาไว้ ถ้าเจออะไรที่สะท้อนเลเซอร์ได้ ยิงไม่เลี้ยงไปเลย” ยูคยอมพยักหน้าแล้วตั้งเลเซอร์ให้กับปืนในมือใหม่ ทั้งสองคนหันหลังเข้าหากันแล้วไล่ส่องเลเซอร์ขนานไปกับพื้น ตรวจสอบไปเรื่อยๆ อย่างระมัดระวัง  

     

    สักครู่ใหญ่ๆ เสียงแส้ตวัดกับกิ่งไม้ก็ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แจ็คสันกับยูคยอมเงยหน้าขึ้นไปตามเสียง ทันได้เห็นลิซ่ากระโดดลงจากต้นไม้ใกล้ๆ แส้เส้นยาวถูกตวัดม้วนเป็นวงกลับไปเก็บอยู่ที่ต้นขาเรียวทั้งสองข้าง ไม่นานนักเจบีกับออสริคก็มาถึง ทั้งคู่กระโดดลงจากบอร์ดและเดินเข้ามาร่วมกลุ่มด้วยกัน

     

    “เจออะไรมั๊ย” เจบีถามเสียงเครียด

     

    “ยังไม่เจอครับ ”

     

    “ลิซ่า คราวที่แล้วพวกมันหายไปแถวไหน” ลิซ่ายก GPS ของตนเองขึ้นมาเช็คดู 

     

    “ห่างจากนี่ 800 เมตร ทาง 10 นาฬิกาค่ะ” มือเรียวชี้ไปทางทิศที่ตัวเองได้มาร์คเอาไว้

     

    “แสดงว่าต้องมีอะไรบางอย่างอยู่แถวนี้  ยูคยอม แจ็คสัน ทำได้ดีมาก พวกนายกลับฐานไปได้แล้ว พระอาทิตย์ใกล้จะตกแล้ว พวกเรารับหน้าที่ตรงนี้ต่อเอง” แจ็คสันเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เขาไม่รู้ตัวเลยว่าแสงของวันใกล้จะหมดลงตั้งแต่เมื่อไหร่

     

    “แต่ว่า ฮยอง ยิ่งคนเยอะจะดีกว่าไม่ใช่เหรอฮะ ผมว่ามันไม่ได้มีกันแค่สองคนแน่ๆ ” ยูคยอมค้านอย่างดื้อดึง

     

    “ไม่มีแต่ยูคยอม เราไม่ควรเสี่ยงอะไรทั้งนั้น  กลับไปซะ” ยูคยอมคอตก แจ็คสันตบบ่าเด็กยักษ์เบาๆ แล้วดึงแขนยูคยอมให้ตามเขามา ทั้งคู่เรียกบอร์ดแล้วจึงมุ่งหน้ากลับไปยังฐาน ปลายหางตาเห็นลำแสงเลเซอร์สามลำไล่กวาดไปโดยรอบเหมือนที่เขาทำก่อนหน้านี้

    .

    .

    .

    .

    .

     

    “เฮีย เดี๋ยวก่อน” ยูคยอมเร่งบอร์ดขึ้นมาขวางหน้าแจ็คสัน “ผมว่าเราซ่อนตัวอยู่แถวนี้ก่อนดีกว่า”

     

    “แล้วถ้าเจบีฮยองรู้เข้าล่ะ ตายเลยนะ! เฮียยังไม่อยากเป็นเบ้ไปตลอดชีพนะ”

     

    “เราคอยฟังสื่อสาร ถ้าไมมีอะไรเกิดขึ้นเราก็แค่กลับไปให้ถึงก่อนพวกฮยอง แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเราก็จะได้ช่วยพวกเขาได้ไง ผมกลัวว่าถ้าเกิดปะทะกันขึ้นมา กำลังของพวกเราจะไม่พอ ถึงพวกฮยองจะเก่งมากๆ ก็เถอะ  นะเฮียนะ เราซ่อนอยู่แถวนี้กันก่อนเถอะ”

     

    แจ็คสันลังเลใจ เขาเองก็เป็นห่วงเรื่องกำลังคนของหน่วยเหมือนกัน ในเมื่อไรอันยังไม่กลับมาเสริมทัพ  ถ้าอีกฝ่ายมีกำลังคนเยอะกว่ามาก ถึงจะเป็นเจบีก็ยังคงน่าเป็นห่วง

     

    “เอาอย่างนี้ละกัน เราซ่อนอยู่นี่แค่ชั่วโมงเดียวพอ ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็รีบกลับ ถ้าพวกเราควานมาใกล้รังของพวกมันมากจริงๆ พวกมันก็ต้องทำอะไรสักอย่างแน่”

     

    เมื่อตกลงกันได้ทั้งสองก็รีบหาที่เหมาะเจาะที่จะซ่อนตัวแจ็คสันเลือกบนต้นไม้ใหญ่ ส่วนยูคยอมเพียงแค่ซ่อนตัวอยู่ระหว่างต้นไม้ แต่ยิ่งแสงอาทิตย์น้อยลงมากเท่าไหร่ ยูคยอมก็ยิ่งดูเหมือนจะกลืนหายไปมากเท่านั้น ทักษะการพรางตัวไม่ธรรมดาแบบนั้นยูคยอมไปฝึกมาจากไหนตั้งแต่อายุน้อยแค่นี้กัน แจ็คสันได้แต่เก็บความสงสัยและสำรวจเหตุการณ์รอบๆ ระหว่างที่ซ่อนตัวไปเงียบๆ

     

    หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ความมืดสนิทเข้าครอบคลุมผืนป่า แว่นตาอินฟาเรทถูกดึงออกมาสวม แจ็คสันกระโดดลงจากต้นไม้เมื่อเห็นว่าเวลาผ่านไปตามที่ตกลงกัน แต่ยังไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นนอกจากความเงียบสงัดและเสียงวิทยุสื่อสารที่เขาแอบฟังเจบี ยองแจและบ๊อบบี้ตอบโต้กัน โชคดีที่ไม่มีใครถามถึงพวกเขาสองคน คงจะเพราะด้วยสถานการณ์ที่ค่อนข้างตึงเครียด

     

    แจ็คสันเดินเข้าไปยังตำแหน่งที่เขาคิดว่ายูคยอมยืนอยู่ แต่เด็กยักษ์ไม่ได้ยืนอย่างระมัดระวังตามที่เขาเข้าใจ ร่างสูงของยูคยอมกำลังนั่งชันเข่า ใบหน้านั้นก้มต่ำ ร่างกายเหมือนกำลังสั่นสะท้าน แจ็คสันรีบถลันเข้าไปหาทันที

     

    “ยูคยอม!! เป็นอะไรไป! เกิดอะไรขึ้น! นายบาดเจ็บเหรอ!” แจ็คสันก้มลงประคองร่างสูงของยูคยอมขึ้นอย่างทุลักทุเล

     

    “เปล่า ผมไม่เป็นไร ผมไม่เป็นไร ผมไม่เป็นไร” ยูคยอมเหมือนจะพึมพัมกับตัวเองมากกว่าจะตอบเขา เด็กยักษ์สูดหายใจยาวเหมือนพยายามสงบสติอารมณ์

     

    “เรากลับกันได้แล้ว เดี๋ยวนี้เลย นายไหวรึเปล่า” แจ็คสันเจ็บใจที่ตัวเองหลงเชื่อยูคยอม ที่เจบีบอกให้พวกเขารีบกลับน่าจะเป็นเพราะยูคยอมมีปัญหาอะไรบางอยางที่เขาไม่รู้ เขาชะล่าใจมากเกินไปเมื่อเห็นว่ายูคยอมมีฝีมือที่เก่งกาจ

     

    ยูคยอมพยักหน้าอ่อยๆ เจ้าตัวเองก็คงจะรู้สึกผิดเช่นกัน ทั้งคู่เรียกบอร์ดออกมาก่อนจะมุ่งหน้ากลับไปยังฐาน การเคลื่อนไหวของยูคยอมเชื่องช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ความลังเลและความประหม่าฉายชัดผ่านร่างกายที่เคยเนี้ยบแต่ตอนนี้กลับดูเก้งก้างไปถนัดใจ แจ็คสันถอยบอร์ดมาตามหลังเพื่อระวังหลังให้เด็กยักษ์ แต่ก่อนที่จะทันตั้งตัว เขาก็เห็นลำแสงเลเซอร์หนึ่งกำลังเล็งตรงมาที่ยูคยอม เหตุการณ์รอบตัวพลันกลายเป็นเหมือนภาพสโลวโมชั่น เสียงหมาป่าหอนรับกันดังมาจากที่ไกลๆ ร่างสูงของยูคยอมหยุดกึกตัวแข็งทื่อ แสงเลเซอร์ได้จังหวะเล็งตรงที่หัวใจ แจ็คสันเร่งความเร็วบอร์ดเพื่อผลักยูคยอมออกจากวิถี

     

    “ยูคยอม ระวัง!!!!” เสียงลันไกปืนเหมือนดังขึ้นในโสตประสาท ไหลขวาของเขาร้อนเหมือนโดนไฟลุกท่วม ชายหนุ่มเสียหลักจนบอร์ดพลิกคว่ำ เสียงยูคยอมลอยมาจากที่ใดที่หนึ่งไกลแสนไกล แล้วโลกของเขาก็พลันดับวูบลง...

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in