เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[JackBam] Angels /GOT7 FanFictionChunari_CJ
Chapter 1 : หวังแจ็คสัน
  • “เจียเออร์...”

    ใครน่ะ..  เสียงใครกัน ...

    .

    .

    .

    “แจ็คสัน!!  แจ็คสัน!!   เฮ้!!  แจ็ค!!”  ปั๊ก!!

    “เฮ้ย!  ไรวะ!!”  เจ้าของชื่อที่กำลังหลับสนิทสะดุ้ง ตื่นพร้อมยกมือคลำหน้าผากปอยๆ

    “ตื่นได้ซะทีนะ นอนครางเป็นลูกลิงอยู่ได้”  เจ้าของกระบองหนังสือพิมพ์พิฆาตในมือ ชี้หน้าคนที่กำลังงุนงงอย่างขำๆ 

    “มาร์ค??  โธ่!!  อะไรวะ ปลุกกันดีๆ ได้มั้ยเล่า แล้วลิงที่ไหนจะหล่อขนาดนี้ฟระ  อื้ออออออออ”  แจ็คสันบิดขี้เกียจเต็มที่ ไล่ความง่วงงุน  นึกถึงความฝันเมื่อสักครู่ที่ทำให้รู้สึกอุ่นในอก  กับความรู้สึกโหวงๆ เหมือนกำลังลืมอะไรบางอย่าง 

    เออ  นั่นสิ  ทำไมเขาถึงได้ง่วงขนาดนี้นะ  เมื่อคืนก็...  เอ...เมื่อคืนนอนไม่หลับนี่หว่า  เพราะว่า....

    .....

    “เฮ้ยยยยย!!!   ชิบหายแล้ว” ไวเท่าความคิด แจ็คสันดีดตัวเองลงจากเตียง หางตาเห็นนาฬิกากำลังบอกเวลาว่าเขากำลังสายกว่าที่ควรจะเป็นอยู่มากโข  ขาแกร่งสปีดเร็วกว่านรกไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ

     

    “นึกออกแล้วสินะ” มาร์คเดินออกจากห้องเพื่อนซี้ ไปนั่งจิบกาแฟชิวๆ อ่านหนังสือพิมพ์ยามเช้าที่ห้องนั่งเล่น  ชั่วเวลาแค่สองสามจิบ แจ็คสันที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็พุ่งผ่านเขาเพื่อจะออกไปยังหน้าประตู


          “เฮ้!!”  แจ็คสันชะงักตามเสียงเรียก ขาย่ำอยู่กับที่ย้ำๆ ทั้งๆ ที่ใจเขาพุ่งผ่านประตูไปถึงที่หมายเรียบร้อยแล้ว  หันกลับไปมองชายหนุ่มที่หน้าหล่อจนน่าหมั่นไส้  มาร์คยิ้มเล็กๆ พร้อมกับนิ้วที่ชี้ไปยังกองขนมปังปิ้งบนโต๊ะกาแฟ  แจ็คสันก้าวยาวๆ กลับมาที่โต๊ะ รวบขนมปังสามแผ่นซ้อนกันแล้วยัดเข้าปาก คาบไว้ก่อนทำสัญลักษณ์โอเค


    “เอี๋ยว ออนเอ็นเอี๊ยงอ้าวอ๊ะ”  เสียงอู้อี้พร้อมยกมือไหว้จนท่วมหัว  ก่อนหันกลับพุ่งไปที่ประตูแบบไม่คิดชีวิต 


    “อย่าให้โดนเด้งตั้งแต่วันแรกล่ะ!!”  มาร์คตะโกนไล่หลังพร้อมส่ายหัวเบาๆ เมื่อได้ยินเสียง  “โอเออออ”  ลอยกลับมา ภาวนาว่าอย่าให้สิ่งที่เขาพูดเป็นจริง ไม่อย่างนั้นเพื่อนเขาคงเสียใจจนตายแน่ๆ 

     

                แจ็คสันเพื่อนสนิทของเขาเฝ้ารอวันที่จะได้ฝึกงานที่สถาบันนี้มามากว่าสามปี  สามปีที่เพื่อนเขาไม่ยอมยื่นฝึกงานที่ไหนๆ เลยสักครั้ง  ถึงแม้จะแค่เพื่อให้เรียนจบก็ตาม สามปีที่โดนสถาบันส่งจดหมายปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ยังหน้าด้านยื่นเข้าไปอีกพร้อมคุณสมบัติที่ยาวขึ้นทุกปี จนในที่สุดสถาบันก็ตอบรับ คำขอที่ยื่นส่งไปครั้งนี้เป็นโอกาสครั้งสุดท้าย ถ้าปีนี้แจ็คสันยังไม่สามารถได้เกรดจากการฝึกงานละก็ สิ่งที่เรียนมาทั้งหมดจะสูญเปล่าทันที  เพราะอย่างนี้ละมั้งสถาบันถึงได้ตอบรับคำขอ  ทางนั้นก็คงจะเห็นใจอยู่บ้างล่ะน่า เพราะแบบนี้เพื่อนเขาถึงได้ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ แล้วดันมาตื่นสายเอาวันสำคัญสุดๆ ซะอย่างงั้น  มาร์คหันไปมองประตูแล้วถอนหายใจเบาๆ นึกเอาใจช่วยว่าอย่าให้หัวหน้าของเพื่อนเขาเข้มงวดจนเกินไปนัก ก่อนจะหันกลับไปจิบกาแฟ อ่านหนังสือพิมพ์ ใช้เวลาที่เขามีอย่างเหลือเฟือตามเดิม

     

                 ท่ามกลางแสงแดดของยามสาย จักรยานผ่อนแรงราคาแพงวิ่งฉิ่วออกจากเขตเมือง คนขี่ที่ตั้งหน้าตั้งตาปั่นด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด ขัดกับปากที่คาบขนมปังสามแผ่นซ้อนกับมือที่ยกขึ้นจับขนมปังเพื่อกัดเข้าปากเป็นระยะๆ เหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายตามไรผมแม้จะฝ่าสายลมเย็น สแนปแบ็คกลับหลังกับตัวอักษรกระจก WANG ตัวโตเป็นประกายสะท้อนแสงอาทิตย์ ถ้ามีใครขี่ตามหลังเขามาคงต้องมีตาบอดกันไปข้าง


                แต่ถนนเส้นนี้น้อยคนนักที่จะใช้ เพราะเป็นถนนเส้นที่ตรงเข้าไปยังเขตป่าที่ไม่มีใครเข้าไปหากไม่มีความจำเป็น ระหว่างเขตเมืองกับเขตป่าเป็นเขตเกษตรกรรม สองข้างทางเป็นฟาร์มกว้างสุดลูกหูลูกตา สีเขียวขจีตัดกับถนนกว้างสีดำทันสมัย เลนสำหรับรถต่างประเภทจำกัดเพียงยานพาหนะชนิดนั้นๆ เท่านั้น นอกจากรถของเกษตกร หรือรถที่ขนผลิตภัณฑ์จากฟาร์มเข้าเมืองที่สวนเขาไปเป็นระยะๆ แล้ว เลนจักรยานนี้ก็มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่มุ่งหน้าไป เขาจึงสามารถทำความเร็วได้เต็มที่โดยไม่ต้องหลบหลีกใครให้เสียเวลา


               ถึงแม้เขาจะมั่นใจในกำลังขาของตัวเองบวกกับจักรยานผ่อนแรงราคาแพงที่มาร์คซื้อให้เขาเป็นของขวัญทันทีที่รู้ว่าเขาได้เข้าฝึกงานที่สถาบัน ก็ยังต้องใช้เวลาตั้ง 20 นาที จึงจะถึงที่ที่เขาต้องฝึกงาน  ปกติแล้วเขาไม่ค่อยจะยอมรับของขวัญราคาแพงแบบนี้จากเพื่อนสักเท่าไหร่ แต่มาร์คยืนยันว่าสิ่งนี้จำเป็นสำหรับเขาสุดๆ ซึ่งมันก็จริง เพราะสถาบันที่เขาต้องไปนั้น ตั้งอยู่ระหว่างเขตป่ากับเขตเมืองที่ไกลเกินกว่าจักรยานธรรมดาของเขาจะทำเวลาไปกลับได้ดีพอโดยไม่ต้องอดนอน สำหรับคนที่ไม่ชอบขับรถหรือขี่มอเตอร์ไซค์อย่างเขา ตัวเลือกนี้ถือว่าเหมาะที่สุด จักรยานผ่อนแรงยี่ห้อที่ดีที่สุดในท้องตลาดคันนี้ทำเวลาได้ดีพอๆ กับรถไฟฟ้าขนาดเล็ก ยิ่งบวกกำลังขาที่เขามั่นใจนักหนายิ่งเร็วจนดูเว่อร์


                 แจ็คสันเงยหน้าขึ้นมองโลโก้สีเงินใหญ่ยักษ์ที่เขาแสนจะคุ้นเคยบนยอดตึกสูง ตึกรูปทรงทันสมัยเพียงตึกเดียวท่ามกลางฟาร์มพืชพันธุ์นานาชนิดกว้างสุดลูกหูลูกตา ต่ำลงมาเป็นยอดโดมกระจกขนาดมหึมา แค่สองสิ่งนี้เท่านั้นที่เขาสามารถมองเห็นพ้นกำแพงสูงซึ่งเป็นรั้วของสถาบันที่เขากำลังปั่นเลียบเพื่อไปเข้าทางประตูหน้า ต่างจากทุกครั้งที่เขาจะเข้าประตูที่ใกล้ที่สุดเพื่อขึ้นไปยื่นเอกสารบนตึกสูงนั่น ตึกสูงที่เขาเคยขึ้นไปนับครั้งไม่ถ้วนตลอดสามปี จนบางคนบนนั้นแทบจะจำหน้าเขาได้ดี แต่ว่าตั้งแต่วันนี้เขาไม่จำเป็นต้องขึ้นไปอีกแล้ว เพราะที่ที่เขาจะฝึกงาน คืออาคารสีขาวสูงเท่ากับตึกสามชั้นแต่กินพื้นที่กว้างขวางที่อยู่ด้านหน้าต่างหาก


               ยิ่งคิดหัวใจเขายิ่งเต้นเร็วจนอึดอัด ความตื่นเต้นผสมปนเปกับความกังวลที่เขามาทำงานสายตั้งแต่วันแรก อีกทั้งขาที่ออกแรงปั่นจักรยานเต็มกำลังอย่างต่อเนื่องจนทำให้รู้สึกเหมือนจะเป็นลม นี่ถ้าไม่ได้ขนมปังปิ้งของมาร์คล่ะก็เขาคงหมดแรงก่อนจะถึงแน่ๆ ขาแกร่งชะลอความเร็วเมื่อใกล้ถึงที่หมาย เข็มกลัดรูปเดียวกับโลโก้ที่อยู่บนยอดตึกสูงที่เขากลัดไว้บนอกด้านขวาของแจ็คเก็ตกระพริบไฟสีเขียวถี่ๆ ประตูรั้วเหล็กก็เลื่อนเปิดให้เขาเลี้ยวเข้าไปข้างในโดยไม่ต้องรอให้ใครมาเปิดให้ ยิ่งเห็นโลโก้สามมิติที่ลานน้ำพุตรงกลางหน้าอาคารสีขาวหัวใจเขายิ่งเต้นถี่เหมือนจะระเบิด ตัวย่อ ACRI ในวงกลมกับปีกที่กางออกทั้งสองข้าง แสดงให้เห็นว่าเขากำลังจะได้เจอกับสิ่งที่เขาใฝ่ฝันมาตลอดชีวิต           


                 แจ็คสันกระโดดลงจากจักรยานก่อนที่มันจะหยุดพร้อมกับดีดตัวพับจักรยานที่แฮนด์ข้างขวา ปล่อยให้แรงส่งจักรยานที่พับเก็บแล้วเหวี่ยงเข้าใส่เป้สะพายหลังที่เขาเปิดรอ จริงๆ ก็ไม่ได้กะจะทำเท่อะไร แค่ทักษะทางร่างกายเขามันดีเกินกว่าจะเก็บแบบธรรมดาก็เท่านั้น หลังจากยืนหันรีหันขวางพยายามจัดเสื้อแจ็คเก็ตให้เข้าที่อย่างไม่ค่อยมั่นใจ ถึงแม้เดรสโค้ดในเอกสารตอบรับจะระบุว่า “อะไรก็ได้” ก็เถอะ แต่หวังว่าเสื้อยืดกางเกงยีนส์กับแจ็คเก็ตแล้วก็สแนปแบ็คใบเก่งของเขาจะไม่ดูแย่จนเกินไปนัก แจ็คสันสูดหายใจเฮือกใหญ่เพื่อสงบสติอารมณ์ ก่อนจะเดินตรงไปยังประตูทางเข้า


                  ประตูเหล็กบานใหญ่สีดำตัดกับอาคารสีขาวดังฉับ หน้าประตูนั้นมีเพียงเคาน์เตอร์เล็กๆ กับชายแก่ผิวดำรูปร่างกำยำใส่เครื่องแบบรักษาความปลอดภัยนั่งมองจอตรงหน้า เอ่อ หรือหลับเขาก็ไม่แน่ใจนัก เพราะหมวกที่ถูกดึงลงมาปิดจนครึ่งใบหน้า เห็นเพียงปลายจมูกกับปากหนาและเคราสีดอกเลาที่ถูกกันไว้อย่างมีระเบียบ ป้ายเหล็กที่หน้าอกบ่งบอกว่าคนที่นั่งอยู่นี้ชื่อ กอร์ดอน แบล็ก


    “เอ่อ ขอโทษครับ คือ.. คือว่า ผมต้องมาฝึกงานที่นี่”  แจ็คสันยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าเคาน์เตอร์

    ชายแก่ใช้นิ้วชี้ดันหมวกขึ้นแล้วมองเขาอย่างพินิจพิจารณา “การ์ดล่ะ”  เสียงแหบต่ำเอ่ย


    “การ์ด?? การ์ด.... เอ่อ การ์ดอะไรครับ” แจ็คสันรู้สึกเหมือนตัวเขาลีบลงไปอีกสองนิ้ว เมื่อชายแก่ดันหมวกขึ้นจนสุด คิ้วขมวดเข้าหากันแล้วจ้องหน้าเขาตรงๆ แต่เขาเป็นคนจริงจังพอที่จะรู้ว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด (เท่าที่รู้) เขาจึงไม่หลบสายตาไปไหน


    “ถ้านายได้เข้าไปในนั้นจริง นายก็ต้องมีการ์ด ไอ้หนู” แจ็คสันโล่งใจที่น้ำเสียงของกอร์ดอนไม่ได้จับผิด หรือมีนัยแฝงว่าเขาเป็นคนร้าย เขาหวนนึกถึงเอกสารตอบรับที่เขาวางเอาไว้บนโต๊ะ หรือว่าจะเป็นการ์ดใบนั้น การ์ดสีดำขนาดเท่ากับบัตรเครดิตกับโลโก้สีเงินที่เขาคิดว่ามันเป็นเพียงนามบัตรของสถาบันที่แนบมา ไม่คิดว่าจะมีความสำคัญ เขาจึงไม่ได้นำมันติดมาด้วย


    “เอ่อ ผมไม่ได้เอามาฮะ ผมไม่รู้ว่ามันสำคัญขนาดนั้น ถ้ายังไงขอให้ผมเข้าไปก่อน แล้วค่อยเอามาให้พรุ่งนี้ได้มั้ยครับ แล้ววันนี้ผมก็สายมากแล้วด้วย ถ้าต้องกลับไปเอาการ์ดผมคงไม่ต้องทำงานกันพอดี มีหวังโดนเด้งตั้งแต่วันแรกแน่ๆ”


    “เสียใจนะไอ้หนู ไม่มีการ์ดก็เข้าไม่ได้ มันเป็นกฎ” กอร์ดอนยังยืนยันคำเดิม แจ็คสันอยากจะตะโกนร้องให้สุดเสียง นี่เขามีโอกาสได้มาเหยียบถึงหน้าประตูแล้วแท้ๆ แต่อาจจะต้องโดนเด้งเพราะความสะเพร่าของตัวเองเหรอเนี่ย


    “โธ่โว้ยยยยย” เสียงแหบพร่าคำรามเบาๆ อย่างสิ้นหวัง กำหมัดแล้วซบหน้าลงกับเคาน์เตอร์หินที่เย็นชืด


    “มีอะไรกันเหรอปู่” เสียงทะเล้นนิดๆ ดังขึ้นจากข้างหลัง แจ็คสันหันขวับไปมองต้นเสียงที่เขาหวังว่าจะเป็นหัวหน้าของเขา ถ้าเป็นหัวหน้าเขารับรองล่ะก็ เขาอาจจะเข้าไปได้ก็ได้ แต่ภาพที่เห็นกลับเป็นชายหนุ่มที่ท่าทางจะอายุน้อยกว่าเขา ตัวสูงโย่งกับผมที่เหมือนทรงกะลาครอบ หน้าม้าดำพรืดปิดหน้าไปซะเกือบครึ่งทำให้รู้สึกว่าไม่น่าจะมองอะไรเห็น ชุดสีดำล้วนทั้งตัวเสื้อคอเต่าแขนยาวกับกางเกงหนังพร้อมรองเท้าคอมแบ็ท ยืนล้วงกระเป๋าด้วยท่าทางสบายๆ ส่วนอีกมือถือแก้วกาแฟเอาไว้


    แจ็คสันกลืนคำว่า ไอ้นี่มันไม่ร้อนรึไงวะ เอาไว้ในลำคอ เขารู้ตัวดีว่าเขาไม่ควรเสียมารยาทกับใครอีกในเวลานี้ ดีไม่ดีคนตรงหน้าอาจจะเป็นลูกชายใครสักคนที่ตำแหน่งใหญ่โตในนี้ก็ได้ ระหว่างนั้นดวงตาเรียวเล็กก็มองผ่านม่านผมสีดำสนิทคอยสังเกตุเขาอยู่อย่างเงียบๆ


    “WANG??  WANG….   อ๊าาาาาาาา” อยู่ดีๆ เด็กหนุ่มก็ตะโกนสุดเสียง

    “เฮ้ย!! อะไรๆๆ” แจ็คสันพลอยตระหนกตามไปด้วย

    “นาย.. นายคือ... เด็กฝึกในตำนานคนนั้นนี่นาาาา” ไอ้หัวกะลาครอบชี้หน้าเขาอย่างตื่นเต้น ห๊ะ!! เด็กฝึกในตำนานเรอะ

    “ทำไมพี่ไม่เข้าไปล่ะ นี่มันสายแล้วนะเนี่ย เจบีฮยองจะโกรธเอานะ” เด็กยักษ์นั่นเปลี่ยนสรรพนามเรียกเขาเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้

    “เขาไม่มีการ์ดยูคยอม ฉันให้เข้าไปไม่ได้” กอร์ดอนตอบเสียงเรียบแทนแจ็คสันที่ยืนหน้าจ๋อย


    “โอ้โหหหห นอกจากจะมาสายแล้วยังสะเพร่าอีกเหรอเนี่ย” คำพูดสั้นๆ ของคนตรงหน้าที่เจ็บยิ่งกว่าด่าแทงใจดำแจ็คสันดังฉึก ที่เจ็บกว่านั้นคือ ไม่ได้มีแววเยาะเย้ยอยู่ในน้ำเสียงนั่นเลยแม้แต่น้อย บอกให้รู้ว่าเจ้าตัวพูดถึงความจริงอย่างตรงไปตรงมาและไร้เดียงสา แจ็คสันก้มหน้ากัดฟันกรอดพร้อมกับมือที่กำหมัดแน่น เขาไม่ได้โกรธเด็กที่กอร์ดอนเรียกว่ายูคยอม แต่เขาโกรธตัวเองที่ได้รู้ว่าตัวเองบกพร่องแค่ไหนในการเริ่มงานวันแรกในสถานที่ที่เขาใฝ่ฝัน


    “เอางี้ละกัน พี่มีไอดีมั้ย”

    “มี มีสิ” แจ็คสันเงยหน้าอย่างมีความหวัง แล้วกุลีกุจอล้วงหาไอดีการ์ดของเขา


    “จริงๆ พวกเรารู้จักพี่กันหมดแล้วล่ะนะ แต่ว่ามันมีกฎอยู่ แล้วขั้นตอนก็ยุ่งยากซะด้วย พี่ต้องเลี้ยงข้าวผมด้วยล่ะ” ยูคยอมวางแก้วกาแฟลงบนเคาน์เตอร์ก่อนถกแขนเสื้อข้างขวาขึ้น แถบสมาร์ทริสแบนด์สีดำสนิทที่ข้อมือขนาดกว้างประมาณหนึ่งฝ่ามือปรากฎแก่สายตา อีกมือจิ้มลงบนตัวเลขที่คนอื่นมองไม่เห็น สักพักหน้าจอโฮโลแกรมขนาดเล็กฉายขึ้นพร้อมใบหน้ายุ่งๆ ของใครบางคน

    “ยองงงงแจจจฮยองงงงง เขามาแล้วล่ะ แต่ไม่ได้เอาการ์ดมาด้วย ฮยองช่วยหน่อยสิ” ยูคยอมตะโกนใส่หน้าจอโฮโลแกรม

    “ฮ้าาา ยุ่งยากชะมัด” น้ำเสียงหงุดหงิดตอบกลับมา

    “ฮยองอย่าเล่นเกมจนดึกแล้วมาแอบงีบที่นี่เซ่ พาลใส่กันแบบนี้ไม่ดีน้า” ยูคยอมตอกกลับตรงๆ เหมือนที่ตอกกลับเขา แจ็คสันพอจะเข้าใจบุคลิกของเด็กหนุ่มขึ้นมาบ้างเล็กน้อย

    “เอ้า ส่งมา” เสียงในจอพยายามปรับลดระดับความหงุดหงิดในน้ำเสียงลงอย่างเห็นได้ชัด ยูคยอมหัวเราะก่อนยื่นข้อมือมาหาเขา

    “แตะไอดีพี่ลงไปที่รีสแบนด์หน่อย” แจ็คสันทำตามอย่างว่าง่าย นาทีนี้ไม่ว่าอะไรเขาก็เอาทั้งนั้น เขาแตะไอดีการ์ดลงบนริสแบนด์เงาวับนั่นเบาๆ ก่อนจะได้ยินเสียงตี๊ด จึงดึงกลับมาแล้วเก็บไว้ที่เดิม


    “ทีนี้ก็ อย่าขยับนะฮะ” เด็กโย่งขยับเข้ามาใกล้ก่อนเอื้อมมือทั้งสองข้างมาประกบใบหน้าเขาเอาไว้ แจ็คสันสะดุ้งเล็กน้อยก่อนพยายามอยู่นิ่งๆ เขาเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง นิ้วทั้งสิบเริ่มสำรวจขอบใบหน้าเขา ตั้งแต่หลังหูไล่ลงมาจนถึงสันกราม มือนึงดันคางเขาเงยขึ้น ก่อนที่อีกมือจะใช้นิ้วโป้งไล่ไปตามลำคอ แล้วจึงปล่อยให้เขาเป็นอิสระ

    “ไม่ใช่หน้ากากหรอกน่า” แจ็คสันประท้วง

    “รู้แล้วล่ะน่า ช่วยไม่ได้นี่นา มันเป็นกฎ” เสียงติ๊ดๆ ดังขึ้นที่ข้อมือ ยูคยอมยกขึ้นมากดให้หน้าจอโฮโลแกรมฉายขึ้นมาอีกครั้ง

    “ไอดีเทส พาสสสสสสสสส” ใบหน้าในจอรางๆ ทำสัญลักษณ์โอเคพร้อมขยิบตา

    “มาสก์เทสพาส” ยูคยอมตอบกลับ

    “พี่พูดอะไรหน่อยสิ” ยูคยอมยื่นจอมาหาเขา

    “เอ่อ.. หวัดดี ผมแจ็คสัน” เสียงแกรกๆ เบาๆ ดังขึ้นสักพัก ก่อนเสียงใสๆ ไร้แววหงุดหงิดเหมือนตอนแรกจะตอบกลับข้อความสุดท้าย

    “วอยส์เทสพาสสสสสส ยูคยอมนายเป็นคนเขียนรายงานนะ ฉันขี้เกียจอ่า”


    “รู้แล้วล่ะน่า” ยูคยอมสะบัดข้อมือให้แขนเสื้อลงมาปิดถึงข้อมือเหมือนเดิม “โอเคนะฮะปู่ เดี๋ยวผมเขียนรายงานเอง” กอร์ดอนพยักหน้าก่อนจะรับการ์ดสีดำจากมือยูคยอมที่ไม่รู้ว่าหยิบมันขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ การ์ดสีดำเหมือนกับใบที่เขาเห็นในเอกสารตอบรับถูกรูดลงบนเครื่องอ่าน บนจอปรากฏรูปใบหน้าของยูคยอม กับรูปเล็กๆ จากไอดีของเขาอยู่ข้างๆ ประตูเหล็กสีดำที่ดูหนาและหนักเลื่อนเปิดออกอย่างเงียบเชียบ แจ็คสันแทบจะกระโดดกอดยูคยอมด้วยความดีใจ

    “มาสิฮะ อ้อ ยังไม่ได้แนะนำตัวเลย ผมยูคยอม อายุน้อยกว่าพี่ แต่ผมเป็นรุ่นพี่ล่ะ” หัวกะลาครอบยิ้มทะเล้นกว้าง แล้วยื่นมือมาหาเขา

    “ฉันแจ็คสัน  หวังแจ็คสัน มาฝึกงานวันแรก ฝากเนื้อฝากตัวด้วย” แจ็คสันยื่นมือไปจับอย่างมั่นใจ อย่างน้อยคนที่นี่ก็ดูจะเป็นมิตรมากกว่าที่เขาคิดไว้..

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in