พาริส side
“คุณ”
“คุณ!!” ผมแหกปากใส่วิทยุงี่เง่าตัวน้อยแต่มันไม่ตอบรับให้ผมเลย ผมจะทำยังไงดีละเนี่ย แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าตัวเองอยู่ไหนแล้วละ
อยากจะร้องไห้ลงมันตรงนี้เลยแต่ต้องฝืนตัวเองไปในห้องเรียนซักห้องนึงที่พอจะมีปลั๊กไฟให้ผมได้บ้างอ่ะนะ ว่าแล้วก็นั่งทรุดลงข้างๆกับมัน นึกไปถึงเมื่อชั่วโมงก่อนที่ผมตื่นมาบนพื้นเย็นเฉียบจนทำเอาหน้าชาได้เลย เสียงจากวิทยุนี่แหละที่ปลุกผม
/มีใครได้ยินมั้ย/
/ฮะโหล/
/ช่วยด้วย/
/เฮ้ สวัสดี/
โอเค ผมตื่นเพราะผมรำคาญนั่นแหละ พอตื่นมาก็ต้องตกใจที่ตัวเองอยู่ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ลักษณะของมันจะเป็นตึกเดียวที่มีปีกสองข้างซึ่งถ้าผมหันออกจากจากโรงเรียนผมจะอยู่ทางด้านปีกขวาของมัน ส่วนอีกด้านมันปิดตาย
ไม่รู้ทำไมแต่เป็นทุกชั้นเลยที่เปิดไม่ได้
กว่าจะสื่อสารกันเข้าใจว่าผมต้องหากุญแจมาช่วยอีกคนที่อยู่ในสายวิทยุผมก็นานอยู่เพราะผมไม่เชื่อเองนั่นแหละ
แน่สิ ใครจะไปเชื่อกันละ
ผมเดินสำรวจไปแล้วหนึ่งชั้นเองนะเพราะอีกคนเอาแต่เร่งผมตลอดเวลาเลย น่าหงุดหงิดชะมัด รู้หรอกว่าอยากออกมาแล้วผมไม่อยากช่วยรึไง
“เฮ้อ ซวยจริงๆเลยพาริส” ผมหยิบโทรศัพท์ที่ได้มาติดตัวขึ้นมามอง มันใช้งานไม่ได้แต่ไม่รู้ทำไมผมยังพกมันมาอยู่ดี
ก็เผื่อมันให้โชคอะไรอ่ะนะ
“นาย” ผมลองกรอกเสียงไปตามสายไป เผื่อว่าอีกคนจะได้ยินผม ระหว่างที่รออีกฝ่ายตอบผมก็เหม่อลอยมองอะไรข้างนอกโรงเรียน
เห้ย นั่นมันคน
ผมเห็นคนที่กำลังซุ่มอยู่ที่ใต้ต้นไม้ ผมโบกมือหยอยๆเพื่อหวังว่าเขาจะเห็นผมบ้างน่ะนะ ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงใจชื้นขึ่้นมากๆ
เขาเห็นผมจริงๆด้วย ผมยิ่งดีใจหนักกว่าเดิมแต่เขาทำคิ้วขมวดมาให้ผมแทน พร้อมกับเอานิ้วชี้แนบปากเป็นสัญญาณให้ผมเงียบ
อะไรของเขากันนะ
/เฮ้ ถึงไหนแล้วละ/ เสียงปลายสายตอบผมซักที ผมเลยกรอกเสียงตามไปด้วยความดีใจ
“เฮ้นาย เราไม่ได้อยู่กันสองคนแล้วนะ”
/หมายความว่ายังไง/ เขาไม่เข้าใจ แน่ละจะเข้าใจได้ไงในเมื่อเขาอาจจะไม่ได้เห็นเหมือนผม สายตาอีกคนดูเครียดกว่าปกติมากๆ เอ้ะ ทำไมกันละ
ก่อนที่เขาจะชี้ไปยังปีกอีกฝั่งของตึก ปีกที่ถูกปิดด้วยโซ่กลอนอย่างแน่นหนา
ตัวอะไรอ่ะนั่น
โอเค ผมว่าผมต้องรีบแล้วละ
ก่อนผมจะโดนมันฆ่าอ่ะนะ
ลภัส side
“เชี่ย” ผมสะดุ้งเพราะได้ยินเสียงด้านนนอกดังเข้ามาในห้องที่ผมพักอยู่ เอาจริงๆคือเสียงมันดูใกล้มาก
โชคร้ายเริ่มมาแล้วหรอวะ
ผมพยายามตั้งใจฟังเสียงก่อนจะพบว่ามันคือเสียงหอนของหมาป่า
ผมตัดสินใจเดินไปล็อคประตูห้อง เผื่อว่ามันมีอะไรผมอาจจะพอป้องกันตัวเองได้บ้าง ท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นสีส้มอย่างเห็นได้ชัด เอาละ กลางคืนมันก็ไม่ค่อยจะปลอดภัยมากนักสินะ
โชคร้ายชะมัด
ผมจิ๊ปากด้วยความขัดใจเพราะไม่มีกลอนให้ล็อคตามที่ผมอยากให้มันมีเลย โทรศัพท์ที่ชาร์จไว้แบตเต็มแล้ว ผมควรจะออกจากที่นี่ไป อย่งน้อยไอตึกที่มีตัวบีอยู่คงจะมีอะไรให้ผมได้รู้บ้างแหละ ผมหยิบของที่จำเป็นทั้งโทรศัพท์ที่ชาร์จ มีดพก เสบียงเล็กน้อย บวกกับกล่องปฐมพยาบาล
ไม่รู้ละเผื่อว่าผมโชคร้ายขึ้นมาก็ยังช่วยเหลือตัวเองได้แหละนะ
ผมกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปที่ตึกตรงหน้า พอเข้าไปใกล้ๆถึงได้รู้ว่ามันคือธนาคารนี่เอง ผมก็นึกว่าตึกอะไรซะอีกนะ
“มีคนนี่หว่า” ผมมองลอบเข้าไปเห็นคนที่อยู่ข้างในเลยลองเคาะกระจกดู เขาดูตกใจผมไม่น้อย เขาคงคิดว่าที่นี่ไม่มีใครอีกแล้วนอกจากตัวเขาเองละมั้ง ผมก็คิด ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาก่อนจะชูให้เขาดู เขาเหมือนนึกอะไรออกก่อนจะหายไปซักพักแล้วกลับมาพร้อมกับโทรศัพท์รุ่นเดียวกับผม
โชคดีแล้วสิ
อ่า ไม่หรอก
ถึงผมกับเขาจะมีโทรศัพท์แล้วยังไงละ จะโทรหากันยังไงกันละเนี่ย
!!
เสียงเคาะกระจกทำให้ผมหันไปมองอีกครั้ง เขาคนนั้นเอากระดาษแนบกับกระจกให้ผมดู
-คุณชื่ออะไร- แล้วเอาลงก่อนจะแทนด้วยอีกแผ่น
-ในเครื่องมีรายชื่อเมมไว้- อ้อ แบบนั้นค่อยง่ายหน่อยสิ ผมชูมือตัวเองพร้อมกับทำนิ้วเป็นเลขสาม เขาจะเข้าใจผมมั้ย ผมเห็นเขาทำคิ้วขมวดซักพักแล้วค้นในโทรศัพท์ก่อนจะกดโทรออก
/คุณชื่อเติร์ดสินะ/
“อาห้ะ เดาเก่ง” ผมชมเขาด้วยใจจริงก่อนจะเอ่ยปากขอให้ผมเข้าไปข้างในด้วยคน อยู่ข้างนอกงี้ผมร้อนๆหนาวๆยังไงไม่รู้แหะ เงียบเหมือนป่าช้าขนาดนี้
ขนลุกเลยแแหะ
/มันมีรหัส/ เขาชี้ให้ผมดูที่เครื่องสีดำที่ติดอยู่กับประตู โอเค ถ้าผมอยากจะเข้าไปผมต้องช่วยให้เขาแก้ปริศนาให้ได้ก่อนใช่มั้ย ลำบากชะมัด ผมหันหลังไปเจอโรงงานรึเปล่าไม่แน่ใจนัก เหมือนกับเป็นโกดังเก่าๆแต่ไม่ได้ใหญ่มาก ผมอยากไปสำรวจแต่ผมก็ไม่รู้ว่าไปแล้วจะปลอดภัยมั้ย
ผมลังเลยไปหมดเลยบ้าจริงเชียว
“คุณพอจะเดาได้มั้ย”
/ผมลองไปครั้งหนึ่งแล้ว เหมือนว่าผมจะมีโอกาสอีกสองครั้ง/
“แล้วหลังจากนั้นละ” เขาเงียบลงเป็นคำตอบกลายๆว่าเขาก็ไม่รู้เช่นเดียวกัน ผมก็อยากช่วยเขานะ แต่ปัญหาก็คือผมจะช่วยเขายังไงละ
ตะวันเริ่มตกดินจนรู้สึกว่ามันมืดไปทุกที่ ไอทางแถวนี้ก็ไม่มีไฟตามทางให้ผมได้เห็นอะไรมากนัก แต่บ้านหลังใหญ่ที่อยู่ไกลๆเหมือนจะมีแสงไฟอยู่
แสดงว่ามีคน
อ่า บางทีถ้าผมไปตรงนั้นผมอาจจะขอความช่วยเหลือได้ก็ได้สินะ
หรือผมควรจะไปที่โกดังที่อยู่ด้านหลังผมดีละ
“คุณ” ผมพูดกรอกสายตอบกลับไป ปลายสายเหมือนไม่ได้ตั้งใจฟังผมนัก เพราะว่ากำลังจะพยายามแก้รหัสให้ได้
/ว่าไง/
“ผมขอไปดูโกดังข้างหน้านะ”
/เดี๋ยว/
“ไม่นานหรอก” ผมคิดว่าอย่างงั้นนะ ก่อนจะพูดอะไรเพื่อเสริมความมั่นใจให้เขา
ผมวิ่งไปทีโกดังข้างหน้าทันที หวังเหลือเกินว่าอีกคนจะสามารถแก้รหัสได้ก่อน
ก่อนอะไรผมก็ยังไม่รู้แต่ไอเสียหอนที่ได้ยินมาเรื่อยๆบวกกับสัญชาตญาณอัลฟ่าในตัวผมที่บอกว่ามันอันตรายดังไม่หยุดเลยให้ตายสิ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in