เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
paragraphdontcry1995
sea

  • ถ้าให้เลือกระหว่างทะเลกับภูเขา ผมจะเลือกทะเล


    ผืนน้ำกว้างใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตา ท้องฟ้าสีครามที่สะท้อนกับผืนน้ำ เม็ดทรายสีขาวสะอาด กับเสียงคลื่นกระทบฝั่ง


    องค์ประกอบทุกอย่างที่รวมตัวกันเป็นสถานที่ที่เรียกว่าทะเล ผมชอบมัน


    ชอบมากๆ


    เหตุผลนั้นมั้ง ทำให้ผมชอบคนที่ชื่อว่าทะเล



    /



    นายนที ประสมสงค์ หรือทะเล


    ใช่ คนที่ผมชอบมาตลอดช่วงมัธยม


    อยู่ห้องเดียวกันมาตลอดหกปี


    และปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้ว


    ความคืบหน้าเท่ากับศูนย์


    "เหม่ออะไรมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว" เสียงของเพื่อนสนิทที่พูดขึ้น เรียกให้ผมหันกลับไปมองต้นเสียงอยู่เพียงครู่ ก่อนจะหันกลับไปมองบางคนที่มองมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว


    เสียงโหวกเหวกกับเสียงลูกบาสกระทบกับพื้นสนาม และจุดวางสายตาของผมก็คือผู้ชายที่ใส่เสื้อนักกีฬาสีน้ำเงินสดสีประจำโรงเรียนเบอร์สามสิบตัวหนาที่ทำให้มองหาได้ง่ายจากระยะไกล กำลังจะตั้งท่าชู้ตลูกบาสในระยะสามแต้ม 


    "อ่อ ทะเล" น้ำเสียงเหนื่อยหน่ายกับแววตาของเพื่อนสนิทที่หรี่ลงอย่างนึกรำคาญ ไม่ได้ทำให้แปลกใจเท่าไหร่ 


    "คินทร์"


    "หืม?"


    "ไหนบอกจะไม่ชอบแล้ว"


    "มองแค่นิดหน่อยเอง ไม่ได้หมายความว่าชอบนี่" คำเถียงข้างๆคูๆถูกพูดออกไป แน่นอนว่าเพื่อนสนิทแบบมูนดูออกอยู่แล้ว


    "แหม นิดหน่อย"


    "..."


    "เหม่อเป็นนาทีเลยนะ"


    "..."


    "ไม่ค่อยเท่าไหร่เลยครับคุณนคินทร์"


    นายนคินทร์ จึงอำนวยกิจ


    นคินทร์แปลว่าภูเขา คือชื่อของผม



    /



    ผมไม่ชอบการเป็นจุดสนใจสักเท่าไหร่ 


    และวันเปิดเทอมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หนึ่งคงไม่พ้นเรื่องการแนะนำตัวหน้าชั้นเรียน


    "มูนๆๆ ตื่นเต้นอ่ะ" ผมเขย่าแขนมูนที่นั่งอยู่ข้างๆ


    "กูไม่ตื่นเต้นเลยมั้ง" คำตอบของเพื่อนข้างตัวคู่กับเพื่อนข้างบ้านสมัยเด็ก ทำให้เผลอหลุดขำออกมาเล็กๆ ตอนนี้เราทั้งสองคนอยู่ในสภาพที่ใบหน้าซีด เหงื่อออกไปทั่วทั้งหน้าและฝ่ามือ ทั้งๆที่ห้องเรียนติดแอร์


    "มูนน จะถึงกูแล้วอ่ะ"


    "เอางี้ มึงมองมาที่กูคนเดียว จะได้ไม่ตื่นเต้น โอเค?"


    "อืม โอเค"


    "ไปได้แล้วๆ"


    ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูงที่มันไม่ได้มีมากสำหรับเด็กอายุสิบสาม ก่อนจะค่อยเดินไปที่หน้าห้องเรียนด้วยใบหน้าชุ่มเหงื่อ


    ฝ่ามือเผลอกำชายเสื้อไว้แน่น ก่อนสายตาจะมองไปหาเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างกันในตอนแรก


    กำปั้มเล็กๆของมูนถูกยกขึ้นมาเชิงบอกว่าสู้ๆเป็นกำลังใจให้อะไรเทือกนั้น ทำให้ผมค่อยๆหลับตาลง และผ่อนคลาย


    เอาน่า แค่พูดชื่อ แป๊บเดียวก็ได้ไปนั่งแล้ว


    "เราชื่อน--"


    "ขออนุญาตเข้าห้องครับ!!" เสียงตะโกนที่ดังมาจากทางหน้าประตูขัดขึ้นก่อนที่ผมจะได้พูด


    คนที่ตะโกนขึ้นขัดอยู่ในสภาพที่ไม่เรียบร้อยนัก ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงที่พอจะเดาออกว่าเพิ่งตื่นมาได้ไม่นาน เสื้อที่ปลกกระดุมไปถึงสองเม็ดอย่างผิดระเบียบ ชายเสื้อหลุดออกนอกกางเกงสีน้ำเงินสด กับใบหน้าชุ่มเหงื่อและไหล่ที่กระเพื่อมขึ้นลงทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายผ่านการวิ่งมา


    "วันแรกก็มาสายเลยนะ ไปนั่งที่ไป แล้วแต่งตัวให้เรียบร้อยด้วย" น้ำเสียงใจดีของครูประจำชั้นพูดแซว ก่อนจะหันมาหาผมเพื่อให้ผมพูดต่อจากที่ค้างไว้เมื่อครู่


    สายตาของผมเผลอมองจามคนที่มาใหม่ จนเมื่อเขานั่งลงและเงยหน้าขึ้นมามองผมจนสายตาของเราสบกันทำให้ผมเลี่ยงสายตาและหันกลับมามองเพื่อนสนิทของตัวเองตามเดิม


    "เราชื่อนคินทร์ จึงอำนวยกิจ เรียกว่าคินทร์ก็ได้"


    "ชื่อเพราะจัง นคินทร์แปลว่าอะไรหรอ"  คุณครูประจำชั้นพูดขึ้น


    "เอ่อ นคินทร์แปลว่าภูเขาครับ"


    "เอาล่ะทุกคนจำไว้นะ เดี๋ยวท้ายคาบโฮมรูมครูจะสุ่มให้ตอบชื่อเพื่อน" คุณครูหันไปพูดกับทุกคนในห้องก่อนจะหันกลับมาหาผมและบอกให้กลับไปนั่งที่ตามปกติ


    ผมเดินกลับเข้าที่ที่นั่งของตัวเอง และเป็นมูนที่เดินสวนออกมาเพื่อจะไปแนะนำตัวหน้าห้องด้วยใบหน้าซีดไม่ต่างจากผม


    .

    .

    .


    "เอาล่ะคนสุดท้ายแล้วนะ เราที่มาสายน่ะ ออกมาแนะนำตัวหน้าห้องสิ"


    “ครับบ” ท่าทางมั่นใจของอีกฝ่ายที่ลุกเดินอาดๆออกไปหน้าห้องทำให้ผมนึกอิจฉาเล็กๆ 


    คนผิวสีน้ำผึ้งที่ยืนอยู่หน้าห้องกวาดสายตารอบ และจังหวะนึงที่หยุดสายตาลงที่ผม ก่อนรอยยิ้มกล่องสี่เหลี่ยมก็ถูกส่งมา


    “เราชื่อทะเล นที สมประสงค์ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”




    /





    มัธยมศึกษาปีที่สาม เพื่อนๆในห้องเริ่มสนิทกันกว่าแต่ก่อน เพราะด้วยหลายๆคนเลือกเปลี่ยนสายเรียน หรือย้ายโรงเรียน การเปลี่ยนแปลงเล็กๆอย่างคำนำหน้าชื่อจากเด็กชายเด็กหญิง กลายเป็นนายหรือนางสาว มันดูเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ก็ทำให้รู้ว่าเราชีวิตเราก้าวมาถึงจุดเปลี่ยนอีกหนึ่งเสต็ป


    ความสูงที่พุ่งโดดจากแต่ก่อนที่เคยเตี้ยกว่าผู้หญิงหลายๆคนกลายเป็นเพิ่มสูงขึ้นจากที่มองหน้าคุยกลายเป็นต้องก้มหน้าลงเพื่อให้สายตาสบกัน


    ถึงงั้นแล้วความสูงของมูนก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมาสักเท่าไหร่


    “เท่าไหร่”


    “175”


    “เมื่อกี้เห็นพี่พยาบาลพูด 174.3”


    “ได้ยินแล้วก็อย่าย้ำได้ป่ะ!!!” สายตาหงุดหงิดของมูนที่ส่งมาทำให้คินทร์อารมณ์ดีขึ้นนิดหน่อยเมื่อได้กวนเพื่อนเล่น


    “ละมึงเท่าไหร่”


    “สูงกว่ามึงแล้วกัน”


    “สักเท่าไหร่กันเชียว”


    “179”


    “สี่เซนเอง อย่าเยอะนะ” มูนที่บ่นอุบเรื่องส่วนสูงที่ไม่ค่อยเพิ่มจากแต่ก่อนเท่าไหร่ แต่คินทร์ไม่ได้สนใจ เพราะสายตากำลังมองไปที่คนคนนึงที่กำลังยืนวัดส่วนสูงอยู่ไม่ไกล


    “179 ค่ะ” เสียงของพี่พยาบาลไม่ได้ดังมากแต่ก็พอจะได้ยินมาถึงตรงที่ผมนั่งอยู่


    ถึงสามปีผมจะสูงกว่าแต่ก่อนแค่ไหน จากที่เคยเงยหน้าคุยกับเพื่อนผูหญิงบางคนกลายเป็นต้องก้มหน้า หรือแม้แต่กับมูนที่สูงพอๆกันในสมัยก่อน ก็เริ่มที่จะแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด


     แต่ก็ยังมีอีกคนที่สูงขึ้นเท่ากันกับเขาในทุกรอบ


    เป็นคนที่ไม่ต้องก้มหน้าหรือเงยหน้าคุยเพราะสายตาเราสองคนสบกันพอดีในทุกๆครั้ง


    ตรวจสุขภาพปีนี้ทะเลก็สูงเท่าผมอีกแล้ว




    /




    “แกกก ภูเขากับกับทะเลน่ารักอ่าเมื่อวานเห็นกลับบ้านด้วยกันด้วย”


    “จริงอ่ะ!”


    “จริงสิพิ้งค์ เห็นมากับตา! ทะเลโคตรอบอุ่นเลยเนอะ”


    “จริงง ทะเลก็คือยิ้มอบอุ่นมากกก สมแล้วที่เป็นผัวทิพย์ของห้อง”


    “อย่าเยอะนะ ทะเลผัวกูค่ะ”


    “มึงสิอย่าเยอะนะ ล่มเรือกูหรอ ภูเขาทะเลอีสเรียลจ้า ใครขวางเรือกู กูชนยับ”


    เพื่อนผู้หญิงสามสี่คนในห้องจับกลุ่มคุยเรื่องภูเขากับทะเล


    อันที่จริงช่วงนี้ได้ยินค่อนข้างบ่อยไอ้พวกคำว่าชิป ล่มเรือ อะไรทำนองนั้นที่เขาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่ แต่พวกเธอก็ไม่ได้ทำให้เขาเดือดร้อนเลยไม่ได้ใส่ใจอะไร


    แต่เรื่องภูเขากับทะเลนี่มัน..


    เขินมั้งไม่รู้สิ


    ที่มองมาตลอดทั้งมอต้นมันรู้สึกชอบไปตอนไหนก็ไม่รู้


    แต่ผมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไง ถ้ารู้ทะเลจะอึดอัดจนไม่กล้าคุยกับผมรึเปล่า


    เพราะตอนนี้ที่คุย หรือเล่นหัวตบมุกนั่นนี่ในฐานะเพื่อนมันก็ดีมากแล้ว


    “อ้าว คินทร์”


    “ทะเล?” เสียงเรียกชื่อกับคนตรงหน้าที่อยู่ในชุดกีฬาสีน้ำเงินสด ทะเลยืนหอบอยู่พักก่อนเขาจะสูดหายใจเข้าลึกและพูดออกมา


    “กลับเย็นมั้ยวันนี้”


    “อื้อ เหมือนเดิม” ปกติคินทร์เป็นคนกลับบ้านเร็วมาตั้งแต่ช่วงมอต้น เลิกเรียนปุ๊บก็กลับบ้านไม่ค่อยได้ไปเที่ยวเตร่สักเท่าไหร่ ผิดกับช่วงหลังที่ขึ้นมัธยมปลายมา พ่อแม่ดูจะปล่อยให้เขาเที่ยวมากขึ้น และด้วยพ่อแม่ที่ยุ่งอยู่กับงานวิจัยไม่ค่อยได้กลับบ้าน หรือบางทีต้องบินไปมาระหว่างประเทศมากกว่าแต่ก่อนทำให้พวกท่านไม่ค่อยว่างและคินทร์ต้องกลับบ้านเองอยู่บ่อยครั้ง


    เป็นเมื่ออาทิตย์ที่แล้วที่เขากลับบ้านเย็น และไปตรงกับเวลาที่ชมรมบาสเลิกซ้อมพอดีเลยได้เดินกลับบ้านด้วยกัน เพราะอีกฝ่ายเป็นคนทักและพูดชวนขึ้นมาก่อน


    ทะเลเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย เป็นบุคคลจำพวก extrovert ที่แท้จริงเลยล่ะ


    “งั้นเย็นนี้ไปกินข้าวด้วยกันป่ะ เห็นร้านเปิดใหม่ข้างๆร้านเจ๊เพ็ญ อยากแวะชิม”


    “อืม เอาสิ”


    “แหม มีนัดกินข้าว” เสียงของพิ้งค์ที่พูดขึ้นมาทำให้รู้ว่าตอนนี้ผมกับทะเลกำลังตกเป็นเป้าสายตาจากกลุ่มของพวกเธออยู่


    อ่า อึดอัดชะมัด


    “อย่าแซวสิ” เป็นทะเลที่ตอบกลับไปแบบยิ้มๆก่อนจะหัวเราะเฮฮากับพวกเธอ


    “ยังไงกันเอ่ยคู่นี้” หนึ่งในกลุ่มของพิ้งค์ที่คินทร์ไม่คุ้นหน้าเลยคิดว่าอาจจะอยู่ต่างห้องพูดขึ้นแซว คินทร์เลยได้แต่ยิ้มแห้งๆกลับไป


    “ชอบกันก็บอก”


    “อย่าสิ เดี๋ยวคินทร์อึดอัดพอดี” ทะเลตอบกลับไปขำๆ


    “แน๊ มีปกป้อง มีออกตัว”


    “เพื่อนกันน่า”


    “...”


    “คินทร์ก็ไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้วเนอะ”


    อืม


    ที่ผมเคยบอกว่าชอบทะเล


    ตอนนี้ผมไม่ชอบทะเลเอาซะเลย




    /




    ตึ๊งๆๆๆๆ


    เสียงของกลุ่มไลน์ห้องที่ดังอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเย็น เพราะวันนี้เป็นวันประกาศผลTCASรอบสุดท้าย แล้วห้องเราก็ติดมหาลัยกันครบยกห้องแล้ว


    ท๊อปปิกบทสนทนาคงไม่พ้นการออกไปเที่ยวเลี้ยงฉลองสักสามวันสองคืน และผลโพลสุดท้ายก็จบลงที่ไปทะเล


    PINK : กรี๊ดด สาวๆนัดกันใส่บีกินนี่แส้บๆ ทราบไม่ทราบ??


    รรินน : ทราบค่าแม่


    K. : แส้บได้ แต่อย่าลืมโอนตังค่าบ้านเช่ามาที่กูด้วย

    K. : ใครให้กูจัดการเนี่ย ไอ้เวร


    5555555 : นคิน

    ให้เราช่วยป่าว : นคิน


    K. : ดีๆๆๆๆ


    ทะเล : ไปไม่ได้ว่ะ ติดรายงานตัว


    ข้อความของทะเลที่ส่งมาในกลุ่มทำให้คินทร์เผลอชะงักไป


    ตั้งแต่ตอนนั้น ความสัมพันธ์ของผมกับทะเลก็ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่


    พอทะเลพูดมาแบบนั้น ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง


    เสียงแจ้งเตือนที่ดังขึ้นไม่หยุดด้วยเพราะทะเลคนฮอตประจำห้องดันไปไม่ได้ซะนี่ 


    น่าเสียดาย 


    แต่ก็ครั้งสุดท้ายแล้ว


    ก็อยากเจอทะเลที่ชอบมาตั้งนานนี่




    /




    “เสียดายชิบหาย ไอ้เลมาไม่ได้”


    “จริงพ่อ ไม่มีมันแล้วใครจะเป็นผัวทิพย์ลงไอจีกูอ่ะ”


    “นี่คินทร์ก็ดื่มเอาๆเลยนะ ไปเฮิร์ทมาจากไหนเนี่ย” เสียงของกลุ่มเพื่อนที่นั่งดื่มอยู่หน้าบ้านพักที่ทั้งห้องรวมเงินกันเช่ามา บางส่วนก็ขึ้นไปนอน บางส่วนก็ตั้งวงไพ่อยู่ชั้นสอง และบางส่วนอย่างเช่นที่เขาอยู่ด้วยตอนนี้ก็เปิดตี้ของมึนเมา ขุดเรื่องสมัยก่อนมาเผากันอย่างออกรส


    และเรื่องของภูเขากับทะเลที่เคยถูกจิ้นสมัยมอสี่ก็ถูกขุดขึ้นมา


    ไม่เฮิร์ทก็แย่


    “ปล่อยมันไปเหอะ” มูนพูดขัดเพื่อนที่เริ่มหันมาสนใจเขา 


    มูนเป็นคนเดียวที่รู้ว่าเขาชอบทะเลมาตลอด ผมจึงหันไปผงกหัวขอบคุณเล็กๆ อีกฝ่ายก็โบกมือไปมาอย่างไม่ยี่หระ แถมยังชงเหล้าแก้วใหม่ยื่นให้เขาแล้วบอกว่าเต็มที่อีกต่างหาก


    ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ฤทธิ์ของเหล้าทำให้รู้สึกโงนเงนนิดหน่อย แต่สะบัดศีรษะไปมาสักพักก็ทำให้เริ่มปรับโฟกัสได้


    อีกอย่างผมไม่ได้เมา มันก็แค่มึนๆนิดหน่อยแค่นั้นเอง


    “ออกไปเดินริมทะเลหน่อยนะ” ผมหันไปบอกกับมูน


    “ให้กูไปเป็นเพื่อนมั้ย”


    “ไม่เป็นไร คงเดินไม่นาน”


    “เอางั้นก็ดูแลตัวเองดีๆล่ะ” 


    .

    .

    .


    ทะเลทำให้ผมผ่อนคลายมาได้บ้าง


    หมายถึงทะเลที่เป็นสถานที่นะ ไม่ได้หมายถึงไอ้หน้าหมาที่ชื่อทะเล :(


    เฮ้อ


    หงุดหงิดอยู่ในใจจนเผลอเตะทรายอย่างนิสัยเสีย จนหมาสีน้ำตาลที่นอนอยู่ไม่ไกลสะดุ้งขึ้นมา


    ไม่ขอโทษหรอกนะ :(((


    ตอนนี้ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว แต่บ้านเช่าก็ยังเปิดไฟโร่ ต่างจากภายนอกที่มีเพียงแสงไฟตามถนนเท่านั้น


    เดินมาเรื่อย สายตาก็เหลือบไปเห็นม้านั่งตัวยาวตั้งอยู่ พอเมานิดๆมันเลยอยากนั่งพัก


    คินทร์ทิ้งน้ำหนักลงบนม้านั่งตัวยาว เจ้าหมาสีน้ำตาลที่สะดุ้งตัวเมื่อกี้เห็นท่าทางอ่อนลงของมนุษย์ก็เลยเดินกระดิกหางเข้ามาหา


    “อะไรหมา”


    “ไม่มีของกินให้หรอกนะ”


    “โฮ่ง!”


    “น่ะ ดุอีก นั่งลงซะ” ท่าทางเจ้าหมาตัวนี้จะเล่นกับคนบ่อย ถึงได้ฟังรู้เรื่องแล้วนั่งลงอย่างเรียบร้อย


    มือเอื้อมไปลูบหัวกับขนสั้นๆของเจ้าหมา จนมันหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข ก่อนจะเกยคางกับตักของคินทร์


    “ชักจะเยอะไปแล้วนะหมา”


    พูดไปงั้นแหละ 


    “โฮ่ง!” 


    “เห้ยๆ เห่าอะไรอ่ะเรา” อยู่ๆเจ้าหมาก็พงกหัวขึ้น สายตามองไปข้างหลังเขาก่อนจะเห่าออกมาเสียงดัง


    เห็นแบบนั้นคินทร์เลยหันหลังไปมอง


    แต่คิดอีกทีไม่น่าหันไปเลย




    /




    “ไง..” ผมพูดทักอีกฝ่าย ที่ตอนแรกใบหน้าน่ารักทำท่าทางตกใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นใบหน้างอหงิกอย่างรวดเร็ว


    ให้ตายสิ น่ารักเป็นบ้า


    “ไหนว่ามาไม่ได้” คำถามที่ถูกส่งมา ทำให้ทะเลเผลองงงวยนิดๆก่อนจะสังเกตเพิ่มว่าคนตรงหน้ามีใบหน้าที่แดงกว่าปกติ ก็คงดื่มมาเมื่อกี้ล่ะมั้ง


    “เรารายงานตัววันเดียว”


    “แล้วทำไมไม่บอกก่อนว่าจะมา”


    “ขอโทษครับ” คินทร์ที่ทำหน้าฟึดฟัด สะบัดหน้าหนีและหันไปเล่นกับเจ้าหมา ทำให้ทะเลเผลอหลุดยิ้มออกมา


    ม้านั่งตัวยาว ยาวเกินไปสำหรับการนั่งคนเดียว ทะเลเลยทิ้งตัวลงนั่งข้างๆกับคินทร์


    สีหน้าเหวอๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทำให้ทะเลเผลอหลุดยิ้มออกมาอีกแล้ว


    ภูเขาน่ารักขนาดนี้เลยเชียว


    ทะเลแบบเขาท่าทางจะต้องตกงาน


    “งอนหรอ”


    “งอนอะไรไม่ได้งอน”


    “ขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อน”


    “...”


    “แต่ตอนนี้มาแล้วนะ”


    “เงียบไปเลย”


    “ครับๆ” เมื่อเห็นว่าคนข้างตัวดูไม่ค่อยอยากคุยเท่าไหร่เลยเลือกจะยอมและเปลี่ยนจุดวางสายตาเป็นทะเลที่อยู่ตรงหน้าแทน 


    เสียงคลื่น เสียงลม ผืนน้ำที่สะท้อนกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว กับดวงจันทร์กลมสวยสีเหลือนวลนั่นเป็นทุกอย่างที่ทำให้ผมชอบทะเล


    ผมชอบชื่อตัวเอง และผมก็ชอบทะเลด้วย


    ดูทรงคนข้างๆเขาก็คงชอบทะเลเหมือนกัน


    แต่ไม่รู้ว่าจะชอบทะเลอย่างผมรึเปล่า


    “นี่คินทร์”


    “คินทร์เกลียดเรารึเปล่า”


    สมัยมอสี่นั่นผมยังจำได้ ใบหน้าที่ดูอึดอัดกับรอยยิ้มแห้งๆตอนที่กลุ่มของพิ้งค์พูดแซว ทำให้ผมรู้สึกผมดหวัง


    เพราะหลังจากนั้น ผมเข้าหาคินทร์ทีไรอีกฝ่ายก็ถอยหนี


    กลัวว่าคินทร์จะเกลียดทะเลเข้าให้แล้ว


    “ไม่ได้เกลียด..”


    อีกฝ่ายตอบกลับมางึมงำ แต่ทะเลก็ได้ยินชัดจนจนเผลอหลุดยิ้มออกมา..อีกครั้ง


    “คินทร์ชอบทะเลมั้ย”


    “...”


    “เอ่อ หมายถึง—”


    “อื้อ ชอบ”


    “...”


    “หมายถึงทะเลไง”


    “อ้อ..” 


    ไม่เป็นแม่งและคน อยากเป็นทะเล เผื่อคินทร์จะได้ชอบบ้าง


    คนอะไรวะมานั่งอิจฉาสถานที่


    รู้สึกเฟลนิดหน่อย แต่ทะเลยังไม่ตาย สมองกลุ่มน้อยๆที่พอจะมาบ้าง กลั่นกรองมาแล้วว่าใช้โอกาสนี้พูดไปเลยดีกว่า


    พูดดีมั้ยวะ


    “แต่เราชอบภูเขานะ”


    เหี้ย


    พูดออกไปแล้ว


    “หมายถึง—”


    “ทะเลโง่”


    “ห้ะ”


    “บอกชอบไปตั้งแต่เมื่อกี้แล้วยังไม่รู้เลย เออ หล่อมากมั้ง”


    “...”


    “ชอบทะเลนั่นแหละ ไม่ใช่ทะเลที่พัดคลื่นโง่ๆไปวันๆด้วย”


    ไม่รู้จะตกใจ ดีใจ ตื่นเต้นหรืออะไรก่อนดี


    คินทร์ชอบผม


    ผมแม่งเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกแล้วมั้งเนี่ย


    เผลอหลุดยิ้มให้คินทร์เป็นครั้งที่ล้าน สอบติดยังไม่ภูมิใจเท่านี้ แม่รู้แม่ตีตายแน่เลย


    คินทร์สบตากับเขาด้วยดวงตาที่เคลือบน้ำสีใส กับใบหน้าแดงที่ตอนนี้แยกไม่ออกแล้วว่าฤทธิ์เหล้าหรือคนตรงหน้าที่เขิน


    สารภาพบาปตรงนี้เลยว่าเห็นแล้วอยากแกล้งให้ร้องไห้


    น่ารัก


    พรึ่บ!


    จู่ๆคินทร์ก็ลุกขึ้น แล้วสาวเท้าออกจากม้านั่งอย่างรวดเร็ว ทะเลจึงลุกตามออกไป


    ผมรั้งมืออีกฝ่ายไว้ก่อนจะเดินไปไกลกว่านี้ ละเมื่อคินทร์หันหน้ามามันทำใจผมเหลวจนแทบจะไปรวมกับน้ำทะเลอยู่แล้ว


    ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมนักวิทยาศาสตร์เอาแต่จ้องมองท้องฟ้าแล้วไขความลับของจักรวาล


    ในเมื่อทั้งจักรวาลนั้นคือคินทร์


    “เราชอบคินทร์”


    “...”


    “ขอโทษที่มาบอกเอาตอนนี้ เรากากเองแหละ”


    ไม่เคยตื่นเต้นขนาดนี้มาก่อนเลย บ้าเอ้ย


    “คินทร์เป็นแฟนทะเลนะ”


    “...”


    “...”


    “อื้อ..” 


    “จริงนะ!” ผมโผเข้ากอดคินทร์ จนอีกฝ่ายตกใจ สักพักเลยกว่าคินทร์จะกอดกลับผม


    ให้ตายสิ คินทร์นิ่มไปทั้งตัวเลย


    ตัวก็หอม


    ผมดูเหมือนโรคจิตเข้าไปทุกที


    ทะเลปล่อยกอด ยกมือขึ้นประคองใบหน้าแดงของคินทร์ เคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ก่อนจะจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากที่ปรกผมของอีกฝ่าย 


    ทุกอย่างที่เป็นคินทร์น่ารักทั้งหมด


    สุดท้ายทะเลกับภูเขาก็ได้คู่กันแล้วนะ


    //

    บนไว้นานมากกกก แต่เพิ่งจะแต่งเสด แอแง5555
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in