เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Cathy's Fanfictionchasingcathy_
Albus Dumbledore X Gellert Grindelwald [MM/TH]
  • .

    .

    .

    ??????? ?? ???? 

    .

    .

    .


    paring: Albus Dumbledore x Gellert Grindelwald

    universe: fantastic beasts: crimes of grindelwald









  • .

    .

    .

    "I can't move against Grindelwald. It has to be you."

    .

    .

    .

    “ทำไมคุณถึงไม่ทำมันเสียเองล่ะครับศาสตราจารย์” เสียงอดีตนักเรียนบ้านฮัฟเฟิลพัฟนั้นเต็มไปด้วยความฉงนเหตุใดพ่อมดที่ขึ้นชื่อว่าเก่งกาจที่สุดของยุดนั้นอย่าง ’อัลบัส ดัมเบิ้ลดอร์’ คนนี้ถึงได้ไหว้วานให้เขาไปทำบางอย่างที่สำคัญมากอย่างการกำจัด ‘เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์’ พ่อมดสุดร้ายกาจที่กำลังก่อจลาจลให้กับโลกของผู้วิเศษเช่นตอนนี้

    ‘นิวท์ สคามันเดอร์’ ขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อผ่านไปครู่หนึ่งแล้วเขาก็ยังไม่ได้รับคำตอบจากศาสตราจารย์หนุ่มตรงหน้า

    “ผมทำแบบนั้นไม่ได้ คุณสคามันเดอร์” อัลบัสส่ายหน้าๆ ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท นิวท์เชื่อว่าเขาเห็นถึงความเจ็บปวดบนใบหน้าที่หล่อเหลาของศาสตราจารย์ดัมเบิ้ลดอร์

    “มันต้องเป็นคุณ...มีแค่คุณที่ผมไว้ใจ” เขาเอ่ยเรียบๆ แต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหนักแน่น

    “ผมได้ยินมาว่าเครเดนซ์ แบร์โบนอาจอยู่ที่ปารีส เขาเป็นกุญแจสำคัญในการโค่นล้มกรินเดลวัลด์"

    ปารีส...สมองของนิวท์แล่นกลับไปยังบทสนทนาของเขาที่มีกับ’ควีนนี่ โกล์ดสตีน’น้องสาวของยอดดวงใจ ที่บ้านพักของเขาเองกลางกรุงลอนดอน

    ‘พี่เขาอยู่ปารีสค่ะ นี่ไง พี่ส่งโปสการ์ดมาให้ฉันด้วยนะคะ’ มือเรียวหยิบกระดาษแข็งแผ่นย่อมๆส่งให้ชายหนุ่มเจ้าของบ้าน เขารับมันมาด้วยใจที่สั่นระรัว ลายมือหวัดๆที่คุ้นตาทำให้ใจของเขาเต้นแรงยิ่งกว่าเดิม

    ชายหนุ่มร่างสูงเกลี่ยนิ้วมือผ่านตัวหนังสือบนแผ่นกระดาษช้าๆ เขาสัมผัสได้ถึงความอ่อนหวานของถ้อยคำที่เธอเลือกใช้ เขาได้ยินแม้กระทั่งเสียงของเธอเอื้อยเอ่ยถ้อยคำเหล่านี้แก่น้องสาวผู้เป็นที่รัก

    ‘ทิน่า โกล์ดสตีน’หญิงสาวผู้เปรียมเสมืองดวงใจของเขา 
    เธอคือพระอาทิตย์ที่คอยส่องแสงสว่าง 
    เธอคือหญิงสาวที่ทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง ทำให้เขาพลอยแต่จะพูดอะไรที่มัน...แปลก เช่น ดวงตาของเธอช่างสวยสดราวกับซาลาแมนเดอร์


    เมื่ออัลบัสเห็นว่าเขาปล่อยให้เด็กหนุ่มตรงหน้าหลุดหายเข้าไปในห้วงภวังค์มานานพอสมควรแล้ว เขาจึงกระแอมขึ้นเบาๆ

    “...และเมื่อถึงที่นั่นคุณอาจต้องใช้นี่” อัลบัสล้วงมือขวาเข้าไปในกระเป๋าเสื้อกั๊กที่อยู่ตรงอกซ้ายก่อนจะหยิบการ์ดสีดำใบหนึ่งออกมา เขาส่งมันให้กับพ่อมดหนุ่มผู้ซึ่งทำตัวเลิกลั่กเมื่ออีกคนยื่นการ์ดมา

    “นี่อ-อะไรครับ?”

    “ที่อยู่ของพันธมิตร”

    “แล้วทำไมผมต้- แต่ศาสตราจารย์ครับ ผมยังไม่บอกเลยนะครับว่าผมจะไปปารีส”

    “ผมรู้จักคุณ คุณสคามันเดอร์...คุณไม่ปฏิเสธผมหรอก” อัลบัสพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ เขาก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ ก่อนจะหายลับไปจากสายตา

    นิวท์ได้แต่กระพริบตาปริบๆพร้อมกับมองกระดาษนามบัตรสีดำในมือ ลายสลักด้านเดียวของนามบัตรนั้นเป็นรูปอะไรสักอย่างที่เขาคุ้นตา มันถูกลงด้วยหมึกสีทองดูน่าค้นหาเป็นที่สุดตลอดชีวิตของนิวท์ สคามันเดอร์ สิ่งมีชีวิตกลุ่มเดียวที่เขาอยู่ด้วยแล้วไม่รู้สึกวิตกกังวลเห็นจะมีแต่ ‘สัตว์วิเศษ’ เท่านั้น บรรดาเพื่อนร่วมชั้นต่างมองว่าเขาเป็นตัวประหลาด และไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนกับตัวประหลาดอย่างเขา แต่ศาสตราจารย์ดัมเบิ้ลดอร์กลับปฏิบัติกับเขาต่างออกไป 

    อัลบัส ดัมเบิ้ลดอร์เป็นศาสตราจารย์ที่เข้าใจเขามากกว่าเขาเข้าใจตัวเองเสียอีก 
    อัลบัส ดัมเบิ้ลดอร์ไม่เคยรังเกียจหรือปฏิบัติกับเขาต่างออกไปจากนักเรียนคนอื่นถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่นักเรียนจากบ้านของศาสตราจารย์หนุ่มคนนี้ก็ตาม
    อัลบัส ดัมเบิ้ลดอร์ทำให้ 7 ปีที่ฮอกวอร์ตดูไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด
    และเป็นอัลบัส ดัมเบิ้ลดอร์ที่เชื่อมั่นและคอยให้โอกาสต่างๆแก่เขาเสมอมา 

    เขาซาบซึ้งในบุญคุณของดัมเบิ้ลดอร์อย่างที่เขาไม่คิดว่าเขาจะสามารถตอบแทนได้หมดในชาตินี้และตอนนี้มันคงถึงเวลาที่เขาต้องทำอะไรเพื่อตอบแทนดัมเบิ้ลดอร์เสียแล้ว

    นิวต์เก็บนามบัตรใบนั้นลงกระเป๋าเสื้อโค้ทแล้วมุ่งหน้ากลับบ้านของเขาในทันที

    เห็นทีว่าเขาคงต้องบอกเจค็อบให้เตรียมตัวเดินทางเสียแล้วสิ

  • .

    .

    .

    "Only love can hurts like this."






    “คุณแน่ในแล้วหรอคะอัลบัส?” เสียงนุ่มถามดัมเบิ้ลดอร์อย่างกังวลใจ ‘มิเนอร์ว่า มักกอนนากัล’ หยิบเสื้อคลุมมาสวมทับชุดกระโปรงยาวแล้วเดินเคียงข้างศาสตราจารย์หนุ่มออกไปยังด้านนอกปราสาท

    อากาศเย็นขึ้นจนเสื้อคลุมตัวยาวแทบจะเอาไม่อยู่ คงใกล้ถึงฤดูหนาวอีกแล้วสินะ

    “เขาจะทำมิเนอร์ว่า...เขาจะไปปารีส” อัลบัสผูกผ้าพันคอสีเข้มรอบๆคอของเขา ควันขาวพวยพุ่งออกจากปากเมื่อยามเขาเอื้อยเอ่ยวาจา

    “แต่อัลบัส เขาถูกกระทรวงสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศนะ?” หมวกปีกกว้างถูกสวมบนหัวของมิเนอร์ว่า เธอง่วนอยู่กับการผูกเชือกของหมวกที่ใต้คางแต่ด้วยลมเจ้ากรรมที่หอบพัดผ่านมาทำให้การผูกเชือกหมวกนั้นไม่ง่ายอย่างที่ใจคิดเลย

    “เขามีวิธีของเขา...เช่นที่เขามีมาเสมอน่ะที่รัก” อัลบัสหันไปส่งยิ้มให้กับศาสตราจารย์สาวก่อนจะหยุดเดิน เขาเบี่ยงตัวเข้าบังลมแรงแล้วเอื้อมไปผูกเชือกหมวกให้ศาสตราจารย์สาวที่เดินมาด้วยกัน

    “ขอบคุณค่ะ...คุณดูมั่นใจในตัวเขามากเลยนะ” ทั้งคู่เดินต่ออย่างเชื่องช้า ดื่มด่ำบรรยากาศรอบข้างและบรรดานักเรียนที่วิ่งเล่นรอบๆสนามหญ้าทิศใต้ ด้านนอกตัวปราสาท

    “แน่นอนว่าผมมั่นใจในตัวเขามิเนอร์ว่า” อัลบัสกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น

    “เขาจะไม่ทำให้ผมผิดหวัง ผมเชื่อแบบนั้น” เขาว่าต่อด้วยรอยยิ้ม

    มิเนอร์ว่าถอนหายใจก่อนจะหันไปส่งยิ้มบางๆให้ดัมเบิ้ลดอร์ ใบหน้าเหนื่อยล้าของชายหนุ่มทำให้หัวใจของเธอปวดร้าวอยู่ลึกๆ

    “ฉันอยู่นี่ ถ้าคุณต้องการอะไร...คุณบอกฉันได้เสมอนะคะ” เธอเอื้อมไปแตะที่ข้อศอกของศาสตราจารย์หนุ่มเบาๆ รอยยิ้มถูกส่งกลับมาจากเขาให้เธอ

    “ขอบคุณนะมิเนอร์ว่า คุณแค่...อยู่กับผมก็พอ” มือหนากระชับมือเรียวบนข้อศอกของตนให้แน่นขึ้น ทั้งคู่เดินแนบชิดกันไปจนกระทั่งถึงร้านไม้กวาดสามอันในหมู่บ้านฮอกมีดส์ซึ่งตั้งอยู่ไม่ใกล้จากปราสาทฮอกวอตส์


    อัลบัสรู้สึกดีใจที่เขามีเพื่อนที่ดีอย่างมิเนอร์ว่า มักกอนนากัล เธอเป็นคนสวย และเป็นคนนิสัยดี เธอเข้าอกเข้าใจคนอื่นและดูเหมือนเธอจะเข้าใจในตัวเขาเป็นพิเศษ

    สายตาคมกริบราวกับสายตาของเหยี่ยวยามเมื่อเธอจ้องมองมา มันให้ความรู้สึกว่าเธอสามารถอ่านความคิดของเขาได้ และมันทำให้เขารู้สึกอับอายอยู่หน่อยๆที่ต้องบอกความลับที่ซ่อนลึกไว้ในใจออกไปในที่สุด



    อัลบัส ฉันต้องหารือกับคุณเรื่องคริสมาสต์ปีนี้ มีนักเรียนลงชื่ออยู่กันแค่ 5 คน เราจัดคริสมาสต์เล็กๆได้...อัลบัส?’ มิเนอร์ก้มอ่านข้อความจากจดหมายในมือพลางเดินลึกเข้าไปในห้องทำงานของศาสตราจารย์สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด เธอชะลอฝีเท้าพลางกวาดสายตาสอดส่องไปรอบๆอย่างนึกสงสัย

    ‘อัลบัส คุณอยู่ไหม?” เธอถามอีกครั้ง

    ทั้งห้องเงียบสงัดจนเกือบจะวังเวง ตัวกรินดี้โลว์แหวกว่ายอยู่ในถังน้ำที่มุมห้องส่งเสียงชวนจั๊กจี้ มิเนอร์ว่าขมวดคิ้วเข้าด้วยกันเมื่อสายตาพลันสะดุดกับตู้กระจกทรงสูงหลังหนึ่งที่ด้านในสุดของห้อง รูปทรงของตู้เป็นที่สะดุดตาในครั้งแรกที่มอง และยิ่งไปว่ารูปทรงของตู้นั้นคือสิ่งที่อยู่ด้านใน ด้านในของมันบรรจุบางสิ่งที่คล้ายกับอ่างสีเงินก้นตื้น มีของเหลวไหลวนอยู่ในนั้นหากแต่มันไม่ใช่ของเหลว มิเนอร์ว่าเดินเข้าไปใกล้จนกระทั่งเห็นบางสิ่งที่ทำให้หัวใจของเธอหยุดเต้น

    มันคล้ายกับภาพความทรงจำ ภาพที่เก่าคร่ำครึกบ่งบอกว่าความทรงจำนี้ไม่ต่ำกว่า 10 ปีมาแล้ว เด็กหนุ่มสองคนวิ่งเล่นไล่จับกันไปมาในอ่างนั้น รอยยิ้มที่มีความสุขถูกส่งมาจากเด็กหนุ่มทั้งสอง มิเนอร์ว่าสามารถบอกได้ในครั้งแรกที่เห็นว่าหนึ่งในเด็กหนุ่มทั้งสองนั้นคืออัลบัส ดัมเบิ้ลดอร์

    แล้วเด็กหนุ่มอีกคนเป็นใครกัน?

    ไม่ถึงสองนาที เสียงของอัลบัสในความทรงจำนั้นก็ดังขึ้น เสียงของเขาในตอนนั้นเหมือนกันเสียงของเขาในตอนนี้เพียงแต่มันฟังดูเด็กกว่าและสดใสกว่า

    ‘จับฉันให้ได้สิเกลเลิร์ต’ อัลบัสว่าก่อนที่ตัวเขาจะวิ่งหนี

    มักกอนนากัลตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยิน

    เกลเลิร์ตไหน...คงจะไม่ใช่เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์พ่อมดผู้ก่อกบฏต่อโลกเวทมนต์นี้หรอกนะ...

    ‘นานก็รู้ว่าฉันจับนายได้อยู่แล้วอัล’  เกลเลิร์ตกระตุกยิ้มมุมปากแล้วเริ่มเร่งฝีเท้าไล่ตามเด็กหนุ่มตัวเล็กไป

    ไม่ทันขาดคำร่างสูงก็คว้าเอาข้อมือบางของอัลบัสไว้ได้ เขาดึงอัลบัสเข้ามาหาตัวแล้วยกแขนเรียวขึ้นโอบไปรอบๆตัวของเด็กหนุ่มตัวเล็กกว่า รอยยิ้มอย่างผู้มีชัยปรากฏอยู่บนหน้าหล่อเหลา

    ‘ฉันจับนายได้แล้ว’ เขากระซิบ เป็นเสียงกระซิบที่ดังก้องอยู่ในหัวของมิเนอร์ว่าจนกระทั่งเหตุการณ์ต่อไปทำให้เธอแทบกลั้นหายใจ

    เด็กหนุ่มที่ชื่อเกลเลิร์ตโน้มตัวลงไปหาอัลบัสช้าๆจนปลายจมูกของทั้งสองสัมผัสกัน เขาถูปลายจมูกของตนเองกับเด็กหนุ่มร่างเล็กอย่างเชื่องช้า สัมผัสนั้นทำให้อัลบัสอ่อนระทวยและผ่อนคลายในอ้อมแขนของเกลเลิร์ตก่อนจะแย้มรอยยิ้มหวานให้เด็กหนุ่มร่างสูง




    ‘ชื่อของเขา คือ เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์’ น้ำเสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นที่ข้างๆตัว ทำเอามิเนอร์ว่าถึงกับสะดุ้งสุดตัว

    ‘อัลบัสฉัน...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะละลาบละล้วง ฉันแค่- ฉันขอโทษ’

    ‘ก็อย่างที่คุณเห็น ผมไม่มีอะไรจะแก้ต่าง’ อัลบัสถอนหายใจ เขาทรุดตัวลงบนพื้นด้วยท่าทีที่เหนื่อยอ่อนกว่าที่เคย

    ‘ฉันไม่ได้ตัดสินคุณจากสิ่งนี้อัลบัส’ มิเนอร์ว่าค่อยๆนั่งลงข้างๆศาสตราจารย์หนุ่ม เธอเอื้อมไปจับหัวไหล่ของเขาก่อนจะบีบมันเบาๆ

    ‘ผมรู้ว่าคนอื่นคิดยังไง ยิ่งเขาเป็นเกลเลิร์ตยิ่งแล้วใหญ่’ อัลบัสส่ายหน้า

    ‘คุณรักเขา นั่นแหล่ะที่สำคัญ’ มิเนอร์ว่าพูดเสียงเบา

    ‘เสมอมา’

    มิเนอร์ว่ารู้สึกถึงหัวใจที่บีบคั้นอยู่ในทรวงอก น้ำตาค่อยๆเอ่อล้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
    เธอรู้สึกเห็นใจศาสตราจารย์หนุ่ม สงสารที่เขาต้องเก็บงำความรู้สึกทั้งหมดไว้ เพียงเพราะคนที่เขารักเป็นที่ไม่เขาไม่สมควรจะรัก

    ‘มิเนอร์ว่า...ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันมาจากไหน ในตอนนั้นเขาเป็น- เป็นทุกอย่างของผม’

    มิเนอร์ว่าไม่ได้โต้ตอบอะไรเพียงแต่ดึงเอาพ่อมดหนุ่มเข้ามากอด ซึ่งเขาเองก็ยินยอมแต่โดยดี

    ศาสตราจารย์สาวเลื่อนมือเรียวผ่านเรือนผมสีเข้มของอัลบัสไปช้าๆ ความรู้สึกรักใคร่และเห็นใจของเธอถูกถ่ายทอดผ่านการกระทำแทนคำพูด

    ‘คืนนั้นในก็อดดริกฮอลโล่ เราทะเลาะกัน...รุนแรงมากเสียจนน้องสาวของผมเข้ามาห้ามไว้’ อัลบัสเริ่มเล่า แต่เสียงของเขาขาดหายไปเสียดื้อๆและมิเนอร์ว่ารู้สึกถึงไหล่แข็งแรงที่สั่นไหวอยู่ในวงแขน

    ‘สิ่งที่ทำให้ผมเสียใจที่สุดไม่ใช่การปล่อยเกลเลิร์ตไป แต่เป็นเพราะผมไม่ฟังอารีแอนนา เป็นเพราะผมประมาท เธอถึงต้องตาย เธอตายเพราะผมมิเนอร์ว่า เพราะผมขี้ขลาดเกินไป’ อัลบัสจบประโยคด้วยเสียงสะอื้นพร้อมกับร่างหนาขดตัวเข้าหาอ้อมกอดของมิเนอร์ว่า ศาสตราจารย์สาวกอดพ่อมดหนุ่มไว้แน่น ดวงใจแตกสลายไปกับเรื่องเล่าที่เธอเพิ่งจะเคยรับรู้

    ‘เป็นเพราะรัก คุณถึงเจ็บปวดได้เพียงนี้’ มิเนอร์ว่ากระซิบเบาๆ

    อัลบัสได้แต่สะอื้นไห้ เขาปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาในขณะที่เขาซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดของเพื่อนศาสตราจารย์
    เขาร้อง ให้กับการจากไปของน้องสาวเพียงคนเดียว
    ร้อง ให้กับชายหนุ่มที่เขารักหมดทุกเสี้ยวของใจ
    ร้อง ให้กับสัมผัสที่มันร้อนรุ่นอยู่บนร่างกาย แอบซ่อนอยู่ภายใต้ผิวหนัง
    ร้อง ให้กับคำอ้อนวอนครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อขอให้เขาไม่ไป
    ร้อง ให้กับดวงใจที่มันแหลกสลายเมื่อนานมาแล้ว
    ร้อง ให้กับความอ่อนแอที่เขาเก็บงำมันไว้แต่เพียงคนเดียว
    ร้อง ให้กับตัวเขาเองที่มันช่างน่าสมเพชสิ้นดี

    ถึงอย่างนั้นมิเนอร์ว่าก็ยังกอดเขาไว้
    เธอก็ยังอยู่ตรงนั้นกับเขา
    และเธอยังอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งทุกวันนี้



    เขากระชับมือเรียวของมิเนอร์ว่าไว้ในมืออย่างนึกขอบคุณ
    เขาไม่รู้ว่าหากขาดเธอไปแล้วเขาจะเป็นอย่างไร

    ทั้งสองคนเดินเข้าไปในร้าน สั่งเครื่องดื่มและนั่งลงยังโต๊ะไม้ด้านในสุดของร้าน

    “ขอบคุณนะมิเนอร์ว่า” อัลบัสกระซิบ

    “ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” ศาสตราจารย์สาวเลิกคิ้วด้วยความสงสัย

    “ขอบคุณที่เป็นตัวคุณในวันที่ผมไม่เป็นตัวเอง ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้ผมมาเสมอนะ”

    “นั่นไม่ใช่สิ่งที่เพื่อนเค้าทำกันหรอคะ...คอยเป็นกำลังใจให้กันและกัน” มิเนอร์อมยิ้มพร้อมๆกับมาดามโรสเมอร์ทาเอาบัตเตอร์เบียร์มาเสิร์ฟศาสตราจารย์ทั้งสองคน

    อัลบัสยกยิ้ม

    “เอาล่ะ เมื่อกี้เราคุยกันถึงไหนแล้วนะ?”

    “ถึงตอนที่คุณส่งคุณสคามันเดอร์ไปปารีสค่ะ”

    “อ้อ! งั้นผมว่าผมคงต้องส่งจดหมายนกฮูกไปหาเพื่อนเก่าซักหน่อยแล้วแหล่ะ ต้องบอกเขาเสียหน่อยว่าอาจจะมีแขกไปขอพักอาศัย...คุณคงไม่บังเอิญพกกระดาษกับปากกามาด้วยหรอกนะ?” อัลบัสหรี่ตามองแม่มดสาวตรงหน้าด้วยท่าทางขี้เล่น

    มิเนอร์ว่าหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะล้วงลงไปหยิบม้วนกระดาษกับปากกาขนนกรุ่นพิเศษที่มีหมึกในตัวขึ้นมา

    “เพราะอย่างนี้ไง! อาจารย์ใหญ่ดิพพิตถึงบอกว่าคุณควรเป็นอาจารย์ใหญ่คนต่อไป”

    “พูดเป็นเล่นไปอัลบัส ถ้าอาจารย์ใหญ่คนต่อไปไม่ใช่คุณ ฉันจะลาออกจากฮอกวอตส์”

    “ไม่เอาน่า คุณไม่ทำยังงั้นหรอกมิเนอร์ว่า” อัลบัสหลุดขำกับท่าทางจริงจังของอีกคน

    “คอยดูก็แล้วกันศาสตราจารย์ดัมเบิ้ลดอร์” มิเนอร์ว่าหลิ่วตาให้พ่อมดหนุ่มแล้วยกบัตเตอร์เบียร์ขึ้นดื่ม ในขณะที่อัลบัสจรดปลายปากกาลงบนแผ่นกระดาษ เริ่มต้นจดหมายของเขาด้วยถ้อยคำที่คุ้นเคย




    ถึง นิโคลัส เฟลมเมล เพื่อนยาก...

    .
    .
    .
    .

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in