เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
terrormelodista
ป ร เ ม ธ
  • เวรเอ๊ย!









    วันนี้เป็นวันที่อิศราคิดว่าโชคร้ายสุดๆ

    ทุกวันของเขาหลังเลิกงาน อิศรามักจะเดินกลับบ้านของตัวเองอยู่เสมอ แต่ด้วยความประมาทของเขาในวันนี้ที่ไม่ได้พกร่มมา อิศราจึงต้องวิ่งฝ่าฝนเพื่อหาที่หลบฝนก่อน และแน่นอนว่าเขาวิ่งมาผิดซอย

    เมื่อเขาวิ่งมาได้สักพัก สายตาของอิศราไปเจอบ้านหลังหนึ่งที่มีหลังคายื่นออกมาจากประตูทางเข้า(สำหรับคน) เขาถือวิสาสะเข้าไปยืนหลบตรงนั้นเพื่อหวังว่าฝนจะซาลงไปบ้าง อนิจจา สภาพอากาศไม่สามารถเข้าใจเขาได้เลย มันยังคงตกกระหน่ำอย่างต่อเนื่องจนอิศราถอนใจ









    ฉับ ฉับ ฉับ












    อิศราหันไปตามต้นเสียงกรรไกรนั่น แม้ว่าเสียงมันจะเบามากก็ตาม แต่มันก็ใกล้มากพอที่จะได้ยินเสียงกรรไกรนั่น

    “มาหลบฝนหน้าบ้านคนอื่นแบบนี้ มันแย่มากเลยนะครับ”


    อิศรามองชายคนหนึ่งที่กำลังตัดเล็มกิ่งไม้ และอีกมือกางร่มอยู่ เล็มต้นไม้ตอนฝนตกเนี่ยนะ..



    “ขะ..ขอโทษครับ ไว้ฝนซาก่อน แล้วผมจะไปทันทีเลยครับ”

    “...”




    เจ้าของเสียงนั้นเงียบไป ชายคนนั้นเดินมาที่ประตูรั้วที่ผมกำลังยืนมองอยู่ เขาเปิดประตูและมองมาที่อิศรา

    ชายผิวขาวเนียน ที่สูงกว่าอิศราเพียงไม่กี่เซนติเมตร แต่ด้วยรูปร่างของเขา ทำให้ดูเหมือนตัวใหญ่กว่าอิศรา(ถึงตัวอิศราจะมีมวลกล้ามมากกว่าก็ตาม) เขายืนมองอิศราที่ตอนนี้เปียกโชกไม่ใช่น้อยจากการวิ่งฝ่าฝนมาหลบตรงนี้





    เขายิ้ม




    “เข้ามาข้างในก่อนไหมครับ อยู่ข้างนอกมันหนาวนะ..”

















    1.






















    “ไม่เป็นไรครับ แป๊บเดียวเอง เดี๋ยวฝนก็หายแล้ว”

    “อีกหลายเพลาเลย เข้ามาก่อน เร็ว เดี๋ยวหาของอุ่นให้ดื่ม”

    “รบ..รบกวนนะครับ..”




    อิศราที่สบตาของชายคนนี้ระหว่างเปิดบทสนทนาสั้นๆ นั้น เขาได้ยินคำศัพท์ที่ไม่เคยมีใครใช้มาก่อน แต่อย่างน้อยก็ได้เข้าไปหาความอบอุ่น ก็เป็นบุญคุณยิ่งกว่าอะไรแล้ว



    “คุณชื่ออะไรล่ะ”

    “อิศรา”

    “อิศรา? ชื่อดีนะ”

    “แล้วคุณล่ะครับ”

    “ปรเมธ เรียกว่าเมธก็ได้”




    อิศราเดินตามปรเมธ ในขณะเดียวกันนั้น อิศราก็ได้มองไปรอบๆ ระหว่างเดินตามปรเมธไป บ้านนี้เป็นบ้านที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่ดิบ เสมือนว่าหลุดเข้าไปในโลกสีขาวและสีดำ

    ระหว่างที่เดินอยู่ ปรเมธก็เรียกแม่บ้านให้ไปเตรียมเครื่องดื่ม สิ่งที่อิศราเห็นคือการตอบรับของแม่บ้านที่เงียบสนิทและเดินหายเข้าไปในห้องครัว อิศราไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมแม่บ้านที่นี่ถึงไม่พูดอะไรกันเลย แต่เพราะด้วยความหนาวเหน็บจากการตากฝน เขาแค่ต้องการอะไรที่อุ่น ๆ ก็เพียงพอแล้ว เขาไม่อยากสนใจอย่างอื่นเลยด้วยซ้ำ

    ปรเมธเดินนำทางเพื่อพาอิศราไปที่ห้องน้ำ



    “ไม่ต้องก็ได้นะ เดี๋ยวผมไปอาบน้ำที่บ้านเอง แค่นี้ก็รบกวนคุณจะแย่อยู่แล้ว”

    “อาบให้ชื่นใจก่อนจะกลับก็ได้ครับ ผมดีใจนะที่มีแขกมาที่นี่ แม้จะเป็นความบังเอิญก็ตาม”






    อิศรามองรอยยิ้มของปรเมธที่แสนจะธรรมดานั่น อิศรามองโดยรอบ มันทำให้เขาสงสัยเล็ก ๆ ว่าเจ้าผู้ชายคนนี้ทำอาชีพอะไรกัน ถึงได้มีบ้านหลังใหญ่โตขนาดนี้ เขาทำงานเป็นแรมปี ก็ยังไม่ได้ขนาดนี้เลย

    อิศราถือวิสาสะเดินเข้าไปในห้องน้ำของอีกคน อิศรายืนมองห้องน้ำที่ตกแต่งไปด้วยกระเบื้องสีขาวทั้งหมด เขาหันมามองปรเมธที่กำลังยืนยิ้มอย่างภาคภูมิใจ




    “คุณดูภูมิใจกับห้องน้ำนี้มากเลยนะ”

    “มันคือห้องน้ำที่ผมออกแบบเองเลยนะครับ ผมภูมิใจกับมันมากที่สุด”






    มันคือข้อมูลที่อิศราไม่ค่อยอยากจะรู้สักเท่าไหร่ เขาหันไปมองเสื้อผ้าที่ถูกพับอย่างเป็นระเบียบวางบนซิงค์ล้างมือ ปรเมธค่อย ๆ ปิดประตูห้องน้ำให้และเดินออกไปจากห้องน้ำที่อิศรากำลังอยู่ในตอนนี้ อิศราล็อคประตู เขาเริ่มถอดเสื้อผ้าออกมาและจัดแจงร่างกายของตัวเองจนสะอาด


    ช่วงเวลาที่มีความสุขทีี่สุดของอิศราคือการได้อาบน้ำ ถึงเขาจะลืมไปว่ายังอยู่บ้านของคนแปลกหน้าก็ตาม อิศรารู้สึกเหมือนอยู่บ้านของตัวเขาเองอย่างบอกไม่ถูก อิศราใช้เวลาไปไม่น้อยกับการอาบน้ำในครั้งนี้ เขากลับมาตั้งสติได้อีกครั้ง และรีบแต่งตัวในทันที 



    อิศราเดินลงมาชั้นล่างของตัวบ้าน เขาเห็นปรเมธที่กำลังยืนรอเขาอยู่ตรงตีนบันได ปรเมธหันมายิ้มให้กับอิศรา ก่อนจะเอ่ยถาม

    "คุณกลับทางนี้ประจำหรอ"

    "ครับ ทางผ่านน่ะ"

    "งั้นหรอ.."

    "แต่ผมไม่เคยเห็นคุณมาก่อนเลยนะ พึ่งมาใหม่หรอครับ"

    "ผมอยู่ที่นี่มาตั้งนานแล้ว"


    อิศราคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ชอบออกมาจากบ้านเสียเท่าไหร่ ดูจากลักษณะภายนอกแล้วเหมือนคนที่ไม่เคยโดนแดดเลย ปรเมธเดินนำอีกฝ่ายไปที่ห้องครัว อิศราเดินตาม

    "คุณไม่เคยออกไปไหนเลยหรอ?"

    "ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่"

    "งั้น..ทำไมคุณ---เหี้ย!!?"
























    5.



















    เวรเอ๊ย!









    วันนี้เป็นวันที่อิศราคิดว่าโชคร้ายสุดๆ

    ทุกวันของเขาหลังเลิกงาน อิศรามักจะเดินกลับบ้านของตัวเองอยู่เสมอ แต่ด้วยความประมาทของเขาในวันนี้ที่ไม่ได้พกร่มมา อิศราจึงต้องวิ่งฝ่าฝนเพื่อหาที่หลบฝนก่อน และแน่นอนว่าเขาวิ่งมาผิดซอย

    เมื่อเขาวิ่งมาได้สักพัก สายตาของอิศราไปเจอบ้านหลังหนึ่งที่มีหลังคายื่นออกมาจากประตูทางเข้า(สำหรับคน) เขาถือวิสาสะเข้าไปยืนหลบตรงนั้นเพื่อหวังว่าฝนจะซาลงไปบ้าง อนิจจา สภาพอากาศไม่สามารถเข้าใจเขาได้เลย มันยังคงตกกระหน่ำอย่างต่อเนื่องจนอิศราถอนใจ














    ฉับ ฉับ ฉับ













    อิศราหันไปตามต้นเสียงกรรไกรนั่น แม้ว่าเสียงมันจะเบามากก็ตาม แต่มันก็ใกล้มากพอที่จะได้ยินเสียงกรรไกรนั่น

    “มาหลบฝนหน้าบ้านคนอื่นแบบนี้ มันแย่มากเลยนะครับ”


    อิศรามองชายคนหนึ่งที่กำลังตัดเล็มกิ่งไม้ และอีกมือกางร่มอยู่ เล็มต้นไม้ตอนฝนตกเนี่ยนะ..



    “ขะ..ขอโทษครับ ไว้ฝนซาก่อน แล้วผมจะไปทันทีเลยครับ”

    “...”




    เจ้าของเสียงนั้นเงียบไป ชายคนนั้นเดินมาที่ประตูรั้วที่ผมกำลังยืนมองอยู่ เขาเปิดประตูและมองมาที่อิศรา 

    ชายผิวขาวเนียน ที่สูงกว่าอิศราเพียงไม่กี่เซนติเมตร แต่ด้วยรูปร่างของเขา ทำให้ดูเหมือนตัวใหญ่กว่าอิศราเขายืนมองอิศราที่ตอนนี้เปียกโชกจากการวิ่งฝ่าฝนมาหลบตรงนี้





    เขายิ้ม




    “เข้ามาข้างในก่อนไหมครับ อยู่ข้างนอกมันหนาวนะ..”

    "ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมก็จะไปแล้ว รบกวนคุณเปล่าๆ"

    "แต่อีกนานกว่าจะหายตกนะครับ"

    "ขอบคุณ.."





    แปลก


    อิศรารู้สึกแบบนี้ ชายคนนี้เหมือนเขาเห็นที่ไหนมาก่อน เหมือนเคยเจอที่ไหนสักแห่งหนึ่ง อิศรายืนครุ่นคิดอยู่สักพัก ความทรงจำที่เหมือนมีจุดหนึ่งที่เลือนลาง แต่ไม่ถึงกับหายไปซะทีเดียว

















    แต่ไม่ทันที่อิศราจะตั้งตัว ปรเมธคลืบคลานเข้ามาใกล้ ก่อนจะกระซิบข้างใบหูของอิศรา "คุณนี่มันไม่ได้เรื่อง" และจับบิดคอตัวเขาในทันที



























    15.























    เวรเอ๊ย!









    วันนี้เป็นวันที่อิศราคิดว่าโชคร้ายสุดๆ

    ทุกวันของเขาหลังเลิกงาน อิศรามักจะเดินกลับบ้านของตัวเองอยู่เสมอ แต่ด้วยความประมาทของเขาในวันนี้ที่ไม่ได้พกร่มมา อิศราจึงต้องวิ่งฝ่าฝนเพื่อหาที่หลบฝนก่อน และแน่นอนว่าเขาวิ่งมาผิดซอย

    เมื่อเขาวิ่งมาได้สักพัก สายตาของอิศราไปเจอบ้านหลังหนึ่งที่มีหลังคายื่นออกมาจากประตูทางเข้า(สำหรับคน) เขาถือวิสาสะเข้าไปยืนหลบตรงนั้นเพื่อหวังว่าฝนจะซาลงไปบ้าง อนิจจา สภาพอากาศไม่สามารถเข้าใจเขาได้เลย มันยังคงตกกระหน่ำอย่างต่อเนื่องจนอิศราถอนใจ





    ฉับ ฉับ ฉับ








    อิศราหันไปตามต้นเสียงกรรไกรนั่น แม้ว่าเสียงมันจะเบามากก็ตาม แต่มันก็ใกล้มากพอที่จะได้ยินเสียงกรรไกรนั่น

    “มาหลบฝนหน้าบ้านคนอื่นแบบนี้ มันแย่มากเลยนะครับ”


    อิศรามองชายคนหนึ่งที่กำลังตัดเล็มกิ่งไม้ และอีกมือกางร่มอยู่ เล็มต้นไม้ตอนฝนตกเนี่ยนะ..



    “ขะ..ขอโทษครับ ไว้ฝนซาก่อน แล้วผมจะไปทันทีเลยครับ”

    “...”




    เจ้าของเสียงนั้นเงียบไป ชายคนนั้นเดินมาที่ประตูรั้วที่ผมกำลังยืนมองอยู่ เขาเปิดประตูและมองมาที่อิศรา 

    ชายผิวขาวเนียน ที่สูงกว่าอิศราเพียงไม่กี่เซนติเมตร แต่ด้วยรูปร่างของเขา ทำให้ดูเหมือนตัวใหญ่กว่าอิศรา(ถึงตัวอิศราจะมีมวลกล้ามมากกว่าก็ตาม) เขายืนมองอิศราที่ตอนนี้เปียกโชกจากการวิ่งฝ่าฝนมาหลบตรงนี้





    เขายิ้ม




    “เข้ามาข้างในก่อนไหมครับ อยู่ข้างนอกมันหนาวนะ..”

    "ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมก็จะไปแล้ว รบกวนคุณเปล่าๆ"

    "แต่อีกนานกว่าจะหายตกนะครับ"

    "ขอบคุณ.."







    แปลก



    อิศรารู้สึกเช่นนั้น ชายคนนี้เหมือนเขาเห็นที่ไหนมาก่อน เหมือนเคยเจอที่ไหนสักแห่งหนึ่ง อิศรายืนครุ่นคิดอยู่สักพัก ความทรงจำที่เหมือนมีจุดหนึ่งที่เลือนลาง แต่อิศราเลือกที่จะเมินเฉยกับสิ่งนั้นแทนและเลือกที่จะเข้าไปข้างในตามคำเชิญชวนของชายหนุ่มแปลกหน้าแต่คุ้นเคยในความรู้สึกส่วนลึก 


     อิศรารีบสาวเท้าเข้ามาในตัวบ้านไม้หลังโบราณ แต่ภายในกลับตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นอย่างผิดวิสัย ไม่เหมือนภายนอกจนทำให้เข้ารู้สึกประหลาดใจไม่ใช่น้อย




    "คุณ.."

    "ผมตกแต่งเองทั้งหมดเลย คุณชอบมั้ยล่ะ"




    เป็นคำถามที่แปลกไปหมดสำหรับอิศรา ทุกอย่างดูไม่ปกติ แต่เขาพยายามเก็บความสงสัยนั้นไว้ไม่กล้าเอ่ยถามออกไปตรงๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลประการใดก็ตาม เขาจะไม่ปริปากถามแน่นอน นอกจากว่าเออออไปตามเนื้อผ้า "มัน..สวยดีนะ" 



     ปรเมธพาตัวอิศราไปอาบน้ำอาบท่าในห้องน้ำที่สุดแสนจะภาคภูมิใจ โดยเจ้าตัวปรเมธก็ยังไม่หยุดจะสาธยายถึงความเป็นมาตั้งแต่การสร้างแบบแปลนจนถึงการก่อสร้างตั้งแต่ต้นจนจบ แต่อิศราเป็นคนที่ขอเบรคไว้ก่อน ก่อนที่เจ้าตัวอิศราจะเข้าห้องน้ำไปสะสางตัวเองโดยทิ้งปรเมธไว้หน้าห้องน้ำพร้อมรอยยิ้มเจื่อนๆ





     อิศราออกมาห้องน้ำพร้อมเสื้อผ้าใหม่เอื้อมอ่อง แต่ก็อดใจไม่ระแคะระคายเคืองถึงชุดที่แสนพอดิบพอดีของตน กลิ่นบางอย่างทำให้อิศราต้องนิ่วหน้าอย่างเถรตรง อิศราสาวเท้าเดินไปตามต้นตอของกลิ่นสะอิดสะเอียนดังว่า มิวายเอามือปิดจมูกไปด้วย เขามีความกังวลใจมิใช่น้อยกับสิ่งที่กำลังจะเห็นต่อจากนี้ เนื้อสัตว์? เขาภาวนาขอให้เป็นเพียงแค่ซากสัตว์ อีกใจก็กังวลถึงปรเมธที่จะมาเมื่อไรก็ได้อย่างน่าพิศวง 




      "คุณกำลังหาอะไรเหรอคะ" อิศราแทบจะกรีดร้องกับเสียงที่เอ่ยทักมาจากด้านหลังใบหูของอิศรา เธอคนนี้ส่งสัญญาณมือว่าให้เงียบไว้ พร้อมส่งสมุดบันทึกบางอย่างที่บรรจงเย็บเล่มมันด้วยตนเอง ปกของมันทำมาจากหนังจระเข้ ราคาคงจะแพงไม่ใช่น้อย 

     "คุณต้องอ่านมันนะ—" ไม่ทันจะจบประโยค ขวานจากด้านหลังหญิงสาวใช้ถูกจามโดยชายร่างที่อิศราคุ้นเคยดี เลือดสาดกระเซ็นจนอิศราแทบจะสติหลุด หัวของสาวใช้ไม่ต่างกับเนื้อหมูที่ถูกผ่าครึ่งไม่สุด สายโลหิตยังหลั่งไหลสู่พื้นไม้มะฮอกกานีไม่ขาดสาย ร่างหญิงสาวใช้ลงไปนอนกับพื้น อิศราที่ถือสมุดบันทึกต้องเอามือปิดปากของตนเองไม่ให้ร้องออกมา เขาทั้งหวาดกลัวปรเมธที่ถือขวานพาดบ่าตัวเองพร้อมรอยยิ้มที่ไม่ต่างกับหุ่นตั้งโชว์ตามร้านเสื้อผ้า ขาของอิศราสั่นระริกจนปรเมธทิ้งขวานเพื่อไปประคองร่างอันแข็งทื่อนั่นไว้

     

     "ไปทานมื้อค่ำกันที่รัก ผมรอคุณตั้งนานเลยล่ะ" น้ำเสียงแสนธรรมดา แทนที่จะอ่อนโยน มันกลับทำให้อิศราเสียวสันหลังวูบ ขาแทบไร้เรี่ยวแรงจนปรเมธถือวิสาสะอุ้มอิศราท่าเจ้าสาวไปที่ห้องรับประทานอาหารที่ถูกตระเตรียมไว้อย่างดี



     มื้อค่ำในยามรัตติกาลมีแต่ความเงียบงัน เสียงหายใจที่สั่นระรัวไม่ต่างกับหัวใจของอิศรายังคงทำให้เขานิ่งทื่อเพราะช็อคกับเหตุการณ์เมื่อครู่ อิศรามีคำถามมากมายที่ไม่กล้าถาม เขาคนนี้คือใคร ฆาตกรต่อเนื่องงั้นเหรอ? ทำไมต้องฆ่าคนด้วย



     "เปิดอ่านได้นะ ผมไม่หวง" ว่าจบอิศราค่อย ๆ กระตุกเชือกที่ผูกรัดไว้อย่างระมัดระวัง แต่มือก็สั่นเทาไม่แพ้กัน ภายในเล่มกล่าวถึงตำนานสวนพลูที่กล่าวขานกันมานานถึงสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า `อนันต์` เมื่อเปิดไปหน้าถัดไป มันคือรูปของก้อนเนื้อสีแดงฉานมีเขาเหมือนกวางที่หลากหลายชนิด แต่ละรดับมีความแปลกประหลาดจนอิศราเองก็ไม่เข้าใจ


     "อนันต์ คือ สิ่งมีชีวิตจากมิติสนธยาที่ไม่สามารถหาที่มาที่ไปของมันได้ ผมจะอธิบายง่าย ๆ ให้คนที่ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้อย่างคุณได้เข้าใจ"



     ปรเมธเว้นช่วงการสาธยายก่อนจะเริ่มอีก



     "มันจะเลือกเหยื่อเพื่อสวมร่างกายเหล่านั้น หลอกล่อ กลืนกิน และกลายกาย มันมีรูปลักษณ์ที่ไม่แน่นอน มันจะหลอกล่อเหยื่อที่กำลังจะมีเคราะห์ร้าย และไม่ใช่ทุกคนที่มันจะเลือก มันแฝงกายไปทุกที อิศรา รวมถึงตัวผม" ปรเมธก้าวเท้าเข้ามาหาก่อนจะก้มหน้ามาห่างไม่ถึงคืบ พร้อมรอยยิ้มและแววตาอันเล้นลับ อิศราเห็นถึงนิ้วเรียวยาวสีแดงคล้ำดำมาสัมผัสเรือนแขนและหัวไหล่ของปรเมธ สายตาของอิศราเงยมองไปถึงใบหน้าอันว่างเปล่า เขาของมันมีเพียงแค่ข้างเดียว เขาที่เคลื่อนไปเองและเปลี่ยนรูปร่างม้วนขดเป็นก้นหอย ส่วนอีกข้างกลับแตกสลายอย่างพิศวง  มือทั้งสองข้างได้ได้ปิดดวงตาทั้งสองข้างของอิศรา ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นใช้หัวแม่โป้งกดไปที่ดวงตาของอิศรา ปรเมธฉีกยิ้มออกมาพร้อมออกแรงกดจนสายเลือดเริ่มหลั่งไหลออกมา ไม่ต่างกับเสียงกรีดร้องของอิศรา เสียงทั้งสองของอนันต์และปรเมธได้เอื้อนเอ่ยว่า





           "คุณคือเหยื่อของผม และคุณจะเป็นของผมตลอดไป"






      อิศราเอื้อมหยิบส้อมแทงเข้าไปที่มือของปรเมธอย่างสุดแรง เขากรีดร้องออกมาไม่ต่างกับเเสียงสัตว์เดรัจฉานจากนรก อิศราตะเกียกตะกายกำสมุดหนังไว้เหนียวแน่น เขาแทบไม่ต่างอะไรกับคนตาบอด อิศราพยายามคลำหาทางออกจากที่นี่ มันมืดมิดไปหมด มีเพียงแต่แสงจากตะเกียงที่พอให้เขาเห็นอย่างเลือนลาง มือของอิศราได้สัมผัสกับลูกบิดประตู 



    ในที่สุด...




     "จะไปไหนเหรอคะ" ปรเมธที่แปลงเสียงตัวเองให้เป็นหนังในเสียงสาวรับใช้ประจำบ้านบองเขาพร้อมรอยยิ้ม รอยแผลถูกแทงสมานอย่างพริบตา 

     "ผมจะกลับแล้วครับ..มื้อค่ำดีม—" อิศราที่หันไปต้นตอของเสียง ถูกมือปริศนารสชาติชวนอาเจียนล้วงเข้าไปในโพรงปาก ลงไปถึงลำคอ นิ้วแหลมคมของมันแทงทะลุคอหอยของอิศรา และกลับขึ้นไปดึงกรามล่างของอิศราลงไปจนร่วงกระทบกับพื้นไม้

















    30.


     








    เวรเอ๊ย!









    วันนี้เป็นวันที่อิศราคิดว่าโชคร้ายสุดๆ

    ทุกวันของเขาหลังเลิกงาน อิศรามักจะเดินกลับบ้านของตัวเองอยู่เสมอ แต่ด้วยความประมาทของเขาในวันนี้ที่ไม่ได้พกร่มมา อิศราจึงต้องวิ่งฝ่าฝนเพื่อหาที่หลบฝนก่อน และแน่นอนว่าเขาวิ่งมาผิดซอย

    เมื่อเขาวิ่งมาได้สักพัก สายตาของอิศราไปเจอบ้านหลังหนึ่งที่มีหลังคายื่นออกมาจากประตูทางเข้า(สำหรับคน) เขาถือวิสาสะเข้าไปยืนหลบตรงนั้นเพื่อหวังว่าฝนจะซาลงไปบ้าง อนิจจา สภาพอากาศไม่สามารถเข้าใจเขาได้เลย มันยังคงตกกระหน่ำอย่างต่อเนื่องจนอิศราถอนใจ





    ฉับ ฉับ ฉับ








    อิศราหันไปตามต้นเสียงกรรไกรนั่น แม้ว่าเสียงมันจะเบามากก็ตาม แต่มันก็ใกล้มากพอที่จะได้ยินเสียงกรรไกรนั่น

    “มาหลบฝนหน้าบ้านคนอื่นแบบนี้ มันแย่มากเลยนะครับ”


    อิศรามองชายคนหนึ่งที่กำลังตัดเล็มกิ่งไม้ และอีกมือกางร่มอยู่ เล็มต้นไม้ตอนฝนตกเนี่ยนะ..



    “ขะ..ขอโทษครับ ไว้ฝนซาก่อน แล้วผมจะไปทันทีเลยครับ”

    “...”




    เจ้าของเสียงนั้นเงียบไป ชายคนนั้นเดินมาที่ประตูรั้วที่ผมกำลังยืนมองอยู่ เขาเปิดประตูและมองมาที่อิศรา 

    ชายผิวขาวเนียน ที่สูงกว่าอิศราเพียงไม่กี่เซนติเมตร แต่ด้วยรูปร่างของเขา ทำให้ดูเหมือนตัวใหญ่กว่าอิศรา(ถึงตัวอิศราจะมีมวลกล้ามมากกว่าก็ตาม) เขายืนมองอิศราที่ตอนนี้เปียกโชกจากการวิ่งฝ่าฝนมาหลบตรงนี้





    เขายิ้ม




    “เข้ามาข้างในก่อนไหมครับ อยู่ข้างนอกมันหนาวนะ..”

    "ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมก็จะไปแล้ว รบกวนคุณเปล่าๆ"

    "แต่อีกนานกว่าจะหายตกนะครับ"

    "ขอบคุณ.."







    แปลก



    อิศรารู้สึกเช่นนั้น ชายคนนี้เหมือนเขาเห็นที่ไหนมาก่อน เหมือนเคยเจอที่ไหนสักแห่งหนึ่ง อิศรายืนครุ่นคิดอยู่สักพัก ความทรงจำที่เหมือนมีจุดหนึ่งที่เลือนลาง แต่อิศราเลือกที่จะเมินเฉยกับสิ่งนั้นแทนและเลือกที่จะเข้าไปข้างในตามคำเชิญชวนของชายหนุ่มแปลกหน้าแต่คุ้นเคยในความรู้สึกส่วนลึก 


     อิศรารีบสาวเท้าเข้ามาในตัวบ้านไม้หลังโบราณ แต่ภายในกลับตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นอย่างผิดวิสัย ไม่เหมือนภายนอกจนทำให้เข้ารู้สึกประหลาดใจไม่ใช่น้อย




    "คุณ.."

    "ผมตกแต่งเองทั้งหมดเลย คุณชอบมั้ยล่ะ"




    เป็นคำถามที่แปลกไปหมดสำหรับอิศรา ทุกอย่างดูไม่ปกติ แต่เขาพยายามเก็บความสงสัยนั้นไว้ไม่กล้าเอ่ยถามออกไปตรงๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลประการใดก็ตาม เขาจะไม่ปริปากถามแน่นอน นอกจากว่าเออออไปตามเนื้อผ้า "มัน..สวยดีนะ" 



     ปรเมธพาตัวอิศราไปอาบน้ำอาบท่าในห้องน้ำที่สุดแสนจะภาคภูมิใจ โดยเจ้าตัวปรเมธก็ยังไม่หยุดจะสาธยายถึงความเป็นมาตั้งแต่การสร้างแบบแปลนจนถึงการก่อสร้างตั้งแต่ต้นจนจบ แต่อิศราเป็นคนที่ขอเบรคไว้ก่อน ก่อนที่เจ้าตัวอิศราจะเข้าห้องน้ำไปสะสางตัวเองโดยทิ้งปรเมธไว้หน้าห้องน้ำพร้อมรอยยิ้มเจื่อนๆ





     อิศราออกมาห้องน้ำพร้อมเสื้อผ้าใหม่เอื้อมอ่อง แต่ก็อดใจไม่ระแคะระคายเคืองถึงชุดที่แสนพอดิบพอดีของตน กลิ่นบางอย่างทำให้อิศราต้องนิ่วหน้าอย่างเถรตรง อิศราสาวเท้าเดินไปตามต้นตอของกลิ่นสะอิดสะเอียนดังว่า มิวายเอามือปิดจมูกไปด้วย เขามีความกังวลใจมิใช่น้อยกับสิ่งที่กำลังจะเห็นต่อจากนี้ เนื้อสัตว์? เขาภาวนาขอให้เป็นเพียงแค่ซากสัตว์ อีกใจก็กังวลถึงปรเมธที่จะมาเมื่อไรก็ได้อย่างน่าพิศวง 




      "คุณกำลังหาอะไรเหรอคะ" อิศราแทบจะกรีดร้องกับเสียงที่เอ่ยทักมาจากด้านหลังใบหูของอิศรา เธอคนนี้ส่งสัญญาณมือว่าให้เงียบไว้ พร้อมส่งสมุดบันทึกบางอย่างที่บรรจงเย็บเล่มมันด้วยตนเอง ปกของมันทำมาจากหนังจระเข้ ราคาคงจะแพงไม่ใช่น้อย 

     "คุณต้องอ่านมันนะ—" ไม่ทันจะจบประโยค ขวานจากด้านหลังหญิงสาวใช้ถูกจามโดยชายร่างที่อิศราคุ้นเคยดี เลือดสาดกระเซ็นจนอิศราแทบจะสติหลุด หัวของสาวใช้ไม่ต่างกับเนื้อหมูที่ถูกผ่าครึ่งไม่สุด สายโลหิตยังหลั่งไหลสู่พื้นไม้มะฮอกกานีไม่ขาดสาย ร่างหญิงสาวใช้ลงไปนอนกับพื้น อิศราที่ถือสมุดบันทึกต้องเอามือปิดปากของตนเองไม่ให้ร้องออกมา เขาทั้งหวาดกลัวปรเมธที่ถือขวานพาดบ่าตัวเองพร้อมรอยยิ้มที่ไม่ต่างกับหุ่นตั้งโชว์ตามร้านเสื้อผ้า ขาของอิศราสั่นระริกจนปรเมธทิ้งขวานเพื่อไปประคองร่างอันแข็งทื่อนั่นไว้

     

     "ไปทานมื้อค่ำกันที่รัก ผมรอคุณตั้งนานเลยล่ะ" น้ำเสียงแสนธรรมดา แทนที่จะอ่อนโยน มันกลับทำให้อิศราเสียวสันหลังวูบ ขาแทบไร้เรี่ยวแรงจนปรเมธถือวิสาสะอุ้มอิศราท่าเจ้าสาวไปที่ห้องรับประทานอาหารที่ถูกตระเตรียมไว้อย่างดี



     มื้อค่ำในยามรัตติกาลมีแต่ความเงียบงัน เสียงหายใจที่สั่นระรัวไม่ต่างกับหัวใจของอิศรายังคงทำให้เขานิ่งทื่อเพราะช็อคกับเหตุการณ์เมื่อครู่ อิศรามีคำถามมากมายที่ไม่กล้าถาม เขาคนนี้คือใคร ฆาตกรต่อเนื่องงั้นเหรอ? ทำไมต้องฆ่าคนด้วย



     "เปิดอ่านได้นะ ผมไม่หวง" ว่าจบอิศราค่อย ๆ กระตุกเชือกที่ผูกรัดไว้อย่างระมัดระวัง แต่มือก็สั่นเทาไม่แพ้กัน ภายในเล่มกล่าวถึงตำนานสวนพลูที่กล่าวขานกันมานานถึงสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า `อนันต์` เมื่อเปิดไปหน้าถัดไป มันคือรูปของก้อนเนื้อสีแดงฉานมีเขาเหมือนกวางที่หลากหลายชนิด แต่ละรดับมีความแปลกประหลาดจนอิศราเองก็ไม่เข้าใจ



    ความรู้สึกที่คุ้นเคยนี้ทำให้เขาเริ่มรู้ากตัวได้ทันทีว่า นี่คือความฝัน ไม่ใช่เรื่องจริง เขาคือเหยื่อของปรเมธไปแล้ว หลุดพ้นไม่ได้จากมันอีกแล้ว ปรเมธที่ได้ลุกขึ้น อิศราก็ได้ลุกตามและถอยหลังห่างออกทันที



     "คุณจะหิวเอานะ ไม่ทานสักหน่อยเหรอ ผมอุตส่าห์ไปทำให้อย่างดีเลยนะ" อิศราวิ่งออกจากห้องไป ทิ้งปรเมธยืนอย่างเดียวดาย เสียงกระดูกลั่นทุกสัดส่วนของร่างกายปรเมธเริ่มผิดรูปได้บ่นพึมพำกับตนเองด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป



       


         "มันรู้ตัวแล้ว.."







      อิศราวิ่งกลับไปหาศพของหญิงสาวรับใช้ที่หัวถูกผ่าครึ่งอยู่ เขาก้มลงหยิบขวานและรีบไปซ่อนตัว เขานั่งลงและรวบรวมสติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ เขารีบเปิดหนังสือและอ่านบันทึกจากภายในกระดาษที่ประดิษฐ์อักษรด้วยน้ำหมึกอันลุกลี้ลุกลน แต่ไม่ถึงกับอ่านยากจนเกินไป




    `ถึง ใครก็ตามที่อ่านอยู่และเป็นเหยื่อของมัน,


       ผม ปรเมธ อมาตยกุล กำลังถูกไล่ล่าจากชายชื่ออิศเรศ คนรักยอดดวงใจของผมที่เปลี่ยนไป กลายร่างเป็นสิ่งที่น่าขยะแขยง สิ่งที่ผมกำลังศึกษาอยู่ในเรื่องราวของมิติสนธยา มันเหมือนรู้ตัวแล้วว่าผมน่ะได้รู้จักตัวตนแล้ว อนันต์คือชื่อของสิ่งมีชีวิตไร้รูปลักษณ์ นอกจากเขากวางอันเป็นอัตลักษณ์ของมัน ใบหน้าปราศจากใบหน้า ผอมสูงติดกระดูกราวสองเมตร ผมน่ะได้หักเขาของมันไปข้างหนึ่งเพื่อศึกษา และสุดท้ายผม  ■■■■■ `



     ไม่มีการเขียนต่อ มันหายไปพร้อมรอยสีน้ำตาลบางอย่างที่อิศราคาดว่าจะเป็นเลือด อิศราทิ้งสมุดหนังลงไว้ข้างตัว และเงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าของปรเมธที่เริ่มก้าวเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ พร้อมเสียงเรียกร้องอันโหยหวน



    "จะหนีไปไหน อิศรา.. อิ ศ ร า... เธอ หนี ไม่พ้น หร..อก.."




     เสียงยานคางจนอิศราขนลุกตั้งชัน และตัดสินใจพุ่งออกไปใช้ขวานจามไปที่กลางหัว แต่ดันพลาดไปจามริมศีรษะและถอยหลังออกห่างทันที


     ".. ไม่น่ารักเลย อิศรา"


     อิศรามองสมองที่เริ่มทะลักไหลออกมา กลิ่นเหมือนซากศพเน่าจนอิศราอาเจียนออกมา มือบางอย่างเริ่มตะเกียกตะกายออกมาจากศีรษะที่มีรอยแหว่งเปิด จนในที่สุด เนื้อหยาบที่ไหลลงไปกองที่พืเนไม่ต่างกับถอดเสื้อผ้าทิ้ง อิศราได้เห็นร่างสูงใหญ่ของปรเมธ ..ไม่สิ ต้องเรียกว่าอนันต์



     เขาสีดำมันขลับขับเคลื่อนไปมาอย่างเชื่องช้า ขดเลื้อยเป็นก้นหอย ผอวสีของมันนั้นแดงคล้ำดำช้ำหนอง นิ้วของมันเริ่วยาวไม่ต่างกับใบมีดคม ตีนของมันคือเท้าของสัตว์ตีนกีบสีดำ มันพุ่งเข้าไปหาอิศราอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่อิศราก็ฟันคอของมันขาดสะบั้น



      อิศราหายใจหอบก่อนจะล้มลงสลบลงไปนอนกองกับพื้น ไม่รู้ว่าจะตื่นมาอีกไหม จะกลับมาสู่โลกแห่งความจริงได้ดั่งเดิมหรือเปล่า หรือจะตายไปที่นี่..


































    "ไอ้อิศตื่นแล้วว่ะ"

    "อิศ!"

    "เห้ยมึง!"

    "เกิดไรขึ้นวะ.. ปราโมทย์ ปราชญ์ ทุกคน..."

    "มึงถูกรถชนสาหัสเลย หลับไปตั้งห้าวันแหนะมึง เอาน้ำมั้ย"

    "ก็ดี.." อิศราค่อย ๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงพร้อมรับแก้วน้ำมา อิศรายังตื่นได้ไม่เต็มตาเท่าไหร่ เพื่อน ๆ ของอิศราพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน อิศราเองก็เช่นกัน เขายิ้มและหัวเราะกับเพื่อน ๆ ของเขา แต่ในหัวอย่างแอบนึกคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา เขาสบัดหัวอย่างไม่ใส่ใจ แต่สักพักเขาก็ได้ยินเว่วเสียงของบุรุษพยาบาลคนหนึ่งที่เดินเข้ามาเอ่ยทักทายอย่างสุภาพ เพื่อนของอิศรายังคงยืนเรียงอยู่ที่ปลายเตียงจนอิศรารู้สึกฉงนใจ 



     "ขออนุญาตนะครับ ผมขอตรวจร่างกายก่อนนะ" สายตาพร่าเลือนของอิศราเหลือบไปเห็นป้ายชื่อของบุรษพยาบาลและน้ำเสียงที่คุ้นเคยมาก่อนจากที่ใดสักแห่ง






















    ป..ร...เ..มธ...

    อ..ม..าตย..กุล













    "จะหนีไปไหนเหรออิศรา คุณหนีผมไม่พ้นหรอก"

    "ไม่-----!!!!"

    ปรเมธประทับรอยจูบลงบนริมฝีปากของอิศราทันท่วงที เป็นการสับเปลี่ยนพร้อมเพื่อนของอิศราที่เฝ้าดูอาการชักดิ้นชักงอของอิศรา จุมพิตที่ดูดดื่มนั้นนานแสนนาน เหมือนกระหายมาเนิ่นนาน 













    "ราตรีสวัสดิ์นะที่รัก คุณคือของผมแล้ว"














    (จบ.)

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in