ซอ จอห์นนี่
เขาเป็นอาจารย์ภาควิชาภาษาศาสตร์ ตัวสูงกว่าเกินคืบ สวมเชิ้ตสีดำสนิทไร้ลายกับกางเกงสแล็ค ที่ข้อมือมีrolexสีเงินวาววับ มักเข้าห้องเลคเชอร์พร้อมกับกาแฟหนึ่งแก้ว หมดเวลาสองชั่วโมงในห้องแอร์ไปกับการพูดพร่ำศัพท์แปลกประหลาด พักกลางวันเขาจะขลุกตัวอยู่ในหอสมุดโซนวรรณกรรมต่างประเทศ ตกเย็นจะเห็นรถของเขาขับออกที่ประตูสอง
วนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าในทุกๆวัน
ผมเป็นนักศึกษาของเขา หมายถึงในยามที่ตะวันสาดแสง บทบาทของผมกับเขาคือนักศึกษาและอาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์ ทว่าเมื่ออาทิตย์ลับฟ้า ความมืดเข้าคลุม บทบาทของเราก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
"ถึงนานหรือยัง" เขาถามขณะปลดเนคไท เดินเข้าชิดใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมที่ผมเคยบอกว่าเป็นกลิ่นโปรด "ดูอะไรอยู่"
"ถึงก่อนคุณซักพัก" ผมตอบคำถามแรก "ทอมแอนเจอร์รี่" นั่นคือคำตอบของคำถามที่สอง
"ทำตัวเป็นเด็ก"
"นึกว่าชอบเสียอีก" ผมตอบ ใช้มือปลดrolexออกจากข้อมือที่เขายื่นให้ก่อนเอ่ย "ให้ช่วยถอดอะไรอีกไหม"
"ทั้งหมด" เขาทรุดกายนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกันกับที่ผมกำลังนอนดูการ์ตูนเรื่องโปรดก่อนไล่มือขึ้นลงบนหน้าขา ลูบมันอย่างลื่นมือเมื่อเห็นว่าผมไม่ร้องท้วง "หมายถึงบนตัวเธอ"
"ผมยังไม่ได้อาบน้ำ"
"ปกตินั่นเป็นขั้นตอนสุดท้าย" เขาว่า ก่อนรวบเอวขึ้นเกยตัก ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีเทาของเขาด้วยนิ้วมือทั้งสองข้าง "ขโมยเสื้อมาใส่อีกแล้ว"
"ผมชอบ" ว่าก่อนหยิบเนื้อผ้าขึ้นดมกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มอ่อนๆ "มันหอมดี"
"ไม่ได้ตั้งใจจะยั่วกันใช่ไหม"
"ดูไม่ออกจริงๆหรอ" อาจารย์ซอหัวเราะในลำคอเมื่อผมบดเบียดน้ำหนักลงบนหน้าขา เขาใช้ฝ่ามือไล่สูงขึ้นมาบนขาอ่อน ลูบมันขึ้นลงและกดให้มันเป็นรอยจางๆในบางครั้งราวกับมันเขี้ยวจนทนไม่ไหว รอยยิ้มที่มุมปากปรากฎขึ้นในทันทีที่รู้ว่าผมไม่สวมทับใน
"ก็พอจะดูออก"
เอ่ยขณะที่ผมถูกยกจนตัวลอย มือสองข้างโอบรอบลำคอไว้โดยอัตโนมัติ ประตูห้องนอนถูกเปิดและปิดด้วยเท้าข้างไหนซักข้างของเขาก่อนจะถูกวางลงบนเตียงนอนในเวลาไม่นาน
แล้วทุกอย่างก็เกิดอย่างรวดเร็ว
เขาจู่โจมด้วยริมฝีปาก ลากสัมผัสชื้นแฉะด้วยปลายลิ้น วนอยู่ที่หลังหูแล้วลากไล้ลงมาที่ลำคอก่อนขบกัดจนผมต้องเงยหน้าแหงนรับสัมผัส
มันรุนแรงแต่ก็หอมหวานในยามเดียวกัน
"ผมเอางานมาให้คุณดู" เสียงนั้นทั้งแหบและสั่นพร่าเมื่อเขาเริ่มเคลื่อนตัวลงต่ำ "อยากให้ช่วยตรวจ..ให้หน่อย"
"ตอนนี้ฉันไม่ใช่อาจารย์ของเธอ"
"แล้วเป็นอะไร"
"ไม่รู้จริงๆเหรอ" เขากระซิบข้างหู ผมกับเขาที่เปลือยเปล่าบนเตียงกว้าง เงาสะท้อนในกระจกตอบได้หมดทุกอย่างว่าระหว่างเราคืออะไร
เพียงแต่หลังจากนี้ หลังเรากอดก่ายกันจนฟ้าสาง ผมจะกลับกลายเป็นนักศึกษาของเขาและเราจะเป็นเพียงคนที่เดินสวนกันเพียงเท่านั้น
เตียงไม้โยกไหว ผมถูกพลิกคว่ำให้โก้งโค้ง ฝ่ามือของเขาบีบเค้นสะโพกจนขึ้นเป็นรอยนิ้ว เขาขบกัดเนินไหล่จนมันขึ้นสี ราวกับจิตรกรรมชั้นเลิศที่เราสร้างร่วมกันในยามร่วมรัก
"เร็วกว่านี้ได้ไหม"
"สั่ง?"
"ขอร้องต่างหาก"
ผมเอ่ยเสียงอ้อน หอบหายใจถี่ยามคำขอถูกตอบรับ ใบหน้าถูกฝ่ามือประคองให้หันมารับจูบ เขาดูดดันปลายลิ้น โลมเลียริมฝีปากอย่างจาบจ้วงก่อนกดมันลงย้ำๆหลายที ยามนี้กลิ่นเหงื่อรัญจวนกว่าน้ำหอมยี่ห้อโปรด อาจารย์ซอกระแทกกายกระชั้นถี่ เรียกชื่อของผมด้วยเสียงแหบพร่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า
"โดยอง"
"โดยอง"
"โดยอง"
อย่างที่เคยบอกเอาไว้ พักกลางวันเขาชอบขลุกตัวอยู่ในหอสมุด
quiet zoneดูปลอดโล่ง เท่าที่นับด้วยสายตามีไม่ถึงสิบคน เขาประคองวรรณกรรมต่างชาติด้วยสองมือ ปลายนิ้วเรียวแทรกตามแผ่นกระดาษยามเขาจับพลิก เสียงกระดาษดังวนในหัวทุกห้านาทีที่เขาอ่านจบ เพราะมัวแต่จับจ้องเขาเนิ่นนาน หน้ากระดาษของผมจึงไม่พ้นหน้าเดิมเสียที
"อ่านถึงไหนแล้ว" เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหู เมื่อหันกลับไปหาเจ้าของเสียงก็พบว่าอยู่ใกล้เพียงปลายจมูก เราสบตากันชั่วขณะ แววตาของเขาวูบไหว ไม่นานกว่านั้นผมก็ขยับตัวออก รักษาระยะห่างเอาไว้
"หน้าเดิมนั่นแหละ ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่"
"พี่รออยู่ ไม่เห็นเดินไปถามเสียที" ไม่เชิงประโยคคำถาม แต่ผมก็ไม่รู้จะต่อบทสนทนาอย่างไร ลักยิ้มของเขาชัดเจนยามเราสบตากัน ไม่รู้ทำไม ไม่ว่าจะเจอคนที่ใจดีหรืออ่อนโยนแค่ไหน ท้ายที่สุดผมก็ยังเลือกที่จะเฝ้ามองแต่เขา
คนใจร้ายคนนั้น
"ตอนเย็นว่างไหม"
"ก็ไม่ได้มีนัดอะไร" ผมตอบ ปิดหนังสือลงอย่างเก่าก่อนสบตากับพี่รหัสตรงหน้า "จะพาไปไหน"
"อยากดูหนังเรื่องใหม่"
"ไม่มีคนไปดูเป็นเพื่อนหรอ"
"เปล่า" เขาเอ่ย "พี่อยากไปดูกับเรา"
อย่างเดียวที่ผมชอบแจฮยอนคือเขามักซื่อตรงกับความรู้สึก คิดอย่างไรก็พูดออกมา ไม่เหมือนชายฝั่งตรงข้ามที่เอาแต่พลิกกระดาษซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาเงียบนิ่ง เฉยชา เพราะอย่างนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมาเราถึงไม่เคยเข้าถึงหัวใจของกันและกัน
ผมรู้ดีว่าวันนี้จะต้องเจอกับอะไร
กระนั้นก็ยังยินยอม พอตัวเองกลับเข้าสู่วงจรความสัมพันธ์ประหลาดนี้อีกครั้ง
ทันทีที่ประตูปิดลง แผ่นหลังของผมถูกแนบให้ชิดติดผนังเย็นเฉียบ เขากดริมฝีปากก่อนทาบทับลงมาทั้งร่าง บดขยี้จนชาทั่วสรรพางค์ รสคาวคละคลุ้งยามถูกดูดดึง เสียงหยาบโลนดังขึ้นเมื่อเขาตะโบมจูบอย่างตะกละตะกลาม
คล้ายกับกำลังลงโทษอะไรบางอย่างที่ผมก็รู้ดีแก่ใจ
"จะอ่อนโยนบ้างไม่ได้เลยใช่ไหม" ผมถามเมื่อริมฝีปากเป็นอิสระ เขาสอดมือผ่านสาบเสื้อ ลูบผิวเนื้อก่อนบีบเค้นมันอย่างที่ชอบทำ
"เธอไม่ได้อยากให้ฉันทำแบบนั้นหรอก"
เป็นเขาที่รู้จักผมดีที่สุด เป็นเขาที่รู้จักผมดีกว่าใคร จอห์นนี่รู้ว่าผมชอบให้เขาสัมผัสที่ตรงไหน ชอบให้โอบกอดแน่นเพียงใด เขาเหมือนพระอาทิตย์ที่ให้ความอบอุ่น ขณะเดียวกันเมื่อขยับเข้าใกล้ก็แผดเผาจนมอดไหม้
เขาอันตราย
"ชอบแบบนั้นหรือไง" เราต่างรู้ดีว่าเขาหมายถึงเรื่องในหอสมุดวันนี้ ผมกับพี่รหัสที่อยากพัฒนาความสัมพันธ์มากกว่านั้น "อยากให้ฉันอ่อนโยนกับเธอแบบนั้นใช่ไหม"
"อย่างน้อยคุณก็ควรทำแบบนั้นกับความรู้สึกของผม"
เขากัดผิวเนื้อเมื่อได้ยินคำตอบ กวาดทุกอย่างลงจากโต๊ะจนมันหล่นกระจายก่อนยกผมขึ้นแทนที่ กักขังไว้ด้วยสองแขนก่อนแทรกตัวกลางหว่างขา ลูบไล้ผิวเนื้อซ้ำไปซ้ำมาจนมันร้อนผ่าว
"ฉันควรจะจัดการกับเธอยังไงดี" ผมหลับตาเมื่อเขาก้มลงจูบไล่ลามลงมาถึงหน้าท้อง โลมเลียลากลงถึงเชิงกรานก่อนปลดเข็มขัดของตัวเองออกในเวลาเดียวกัน
"ทำแบบที่คุณเคยทำ" กัดผมให้จมเขี้ยว บีบเค้นผมให้ขึ้นรอยอย่างเช่นทุกครั้ง "ทำทุกอย่างที่คุณอยากทำกับผม"
"เธอคงจะแหลกเป็นชิ้นๆ" ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อเขาจูบซับที่ต้นขา แววตานั่นจ้องมองมาคล้ายกับว่าเขาจะทำจริงอย่างที่พูดเอาไว้ "รักเขาหรือเปล่า"
ผมส่ายหน้าเมื่อนิ้วเรียวกดลึกผ่านช่องเล็ก หอบหายใจถี่เมื่อเขาถามซ้ำอีกครั้ง "พูดออกมาให้ฉันได้ยินว่าไม่ได้รักใคร"
"ผมรักคุณ"
เขาชะงักไปชั่วขณะ มีแววตาสับสนให้เห็นเพียงเสี้ยววิก่อนกระพริบตา
ไม่ว่าเขาขอให้ผมเอ่ยซักกี่พันครั้ง คำตอบนั้นก็ยังเป็นชื่อของเขา เป็นคนเดียวกับที่ไม่เคยเอ่ยออกมาว่ารักกันเลยซ้ักครั้ง
รางวัลของการเอื้อนเอ่ยว่ารักเขาเพียงคนเดียวคือการเคลื่อนไหวปลายนิ้ว ผมจิกเล็บลงบนต้นแขน แหงนหน้าครางหวิวขณะเขาขยับถี่ จูบละเลียดเชื่องช้าก่อนเร่งเร้ารุนเเรง กระทั่งความอดทนถึงขีดสุดท้ายเขาก็หยุดชะงัก ถอนนิ้วออกก่อนแทรกตัวตนถลำลึก กดสะโพกกระแทกซ้ำจนโต๊ะโยกไหว
"ฉันไม่อยากให้เธอรักใคร"
เขาเอ่ยก่อนจูบลงบนริมฝีปากอย่างนิ่มนวลและหวานซึ้ง
"แม้กระทั่งตัวฉันเอง"
บทลงโทษของการเอื้อนเอ่ยว่ารักเขาแค่ไหนคือการตัดความรู้สึกของผมทิ้งอย่างไร้เยื่อใย
เขายังคงไม่เข้าใจว่าผมเพียงแต่อยากให้เราอ่อนโยนต่อความรู้สึกซึ่งกันและกัน
ซักครั้งก็ยังดี
ผมไม่เจอเขาอีกหลังจากวันนั้น
ไม่ใช่ว่าเขาหายตัวไปไหน แต่กลับเป็นผมที่หายไปจากชีวิตของเขา เราห่างหายไปจากกันและกันโดยไม่แม้แต่จะเดินสวนหรือพบเจอกันอย่างเช่นทุกครั้ง
อาจารย์ซอทำทุกอย่างที่จะดึงผมกลับสู่ความสัมพันธ์
เขาไม่เคยเช็คชื่อ ไม่เคยเลยซักครั้ง กระทั่งวันที่ผมหายไปจากชีวิต
เขาไม่เคยมีปัญหากับนักศึกษาอย่างผม แต่ก็เอ่ยปากถามหาจากเพื่อนในเซคอยู่บ่อยครั้ง
โมงยามเคลื่อนผ่าน คืนวันล่วงเลย
ในวันที่รับปริญญา สิ่งที่เขามอบไว้ให้ดูต่างหน้าคือดอกไม้ช่อโตกับข้อความแสดงความยินดีสั้นๆ เราตัดขาดกันจากความสัมพันธ์
แต่ในความรู้สึกของผม เขายังคงอยู่ในใจเช่นเดิม
หลังเรียนจบ ผมได้งานไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและยังคงเว้าแหว่ง ยอมรับว่าผมคิดถึงเขา คิดถึงเซ็กซ์ของเรา แม้จะมีคนที่ดีกว่าเขาเข้ามามากมายแค่ไหนผมกลับคิดถึงแต่ความสัมพันธ์ยุ่งเหยิงครั้งนั้น
ผมถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า วันนี้รถติดมากกว่าทุกวัน อาจเป็นเพราะฝนตกหนักในวันที่ผมไม่พกร่ม และโชคร้ายกว่านั้นคือเสื้อที่เลือกใส่วันนี้คือเสื้อสีขาวบาง ผมเลือกที่จะเมินเฉยต่อสภาพอากาศ กระชับกระเป๋าสะพายไว้แน่นเมื่อโดนฝนสาด แม้จะโดนเพียงละอองของหยดน้ำก็ยังรู้สึกเหน็บหนาวอยู่ดี
"ฉันเคยบอกเธอหลายครั้งแล้วว่าถ้าดูแลตัวเองไม่ได้ก็ให้อยู่ใกล้ๆกัน"
เสียงที่เคยคุ้นดังพร้อมกับเงาของร่มที่สะท้อนเหนือพื้นน้ำ เมื่อเงยหน้าสบตาก็พบว่าเป็นเขาที่ผมวิ่งหนีมาตลอด
เขายังเป็นอาจารย์ซอคนเดิม สวมเสื้อเชิ้ตสีเข้มกับกางเกงสแล็ค ใส่นาฬิกาrolexที่ข้อมือซ้ายเช่นเดิม ที่แปลกตาไปอาจเป็นผมที่สั้นขึ้นหรือไม่ก็ผิวที่คล้ำลงกว่าเก่า
เเต่เขาก็ยังเป็นเขา
เป็นเขาคนนั้นที่ต่อให้ผมบอกว่าจะไม่รักอย่างไร สุดท้ายหัวใจก็เต้นแรงให้เขาแค่คนเดียวอยู่ดี
"กลับมาอยู่ด้วยกันได้ไหม"
"ผมไม่รู้จะอยู่ในฐานะอะไร" ผมตอบห้วน ทั้งดีใจและเสียใจที่เราเจอกัน "คิดว่าเราไม่ควรมาเจอกันอีกจะดีกว่า"
ผมโกหกคำโตเลยล่ะ
"บอกได้ไหมว่าเธอต้องการอะไร ที่ผ่านมาฉันให้เธอน้อยเกินไปหรอ"
"คุณไม่เคยให้เลยต่างหาก" ไม่รู้ว่าเป็นฝนหรือน้ำตา มันอุ่นร้อนและเอ่อล้นเมื่อเราสบตากัน "คุณไม่เคยให้ความรักกับผมเลยซักครั้ง เราต่างก็รู้ดีว่าความสัมพันธ์ของเราเป็นยังไง สิ่งที่ผมต้องการก็แค่อยากได้ยินคุณพูดออกมาว่าคุณเองก็รักผมเหมือ-"
"ฉันรักเธอ"
เขาเอ่ยง่ายดาย ทว่าดวงตาคมกลับสบตาอย่างจริงจัง ผมบีบสายกระเป๋าแน่น เม้มริมฝีปากก่อนสูดลมหายใจเข้าลึก "ผมอยากให้มันมาจากความรู้สึกของคุณจริงๆ ไม่ใช่แค่เพราะคุณไม่มีใครคุณถึงรักกัน"
เขาไม่ตอบแต่คว้ามือผมไปจับที่อกข้างซ้าย เสียงฟ้าร้องครืนเมื่อระหว่างเราเงียบงัน เขาสบตาเพื่อยืนยันว่าที่มันเต้นระส่ำเป็นเพราะสัมผัสของผมแต่เพียงผู้เดียว
"ถ้าเธอรู้จักฉันดีเธอจะรู้ว่าฉันไม่ใช่คนโกหก" เขาว่าก่อนบีบกระชับฝ่ามือไว้ "ขอโทษที่ที่ผ่านมาฉันไม่เคยพูดว่ารักเธอ ไม่เคยพูดว่าอยากให้เธออยู่ด้วยกันมากแค่ไหนจนกระทั่งเสียเธอไป"
"..."
"กลับมาหากันได้ไหม สัญญาว่าจะไม่ทำให้ร้องไห้อีกแล้ว"
เรื่องตลกร้ายคือผมร้องไห้หลังสิ้นประโยค แน่ใจชัดเจนว่าไม่ใช่หยดน้ำจากฟากฟ้าแต่เป็นน้ำตาจากความรู้สึก "คุณผิดสัญญาแล้ว"
เขายิ้มบางและรับผมกลับคืนสู่อ้อมกอดอบอุ่น อ้อมกอดที่ผมร้องเรียกหา และเป็นอ้อมกอดที่ผมรับรู้ถึงคำว่ารักจากเขาจริงๆเสียที
อาจจะเร็วไปที่ยอมอภัยให้เขา แต่ก็ช้าเกินไปเหลือเกินที่เราเพิ่งจะเข้าใจกัน
การเจอกันครั้งนี้อาจเป็นเรื่องบังเอิญ ไม่แน่ใจว่าหากยังเมินเฉยต่อไปเราจะได้เจอกันอีกไหม ไม่แน่ใจว่าหากวันนี้ฝนไม่ตกเราจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่
ผมรู้เพียงแต่ว่าผมคิดถึงเขา คิดถึงสัมผัสและจูบของเรา ความคิดถึงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาคือสิ่งที่ยืนยันว่าเขายังคงมีผลต่อความรู้สึกไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใดก็ตาม
"ผมเกลียดคุณ" เอ่ยและกอดเขาแน่นจนได้ยินเสียงหัวใจ จอห์นนี่หัวเราะในลำคอ โอบรัดผมไว้ด้วยสองแขนก่อนจะกระซิบชิดหู
"รู้ไหม เธอโกหกไม่เก่งเลยเด็กดี"
talk : #johndoroom เลยจ้าแม่
ตอบให้เลยว่าไม่ไหว จะล้มค่ะ อารมณ์เหมือนเดินกินไอติมอยู่ดีๆ ละโดนเตะตัดขาล้ม แต่สุดท้ายไอติมก็็ไม่ตกพื้นอ่ะค่ะ ยังกินต่อได้ แงงงงงงงง
ให้ครส.ที่แบบ เราช่วยอะไรโดยองไม่ได้เลยหรอ ช่วยปลอบช่วยกอดน้องตอนที่น้องเสียใจ ตอนที่คนใจร้ายไม่กอดน้อง เราเสียใจมากเลยที่น้องเราเจอคนใจร้าย แต่ว่าน้องเรารักเขาไปแล้ว เราทำอะไรไม่ได้เลย เราจะตีๆ อาจารย์ซอ ;-;
เรากลัวมากเลยค่ะ กลัวว่าน้องเราจะเสียใจอยู่คนเดียวไปตลอดรึเปล่า น้องเราดูเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวมากเลยนะคะ รักเขามากแต่ก็ยอมที่จะถอยออกมาไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ไม่ไปเจอ ไม่ให้เขากอดเหมือนเดิม เก่งมากเลยค่ะ แต่ว่าทำแบบนี้น้องต้องเสียใจมากแน่ๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหักห้ามใจตัวเองได้ แต่น้องก็ทำให้อาจารย์ซอรู้ตัวนะคะว่าขาดน้องไม่ได้เหมือนกัน ก็แหงล่ะนะคะอาจารย์ โดยองที่รักอาจารย์ซอน่ะมีคนเดียวนะ ถ้าอาจารย์ไม่รักก็ไม่มีโอกาสละน้าาา
อ่านตั้งแต่แรกจนจบให้อารมณ์ที่ตีรวนกันไปหมดค่ะ เขินเขาในตอนแรก ไม่กรี๊ดไม่ได้เลย มันดีมากกกกกกกก แค่นึกภาพยัยตัวแสบโดนอุ้มนั่งบนตักอาจารย์แล้วแบบฟหกด่าฟสฟสป่กฟฟฟ ;////;
(((((ยั่วเก่งมากเด็กบ้าาาาา)))))
อาจารย์ซอก็นะคะ แซ่บมากพ่อเอ๊ยยยยยย แต่ไม่อยากชมมาก เขินค่ะ *วิ่ง*
ขอบคุณมากนะคะ ภาษาของคุณดีมากเลย ชอบการเล่าเรื่องให้คิดตามได้ เป็นอะไรที่ดีมากเลยค่ะ ❤
เราดีใจที่ได้อ่านจอห์นโดของคุณนะคะ เราเป็นกำลังใจให้นะคะ