เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
johndoroommoonwnt
Cigarettes After Sex





  • ซอ จอห์นนี่

    เขาเป็นอาจารย์ภาควิชาภาษาศาสตร์ ตัวสูงกว่าเกินคืบ สวมเชิ้ตสีดำสนิทไร้ลายกับกางเกงสแล็ค ที่ข้อมือมีrolexสีเงินวาววับ มักเข้าห้องเลคเชอร์พร้อมกับกาแฟหนึ่งแก้ว หมดเวลาสองชั่วโมงในห้องแอร์ไปกับการพูดพร่ำศัพท์แปลกประหลาด  พักกลางวันเขาจะขลุกตัวอยู่ในหอสมุดโซนวรรณกรรมต่างประเทศ  ตกเย็นจะเห็นรถของเขาขับออกที่ประตูสอง


    วนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าในทุกๆวัน


    ผมเป็นนักศึกษาของเขา หมายถึงในยามที่ตะวันสาดแสง บทบาทของผมกับเขาคือนักศึกษาและอาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์ ทว่าเมื่ออาทิตย์ลับฟ้า ความมืดเข้าคลุม บทบาทของเราก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง


    "ถึงนานหรือยัง" เขาถามขณะปลดเนคไท เดินเข้าชิดใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมที่ผมเคยบอกว่าเป็นกลิ่นโปรด "ดูอะไรอยู่"

    "ถึงก่อนคุณซักพัก" ผมตอบคำถามแรก "ทอมแอนเจอร์รี่" นั่นคือคำตอบของคำถามที่สอง

    "ทำตัวเป็นเด็ก"

    "นึกว่าชอบเสียอีก" ผมตอบ ใช้มือปลดrolexออกจากข้อมือที่เขายื่นให้ก่อนเอ่ย "ให้ช่วยถอดอะไรอีกไหม"

    "ทั้งหมด" เขาทรุดกายนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกันกับที่ผมกำลังนอนดูการ์ตูนเรื่องโปรดก่อนไล่มือขึ้นลงบนหน้าขา ลูบมันอย่างลื่นมือเมื่อเห็นว่าผมไม่ร้องท้วง  "หมายถึงบนตัวเธอ"

    "ผมยังไม่ได้อาบน้ำ"

    "ปกตินั่นเป็นขั้นตอนสุดท้าย" เขาว่า ก่อนรวบเอวขึ้นเกยตัก ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีเทาของเขาด้วยนิ้วมือทั้งสองข้าง "ขโมยเสื้อมาใส่อีกแล้ว"   

     "ผมชอบ" ว่าก่อนหยิบเนื้อผ้าขึ้นดมกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มอ่อนๆ "มันหอมดี"

    "ไม่ได้ตั้งใจจะยั่วกันใช่ไหม" 

    "ดูไม่ออกจริงๆหรอ" อาจารย์ซอหัวเราะในลำคอเมื่อผมบดเบียดน้ำหนักลงบนหน้าขา เขาใช้ฝ่ามือไล่สูงขึ้นมาบนขาอ่อน ลูบมันขึ้นลงและกดให้มันเป็นรอยจางๆในบางครั้งราวกับมันเขี้ยวจนทนไม่ไหว รอยยิ้มที่มุมปากปรากฎขึ้นในทันทีที่รู้ว่าผมไม่สวมทับใน

    "ก็พอจะดูออก"

    เอ่ยขณะที่ผมถูกยกจนตัวลอย มือสองข้างโอบรอบลำคอไว้โดยอัตโนมัติ ประตูห้องนอนถูกเปิดและปิดด้วยเท้าข้างไหนซักข้างของเขาก่อนจะถูกวางลงบนเตียงนอนในเวลาไม่นาน

    แล้วทุกอย่างก็เกิดอย่างรวดเร็ว   

    เขาจู่โจมด้วยริมฝีปาก ลากสัมผัสชื้นแฉะด้วยปลายลิ้น วนอยู่ที่หลังหูแล้วลากไล้ลงมาที่ลำคอก่อนขบกัดจนผมต้องเงยหน้าแหงนรับสัมผัส 

    มันรุนแรงแต่ก็หอมหวานในยามเดียวกัน

    "ผมเอางานมาให้คุณดู" เสียงนั้นทั้งแหบและสั่นพร่าเมื่อเขาเริ่มเคลื่อนตัวลงต่ำ "อยากให้ช่วยตรวจ..ให้หน่อย"

    "ตอนนี้ฉันไม่ใช่อาจารย์ของเธอ"

    "แล้วเป็นอะไร" 

    "ไม่รู้จริงๆเหรอ" เขากระซิบข้างหู  ผมกับเขาที่เปลือยเปล่าบนเตียงกว้าง เงาสะท้อนในกระจกตอบได้หมดทุกอย่างว่าระหว่างเราคืออะไร  

    เพียงแต่หลังจากนี้ หลังเรากอดก่ายกันจนฟ้าสาง ผมจะกลับกลายเป็นนักศึกษาของเขาและเราจะเป็นเพียงคนที่เดินสวนกันเพียงเท่านั้น

    เตียงไม้โยกไหว ผมถูกพลิกคว่ำให้โก้งโค้ง ฝ่ามือของเขาบีบเค้นสะโพกจนขึ้นเป็นรอยนิ้ว เขาขบกัดเนินไหล่จนมันขึ้นสี ราวกับจิตรกรรมชั้นเลิศที่เราสร้างร่วมกันในยามร่วมรัก   

    "เร็วกว่านี้ได้ไหม"

    "สั่ง?"

    "ขอร้องต่างหาก" 

    ผมเอ่ยเสียงอ้อน หอบหายใจถี่ยามคำขอถูกตอบรับ ใบหน้าถูกฝ่ามือประคองให้หันมารับจูบ เขาดูดดันปลายลิ้น โลมเลียริมฝีปากอย่างจาบจ้วงก่อนกดมันลงย้ำๆหลายที ยามนี้กลิ่นเหงื่อรัญจวนกว่าน้ำหอมยี่ห้อโปรด อาจารย์ซอกระแทกกายกระชั้นถี่  เรียกชื่อของผมด้วยเสียงแหบพร่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า 

    "โดยอง"

    "โดยอง"

     "โดยอง"










    อย่างที่เคยบอกเอาไว้  พักกลางวันเขาชอบขลุกตัวอยู่ในหอสมุด

    quiet zoneดูปลอดโล่ง เท่าที่นับด้วยสายตามีไม่ถึงสิบคน เขาประคองวรรณกรรมต่างชาติด้วยสองมือ ปลายนิ้วเรียวแทรกตามแผ่นกระดาษยามเขาจับพลิก เสียงกระดาษดังวนในหัวทุกห้านาทีที่เขาอ่านจบ เพราะมัวแต่จับจ้องเขาเนิ่นนาน หน้ากระดาษของผมจึงไม่พ้นหน้าเดิมเสียที

    "อ่านถึงไหนแล้ว" เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหู เมื่อหันกลับไปหาเจ้าของเสียงก็พบว่าอยู่ใกล้เพียงปลายจมูก เราสบตากันชั่วขณะ แววตาของเขาวูบไหว ไม่นานกว่านั้นผมก็ขยับตัวออก รักษาระยะห่างเอาไว้

    "หน้าเดิมนั่นแหละ ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่"

    "พี่รออยู่ ไม่เห็นเดินไปถามเสียที" ไม่เชิงประโยคคำถาม แต่ผมก็ไม่รู้จะต่อบทสนทนาอย่างไร ลักยิ้มของเขาชัดเจนยามเราสบตากัน ไม่รู้ทำไม ไม่ว่าจะเจอคนที่ใจดีหรืออ่อนโยนแค่ไหน ท้ายที่สุดผมก็ยังเลือกที่จะเฝ้ามองแต่เขา

    คนใจร้ายคนนั้น

    "ตอนเย็นว่างไหม" 

    "ก็ไม่ได้มีนัดอะไร" ผมตอบ ปิดหนังสือลงอย่างเก่าก่อนสบตากับพี่รหัสตรงหน้า "จะพาไปไหน"

    "อยากดูหนังเรื่องใหม่"

    "ไม่มีคนไปดูเป็นเพื่อนหรอ"

    "เปล่า" เขาเอ่ย "พี่อยากไปดูกับเรา"


    อย่างเดียวที่ผมชอบแจฮยอนคือเขามักซื่อตรงกับความรู้สึก คิดอย่างไรก็พูดออกมา ไม่เหมือนชายฝั่งตรงข้ามที่เอาแต่พลิกกระดาษซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาเงียบนิ่ง เฉยชา เพราะอย่างนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมาเราถึงไม่เคยเข้าถึงหัวใจของกันและกัน



     







    ผมรู้ดีว่าวันนี้จะต้องเจอกับอะไร 
    กระนั้นก็ยังยินยอม พอตัวเองกลับเข้าสู่วงจรความสัมพันธ์ประหลาดนี้อีกครั้ง 


    ทันทีที่ประตูปิดลง แผ่นหลังของผมถูกแนบให้ชิดติดผนังเย็นเฉียบ เขากดริมฝีปากก่อนทาบทับลงมาทั้งร่าง บดขยี้จนชาทั่วสรรพางค์ รสคาวคละคลุ้งยามถูกดูดดึง เสียงหยาบโลนดังขึ้นเมื่อเขาตะโบมจูบอย่างตะกละตะกลาม 

    คล้ายกับกำลังลงโทษอะไรบางอย่างที่ผมก็รู้ดีแก่ใจ

    "จะอ่อนโยนบ้างไม่ได้เลยใช่ไหม" ผมถามเมื่อริมฝีปากเป็นอิสระ เขาสอดมือผ่านสาบเสื้อ ลูบผิวเนื้อก่อนบีบเค้นมันอย่างที่ชอบทำ

    "เธอไม่ได้อยากให้ฉันทำแบบนั้นหรอก" 

    เป็นเขาที่รู้จักผมดีที่สุด เป็นเขาที่รู้จักผมดีกว่าใคร จอห์นนี่รู้ว่าผมชอบให้เขาสัมผัสที่ตรงไหน ชอบให้โอบกอดแน่นเพียงใด  เขาเหมือนพระอาทิตย์ที่ให้ความอบอุ่น ขณะเดียวกันเมื่อขยับเข้าใกล้ก็แผดเผาจนมอดไหม้

    เขาอันตราย

    "ชอบแบบนั้นหรือไง" เราต่างรู้ดีว่าเขาหมายถึงเรื่องในหอสมุดวันนี้ ผมกับพี่รหัสที่อยากพัฒนาความสัมพันธ์มากกว่านั้น "อยากให้ฉันอ่อนโยนกับเธอแบบนั้นใช่ไหม"

    "อย่างน้อยคุณก็ควรทำแบบนั้นกับความรู้สึกของผม"

    เขากัดผิวเนื้อเมื่อได้ยินคำตอบ กวาดทุกอย่างลงจากโต๊ะจนมันหล่นกระจายก่อนยกผมขึ้นแทนที่ กักขังไว้ด้วยสองแขนก่อนแทรกตัวกลางหว่างขา ลูบไล้ผิวเนื้อซ้ำไปซ้ำมาจนมันร้อนผ่าว 

    "ฉันควรจะจัดการกับเธอยังไงดี" ผมหลับตาเมื่อเขาก้มลงจูบไล่ลามลงมาถึงหน้าท้อง โลมเลียลากลงถึงเชิงกรานก่อนปลดเข็มขัดของตัวเองออกในเวลาเดียวกัน 

    "ทำแบบที่คุณเคยทำ" กัดผมให้จมเขี้ยว บีบเค้นผมให้ขึ้นรอยอย่างเช่นทุกครั้ง "ทำทุกอย่างที่คุณอยากทำกับผม"

    "เธอคงจะแหลกเป็นชิ้นๆ" ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อเขาจูบซับที่ต้นขา แววตานั่นจ้องมองมาคล้ายกับว่าเขาจะทำจริงอย่างที่พูดเอาไว้ "รักเขาหรือเปล่า"
     
    ผมส่ายหน้าเมื่อนิ้วเรียวกดลึกผ่านช่องเล็ก หอบหายใจถี่เมื่อเขาถามซ้ำอีกครั้ง "พูดออกมาให้ฉันได้ยินว่าไม่ได้รักใคร"

    "ผมรักคุณ"

    เขาชะงักไปชั่วขณะ มีแววตาสับสนให้เห็นเพียงเสี้ยววิก่อนกระพริบตา

    ไม่ว่าเขาขอให้ผมเอ่ยซักกี่พันครั้ง คำตอบนั้นก็ยังเป็นชื่อของเขา เป็นคนเดียวกับที่ไม่เคยเอ่ยออกมาว่ารักกันเลยซ้ักครั้ง

    รางวัลของการเอื้อนเอ่ยว่ารักเขาเพียงคนเดียวคือการเคลื่อนไหวปลายนิ้ว ผมจิกเล็บลงบนต้นแขน แหงนหน้าครางหวิวขณะเขาขยับถี่ จูบละเลียดเชื่องช้าก่อนเร่งเร้ารุนเเรง  กระทั่งความอดทนถึงขีดสุดท้ายเขาก็หยุดชะงัก ถอนนิ้วออกก่อนแทรกตัวตนถลำลึก กดสะโพกกระแทกซ้ำจนโต๊ะโยกไหว

    "ฉันไม่อยากให้เธอรักใคร"

    เขาเอ่ยก่อนจูบลงบนริมฝีปากอย่างนิ่มนวลและหวานซึ้ง

    "แม้กระทั่งตัวฉันเอง"

    บทลงโทษของการเอื้อนเอ่ยว่ารักเขาแค่ไหนคือการตัดความรู้สึกของผมทิ้งอย่างไร้เยื่อใย
    เขายังคงไม่เข้าใจว่าผมเพียงแต่อยากให้เราอ่อนโยนต่อความรู้สึกซึ่งกันและกัน
    ซักครั้งก็ยังดี








    ผมไม่เจอเขาอีกหลังจากวันนั้น

    ไม่ใช่ว่าเขาหายตัวไปไหน แต่กลับเป็นผมที่หายไปจากชีวิตของเขา เราห่างหายไปจากกันและกันโดยไม่แม้แต่จะเดินสวนหรือพบเจอกันอย่างเช่นทุกครั้ง

    อาจารย์ซอทำทุกอย่างที่จะดึงผมกลับสู่ความสัมพันธ์

    เขาไม่เคยเช็คชื่อ ไม่เคยเลยซักครั้ง กระทั่งวันที่ผมหายไปจากชีวิต
    เขาไม่เคยมีปัญหากับนักศึกษาอย่างผม แต่ก็เอ่ยปากถามหาจากเพื่อนในเซคอยู่บ่อยครั้ง


    โมงยามเคลื่อนผ่าน คืนวันล่วงเลย 

    ในวันที่รับปริญญา สิ่งที่เขามอบไว้ให้ดูต่างหน้าคือดอกไม้ช่อโตกับข้อความแสดงความยินดีสั้นๆ เราตัดขาดกันจากความสัมพันธ์ 

    แต่ในความรู้สึกของผม เขายังคงอยู่ในใจเช่นเดิม


    หลังเรียนจบ ผมได้งานไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและยังคงเว้าแหว่ง ยอมรับว่าผมคิดถึงเขา คิดถึงเซ็กซ์ของเรา แม้จะมีคนที่ดีกว่าเขาเข้ามามากมายแค่ไหนผมกลับคิดถึงแต่ความสัมพันธ์ยุ่งเหยิงครั้งนั้น

    ผมถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า วันนี้รถติดมากกว่าทุกวัน อาจเป็นเพราะฝนตกหนักในวันที่ผมไม่พกร่ม และโชคร้ายกว่านั้นคือเสื้อที่เลือกใส่วันนี้คือเสื้อสีขาวบาง  ผมเลือกที่จะเมินเฉยต่อสภาพอากาศ กระชับกระเป๋าสะพายไว้แน่นเมื่อโดนฝนสาด แม้จะโดนเพียงละอองของหยดน้ำก็ยังรู้สึกเหน็บหนาวอยู่ดี

    "ฉันเคยบอกเธอหลายครั้งแล้วว่าถ้าดูแลตัวเองไม่ได้ก็ให้อยู่ใกล้ๆกัน"

    เสียงที่เคยคุ้นดังพร้อมกับเงาของร่มที่สะท้อนเหนือพื้นน้ำ เมื่อเงยหน้าสบตาก็พบว่าเป็นเขาที่ผมวิ่งหนีมาตลอด 

    เขายังเป็นอาจารย์ซอคนเดิม สวมเสื้อเชิ้ตสีเข้มกับกางเกงสแล็ค ใส่นาฬิกาrolexที่ข้อมือซ้ายเช่นเดิม ที่แปลกตาไปอาจเป็นผมที่สั้นขึ้นหรือไม่ก็ผิวที่คล้ำลงกว่าเก่า 

    เเต่เขาก็ยังเป็นเขา
    เป็นเขาคนนั้นที่ต่อให้ผมบอกว่าจะไม่รักอย่างไร สุดท้ายหัวใจก็เต้นแรงให้เขาแค่คนเดียวอยู่ดี

    "กลับมาอยู่ด้วยกันได้ไหม"

    "ผมไม่รู้จะอยู่ในฐานะอะไร" ผมตอบห้วน ทั้งดีใจและเสียใจที่เราเจอกัน "คิดว่าเราไม่ควรมาเจอกันอีกจะดีกว่า"

    ผมโกหกคำโตเลยล่ะ

    "บอกได้ไหมว่าเธอต้องการอะไร ที่ผ่านมาฉันให้เธอน้อยเกินไปหรอ"

    "คุณไม่เคยให้เลยต่างหาก" ไม่รู้ว่าเป็นฝนหรือน้ำตา มันอุ่นร้อนและเอ่อล้นเมื่อเราสบตากัน "คุณไม่เคยให้ความรักกับผมเลยซักครั้ง เราต่างก็รู้ดีว่าความสัมพันธ์ของเราเป็นยังไง  สิ่งที่ผมต้องการก็แค่อยากได้ยินคุณพูดออกมาว่าคุณเองก็รักผมเหมือ-"

    "ฉันรักเธอ"

    เขาเอ่ยง่ายดาย ทว่าดวงตาคมกลับสบตาอย่างจริงจัง ผมบีบสายกระเป๋าแน่น เม้มริมฝีปากก่อนสูดลมหายใจเข้าลึก "ผมอยากให้มันมาจากความรู้สึกของคุณจริงๆ ไม่ใช่แค่เพราะคุณไม่มีใครคุณถึงรักกัน"

    เขาไม่ตอบแต่คว้ามือผมไปจับที่อกข้างซ้าย เสียงฟ้าร้องครืนเมื่อระหว่างเราเงียบงัน เขาสบตาเพื่อยืนยันว่าที่มันเต้นระส่ำเป็นเพราะสัมผัสของผมแต่เพียงผู้เดียว

    "ถ้าเธอรู้จักฉันดีเธอจะรู้ว่าฉันไม่ใช่คนโกหก" เขาว่าก่อนบีบกระชับฝ่ามือไว้ "ขอโทษที่ที่ผ่านมาฉันไม่เคยพูดว่ารักเธอ ไม่เคยพูดว่าอยากให้เธออยู่ด้วยกันมากแค่ไหนจนกระทั่งเสียเธอไป" 

    "..."

    "กลับมาหากันได้ไหม สัญญาว่าจะไม่ทำให้ร้องไห้อีกแล้ว"


    เรื่องตลกร้ายคือผมร้องไห้หลังสิ้นประโยค แน่ใจชัดเจนว่าไม่ใช่หยดน้ำจากฟากฟ้าแต่เป็นน้ำตาจากความรู้สึก "คุณผิดสัญญาแล้ว"

    เขายิ้มบางและรับผมกลับคืนสู่อ้อมกอดอบอุ่น อ้อมกอดที่ผมร้องเรียกหา และเป็นอ้อมกอดที่ผมรับรู้ถึงคำว่ารักจากเขาจริงๆเสียที

    อาจจะเร็วไปที่ยอมอภัยให้เขา แต่ก็ช้าเกินไปเหลือเกินที่เราเพิ่งจะเข้าใจกัน 

    การเจอกันครั้งนี้อาจเป็นเรื่องบังเอิญ ไม่แน่ใจว่าหากยังเมินเฉยต่อไปเราจะได้เจอกันอีกไหม  ไม่แน่ใจว่าหากวันนี้ฝนไม่ตกเราจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่

    ผมรู้เพียงแต่ว่าผมคิดถึงเขา คิดถึงสัมผัสและจูบของเรา ความคิดถึงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาคือสิ่งที่ยืนยันว่าเขายังคงมีผลต่อความรู้สึกไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใดก็ตาม 

    "ผมเกลียดคุณ" เอ่ยและกอดเขาแน่นจนได้ยินเสียงหัวใจ จอห์นนี่หัวเราะในลำคอ โอบรัดผมไว้ด้วยสองแขนก่อนจะกระซิบชิดหู

    "รู้ไหม เธอโกหกไม่เก่งเลยเด็กดี"













    talk :  #johndoroom เลยจ้าแม่ 



























Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
die young (@teenageblue)
ฮืออ ชอบภาษามากเลยค่ะ แล้วแบบ คือๆๆเด็กดีไปอี้กกก ใดๆล้วนคืออาจารย์ซอแซ่บมากโอ้ย ถึงจะปากแข็งไปหน่อยก็เถอะ
No.26 (@uuuuuuyours)
ฮือออชอบนะคะ
IDoyoungU (@kdysweetie_)
ถามเราหน่อยค่ะ ว่าหลังอ่านจบแล้วยังอยู่ดีมั้ย...

ตอบให้เลยว่าไม่ไหว จะล้มค่ะ อารมณ์เหมือนเดินกินไอติมอยู่ดีๆ ละโดนเตะตัดขาล้ม แต่สุดท้ายไอติมก็็ไม่ตกพื้นอ่ะค่ะ ยังกินต่อได้ แงงงงงงงง

ให้ครส.ที่แบบ เราช่วยอะไรโดยองไม่ได้เลยหรอ ช่วยปลอบช่วยกอดน้องตอนที่น้องเสียใจ ตอนที่คนใจร้ายไม่กอดน้อง เราเสียใจมากเลยที่น้องเราเจอคนใจร้าย แต่ว่าน้องเรารักเขาไปแล้ว เราทำอะไรไม่ได้เลย เราจะตีๆ อาจารย์ซอ ;-;

เรากลัวมากเลยค่ะ กลัวว่าน้องเราจะเสียใจอยู่คนเดียวไปตลอดรึเปล่า น้องเราดูเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวมากเลยนะคะ รักเขามากแต่ก็ยอมที่จะถอยออกมาไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ไม่ไปเจอ ไม่ให้เขากอดเหมือนเดิม เก่งมากเลยค่ะ แต่ว่าทำแบบนี้น้องต้องเสียใจมากแน่ๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหักห้ามใจตัวเองได้ แต่น้องก็ทำให้อาจารย์ซอรู้ตัวนะคะว่าขาดน้องไม่ได้เหมือนกัน ก็แหงล่ะนะคะอาจารย์ โดยองที่รักอาจารย์ซอน่ะมีคนเดียวนะ ถ้าอาจารย์ไม่รักก็ไม่มีโอกาสละน้าาา

อ่านตั้งแต่แรกจนจบให้อารมณ์ที่ตีรวนกันไปหมดค่ะ เขินเขาในตอนแรก ไม่กรี๊ดไม่ได้เลย มันดีมากกกกกกกก แค่นึกภาพยัยตัวแสบโดนอุ้มนั่งบนตักอาจารย์แล้วแบบฟหกด่าฟสฟสป่กฟฟฟ ;////;
(((((ยั่วเก่งมากเด็กบ้าาาาา)))))

อาจารย์ซอก็นะคะ แซ่บมากพ่อเอ๊ยยยยยย แต่ไม่อยากชมมาก เขินค่ะ *วิ่ง*

ขอบคุณมากนะคะ ภาษาของคุณดีมากเลย ชอบการเล่าเรื่องให้คิดตามได้ เป็นอะไรที่ดีมากเลยค่ะ ❤

เราดีใจที่ได้อ่านจอห์นโดของคุณนะคะ เราเป็นกำลังใจให้นะคะ
double_bew (@double_bew)
มันดีมากๆเลยค่ะ ;-;
ยย.เองจ้า (@two64okeydokey)
Prof. Suh so damn hot ;---; // ♡ thx for your ซิน your พอร์น ka
nctzen_zen (@nctzen_zen)
กู๊ดบอย คำนี้ลอยมาเลยค่ะ;-;