เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
คลังฟิคผู้หญิงล้านมูดผู้หญิงล้านอารมณ์
[OS: 6] Beside My Examination Room - จูเอ็ม #ฟิควิ่งผลัด
  • " ผมรู้ว่าการเข้ามาในสังคมใหม่ ๆ เราต้องรู้จักปรับตัว
    และทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่แต่….ก็ไม่คิดว่ามันจะยากขนาดนี้
    ทำยังไงดีคนข้างห้องเขาดูไม่ค่อยอยากคุยกับผมเท่าไหร่เลย… "



    Keyword: คนข้างห้อง
    Couple: Jooheon x I.M
    Date: 20/07/2018
    Author: Mmoods_girl



     สวัสดีครับ ผมชื่ออาชวิน เป็นนายแพทย์ใหม่ที่จะมาประจำอยู่แผนกนี้ครับ ชายหนุ่มหน้าตาน่ารักเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม เขาเดินไล่กล่าวเช่นนี้กับทุกคนภายในแผนกจักษุมาตั้งแต่เช้า ไม่ว่าจะเป็นแพทย์รุ่นพี่เหล่าพี่พยาบาล หรือแม้แต่คุณป้าพนักงานทำความสะอาด อาชวินก็แจกรอยยิ้มของเขาไปยังทุกคน เป็นรอยยิ้มแสนสดใสที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องเอ็นดู ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจนักที่ในขณะนี้เขากลายเป็นคนฮอตประจำแผนกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


    แหมคุณหมออาชวินนี่น่ารักจังเลยนะคะ มีแฟนรึยังคะ ถ้ายังสนใจให้พยาบาลสาวแถวนี้ไปดูแลซักคนไหมคะคุณหมอ วาริน พยาบาลสาวคนนึงในกลุ่มเอ่ยขึ้นขณะล้อมวงคุยอยู่กับคุณหมอประจำแผนกคนใหม่

    โอ๊ยเห็นหล่อหน่อยไม่ได้เลยนะยัยวา เดี๋ยวเถอะ ฉันจะฟ้องสามีเธอ ม่านฟ้า ผู้เป็นหัวหน้าพยาบาลแผนกจักษุเอ่ยขึ้น

    พี่ม่านฟ้าแค่หยอกคุณหมอเล่นนิดหน่อยเอง พยาบาลสาวคนนั้นตอบกลับพร้อมกับทำหน้ามุ่ย

    ไม่ได้หรอกเดี๋ยวคุณหมอเกิดย้ายโรงบาลหนีเพราะกลัวเธอขึ้นมาจะทำไง ยิ่งนานๆทีจะมีคนน่ารักๆแบบนี้เข้ามาอยู่ในแผนกซักที พี่ต้องขอโทษแทนน้องด้วยนะคะคุณหมอมันเป็นอย่างนี้แหละค่ะ เห็นใครหล่อหน่อยไม่ได้เลย

    อ๋อไม่เป็นไรครับพี่ม่านฟ้า อาชวินรีบตอบพร้อมกับโบกมือไปมาเพราะเกรงว่าพี่ๆจะเป็นกังวล 


    และในตอนนั้นเองเขาก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้จึงรีบก้มหยิบบางสิ่งบางอย่างออกมาจากถุงกระดาษใบใหญ่ที่ถือติดมือมาตลอดตั้งแต่เช้า“ คือผมซื้อคุ๊กกี้มาฝากทุกคนด้วยครับจากร้านโปรดของผมเอง พี่ ๆ ลองทานกันดูนะครับเขาพูดพรางหยิบถุงคุ๊กกี้รสช็อคโกแลตออกมาจากถุงกระดาษใบใหญ่ตามจำนวนของพี่ ๆ พยาบาล

    คุณหมอซื้อมาให้ครบทุกคนเลยเหรอคะม่านฟ้าถามขึ้นหลังจากรับคุ๊กกี้มาจากนายแพทย์หนุ่ม

    ครับ คือผมแอบมาสืบไว้ก่อนแล้วหน่ะครับว่าแผนกเรามีสมาชิกกี่คน” หนุ่มน้อยผู้เป็นเจ้าของคุ๊กกี้ตอบกลับพร้อมด้วยรอยยิ้มเช่นเคย

    เนี่ยน่ารักจริงๆเลยคุณหมออาชวิน หน้าตาก็หล่อเรียนก็เก่งจิตใจก็ดีไม่เห็นเหมือนคุณหมอจิ-” ยังไม่ทันที่พยาบาลสาวจะพูดจบก็ถูกผู้เป็นหัวหน้ายกมือขึ้นปิดปากแทบไม่ทัน

    ไม่เหมือนใครเหรอครับพี่วาแล้วทำไมต้องปิดปากพี่วาอย่างนั้นด้วยล่ะครับพี่ม่านฟ้า?” แพทย์หนุ่มนึกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมพยาบาลรุ่นพี่ทั้งสองถึงได้มีทีท่าเช่นนั้น รวมไปถึงพี่ ๆ พยาบาลคนอื่นในวงสนทนาก็ดูมีท่าทีเปลี่ยนไปในทันที


    คงเพราะเธอเห็นผมมั้งครับ


    นายแพทย์หนุ่มถึงกับเลิกคิ้วขึ้นเพราะเสียงตอบกลับเมื่อสักครู่นี้ไม่ได้ออกมาจากปากของพยาบาลสาวตรงหน้า แต่กลับเป็นเสียงเข้มจากใครบางคนที่อยู่ข้างหลังและยังไม่ทันที่เขาจะได้หันหลังไปมองเลยว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใคร เขาก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนเดินผ่านเขาไปเสียก่อนแล้ว

    ถ้าว่างนักอยากจับกลุ่มนินทาคนอื่น ก็กรุณาอย่าเสียงดังรบกวนผู้ป่วย รวมถึงผมด้วยนะครับ”เจ้าของเสียงเข้มเมื่อสักครู่กล่าวก่อนที่จะเดินเข้าห้องตรวจประจำของตนเองไป


    เป็นแพทย์รุ่นพี่หรอ ทำไมต้องพูดแบบนั้นด้วยนะ


    เอ่อ คุณหมอคะไม่ต้องไปใส่ใจหรอกค่ะคุณหมอจิรเมธแกก็เป็นแบบนี้แหละค่ะพี่ม่านฟ้ารีบเอ่ยขึ้นทันทีหลังจากที่ประตูห้องของเจ้าของเสียงเข้มเมื่อสักครู่ปิดลงคงเพราะเกรงว่านายแพทย์หนุ่มประจำแผนกคนใหม่จะขวัญหนีดีฝ่อไปซะก่อน


    พี่จิรเมธหรอดูไม่ค่อยน่าคุยด้วยเลยซักนิด

    แต่เอาน่า โชคชะตาคงไม่ใจร้ายให้ผมต้องข้องเกี่ยวกับเขาไปมากกว่านี้หรอกมั้ง

     

    -         Beside My Examination Room    -

  • ตลอดหนึ่งสัปดาห์ของการมาทำงานของนายแพทย์มือใหม่อาชวินเป็นไปด้วยดี ถึงแม้ในบางครั้งอาจมีติดขัดบ้าง เนื่องจากเขายังไม่ชินกับชีวิตการทำงานที่ไม่มีอาจารย์หมอคอยให้คำปรึกษาเหมือนอย่างเป็นนักศึกษาแพทย์ แต่เขาก็พยายามปรับตัวให้ได้เร็วที่สุด ทั้งยังคอยหาหนังสือออนไลน์อ่านเสริมความรู้ใหม่ ๆ อยู่เสมอ 

    เขาได้พูดคุยและตรวจรักษาเกี่ยวกับสายตาให้กับผู้ป่วยหลากหลายช่วงวัย มีตั้งแต่เด็กน้อยจนไปถึงคุณตาคุณยาย นอกจากนี้พี่ ๆ ภายในแผนกก็ดูจะต้อนรับนายแพทย์ประจำแผนกคนใหม่เป็นอย่างดี ไม่ว่าอาชวินจะเดินไปทางไหนก็มักจะมีคนทักทายถามไถ่ความเป็นไปของเขาอยู่เสมอ แต่ถ้าจะมี…ก็คงมีอยู่คนเดียวนั่นแหละที่เหมือนจะไม่ได้สนใจกับการมาใหม่ของเขาเลยซักนิดเดียว 

    อย่างไรก็ตามอาชวินก็เคยลองเข้าไปทักทายและนำของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปให้เพื่อเริ่มต้นมิตรภาพมาบ้างแล้ว แต่ทุกครั้งที่เขาเข้าไปก็มักจะได้คำตอบเดิมๆ พร้อมกับสีหน้าอันเฉยชาของพี่จิรเมธตอบกลับมาเสมอ


    ครับขอบคุณครับ”


    จากการที่ได้พบกันใกล้ขึ้นกว่าวันแรกที่เห็นผ่านตา อาชวินจึงได้ทราบว่าแท้จริงแล้วคุณหมอจิรเมธเป็นผู้ชายหน้าตาดีผิวขาว มีรอยบุ๋มข้างแก้มทั้งสองข้างชัดเวลาเขาพูด ทุกวันเขามักจะมาพร้อมกับเสื้อผ้าแสนสะอาดสะอ้าน และทรงผมเรียบแปล้สีเข้มที่ถูกเซ็ตมาเป็นอย่างดี หากเป็นตอนอยู่มหาลัย เชื่อเถอะว่าต้องมีภาพของคุณหมอจิรเมธอยู่ในอัลบั้มเพจคิ้วท์บอยของมหาวิทยาลัยอย่างแน่นอน 

    นอกจากนี้จากการสอบถามพี่ๆ พยาบาล นายแพทย์หนุ่มจึงได้ทราบมาว่าคุณหมอจิรเมธเป็นนายแพทย์ประจำอยู่แผนกจักษุที่โรงพยาบาลแห่งนี้มาประมาณ ปีเห็นจะได้ เขาเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง มักไม่ค่อยเข้าสังคมและผูกมิตรกับใคร ทั้งยังพูดจาโผงผาง จู้จี้จุกจิกและจริงจังกับทุกสิ่งทุกอย่าง


    แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเขาคือแพทย์อายุยังน้อย ที่มีชื่อเสียงในแวดวงแพทย์จักษุถือว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับระยะเวลาเพียง ปีเท่านั้น ในแต่ละวันจะมีผู้ป่วยจำนวนมากที่ขอแจ้งกับทางโรงพยาบาลเป็นกรณีพิเศษว่าขอเข้าพบแพทย์จิรเมธโดยเฉพาะ ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่าห้องตรวจของคุณหมอจิรเมธจะมีผู้ป่วยผลัดเปลี่ยนกันเดินเข้าเดินออกอยู่ตลอดทั้งวันไม่เคยว่างเลย

    ซึ่งห้องตรวจที่ว่าก็ไม่ได้อยู่ไหนไกลแต่อยู่ใกล้ ๆ เพียงแค่ ห้องข้าง ๆ ของคุณหมออาชวินนี่เอง ครั้งแรกที่อาชวินรู้ว่าตัวเขาเองต้องมาอยู่ข้างห้องกับคุณหมอหน้าตาไม่เป็นมิตรคนนี้ก็ทำเอาแพทย์หนุ่มถึงกับกุมขมับ ทำหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัดจนพี่ ๆ พยาบาลถึงกับหัวเราะออกมา


    บอกแล้วไงว่าอย่าให้ผมข้องเกี่ยวกับเขามากนักเลยคุณโชคชะตา
    ถึงจะบอกว่าต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างตรวจก็เถอะ แต่เล่นมาอยู่ข้างห้องแบบนี้มันก็เกร็งเหมือนกันนะ


    ถึงเขาจะพูดว่าคุณหมอจิรเมธดูเป็นคนไม่น่าคุยด้วยซักเท่าไหร่ แต่สุดท้ายแล้วอาชวินก็ได้ตัดสินใจว่าเขาจะลองใช้รอยยิ้มเข้าสู้ เผื่อว่ารอยยิ้มของเขาจะทำให้คุณหมอหน้าดุคนนี้ใจอ่อนลงบ้าง อย่างน้อยแค่ให้ความเกร็งของตัวเองลดลงบ้างก็ยังดี


    และวันนี้ก็เป็นอีกวันของการทำงานที่อาชวินเริ่มต้นวันที่แสนสดใสด้วยการกล่าวทักทายกับทุกคนภายในแผนกเช่นเคย จนสุดท้ายก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องตรวจห้องหนึ่ง เขาช่างใจอยู่หน้าห้องนั้นได้สักพักจึงตัดสินใจเคาะประตูเพื่อเป็นการขออนุญาต

    เชิญครับ เพียงไม่นานก็มีเสียงเข้มดังตอบกลับมาจากภายในห้องตรวจนั้น

    สวัสดีตอนเช้าครับพี่จิรเมธ อาชวินรวบรวมความกล้าของเขาในการจะเอ่ยมันออกไปพร้อมกับก้มหัวเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทายให้กับผู้เป็นรุ่นพี่

    ครับ สวัสดีครับ ชายตัวสูงละสายตาจากหนังสือตรงหน้า พร้อมกับก้มหัวให้กับผู้มาทักทายเล็กน้อยเช่นกัน

    ถ้าเป็นตามปกติบทสนทนาก็คงจะจบลงเท่านี้และอาชวินก็จะยิ้มสดใสตามสไตล์ของเขาตอบกลับไปก่อนที่จะปิดประตูห้องตรวจห้องนั้นลง แต่แล้ววันนี้ก็ดูเหมือนจะแปลกไปจากทุกที

    คุณหมอมาประจำได้ครบอาทิตย์แล้วสินะครับ” ผู้เป็นแพทย์รุ่นพี่เอ่ยขึ้นก่อนที่ประตูห้องตรวจจะปิดลง

    ห้ะอะไรนะครับ เอ่อ...เมื่อตะกี้พี่จิรเมธพูดกับผมรึเปล่าครับ” นายแพทย์หนุ่มตกใจก่อนจะรีบเปิดประตูห้องตรวจนั้นอีกครั้ง

    ครับผมบอกว่าคุณหมออาชวินมาประจำได้ครบอาทิตย์แล้วใช่ไหมครับ คนตัวสูงเอ่ยถามพร้อมกับมองมายังคนตัวเล็กที่ตอนนี้ยืนตัวเกร็งอยู่หน้าห้องตรวจ

    ครับวันนี้ครบอาทิตย์พอดีครับพี่จิรเมธ คนที่อยู่หน้าห้องตรวจตอบกลับด้วยรอยยิ้ม


    อย่างน้อยก็ได้คุยกันบ้างแล้วรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกแฮะ


    อืมนี่ยังเช้าอยู่เลย งั้นเราไปหากาแฟดื่มกันไหมครับถือเป็นการเลี้ยงต้อนรับคุณหมอด้วย”

    ห้ะ!?” คนตัวเล็กกล่าวขึ้นมาอย่างลืมตัว

    อ่าแต่ว่าถ้าคุณหมอไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรครับ”

    สะดวกครับ สะดวกคือผมแค่ตกใจ…ไม่คิดว่าคุณหมอจิรเมธจะชวนหน่ะครับ

    ผมชวนไปดื่มกาแฟนี่มันแปลกมากเลยหรอครับ


    แปลกมาก! แปลกที่สุด! นี่เขาไม่รู้ตัวจริง ๆ เหรอว่าตัวเองน่ากลัวขนาดไหน

    ถึงในใจจะคิดอย่างนั้นก็ตามแต่สุดท้ายอาชวินก็ตอบได้แค่รอยยิ้มเหมือนอย่างเคย

     

    -         Beside My Examination Room    -


  • หลังจากวันนั้นก็เป็นเวลาเกือบ 4 เดือนแล้วที่คุณหมออาชวินมาประจำอยู่ที่แผนกจักษุของโรงพยาบาลแห่งนี้ พอเวลาผ่านไปก็ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น คุณหมออาชวินเริ่มปรับตัวเข้ากับชีวิตการทำงานได้ดีขึ้น เขาเข้าใจผู้ป่วยในแต่ละช่วงวัยมากขึ้น ทั้งยังได้รับการยอมรับจากแพทย์ผู้อาวุโสในแผนกมากขึ้นด้วย 

    นอกจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณหมออาชวินและคุณหมอจิรเมธก็เป็นไปในทางที่ดีขึ้นเช่นกัน หากบอกว่าเพราะการที่พวกเขามีห้องตรวจติดกัน ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะในช่วงที่ผ่านมาการที่พวกเขาอยู่ห้องข้างกัน เป็นส่วนที่ทำให้พวกเขาได้มีโอกาสพูดคุยกันมากขึ้น

    อย่างเช่นเมื่อคุณหมอจิรเมธมีเคสพิเศษก็มักจะไปวานคุณหมออาชวินให้มาช่วยอยู่บ่อยครั้ง ไม่ใช่เพราะมันร้ายแรงอะไร แต่ที่นับว่าเป็นเคสพิเศษนั่นก็เพราะคุณหมอจิรเมธรับมือกับผู้ป่วยที่เป็นเด็กได้ไม่ค่อยดีนัก เขามักจะทำเสียงดุจนเด็กร้องไห้ลั่นแผนก จนสุดท้ายคนข้างห้องอย่างคุณหมออาชวินก็ต้องเข้ามาช่วยทุกที

    หรือในบางครั้งที่คุณหมออาชวินต้องเจอกับเคสผู้ป่วยที่ซับซ้อนเกินกว่าที่เขาจะสามารถวิเคราะห์ได้ หลายเคสที่จำเป็นต้องอาศัยความชำนาญจากประสบการณ์เข้าช่วย ก็ได้คุณหมอข้างห้องอย่างจิรเมธนี่แหละที่เป็นคนคอยให้คำปรึกษาอยู่เสมอ

    พอนานวันเข้าทั้งคุณหมออาชวินและคุณหมอจิรเมธก็ได้มีโอกาสรู้จักนิสัยส่วนตัวกันมากขึ้น ได้เห็นมุมใหม่ ๆ ของกันและกันมากขึ้น และนั่นจึงทำให้คนตัวเล็กพบว่าคุณหมอหน้าดุคนนี้ก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น เพราะความจริงแล้ว...

    คุณหมอจิรเมธแค่เป็นคนเข้าสังคมไม่เก่ง จึงมักไม่ค่อยได้พูดคุยกับคนอื่น  หลายครั้งที่เขาพยายามจะทักทายพี่พยาบาลในแผนกแต่ก็ต้องล้มเลิกความคิด เพราะแค่พี่ ๆ พยาบาลในแผนกเห็นเขา 
    จากที่รวมตัวคุยกันอยู่ก็รีบหันหลังกลับไปทำงานกันแทบไม่ทัน

    คุณหมอจิรเมธไม่ใช่คนโผงผาง แต่เขาแค่เป็นคนตรงไปตรงมาที่ไม่รู้จักการใช้คำพูด
    จึงทำให้หลายครั้งที่เจตนาดีของเขา กลายเป็นคำพูดที่แทงใจผู้อื่น

    ส่วนเรื่องที่ว่ากันว่าคุณหมอจิรเมธเป็นคนจู้จี้จุกจิก ทุกอย่างต้องเป๊ะต้องเนี้ยบ…อันนี้เป็นความจริง
    คุณหมอจิรเมธเป็นคนประเภทที่เรียกกันว่า 'เพอร์เฟคชั่นนิสต์ (Perfectionist)'  หรือกลุ่มคนที่นิยมความสมบูรณ์แบบ ดังนั้นเขาจึงพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ตรงตามแบบแผนที่เขาวางเอาไว้เท่านั้น 

    แต่หลังจากที่อาชวินทราบถึงความจริงข้อนี้ เขาจึงรีบโทรหาเพื่อนตัวโย่งของเขา นายแพทย์ชาญชัย ผู้เป็นจิตแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ จนมาถึงตอนนี้คุณหมอจิรเมธก็ดูมีอาการที่ดีขึ้น เขารู้จักที่จะยืดหยุ่น และยอมรับความผิดพลาดได้ดีขึ้นจากเดิม


    นับว่าเป็นอีกปรากฎการณ์ครั้งใหญ่ในแผนกจักษุที่ทุกคนในแผนก…

    จะได้เห็น 'รอยยิ้ม' จากคุณหมอหน้าดุในรอบ 4 ปี
    ตราบใดก็ตามที่คนที่ยืนข้าง ๆ เป็นคุณหมอน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาประจำได้ไม่กี่เดือน

    จะได้ยิน 'เสียงหัวเราะ' คิกคักดังออกมาจากห้องตรวจ
    ตราบใดก็ตามที่คุณหมอทั้ง 2 คนที่อยู่ห้องตรวจข้างกันมีเวลาพักตรงกัน

    จะได้เห็นคุณหมอร่างสูงลงมา 'ทานอาหารกลางวันพร้อมกับพี่ ๆ ในแผนก' 
    ตราบใดก็ตามที่คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามคือคุณคือคุณหมอร่างเล็กที่ใบหน้ามักเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

    รวมถึงจะได้เห็นภาพการ 'หยอกล้อ' น่ารัก ๆ ระหว่างคุณหมอที่ชื่ออาชวินและจิรเมธอยู่เป็นประจำ



    …วันเวลาเปลี่ยน สิ่งต่าง ๆ ก็เริ่มเปลี่ยนไป
    ไม่มีแล้วคุณหมอจิรเมธ เพราะตอนนี้มีเพียง 'พี่หมอเจมส์ของน้องหมออิม' เท่านั้น



    -         Beside My Examination Room    -


  • ตรู๊ด…ตรู๊ด…ตรู๊ด…
    เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้


    …นี่สายแล้วนะทำไมพี่หมอเจมส์ยังไม่มาอีกล่ะ
     โทรเป็นสายที่สิบกว่าแล้วก็ไม่รับซักที เกิดอะไรขึ้นรึเปล่านะ…


    ในขณะที่นายแพทย์หนุ่มร่างเล็กกำลังวุ่นอยู่กับการโทรศัพท์หาคุณหมอข้างห้อง เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 9 โมงแล้วแต่พี่หมอเจมส์ หรือคุณหมอจิรเมธยังไม่มีทีท่าว่าจะมา นี่ก็เข้าสู่สายที่ 15 แล้วแต่ก็ยังไม่มีคนรับซักที ปกติพี่หมอไม่ใช่คนไม่ตรงเวลา ถ้าจะสายก็ต้องมีเหตุจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น ทั้งยังเป็นคนที่พกโทรศัพท์ติดตัวอยู่ตลอด เพราะเขาเกรงว่าจะมีสายด่วนจากทางโรงพยาบาล หากว่ามีเคสด่วนแล้วเขาเกิดไม่ได้เข้าเวร ในตอนนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูห้องตรวจดังขึ้น

    “พี่หมอ!! พี่เจมส์!….” นายแพทย์หนุ่มรีบวิ่งไปเปิดประตูเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่กลายเป็นว่าเจ้าของเสียงเคาะประตูเมื่อสักครู่นี้ กลับไม่ใช่คนที่เขากำลังมองหา แต่เป็นพี่ม่านฟ้า ผู้เป็นหัวหน้าพยาบาลประจำแผนกแทน

    “เอ่อ…ไม่ใช่ค่ะคุณหมออิม พี่เอง” เธอกล่าวพร้อมกับยิ้มบาง ๆ
    “อ…อ๋อครับ พี่ม่านฟ้ามีอะไรรึเปล่าครับ?” อาชวินเอ่ยถาม เพราะปกติหากมีข่าวสารแจ้งให้ทราบ หรือมีเคสด่วนเพิ่มเติม พี่ม่านฟ้าก็มักจะให้วา ผู้เป็นพยาบาลอีกคนในแผนกเป็นผู้มาบอกแทน
    “คือเอ่อ…” เธออ้ำอึ้งอยู่สักพักใหญ่ก่อนจะค่อย ๆ พูดประโยคที่ทำให้คุณหมออิมแทบล้มทั้งยืน...


    “คุณหมอจิรเมธรถชนกับเสาไฟฟ้าเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาค่ะคุณหมออิม
    …ตอนนี้อาการไม่ค่อยดีเลยอยู่ที่ห้อง ICU ด้านล่าง 
    ดังนั้นวันนี้ผู้ป่วยที่นัดกับทางคุณหมอจิรเมธไว้บางส่วนจะย้ายมาพบคุณหมอแทนนะคะ”


    “พี่ม่านฟ้าบอกผมทีว่าไม่จริงใช่ไหม พี่หมอเป็นคนขับรถระวังมากนะครับ ทะ...ทำไมถึง…?”
    “คือพี่ก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่เขาบอกกันว่าคุณหมอจิรเมธหักหลบรถอีกคันที่วิ่งย้อนศรมาหน่ะค่ะ ท่าทางคนขับรถคนนั้นจะเมา คุณหมอจิรเมธเลยหักหลบแต่ดันไปชนกับเสาไฟฟ้าที่อยู่บริเวณนั้นหน่ะค่ะ”

    หลังจากได้ยินดังนั้นนายแพทย์หนุ่มก็เหมือนกับคนที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ผู้เป็นหัวหน้าพยาบาลเรียกอยู่หลายครั้งหลายหนกว่าเขาจะขานรับ เธอถามย้ำอยู่หลายครั้งว่าคุณหมออาชวินโอเครึเปล่า? แต่ก็ได้คำตอบสั้น ๆ มาเพียงว่า ‘ผมโอเค’ เธอจึงขอตัวนายแพทย์หนุ่มแล้วออกจากห้องตรวจไป เพราะคิดว่าอีกไม่นานก็จะถึงเวลานัดของผู้ป่วยรายแรกของคุณหมออาชวินแล้ว คุณหมอคงจะต้องการเวลาส่วนตัว เพื่อทำสมาธิและตั้งสติ

    ทันที่ประตูห้องตรวจของคุณหมออาชวินถูกปิดลง น้ำตาใส ๆ ก็ค่อยหยดลงมาจากตาคู่สวยของเขา เม็ดแล้วเม็ดเล่า เขานั่งร้องไห้อยู่ภายในห้องตรวจตัวคนเดียว จะให้เขาวิ่งลงไปหาที่ห้อง ICU ก็คงจะไม่ได้ เพราะในขณะนี้เค้ากำลังอยู่ในหน้าที่สำคัญ อีกไม่ถึง10 นาที ผู้ป่วยรายแรกก็จะเข้ารับการรักษาโรคต้อกระจกแล้ว และการรักษาอวัยวะของคนซักคน ไม่ใช่เรื่องที่จะให้ใครทำก็ได้ 

    ดังนั้นเขาจึงต้องรวบรวมสติที่ยังหลงเหลือทั้งหมดเพื่อเตรียมตัวรักษาให้คนอีกคนกลับมามีการมองเห็นที่เป็นปกติเหมือนเดิม เขาปาดน้ำตาที่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดไหลอย่างลวก ๆ ก่อนจะเดินออกมาบอกกับพี่ ๆ พยาบาลที่อยู่ด้านนอกว่า

    “ผมพร้อมแล้วครับ ถ้าผู้ป่วยรายแรกพร้อมแล้วเข้ามาได้เลยนะครับ”


    - Beside My Examination Room -

  • และแล้วการรักษาโรคต้อกระจกของผู้ป่วยรายแรกก็ผ่านไปได้ด้วยดี รวมถึงการรักษาและการวัดสายตาของผู้ป่วยคนอื่น ๆ ในช่วงเช้าก็เป็นไปอย่างปกติ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผู้ป่วยและแพทย์ในแผนกคนอื่น ๆ เข้าใจเพียงว่าวันนี้คุณหมอจิรเมธลากระทันหันเพราะไม่สบาย 

    มีเพียงแต่เจ้าของห้องตรวจข้าง ๆ ห้องคุณหมอจิรเมธเท่านั้นแหละที่ทราบดีว่าความจริงแล้วเกิดอะไรขึ้น โดยที่เขาตั้งใจทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด แล้วปล่อยให้เวลามันดำเนินไปเองเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงเวลาพักเที่ยงที่เขาตั้งใจว่าจะรีบลงไปหาพี่หมอเจมส์ของเขาที่ห้อง ICU ชั้นล่างทันทีที่นาฬิกาเดินถึงเที่ยงตรง



    12:00 น.



    ในที่สุดก็ถึงเวลาเที่ยงตรง คุณหมออาชวินรีบออกมาจากห้องตรวจเร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำ แต่แล้วทำไมไม่รู้ทุกคนในแผนกก็ดันมารุมมีปัญหากับเขาตอนนี้พร้อมกันหมด
    “คุณหมออิมคะ วานเซ็นเอกสารนี้แทนคุณหมอจิรเมธหน่อยคะ”
    “คุณหมออิมคะ มีเคสมาใหม่ในบ่ายวันนี้ คุณหมอสะดวกรับไหมคะ”
    “คุณหมออิมครับ เครื่องตรวจสายตาเครื่องใหม่ที่เพิ่งสั่งมาให้เอาไปไว้ห้องไหนครับ”
    “คุณหมออิมคะ วามีเรื่องจะให้ช่วยหน่อยคะ”

    คนแล้วคนเล่า มีเรื่องให้เขาเดินไม่ถึงประตูแผนกเสียที จนนายแพทย์หนุ่มหมดความอดทน ทนไม่ไหวพูดเสียงดังที่สุดเท่าที่เขาจะเคยพูดในโรงพยาบาลนี้ออกมา


    “ใครมีอะไรอีกหรือเปล่าครับ…ผมจะรีบลงไปหาพี่หมอ!”


    เมื่อเขาพูดจบ ทั่วทั้งแผนกจักษุก็เงียบลงทันที เพราะโดยปกติแล้วคุณหมออิมเป็นคนน่ารักน่าเอ็นดู ทั้งยังเคารพนอบน้อมต่อผู้ใหญ่โดยไม่คำนึงถึงตำแหน่งหน้าที่การงานอยู่เสมอ ดังนั้นตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา จึงไม่มีใครเคยเห็นคุณหมออิมดูอารมณ์เสียขนาดวันนี้มาก่อน


    “เอ่อ…คือ…คุณหมออิมคะ มีผู้ป่วยรายสุดท้ายมารอพบคุณหมอคะ”


    “ตอนนี้เหรอครับ? แต่ผมว่าผมเช็ครายชื่อผู้ป่วยดีแล้วนะครับ ไม่มีแล้วหนิครับ”
    ทันใดนั้นเองพี่ ๆ พยาบาลที่ก่อนหน้านี้ยืนรวมตัวกันเป็นกลุ่มก็หลบมาอยู่มุมนึงของแผนก 
    เผยให้เห็นชายร่างสูงผิวขาวที่ตอนนี้ควรจะนอนอยู่บนเตียงในห้อง ICU ชั้นล่างมากกว่า
    จะมายืนถือดอกไม้สีขาวอยู่ตรงนี้


    “พะ…พี่หมอ…ทะ…ทำไม? นี่คืออะไร ผมงงไปหมดแล้ว…?”


    แผนเซอร์ไพร์ทไง! พี่ขอให้พวกพี่ ๆ พยาบาลเขาช่วยด้วย …สุขสันต์วันเกิดนะครับน้องอิม
    คุณหมอร่างสูงเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นช่อดอกไม้สีขาวสวยมายังคนตัวเล็กที่อยู่ข้างหน้า


    “สุขสันต์วันเกิดนะครับคุณหมออาชวินของพี่ เราสองคนก็รู้จักกันมาหลายเดือนแล้วนะ
    พี่ว่าถึงเวลาแล้วที่พี่จะขอเราเป็นแฟน”

    “…”

    “เป็นแฟนกับพี่นะครับน้องอิม”

    “…”

    “เงียบแบบนี้เขินอยู่ใช่ไหมครับ ถ้าไม่ตอบพี่ถือว่าตกลงนะ”

    “ไม่! คนโกหก! หลอกลวง! เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง คิดถึงความรู้สึกคนอื่นบ้างไหม คิดบ้างไหมว่าคนอื่นเขาจะเป็นห่วงมากแค่ไหน!!” คุณหมอร่างเล็กกล่าวเสียงดังพร้อมกับน้ำตาใสใสที่อาบลงแก้ม

    “นะ…น้องอิม…คือพี่ขอโทษ พี่แค่อยากจะเซอร์ไพร์ทเราอ่ะ พี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายความรู้สึกเราเลยนะ” คนร่างสูงรีบเดินเข้ามากอดคุณหมอร่างเล็กแน่น

    “ใครเขาสอนให้พี่เซอร์ไพร์ทแบบนี้ห้ะ…รู้ไหม…รู้ไหมว่าผมเป็นห่วงมากแค่ไหนอ่ะ…” เมื่อคนตัวเล็กพูดจบ เขาก็เอาหน้าซุกจมไปกับอกของคุณหมอร่างสูงตรงหน้าแน่น


    ...อย่างไรก็ตาม ถึงแม้คนตัวเล็กจะรู้สึกโกรธคนตัวสูงตรงหน้ามากแค่ไหน 
    แต่การที่เขาเห็นว่าพี่หมอจิรเมธของเขายังปลอดภัยดี นั่นก็เป็นสิ่งที่ดีมากแล้ว


    “พี่ขอโทษ ขอโทษจริงๆนะน้องอิม จะไม่ทำแบบนี้แล้วครับ อย่าโกรธพี่เลยนะคนดี”
    “อือ…”
    “คุณหมออาชวินที่ยิ้มเก่งๆหายไปไหนแล้วน้า ใช่คนนี้รึเปล่าเอ่ย” คนตัวสูงเชยคางคนตัวเล็กในอ้อมกอดของเขาขึ้น
    “อืออ…” คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมามองคนตัวสูงด้วยหน้าตาจุ้ยมุ่ย
    “ยิ้มหน่อยสิครับ นะนะ”
    “อืออ…นี่ไงยิ้มอยู่เนี่ย” คนตัวเล็กยิ้มบางๆให้กับคนตรงหน้า
    “โหไม่เอาสิ วันนี้วันเกิดทั้งทียิ้มกว้าง ๆ เร็ว”
    “ไม่ ให้แค่นี้แหละ งอนอยู่”
    “จะไม่ยิ้มกว้างกว่านี้จริงหรอ?”
    “อืออ…”
    “ถ้ายังไม่ยอมยิ้มกว้างกว่านี้ พี่จูบนะ จูบจริงด้วย ต่อหน้าคนทั้งแผนกนี่แหละเอ้า”
    “หืม! จะบ้าหรอพี่เจมส์!” คนตัวเล็กทุบอกคนตัวสูงตรงหน้าไปหนึ่งทีพร้อมกับทำหน้าเลิ่กลัก
    “ฮ่าๆๆ งั้นยิ้มก่อน”
    “ก็ได้…” ในที่สุดคนตัวเล็กก็เผยให้เห็นรอยยิ้มสดใสอีกครั้ง
    “ยิ้มออกแล้ว เอ๊…แล้วตกลงเราจะปฎิเสธคำขอพี่จริง ๆ หรอ” ร่างสูงกุมมือคนตัวเล็กแน่น เพื่อรอคำตอบ
    “ก็ตอนนั้นโกรธอยู่ไง…. ตอนนี้หายแล่ว…..ขอใหม่หน่อย” เมื่อคนตัวสูงได้ยินดังนั้น ก็ไม่รอช้าที่จะกล่าวคำขอใหม่อีกครั้ง


    “เป็นแฟนกับพี่นะครับน้องอิม” 


    หลังจากคนตัวสูงพูดจบ ไม่เพียงแต่ตัวของคุณหมอจิรเมธที่กำลังรอคำตอบของคุณหมออิมอย่างใจจดใจจ่อเท่านั้น แต่บรรดาเหล่าพยาบาล และผู้ป่วยรอบบ่ายเองก็ร่วมลุ้นด้วยเช่นเดียวกัน


    “อื้อ…ครับ” 


    ทันใดนั้นก็มีเสียงเฮจากจิรเมธและเหล่าผู้ชมก็ดังลั่นออกมาจากแผนกจักษุ


      

    “พี่รักเรานะครับคุณหมออาชวิน”
    คนตัวสูงเอ่ยขึ้นก่อนที่จะจุมพิตไปที่บริเวณหน้าผากของคนตัวเล็กตรงหน้าเบา ๆ
    “อื้อ…อิมก็รักพี่นะครับคุณหมอจิรเมธ”





    - Beside My Examination Room -





    ---------------------------------------------------------------------------------------------



    จ๊ะเอ๋! สวัสดีค่าทุกคน! นี่ผู้หญิงล้านอารมณ์หรือล้านมู๊ดเองนะคะ
    นานน๊านน...ทีจะมาอัพฟิคบรรยายซักครั้ง วันนี้กลับมาพร้อมกับ
    การเข้าร่วมโปรเจค 
    #ฟิควิ่งผลัด และแล้ววันนี้ก็ถึงตาวิ่งของเราแน้ว

    และในส่วนของคีย์เวิร์ดที่คูมหนอนเอ๋อ (@escape_G) ให้มาคือ 'คนข้างห้อง' นั่นเองเย้
    ซึ่งเค้าก็ได้เอามาต่อยอดอีกทีนึง จนกลายเป็น คนข้างห้อง(ตรวจ)
    แง้ตื่นเต้นมาก ๆ และนี่เป็นฟิคมึน ๆ ของน้องเองค้าบ
    หวังว่ามันจะออกมาโอเค และหวังว่าทุกคนจะไม่งงกับฟิคน้องนะฮะแง้ 
    ยังมีข้อผิดพลาดอยู่มาก เค้าต้องขอโทษด้วยนะค้าบ T/T 
    ยังไงก็ขอฝากเรื่องนี้ไว้ในอ้อมใจทุกคนด้วยนะฮะ //ทำตาปิ๊งๆ

    ขอบคุณผู้อ่านทุกคนค่าา ♥



    ---------------------------------------------------------------------------------------------


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in