สวัสดีค่ะ ตูนเอง

ถ้าว่ากันตามตรง ตูนตัดสินใจดูเรื่องนี้ ด้วยเหตุผลแรกคือ อยากดู wolverine ร้องเพลง และ เห็น Zac efron กลับมาแสดงหนังเพลง เอาง่ายๆคือ ตูนเข้าไปดู โดยไม่ได้หวังว่าหนังจะสนุก แต่กลับกลายเป็นว่า เรื่องนี้ ทำให้ตูนรู้สึกว่า เงิน180ที่จ่ายค่าตั๋วไป มันคุ้มเกินคุ้ม

เริ่มตั้งแต่ฉากเปิด ก็ฮึกเฮิมด้วยซาวด์เพลง ที่เท่จนไม่รู้จะเท่ยังไง และยังไม่ทิ้งฟีลความเป็น circus 

ซึ่งตูนว่าเพลงประกอบหนังเรื่องนี้ทุกเพลง ทำให้หนังดูกระชับ,ลื่นไหล และ สามารถบิ๊วอารมณ์คนดูให้เข้าถึงตัวละครตลอดเวลา ท่าเต้นแต่ละฉากก็สนุกมากๆ ตรึงให้คนดูอย่างเราๆละสายตาไม่ได้ และเพลงประกอบแต่ละเพลงเต็มไปด้วยพลังและแรงบันดาลใจ ไม่รู้ว่าจะมีใครเป็นเหมือนตูนไหม คือมีหลายฉากที่นั่งน้ำตาคลอ แต่เพลงที่ตูนชอบเป็นพิเศษ คือ เพลง this is me เพราะสำหรับตูน เพลงนี้มันตรงกับชีวิตจริง และ ทรงพลังมาก  

พอพูดถึงการดำเนินเรื่องของหนังเรื่องนี้ ตูนอยากจะใช้คำว่า "ไม่ให้พักหายใจ" เพราะ สำหรับตูนถือว่า เรื่องนี้ไม่มีช่องโหว่ที่ทำให้เบื่อเลยสักจุด ตลอดขั่วโมงกว่าที่นั่งดู มีแต่ความตื่นเต้น สนุก ความโรแมนติก ความเศร้าบ้นไปตลอด ขยี้ทุกจุด บางฉากที่เหมือนจะน่าเบื่อ ก็เอาเพลงเข้ามา ซึ่งส่งบารมีหนังสุดๆ และด้วยการแสดงของนักแสดงแต่ละท่าน ก็ใส่ไฟกันสุดๆ

ตูนว่าเรื่องนี้เล่าเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่ต่อสู้กับชีวิต พยายามผลักดันตัวเองจากค่านิยม การแบ่งชนชั้นของคนสมัยนั้น และต่อสู้กับคำนินทาเหยียดหยาม ได้มีมิติมาก ว่าชีวิตคนเราก็มีขาวดำ และ ขึ้นๆลงๆ แต่สิ่งที่หนังเรื่องนี้สอนตูนจริงๆคือ บางครั้งความสำเร็จขั้นสุดจริงๆในความคิดเรา อาจไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดกับตัวเรา บางครั้งการพอใจ และมองหาความสุขสิ่งที่ตัวเองมี มันก็อาจจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดอยู่แล้ว

ตูนแนะนำว่า ถ้าใครอยากจะดูหนังแนว the musical ดีๆสักเรื่อง ตูนว่าไม่ควรพลาดเรื่องนี้ จริงๆตูนเครดิตจบขึ้น อยากลุกขึ้นตบมือมาก นอกจากจะต้องกลับมานั่งหาเพลงในหนังฟังอีกรอบแล้ว ก็ยังได้แรงผลักดันบางอย่างกลับไปด้วย 

P.S.

- ป๋าฮิวจ์หล่อมาก 

- ดูเสร็จแล้วฮึกเฮิม ในขั้นที่อยากเปิดโรงละครสัตว์เองมาก อยากใส่หมวกกับถือกระทาเหมือนป๋า