“เดี๋ยวฉันขอนอนเอาแรงก่อนนะคะ เจอกันสักตอนบ่ายๆ ได้มั้ยคะ??”
“ได้ครับ”
ชูอิจิเข้าใจ เขาอยากให้เธอพักผ่อน การบินข้ามทวีปมา 14 ชั่วโมง ตอน 10 โมงเช้า แล้วยังมาเจอเวลา 11 โมงเช้า เพราะความต่างของ Time Zone มันเหนื่อยขนาดไหน เขาเข้าใจดี ขนาดเขาที่อยู่แต่ในค็อกพิทอย่างเดียวยังเหนื่อย ลูกเรือที่ทำงานเกือบตลอดไฟล์ทอย่างเธอคงเพลียมากแน่ๆ
เวลาผ่านไปจนถึงประมาณบ่ายสองโมง
กริ๊งงงงงงงง…
“ครับ” เขารับสาย
“หิวรึยังคะ?? ไปทานข้าวกันค่ะ”
“ได้ครับ ให้ไปรับหน้าห้องมั้ยครับ?”
“ไม่เป็นไรค่ะ เจอกันข้างล่างนะคะ”
พวกเขาไปทานสเต๊กกันที่ร้านแห่งหนึ่งใกล้ๆ ย่านไทม์ สแควร์ ไม่ไกลจากโรงแรมที่พักมากเท่าไร หลังทานเสร็จพวกเขาตกลงกันว่าจะไปเดินเล่นกันสักหน่อยก่อนกลับที่พัก
ชูอิจิเลยชวนเธอไปที่สวนสาธารณะเดอะไฮไลน์ (The high line สวนสาธารณะอีกแห่งของนิวยอร์คที่โด่งดังไม่แพ้ Central Park เป็นสวนสาธารณะที่เกิดจากการปรับพื้นที่ของทางรถไฟลอยฟ้าเก่าที่ไม่ใช้งานแล้ว ดังนั้น เวลาที่จะไปสวนสาธารณะแห่งนี้จะต้องเดินขึ้นบันไดไป)
พวกเขานั่งอยู่บนม้านั่ง หันหน้าไปมองวิวแม่น้ำฮัดสัน ในมือต่างถือกาแฟร้อนจากสตาร์บั๊คกันคนละแก้ว
“ที่นี่วิวดีจัง”
“ใช่ ผมชอบที่นี่มากเลย คนไม่พลุกพล่านเท่าที่เซ็นทรัลพาร์ค”
“ฉันก็ชอบที่นี่ค่ะ เห็นวิวแม่น้ำฮัดสันด้วย นี่ คุณรู้มั้ยว่าเคยมีเครื่องบินลงจอดที่แม่น้ำฮัดสันนี้ด้วยนะ”
“รู้สิ นั่นเป็นเรื่องปาฏิหาริย์มากเลยนะ กัปตันแซลลี่เก่งจริงๆ ผมชื่นชมเขามากเลย”
(Miracle on the Hudson การลงจอดอันเป็นปาฏิหาริย์บนแม่น้ำฮัดสัน เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2009 US Airways flight 1549 เนื่องจากมีปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้องและไม่สามารถบินกลับไปสนามบินใดได้ กัปตันแซลลี่จึงตัดสินใจนำเครื่องบินลงจอดบนแม่น้ำฮัดสัน การตัดสินใจครั้งนั้นทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด 155 คนที่อยู่บนไฟล์ทนั้นปลอดภัย)
“เช่นกันค่ะ แล้วฉันก็ชื่นชมคุณด้วย ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะคะ หลังจากนี้ก็… ขอฝากตัวด้วยนะคะ”
เรย์ยิ้มหวานให้เขาแล้วยื่นหน้าเข้าไปจูบเขาแบบเบาๆ เร็วๆ 1 ที ชูอิจิยิ้มให้กับหญิงสาวอย่างอ่อนโยน
หลังจากเดินเล่นกันจนเบื่อแล้ว พวกเขาก็พากันกลับโรงแรม
แต่ชูอิจิยังไม่กลับห้อง เขาเลือกที่จะอยู่กับเรย์ต่อ และตอนนี้ก็นอนอยู่ข้างๆ เรย์จัง
“เฮ้อออออ ฉันนอนไม่หลับอ่ะ”
“เจ็ทแล็คเหรอ?” (Jet Lag คือ สภาวะที่ร่างกายยังปรับเวลาไม่ได้เนื่องจากการเปลี่ยน time zone)
“น่าจะใช่ค่ะ งื้อออออ เหนื่อนะ แต่นอนไม่หลับอ่ะ ทำไงดี”
เรย์พูดแล้วเอาหน้าซุกหมอน
“งั้น… ให้ฉันช่วยให้หลับมั้ย?”
“ยังไงคะ?” เธอถามด้วยท่าทีสงสัยจริงจัง
ชูอิจิยิ้มให้กับท่าทางไร้เดียงสาของสาวน้อยตรงหน้า เขาโน้มหน้าลงมาจุมพิตที่กลีบปากสีสวยของเรย์ เมื่อแรกเริ่มมันเป็นจุมพิตอ่อนโยนที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ จากนั้นจึงเริ่มทวีความหนักหน่วงมากขึ้น เขากัดเม้มที่ริมฝีปากของเรย์ ลิ้นดุนดันรุกล้ำเข้า หญิงสาวเปิดทางให้ลิ้นร้อนเข้าสำรวจในโพรงปาก ลิ้นทั้งคู่เกี่ยวกระวัดแลกกันเป็นพัลวัน
มือใหญ่ไล่ลงมาตามชายเสื้อ เขาสอดมือเข้าสัมผัสกับเนื้อนวลภายใต้เสื้อนอนบางๆ ตัวนั้น ร่างแกร่งเบียดทับลงมาแนบร่างคนตัวเล็กด้านล่าง ตอนนี้ลมหายใจของทั้งคู่ขาดห้วง ได้ยินเสียงหายใจดังๆ ของกันและกันอย่างชัดเจน มือเลื่อนขึ้นมาจนถึงชั้นใน ชูอิจิปลดตะขอด้านหลังออกอย่างง่ายดาย
เขาผละจากใบหน้าของเธอไล้ลิ้นลงมาที่ซอกคอ หญิงสาวหอบหายใจเสียงดัง ครางขึ้นตามอารมณ์ความรู้สึกที่เริ่มก่อตัว เขาขบที่ใบหูของหญิงสาวเบา ร่างบางกระตุกเกร็งขึ้นเพราะความเสียวซ่าน เขาเลื่อนมือใหญ่มาเกาะกุมเนินอกคู่สวย ปลายนิ้ววนเล่นอยู่กับยอดอก เขาเลิกเสื้อของหญิงสาวขึ้นเผยให้เห็นยอดอกนั้นอย่างเต็มตา เขาก้มลงดูดเลียทางซ้ายทีขวาที ไม่ให้ด้านใดต้องน้อยหน้ากัน
“อ๊าาา… อ๊า… อื้ออออ”
เสียงหวานครางกระเส่าด้วยความใคร่ที่เขาปรนเปรอให้
ชูอิจิถอดเสื้อออกเผยให้เห็นอกแกร่งและซิกส์แพ็คชวนหลงใหล เขาถอดเสื้อของเรย์ออกจนส่วนบนของร่างงามไม่เหลืออาภรณ์ใดๆ ปกปิด ชูอิจิก้มลงจูบเธอ ริมฝีปากร้อนฝากรอยรักไว้หลายรอยทั่วร่าง เขาไล้เลียลงมาจนถึงขอบกางเกงขาสั้นของหญิงสาว เขาปลดมันออกอย่างช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไป ร่างบางมีเพียงชั้นในลูกไม้สีดำปกปิดอยู่เท่านั้น เขาจุมพิตตรงเนื้อส่วนนั้นอย่างอ่อนโยน นุ่มนวล ช้อนตามองแฟนสาวของเขาแล้วถามว่า
“ได้มั้ย?”
เรย์ไม่ตอบ แต่พยักเป็นเชิงอนุญาตให้เขาจัดการกับร่างกายขอเธอต่อ ตอนนี้หัวสมองเธอขาวโพลน รู้แต่เพียงว่าเธอต้องการเขา...มากกว่านี้…
ชูอิจิดึงอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายออกจากตัวเธอ ร่างอรชนไร้สิ่งใดปกปิดปรากฏแก่สายตาเขา เขาเคยจินตนาการถึงร่างตรงหน้าว่าสวยงามแค่ไหน แต่ตอนที่ได้เห็นมันงดงามกว่าที่เขาจินตนาการไว้เสียอีก เขาใช้ลิ้นร้อนสัมผัสกับโนนเนื้อของเธอ ดูดน้ำหวานที่หลั่งรินออกมาอย่างไม่นึกรังเกียจ สะโพกเล็กยกลอยขึ้นตามความเสียวซ่านที่ถูกกระตุ้น
“อ๊าาาาา...อ๊าาาาาา….อ๊าาาาาา”
เสียงหวานใสครวญคราง มือขยำผ้าปูเตียงแน่น หวังระบายความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามามากมาย ร่างกระตุกเกร็งเป็นสัญญาณว่าเธอสุขสมแล้วชูอิจิถอดกางเกงออกเผยให้เห็นความเป็นชายที่ใหญ่โตเต็มที่ เขาก้มลงจูบร่างสวยด้านล่าง พลางค่อยๆ สอดใส่แก่นกายเข้าในตัวหญิงสาว หวังเบี่ยงเบนความสนใจ ร่างบางกระตุกเกร็งเพราะความเจ็บปวดที่ช่วงล่าง น้ำตาเริ่มเอ่อขึ้นในดวงตาคู่สวย ชูอิจิผละจะใบหน้าเธอแล้วถามว่า
“เจ็บเหรอ?”
“ฉันไม่เป็นไร ทำต่อเถอะ”
เธอกอดร่างเขาไว้แน่นราวกับกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจ ชูอิจิจึงเบี่ยงเบนความสนใจต่อ เขาขบเม้มที่ใบหูของเธอเพื่อหวังบรรเทาความรู้สึกเจ็บให้หญิงสาวลงได้บ้าง
“อ๊าาาาาา อ๊าาาาาาาาาาาาาา”
เธอจิกมือลงบนหลังของเขาจนเป็นรอย ขณะที่เขาเองก็สอดใส่แก่นกายจนสุด ร่างบางกระตุกเกร็งเพราะความคับแน่นของช่วงล่าง น้ำตาไหลอาบแก้ม ชูอิจิจูบซับน้ำตาให้เธอก่อนค่อยๆ ขยับตัวเบาๆ พอให้หญิงสาวปรับตัวจนรู้สึกสบายขึ้นได้ พอเริ่มชินกับสัมผัสใหม่ ความเจ็บปวดเริ่มถูกแทนที่ด้วยความเสียวซ่าน จากความอ่อนโยนเริ่มเพิ่มระดับความร้อนแรงมากขึ้นจนเหมือนพายุโหมกระหน่ำ
บทรักดำเนินไปจนใกล้ถึงฝั่งฝัน
“อ๊าาาาาา อ๊าาาาาาา อ๊าาาาาาา”
“อ่ะ...อ่ะ.. อื้ออออออออ”
ของเหลวสีขาวขุ่นไหลเข้าสู่ตัวของหญิงสาว เสียงประสานจากทั้งเขาและเธอบ่งบอกว่าตอนนี้พวกเขาได้มาถึงสวรรค์พร้อมกันทั้งคู่แล้ว ต่างยังหายใจหอบเพราะความเหน็ดเหนื่อยและอารมณ์ที่ยังคั่งค้างอยู่เมื่อครู่ ร่างทั้งสองยังคงกอดเกี่ยวกันไว้ไม่ห่างตัว
------------------------------------------------------------------
ราตรีกาลดำเนินไปอย่างเชื่องช้าราวกับจะเอาใจคนตัวโตที่อดทนรอช่วงเวลานี้มานานแสนนาน สองร่างยังคงแสดงความรักให้กันและกันในหลากหลายอิริยาบถ จนถึงรุ่งอรุณของเช้าวันใหม่
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in