เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
AllRise89allrisemookie
STAY #markten



  • (๑)
    ฤดูฝนมาเร็วกว่าที่คิด หนำซ้ำพยากรณ์อากาศยังบอกว่าอาจจะมีลมแรงจากพายุ ให้ระวังการออกไปที่แจ้งและตุนเสบียงอาหารไว้ให้พอสำหรับ 2 - 3 วัน ผมนั่งค้นหาอะไรนิดหน่อยเพื่อจะเขียนรายงานที่ต้องส่งสัปดาห์หน้า ส่วนอีกคนก็นั่งอยู่ที่เดิมมามากว่า 2 ชั่วโมงแล้ว มือสวยๆ ขยับขึ้นลงตลอดเวลา ทั้งเปลี่ยนพู่กัน จุ่มสีนั้นสีนี้ ตาก็มองภาพร่างต้นแบบไปพร้อมๆ กับมืออีกข้างที่จับกระดาน เป็นภาพที่ผมเห็นจนชินตา 

    เตนล์กับศิลปะ 

    มันน่าสนใจมากเลยที่ใครสักคนจะมี passion กับอะไรสักอย่างตั้งแต่อายุยังไม่บรรลุนิติภาวะ ผมรู้จักเตนล์มาตั้งแต่ขึ้นไฮสคูล จนตอนนี้ก็ 5 ปีแล้ว ความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่พัฒนาจากรุ่นน้องไปสู่ 'คนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด' แต่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน โตขึ้นเท่าไร สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปเลยสำหรับเตนล์คือ ความหลงใหลที่เค้ามีกับศิลปะ 

    ผมเชื่อว่ามันเป็นพรสวรรค์ส่วนนึงนะ บางทีเค้าแค่มีกระดาษกับปากกาก็สามารถออกแบบห้องสวยๆ วาดตัวการ์ตูนที่ดีเทลเยอะๆ หรือบางทีมีเวลาก็สามารถวาดรูปพอทเทรทได้เลย ส่วนผมนี่ต่อให้จะตั้งใจแค่ไหนแต่รูปที่สวยที่สุดก็คือทะเลที่มีภูเขาสองลูก พระอาทิตย์ และต้นมะพร้าว 

    ผมชอบดูเตนล์เวลาวาดรูปมากๆ ปากเล็กจะขบไปมา บางทีปากล่างก็ถูกกัดค้างไวนานๆ จนลิ้นแดงๆต้องเลียริมฝีปากอยู่เป็นระยะ ตาคมที่มองไปที่ภาพต้นแบบบ้าง มองไปรอบๆ ตัว บางทีก็หลับตานึกภาพในหัว ผมไม่เคยเบื่อเลยที่จะมองเค้าทำในสิ่งที่รัก

    "มองอะไรนักหนามาร์ค"

    เตนล์หันมาถามผมหลังจากที่ผมคงละสายตาจากจอคอมมาตั้งใจมองเค้านานไปหน่อย 

    "มองเธอไง ไม่ได้หรอ"

    "บ้า"

    เค้าขมวดคิ้วทำหน้ายุ่งใส่ผม แล้วหันไปวาดรูปต่อ

    แต่ผมแอบเห็นแก้มใสๆ นั่นมีลักยิ้มโผล่มานิดนึงนะ




    (๒)
    เข้าวันที่ 2 ที่ฝนยังตกอยู่เกือบทั้งวัน มองลงไปจากหน้าต่างห้องตอนนี้หน้าคอนโดแทบจะเป็นทะเลแล้ว หลังจากพวกเรากินมาม่าเป็นมื้อที่ 2 ของวันเสร็จ (มื้อแรกคือไข่ดาวฝีมือผม ซึ่งข้ามมันไปเถอะครับ) เตนล์ก็มานั่งบนเตียง เปิดไอแพดและโปรแกรมวาดรูปขึ้นมา

    "วันนี้จะวาดในนี้หรอ"

    ผมถาม ตอนที่ผมเดินไปหยิบกีตาร์มานั่งที่ปลายเตียงตรงข้ามกับเค้า

    "อือ อยากลองบลัชใหม่ เพิ่งโหลดแอพมาเมื่อคืนเลย"

    "วาดมาร์คปะ" 

    ผมถามเค้าก่อนจะเก๊กท่ากับกีตาร์ที่อยู่บนตักพร้อมยิ้มหล่อๆ ให้

    "น่าวาดตรงไหนฮึ ไปใส่เสื้อก่อนเถอะ ชอบจังนะถอดเสื้อเล่นกีตาร์เนี่ย"

    "ไม่เท่หรอครับ"

    เตนล์แลบลิ้นใส่ผมก่อนจะหันไปสนใจจอไอแพดที่อยู่ตรงหน้าต่อ 


    เวลาผ่านไปค่อนวันจนท้องผมร้องอีกครั้ง จะว่าไปเราต่างก็สนใจแต่สิ่งที่ตัวเองชอบทำจนลืมเวลาเหมือนกัน เตนล์เปลี่ยนท่านั่งไปหลายสิบท่า นั่งงมอยู่แต่กับจอที่ผมไม่รู้ว่าวาดอะไร ส่วนผมก็เสิร์ชหาเพลงใน spotify เพื่อลิสต์เพลงที่อยากจะเล่น บางทีก็นั่งแกะคอร์ดเองจากดนตรี ผมว่ามันสนุกกว่าเล่นตามคอร์ดเยอะเลย 

    "กินข้าวกันปะ"

    เตนล์ที่ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจเดินมาสะกิดผม ก่อนจะใช้หัวมากระแทกตรงไหล่

    "มื้อเย็นที่เตรียมไว้คือข้าวเวฟนะ"

    "อือ เค้ามีสลัดด้วย ปะ กินกัน"

    เตนล์เดินนำไปที่โซนครัวและหยิบจานใส่สลัด หยิบกล่องข้าวเข้าไมโครเวฟ ผมปล่อยให้เค้าทำไปเพลินๆ แล้วแอบเอื้อมแขนไปหยิบไอแพดมาปลดล็อค


    หน้าจอเด้งขึ้นมาเป็นแอพวาดรูปที่เตนล์ใช้งานเมื่อกี้ แต่ตอนนี้มีภาพร่างที่ลงสีแล้วครึ่งนึงของผู้ชายตัวไม่ใหญ่ไม่เล็กมากกับกีตาร์บนตัก มีลายมือเขียนไว้ขยุกขยิกกับลูกศรที่ชี้มาที่ส่วนบนลำตัวว่า 

    ใส่เสื้อให้ดีมั้ย? 

    โป๊ๆ

     ผมอดยิ้มไม่ได้ก่อนจะใช้ปากกาวาดรูปหัวใจไปแล้วตามด้วยเลข10 ก่อนจะกดล็อคไอแพด 

    "แน่ะ แอบดู"

    ผมเงยหน้าไปเห็นเตนล์ที่ยืนท้าวเอวอยู่ข้างเตียง

    "ชอบเค้าหรอ วาดเค้าเนี่ย" แกล้งจิ้มแขนนิ่มๆไปสองที แล้วยิ้มล้อคนที่ยืนเก๊กหน้านิ่งมองที่จอไอแพด

    แต่ผมคงรู้จักเค้าน้อยเกินไปหน่อย หรืออันที่จริงคงไม่ได้ตั้งตัวมากกว่า มือเล็กๆ จับบ่าผมแล้วก้มหน้าลงมาจุ้บลงที่ปากไวๆ

    "ไปกินข้าว"

    เตนล์ว่าไว้แบบนั้นก็รีบหันหลัง เดินสะบัดผมสั้นๆ กลับไปที่โต๊ะ

    เนี่ย

    มากกว่า 1 ครั้งต่อวันที่ผมอยากกดโทรศัพท์ไปถามแม่เตนล์มากเลยว่าเลี้ยงเตนล์มายังไงให้น่ารักขนาดนี้



    (๓)
    ข่าวจากทีวีบอกว่าวันนี้ฝนและลมเบาลงไปมากแล้ว คาดว่าพรุ่งนี้ท้องฟ้าจะกลับมาแจ่มใสตามปกติในหลายพื้นที่ วันนี้ผมกับเตนล์เปลี่ยนบรรยากาศมาเปิดทีวีและช่วยกันบิ้กคลีนนิ่งห้องหลังจากปล่อยมันรกมาหลายสัปดาห์ 

    "เธอ อันนี้ทิ้งปะ"

    เตนล์หยิบกองกระดาษอะไรสักอย่างที่ซุกไว้ข้างตู้ เต็มไปด้วยฝุ่นและหยากไย่ 

    "คืออะไรอะ"

    "อืมมม ชีทตอนปี 1 ที่เธอบอกจะเก็บไว้ให้รุ่นน้อง"

    "เก็บไว้ก่อนๆ"

    "เค งั้นไม่มีอะไรต้องทิ้งละ ตรงนี้เดี๋ยวเช็ดด้วยผ้าเปียก ผ้าแห้งเสร็จเค้าจะพักก่อนนะ"

    "คร้าบ"

    ผมยังคงหยิบกล่องนู่นกล่องนี่มาดูมาเช็ด มีทั้งกล่องเก็บอุปกรณ์วาดรูปที่แยกประเภทไว้อย่างดี บางอันเป็นอันที่เตนล์ใช้มาตั้งแต่มอปลาย บางกล่องนี่เก็บจนลืม จริงๆ เราทำความสะอาดครั้งใหญ่ หรือเก็บของเก็บห้องกันบ่อยมาก แต่อะไรที่ว่าจะทิ้งสุดท้ายก็ไม่เคยทิ้งเลย เพราะรู้สึกอยากจะเก็บมันกองไว้ให้ฝุ่นขึ้นไปเรื่อยๆ ดีกว่าไม่เห็นมันแล้ว 

    กล่องสีน้ำเงินใบในสุดที่ผมหยิบออกมาดูเหมือนจะฝุ่นเยอะกว่าอันอื่น ผมใช้ผ้าแห้งเช็ดรอบๆ ก่อนจะเปิดกล่องดู สิ่งแรกที่เตะตาผมเต็มๆ เลยคือการ์ดสีเหลืองที่หน้าปกเขียนด้วยปากกาเมจิกสีดำว่า 

    'Anniversary 2 years' 

    แล้วก็มีกระดาษปะติดเป็นตัว M กับตัว T ใหญ่ๆ 

    ผมหยิบขึ้นมาแล้วเปิดดูข้างใน เป็นภาพจากกล้องโพลารอยด์ของผมในชุดนักเรียนกับเตนล์ในชุดมหาลัย ผมยังจำวันนั้นได้ดีเพราะเป็นวันสอบวันสุดท้ายของผม และเตนล์ก็รีบมารอผมออกจากห้องสอบ คนตัวเล็กเดินหัวเปียกเพราะตากฝนมาหาผมที่ใต้ตึกพร้อมยื่นถุง adidas ที่ข้างในมีการ์ดอันนี้อยู่ ปีนั้นเตนล์ซื้อรองเท้าให้ผม พร้อมบอกเหตุผลว่า 

    'รองเท้าที่ดีจะพามาร์คไปในที่ที่ดี ที่มีเตนล์อยู่ด้วย'

    ผมแกะกล่องรองเท้าออกมา แล้วเตนล์ก็สะกิดผมให้ดูที่เท้าเค้า 

    โอเค รองเท้าคู่ 

    คิดว่าตัวเองน่ารักแล้วจะอ้อร้อยังไงก็ได้มั้ง 



    "ดูอะไรอยู่อะ"

    เตนล์ลงมานั่งขัดสมาธิข้างผมแล้วหยิบกล่องไปไว้บนตักตัวเอง

    "เนี่ย ตอนนั้นที่เธอตัวเปียกเป็นลูกหมาเพราะไปซื้อรองเท้ามาให้เค้าวันครบรอบ" 

    ผมยื่นการ์ดให้เค้าดูแล้วขยับตัวไปนั่งซ้อนหลัง ก่อนจะกอดเอวแล้ววางคางไว้บนไหล่ 

    "เห เค้าเคยทุ่มเทให้เธอขนาดนั้นเล้ย"

    คนตัวเล็กทำเสียงหลงตกใจแล้วหยิบการ์ดไปดูก่อนจะพลิกหน้าพลิกหลังแล้วค้นของต่อๆไปที่อยู่ในกล่อง 


    "อือ แต่ก่อนนะเตนล์ชอบบอกด้วยว่า dont love me too much แต่เตนล์ก็มาทำน่ารักแบบเนี้ยใส่"

    "เค้าเป็นคนแบบนั้นด้วยหรอ"

    "เธอจีบเค้าก่อนด้วยซ้ำ"

    "เออ 555555 หยุดล้อได้แล้ว"

    เตนล์ยังคงหยิบดูนั่นดูนี่ในกล่องไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นการ์ดในแต่ละวันสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นวันครบรอบ คริสมาสต์ ปีใหม่ วันเกิด หรือแม้กระดาษโพสอิทที่เขียนให้กำลังใจเล็กๆ น้อยๆ


    "เตนล์น่ารักมากจริงๆ นะเนี่ย"

    "งั้นก็รักเตนล์ให้มากๆ นะเจ้ามาร์ค"

    "i love you 3000 เลย"

    ผมกอดเค้าแน่นแล้วซบข้างแก้มลงกับไหล่เล็กๆ ที่ผมเฝ้าซบเฝ้าจูบมาหลายปี กลิ่นหอมๆ ของน้ำยาปรับผ้านุ่มยี่ห้อเดิม ตัวบางๆ เอวบางๆ ของคนคนเดิม ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีเตนล์ก็ยังเป็นความสบายใจของผมเสมอ เหมือนที่เตนล์บอกว่าผมก็เป็นความสบายใจของเค้าเหมือนกัน 


    พรุ่งนี้ฝนคงจะหยุดตก และเราก็จะได้ออกไปเรียน ไปทำธุระ ไปซื้อของอะไรอีกมากมาย 


    แต่สามวันที่อยู่แต่ในห้องนี่ผมโคตรจะมีความสุข เราสุขในแบบที่เป็นตัวของตัวเอง ใช้เวลาของตัวเองกับอีกคนข้างๆ เป็นความสบายใจที่หาไม่ได้จากที่ไหนและผมก็อยากจะทำให้มันเป็นแบบนี้ตลอดไป



    end. 

    #markten
    #markten
    #markten  


     








     


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in