เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ChinaWhy ?jamissue0
02 : ขอลาออกจากงาน
  • "พ่อ... ขอลาออกจากงานนะ"

    *ตัดมาเมื่อเกือบสองปีก่อน*
    ถึงฉันสนุกไปกับงานที่ได้เสาะหาความรู้ใหม่ๆจากเพื่อนร่วมงาน ประเดิมการทำงานภายใต้ความกดดันและเดทไลน์ การใช้ไหวพริบแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากความสุดวิสัยและความเลินเล่อของตัวเอง กลยุทธ์ในการพูดคุยสื่อสารกับลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ  การลำดับความคิดและการจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังของตัวงาน รวมไปถึงการพยายามหยิบหนังสือด้านการเงินขึ้นมาอ่านระหว่างเดินทางไปทำงานของฉัน แต่...เนื้อหาความรู้ที่ซึมซึบมามันยังไปไม่ถึงจุดที่ฉันตัองการ และนั่นล่ะ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการอยากเรียนต่อปริญญาโท

    ฉันเริ่มเปิดหาขัอมูลในเน็ต นั่งอ่านหลักสูตรคร่าวๆของแต่ละคณะที่ยังคงตีกันในหัวว่าจะเรียนอะไรดี ทั้งเศรษฐศาสตร์ บริหารธุรกิจ การจัดการ หรือการเงิน แล้วฉันก็ได้คำตอบคือ การเงิน จึงไปต่อด้วยการหารายละเอียดทั้งมหาวิทยาลัยชั้นนำในและต่างประเทศ เมื่อระดับเงินเฟ้อในปัจจุบันที่ค่อยๆเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทที่เป็นต่อประเทศอื่นๆ ค่าใช้จ่ายในการเรียนต่อในประเทศยอดฮิตอย่าง สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริก ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เยอรมัน ญี่ปุ่น หรือจะใกล้ๆอย่างสิงคโปร์ ก็แพงแบบหืดขึ้นคอเลยทีเดียว

    ฉันจึงไปไล่เปิดดูลิสมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับ1-200ของโลก จนมาพบว่าจีนติดอันดับอยู่หลายมหาวิทยาลัย และโซนคณะด้านธุรกิจค่อนข้างมีชื่อเสียงเพราะจีนเองก็เป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจด้านการค้า และแน่นอนค่าใช้จ่ายถูกกว่าที่อื่น ฉันจึงตัดสินใจเลือกเรียนต่อที่นี่

    ฉันจึงเริ่มค่อยๆหาเรียนพิเศษเพื่อสอบIELTS ในระหว่างช่วงที่งานเริ่มเข้าที่เข้าทาง ฉันต้องมีคะแนนอย่างนัอย 6.5 ถึงจะได้เรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีน ฉันเปลี่ยนที่เรียนไปๆมาๆ เนื่องจากเรียนภาคไทยมาตลอด สกิลด้านการเขียนจึงอ่อนมาก ซุ่มซ้อมอยู่พักนึง ทั้งก่อนเวลาเข้างาน มื้อกลางวันแยกตัวไปอ่านบ้างบางที และตอนเย็นหลังเลิกงาน จนกระทั่งตัดสินใจสอบในที่สุด ตื่นเต้นกับการลุ้นผลจนเบื่อ เพราะไม่ว่าจะขยันแค่ไหน สอบครั้งที่1 2หรือ3 ก็ยังได้6.0เท่าเดิม 

    ล่วงเลยมาปีกว่า เพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ที่เป็นพาร์ทเนอร์กันขอลาออกไปเรียนปริญญาตรีใบที่สองให้จบ ส่วนฉันก็ต้องทำงานอย่างเต็มตัว100% ตอนแรกฉันกลัว รู้สึกเคว้งไม่รู้จะลุยยังไงต่อไหว จนฉันก็ฮึดสู้และมองว่ามันคือโอกาสที่ดีที่ฉันจะได้พัฒนาตัวเองและเก็บเกี่ยวงานที่ฉันเคยได้ทำแค่ครั้งคราวอย่างเต็มตัว กลายเป็นว่าฉันกลับดึกขึ้น ทั้งเงื่อนไขของตัวงานและระบบการจราจรที่กำลังรื้อสะพาน ปิดถนนจะสร้างรถไฟฟ้า

    ทำให้ฉันขาดบาลานซ์ในการแบ่งเวลาฝึกทักษะภาษาอังกฤษไปอย่างหมดจด ฉันจึงมานั่งคิดจนตกผลึกว่าถ้าลาออกจากงาน ฉันจะตัองมีเวลาลุยกับไอเอลอย่างเต็มที่ และคงจะสอบได้คะแนนมากขึ้นแน่ๆ เมื่อฉันมั่นใจและร่างแพลนชีวิตไว้เรียบร้อยแล้วจึงไปขอพ่อ กล่อมอยู่นานด้วยเหตุผลร้อยแปดถึงจะยอม เย่! จากนั้นฉันต้องเก็บหอมรอมริบ งดเที่ยวเพื่อใช้เรียนพิเศษและจ่ายค่าสอบ 

    หลังจากที่ฉันตัดสินใจลาออกมาด้วยประสบการณ์1ปี8เดือน ฉันติวภาษาอังกฤษอยู่กับสถาบันเดือนนึง ฟิตและทุ่มเทเต็ม เพื่อจะให้บรรลุเป้าอย่างที่ตั้งใจไว้และให้คุ้มกับที่ลาออกมา แต่แล้วความขยันก็ไม่ตอบแทนฉัน เมื่อการสอบครัั้งที่4 และ5 ก็ยังได้คะแนนเท่าเดิม ฉันจึงร่างแพลนใหม่พร้อมทำใจยอมรับ เลือกมหาวิทยาลัยที่อันดับกลางๆแทน ฉันจึงเลือกมาได้สองที่ อันนึงอยู่ปักกิ่งเป็นมหาวิทยาลัยเฉพาะทางด้านธุรกิจและการค้าระหว่างประเทศ อีกที่อยู่เซี้ยงไฮ้เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านบริหารธุรกิจและการเงิน แต่...ต้องการคะแนนGMATเพิ่ม 

    เมื่อแพลนเดิมถูกปรับเปลี่ยน ฉันจึงเดินหน้าด้วยการเขียน SOP และให้อาจารย์กับหัวหน้าจากที่ทำงานเขียน Recommend Letter ให้ พ่อกับแม่ของฉันคงคิดว่ามันก็เอาจนได้ แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ฉันได้รับเมลตอบรับจากมหาวิทยาลัยที่ปักกิ่งเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว

    "และแน่นอน ฉันจะได้ออกจากกรอบและกฎระเบียบของครอบครัวไปไกลกว่าเดิมอีก"



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in