ในขณะที่มันดูจะตรงประเด็นเกี่ยวกับวิกฤตโคโรน่าอย่างน่าตกใจ เพลง 'Parasite Eve' จริงๆแล้วเริ่มมาตั้งแต่ปีที่แล้วในตอนที่โอลิเวอร์ได้อ่านเกี่ยวกับแมลงในประเทศญี่ปุ่นที่ได้กลายพันธุ์จนทนความร้อนอันเป็นเหตุจากการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ (climate change) เขาเอาชื่อมาจากเกมส์เก่าจากเพลย์สเตชั่นแล้วก็เริ่มอัดเพลงตั้งแต่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ก่อนที่จะเกิดการระบาดใหญ่ไปทั่วโลก

"มันแปลกมากเลยล่ะ" โอลิเวอร์ยอมรับ "เราได้ยินเกี่ยวกับการระบาดในประเทศจีน แต่ไม่นานความคล้ายกันกับสิ่งที่เรากำลังเขียนอยู่ก็เริ่มเข้าใกล้ความจริงขึ้นเรื่อยๆ ทุก ๆ ครั้งที่มีข่าวเกี่ยวกับมัน เราจะหันไปหากันและกันแล้วพูดว่า 'Parasite Eve' ไม่ได้นึกถึงผลกระทบของมันเลย"

"พวกเราหยุดการปล่อยเพลงนี้ไปพักหนึ่งเพราะมันรู้สึกว่ามันตรงกับความเป็นจริงมากไปและอาจจะไปเป็นการโจมตีคนอื่นได้ หลังจากนั่งพิจารณาสักพัก เราได้ตระหนักว่านี่เป็นเหตุผลที่เราควรจะปล่อยมันตอนนี้ยิ่งกว่าตอนไหน ๆ เสียอีก กับดนตรีของพวกเรา เรามักฟังเพราะอยากจะหลีกเลี่ยง หนีปัญหาไปตลอด ๆ แต่โลกเราตอนนี้มันมีการอยากหนีจากความเป็นจริง (escapism) และการเพิกเฉยต่อปัญหามากเกินไป นั่นไม่ใช่สิ่งที่โลกต้องการ โลกต้องการมากกว่านั้นและจำเป็นที่จะต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้และจำมันไว้ คุณไม่สามารถที่จะแค่บอกปัดมันไปและหวังให้ชีวิตกลับมาเป็นปกติ เพราะมันไม่ใช่ไง เราจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงในหลาย ๆ ด้าน นั่นล่ะคือสิ่งที่เพลงร็อคเป็น – การพูดถึงด้านมืด ด้านที่ไม่ดีและทำการเปลี่ยนแปลงมันซะ" 

โอลิเวอร์อธิบายต่อว่า "นี่มันเป็นช่วงเวลาที่เราทุกคนรู้ว่ามันจะมาในวันใดวันนึง แต่อาจจะไม่ใช่ในชั่วชีวิตของเรา เช่นกันกับการประท้วง Black Lives Matter ด้วย มันให้ความรู้สึกว่าเรากำลังมีพัฒนาการ มีความคืบหน้าและผู้คนเริ่มจะลุกขึ้นมาต่อต้านความอยุติธรรม แต่บางทีเราก็พอใจกับมันมากเกินไปเพราะว่าอะไรเหล่านี้ยังมีอยู่ มันถึงเวลาที่เราต้องหัวเสียกับมันแล้ว มันไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดว่า 'เดี๋ยวมันก็ผ่านไป' กับ 'ทุกอย่างจะโอเค' เพราะมันไม่มีทางจะโอเคนอกจากว่าเราจะทำอะไรสักอย่างกับมัน"

ในตอนที่ถามว่าเราสามารถคาดหวังอะไรได้บ้างจากจากส่วนแรกของโปรเจคท์ 'Post Human' โอลิเวอร์อธิบายว่ามันเป็นเหมือน "อัลบั้มที่ชักจูงคนกับเพลงปลุกใจของสงคราม"

"คุณเคยเห็นมั้ย ใน Lord Of The Ring ที่พวกเขาทั้งหมดร้องเพลงก่อนจะเข้าสู่การรบ ทั้งที่รู้ว่าอาจจะตายก็ได้แต่ก็ยังบากบั่นเข้าไปและเอากับมันสักตั้งมั้ย? พวกเราพยายามจะทำให้มันได้อารมณ์แบบนั้น" เขากล่าว "ในเพลงแรกนี้มันจะเกี่ยวกับความหวังและความโกรธและเสียงที่ให้ความรู้สึกราวกับการจลาจล พวกเรากำลังชักชวนให้ผู้คนมาร่วมหาทางออกกับเรา"

"มันเป็นการประท้วงที่จะดึงคุณเข้ามาและฉุดให้คุณลุกขึ้น มันเกรี้ยวกราดกว่าอะไรที่เราเคยทำมาในช่วงหลัง ๆ นี้มาก โลกไม่ต้องการเพลงป๊อปอบอุ่นหัวใจตอนนี้ – มันต้องการเพลงชาติ เพลงสดุดีแด่ความโกรธต่างหาก มันมีเรื่องที่น่าหัวเสียเต็มไปหมด"

หลังจากความสำเร็จจากอัลบั้มที่ได้รับการชื่นชมอย่างล้นหลามอย่าง 'amo' ในปี 2019 Bring Me The Horizon ในตอนนี้กำลังหาวิธีใหม่ ๆ ในการปล่อยเพลงที่ "ต่างจากขนบเดิม" กว่าการปล่อยเป็นอัลบั้มตามปกติ

"ผู้คนเสพดนตรีกันเร็วมากในยุคนี้ และมันเยี่ยมที่จะมีสิ่งใหม่ ๆ ให้คุณตั้งหน้าตั้งตาคอย" ไซค์สพูด "หลังจาก 'Parasite Eve' คุณจะได้ยินเพลงจากพวกเราบ่อยขึ้นมาก EPs เหล่านี้ไล่ตั้งแต่มีแค่ 6 เพลงไปจนถึง 10 เพราะงั้นถ้านั่นเป็นอัลบั้มมันก็คืออัลบั้ม ผมแค่คิดว่าเราไม่น่ากลับไปทำอัลบั้มเป็นปี ๆ โดยที่ไม่ทัวร์เลยเพื่อที่จะปล่อยมาและทุกคนก็ฟังมันจบในไม่กี่วัน"

เขาเสริมอีกว่า: "สิ่งที่ผมอยากจะทำก็คือเราจะปล่อยเพลงที่มาจากในอัลบั้มนี้เมื่อใดก็ตามที่มันตรงประเด็นในขณะนั้นและจะเกิดกระแสสะท้อนไปแทนที่จะมานั่งรอ ในตอนที่เหตุการณ์มันกระแทกใจผม สิ่งที่ผมได้ดีที่สุดก็คือการเขียนเพลงเกี่ยวกับมัน มันเป็นแค่แผนคร่าวๆ ถ้าเราอยากจะทำงานร่วมกับศิลปินอิเลคทรอนิกส์และจะปล่อยเพลงตอนไหนก็ตามที่อยาก เราก็จะทำ"

บทสัมภาษณ์โดย Andrew Trendell via NME

แปลโดย Bring Me The Horizon TH (@BMTH_TH)