เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[THORKI] Avenger Infinity War - Broken Heart -pareingk
[Shortfic] Thorki IW – Heart broken- Part 1
  • หลายคนอาจจะคิดว่า ข้าเป็นเทพแห่งความเจ้าเล่ห์และกลลวงไร้ซึ่งความรู้สึกผูกพันกับใคร ไม่เคยมีความรัก ห่วงหาต่อใคร เอาแต่ใจตนเอง

    ข้าคือ โลกิ เทพแห่งความเจ้าเล่ห์ กลลวงแห่งมายารัชทายาทแห่งแอสการ์ด

    ผู้ซึ่งเป็นที่เกลียดชังของเหล่าชาวมิดการ์ด.....

    ข้าไม่มีข้อแก้ตัวสิ่งที่ข้าทำในตอนนั้น พาพวกชิกทอรี่ถล่มโลกมนุษย์ ที่ข้าทำไป... ก็เพียงแค่พิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่า ข้าก็เป็นคนที่มีคุณสมบัติ

    “สิทธิของเจ้าคือตาย ท่ามกลางความหนาวเหน็บ”

    อา...ใช่ข้ามิใช่สายเลือด สิทธิโดยชอบธรรมของข้าก็มีแค่ความตายเท่านั้น

    แม้กระทั่งสิทธิ์ที่จะรัก....

    ข้าเก็บงำความรู้สึกเช่นนี้มาโดยตลอดในบางครั้งมันก็เกิดความรู้สึกเจ็บปวด ถูกบีบรัดภายในอกเวลาที่ต้องเห็นคนที่ข้ารัก อยู่กับคนอื่น....

    “มนุษย์เป็นที่สิ่งที่บอบบางพี่ข้า”

    ข้าเคยพร่ำบอกเขาถึงความไม่จีรังของมนุษย์แต่เขากลับดื้อดึงมั่นคงที่จะรักหญิงสาวมนุษย์ผู้นั้น

    “ข้ารักเจนนางไม่เหมือนใครที่ข้าเคยพบ”

    แล้วข้าคนที่ยืนเคียงข้างท่านมาทั้งชีวิต ท่านเคยหันมาสนใจข้าบ้างไหม ?

    หรือว่าทุกครั้งที่ท่านเห็นข้าตายไปทุกเสียงที่ตะโกนร้องเรียกชื่อข้า นั่นเป็นเพียงการสูญเสียเล็กๆน้อยๆ

    มันคงจะไม่เจ็บปวดเลยในเมื่อข้าไม่ใช่คนที่ท่านรัก ท่านพี่

     

     

    แผ่นหลังที่สูงใหญ่และกว้างผมสีบลอนด์ซึ่งเคยยาวส่องประกายแสงอาทิตย์ บัดนี้ถูกตาแก่ที่ไหนไม่รู้ในซาคาร์ตัดสั้นแถมยังมีรอยถากไปมาเหมือนรูปสายฟ้าเคราดกหนาสีเดียวกับผมล้อมใบหน้าเอาไว้ ลองนึกดูว่าได้ลูบกรอบหน้าของร่างสูงเบื้องหน้ามันคงจะรู้สึกดีไม่น้อย

    โลกิมองแผ่นหลังของผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายบุญธรรมพลางครุ่นคิดเรื่องอดีตที่ผ่านมา เขาตระหนักได้ว่าพี่ชายของเขาเติบโตมากกว่าที่เขาคิดซะด้วยซ้ำ

    จากชายนักรบผู้เลือดร้อนกลายมาเป็น....เอ่อ...ฮีโร่??

    แค่คิดก็ทำให้เขาต้องหลุดยิ้มขำออกมาเบาๆแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผู้ถูกแอบมองจากด้านหลังไม่ได้ยิน เพราะห้องนี้มันเงียบกริบมีเพียงแค่ชายหนุ่มเพียงสองคน

    “เจ้าขำอะไรโลกิ” ธอร์กอดอกหันกลับมามองหลังจากที่จนชมวิวด้านนอกจากหน้าต่างของยาน“หลังผมของข้ามีอะไรตลกงั้นรึ”

    ว่าเสร็จก็ยกมือขึ้นไปลูบหลังศีรษะตนเองที่ถูกจับตัดสั้นเกรียน

    “อา...ข้าคิดถึงผมของข้าเสียจริง”

    “ข้าว่าทรงนี้ก็เหมาะกับท่าน”โลกิกล่าวแล้วเดินมายืนข้างกายผู้เป็นพี่ชาย มองออกไปยังนอกหน้าต่างที่แสนมืดมิด

    “แปลกใจนะที่เจ้าชม”

    “มากไปงั้นรึ”

    “ไม่ๆข้าดีใจต่างหาก หลังจากผ่านเรื่องมามากข้าไม่คิดว่าเราทั้งคู่จะมายืนอยู่ในจุดเดียวกันเสียด้วยซ้ำ” ธอร์กล่าวพร้อมรอยยิ้ม

    “ข้าเคยบอกไปแล้วว่าโอดินทำให้เราสองคนมาพบกัน”

    “และความตายของเขาควรจะพรากเราจากกันใช่ ข้าจำได้ แต่เจ้าก็ยังอยู่ตรงนี้กับข้า น้องชาย” ธอร์ตบบ่าโลกิหนักๆ

    ที่พูดไปนั่นข้าก็แค่...คิดจะหนีเท่านั้นการตายของโอดินควรทำให้เขาหลุดจากความรู้สึกบ้าๆกลางอกนี้  แต่มันกลับต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง พอคิดจะหนีสุดท้ายก็ถูกนำพาให้มาเจอกัน โชคชะตาช่างเล่นตลกกับข้าเสมอ

    “หลังจากนี้คงมีเรื่องต้องทำอีกมากรวมถึงการไปเยือนโลก”

    “ถามจริงคิดดีแล้วเหรอที่พาข้ากลับไปที่นั่น” โลกิเอียงคอถาม เผื่อว่าอีกคนอาจลืมไปแล้วก็ได้ว่าน้องชายของเขาได้ทำอะไรไว้กับโลกบ้าง

    ธอร์หัวเราะ“ชาวมิดการ์ดรักข้า และแน่นอนสักวันก็ต้องเข้าใจเจ้าแน่”

    ความมั่นใจของราชาแห่งแอสการ์ดดูเหมือนจะไม่สามารถทำให้อนุชาวางใจเลยสักนิดแต่นี่ก็เป็นจุดนึงที่โลกิชอบในตัวธอร์ แม้ว่าสถานการณ์จะย่ำแย่เพียงใดอีกฝ่ายมักจะยิ้มออกมาเสมอ

    แล้วแบบนี้ข้าจะปล่อยให้ท่านอยู่เพียงลำพังได้เช่นไร

    “ข้าจะลองเชื่อท่านดูก็แล้วกันถ้าโลกขับไล่ข้า ถึงตอนนั้นเราทั้งคู่คงต้องลากันจริงๆ” เขากล่าวตามความเป็นจริง

    “ข้าไม่ยอมให้เจ้าไปไหนอีกแน่นอนโลกิ” ธอร์ว่า “ข้าสูญเสียหลายสิ่งไปมากมายถ้าเจ้าจากไปอีกคน ข้าคงจะ...”

    “ได้โปรด อย่าคิดเช่นนั้น” โลกิรีบตอบไปทันที ทั้งคู่หันมาและสบตา

    จริงสิ ตอนนี้ธอร์เหมือนโอดิน บิดาของเราไม่ผิดเพี้ยน.....

    “เจ้าคงไม่เป็นอย่างที่ข้าคิดอีก ใช่ไหม...”

    นี่เป็นครั้งแรกที่โลกิรู้สึกอึดอัดกับการสนทนาครั้งนี้ ทั้งๆที่มันเป็นการพูดคุยเหมือนอย่างทุกทีมันทำให้เขารู้สึกว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่มันหนักอึ้งกว่าเดิม

    สิ่งที่นำมันมาหลังแอสการ์ดถูกทำลาย

    โลกิยกยิ้มแล้วมองตาที่เหลือข้างเดียวของพี่ชาย  “แน่นอน ท่านพี่”

     

     

    ไม่ว่ายังไงเทพจอมโกหก ก็ยังเป็นเช่นนั้น ....

    “วัลคีรี!! พาทุกคนที่เหลือขึ้นยานแล้วหนีไปซะ!!!

    “แล้วฝ่าบาทล่ะ!!” วัลคิรีสาวหันมาถามขณะที่พาชาวแอสการ์ดบนยานที่กำลังถูกโจมตีออกไปจากยาน

    เมื่อไม่กี่นาทีก่อน ยานปริศนาลำยักษ์โผล่มาตรงหน้ายานของพวกเขาพร้อมกับโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว ธอร์ไม่รู้ว่าเป็นใคร และต้องการสิ่งใดแต่เขารู้เพียงแค่ว่า เขาไม่อาจสู้ได้แน่ถ้ายังมีชาวแอสการ์ดอยู่ให้ปกป้อง

    “ข้าจะอยู่เพื่อถ่วงเวลาให้พวกเจ้าหนี ไปซะ” ธอร์ตะโกนไล่

    ทำไมถึงมียานมาโจมตีพวกเราธอร์ตั้งคำถามในใจขณะที่ต้อนชาวเมืองให้ออกไปจากระยะที่ถูกโจมตี  เขาเห็นฮัลค์กำลังป้องกันโจมตีปกป้องชาวเมืองเห็นฮามดัลพาผู้คนไปที่ปลอดภัย

    โลกิ หายไปไหนกัน?

    ยามคับขันเช่นนี้ เจ้าหายไปไหน

     

    คนที่ถูกถามถึงนั้น อยู่ห่างจากตรงที่ธอร์อยู่ไม่ไกลนักโลกิพยายามไม่ให้ธอร์สังเกต เขาจำต้องเช่นนั้นหลังได้เห็นยานผู้มาเยือนเขารู้ว่าพวกนั้นต้องการสิ่งใด เขาต้องจัดการเรื่องนี้ก่อนจะสาย เขามีแผน

     

    “ดูนั่นสิใครกัน” เสียงปริศนาที่ฟังดูมีอำนาจเหลือล้นเอ่ยขึ้น เบื้องหน้าโลกิเงาชายร่างใหญ่มหึมาประทับกายของโลกิสูงใหญ่ บดบังแสงจากด้านหลัง

    “เหมือนจะเป็นใครคนหนึ่งที่ซึ่งยืมของของข้าไปแล้วไม่ได้กลับมาคืน เจ้าใช่คนที่ยืมมณีของข้าไปใช่หรือไม่”

    ร่างสูงใหญ่ปริศนาถามอีกครั้งโลกิได้แต่ยืนนิ่งเงียบ

    ธานอส....

    “ก็แบบว่ามีเหตุสุดวิสัยนิดหน่อยที่ข้าไม่ได้นำกลับมาคืนท่านข้าแต่นายเหนือหัว” โลกิกล่าวน้ำเสียงกลบความสั่นกลัวเอาไว้

    “เจ้าคนปลิ้นปล้อน”อีโบนี มอว์ ผู้ติดตามของธานอสเดินออกมาจากด้านหลังผู้เป็นพ่อแล้วกล่าวหยามเกียรติโลกิ

    เทพแห่งการโกหกอยากจะเอามีดเสียบเจ้าคนที่หยามเขาเช่นนี้เสียจริงแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากต้องให้อีกฝ่ายไว้ใจเขาเสียก่อน

    “นำความล้มเหลวกลับมาแล้วยังจะมีหน้ามาขอความเมตตาจากท่านผู้ยิ่งใหญ่อีก”

    โลกิก้มหน้าไม่เถียงแต่อย่างใด  ทันใดนั้นเองเจ้าคนที่เขาไม่อยากให้มายุ่งก็โผล่เข้ามา

    “โลกิ!!

    เทพเจ้าสายฟ้าพุ่งข้ามหัวผู้เป็นน้องชายพร้อมกับเรียกสายฟ้าลูกยักษ์โจมตีฝ่ายตรงข้ามพลันชายร่างบึกบึนพุ่งเข้าหาธานอส ที่ร่างใหญ่กว่านักเพราะเป็นชาวไททันก็ถูกแรงแขนซัดกระเด็นไปพริบตา

    เจ้าพี่โง่พุ่งเข้าไปโดยไม่ตระหนักเสีย โลกิด่าในใจเขารู้ดีว่าธานอสแกร่งกว่าเทพอย่างชาวแอสการ์ดยังไง

    “โอ้ นี่นะเหรอพี่ชายของเจ้า โลกิ” ธานอสเอ่ย“ได้ยินมาว่าเจ้าร่วมปกป้องโลกเอาไว้จากกองทัพชิกทอรี่”

    “ข้าไม่มีธุระอันใดต้องพูดกับเจ้า”ธอร์ลุกขึ้นถ่มเลือดออกจากปาก “ออกไปจากยานของข้าซะ”

    โลกิส่ายหน้าเชิงบอกอีกฝ่ายมันเป็นไปไม่ได้แน่ๆ เขาไม่สามารถเอ่ยคำใดออกมาได้ยืนมองดูธอร์ต่อสู้กับธานอสกันโดยที่ตนเองถูกสมุนที่เหลือยืนจ่ออาวุธอยู่

    ทำเช่นไรก็ไม่สามารถ...

    “สิ่งที่ข้าต้องการอยู่ที่ไหน ชาวแอสการ์ด” ธานอสเอ่ยถามหลังจากล้มธอร์ลงได้และจับหัวของธอร์ลากมาตรงหน้าโลกิด้วยมือเดียว

    “เทสเซอแรคหรือหัวของพี่ชายเจ้า ข้าให้เจ้าเลือก”

    ไม่ดีแน่...

    “โอ้ เอาสิ”โลกิเอ่ยดวงตาช้อนขึ้นมองชายร่างยักษ์ “...ฆ่าเลย”

    ทันทีที่เขาเอ่ยเช่นนั้นธานอสก็ใช้มณีที่อยู่บนถุงมือจี้ไปที่ขมับของธอร์แสงสีม่วงประกายเจิดจ้าพร้อมกับเสียงที่เสียงเข้าไปยังหัวของธอร์

    “อ้ากกกก!!!!

    ราวกับมีสว่านเจาะเข้ามาที่หัวเสียดแทงจนหูอื้อไปหมดธอร์ร้องออกมาสุดเสียง พยายามดิ้นให้หลุดจากมือยักษ์ เขาไม่เคยคิดว่าจะต้องมาตายตรงนี้ และไม่ยอมจบลงตรงนี้เป็นแน่

    ถึงแม้ว่าธอร์จะเจ็บปวดเพียงใดกับการทรมานโลกิก็ยังนิ่งเฉย เขามองพี่ชายตนไร้สีหน้าอารมณ์ใดๆ

    ....มีเพียงแสงสะท้อนในดวงตาสีเขียวที่เด่นชัดเจน

    “เอาล่ะพอได้แล้ว!” ท้ายที่สุดเทพแห่งกลลวงก็ไม่อาจทนเสียงร้องทรมานของพี่ชาย เขาร้องขอให้อีกฝ่ายหยุดทันทีมือทั้งสองกำหมัดแน่นจนสั่นไม่รู้ตัว

    “พวกเราไม่มี...เทสเซอแรค”ธอร์เอ่ยหลังจากที่หลุดจากความทรมาน “มันถูกทำลายไป...พร้อมกับแอสการ์ดแล้ว”

    และนี่เป็นครั้งที่โลกิทำลายความเชื่อใจของธอร์

    “เจ้ามัน...เป็นน้องที่เลวที่สุดโลกิ” ธอร์สบถอย่างสิ้นหวัง เมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏในมือของน้องชาย

    “ข้ารับรองได้พี่ชาย ดวงตะวันจะกลับมาฉายแสงให้พวกเราอีกครั้ง”โลกิกล่าวพร้อมกับก้าวเข้าไปหาและมอบสิ่งที่ถูกต่อรองอย่างจำนน

    และธอร์ก็ได้เห็น...หยาดน้ำตาเล็กๆที่เอ่อล้นทับตาสีเขียวของน้องชาย

    โลกิ นี่เจ้า...

    “เจ้าคิดผิดแล้วชาวแอสการ์ด”

    “อ่อ ผิดแล้วข้าไม่ใช่ชาวแอสการ์ด” โลกิเงยหน้ามองก่อนยิ้มมุมปาก “และเราก็มีฮัคส์”

    ร่างสีเขียวที่แสนเกรี้ยวกราดพุ่งเข้าใส่ธานอสอย่างรวดเร็วจนทั้งคู่กระเด็นไปอีกทางขณะเดียวกันโลกิก็รีบคว้าร่างของธอร์หลบออกไปให้ห่างจากสนามรบ

    ธอร์อ่อนแรงมาก

    “เจ้ามัน....เป็นน้องที่เฮงซวยที่สุด”ธอร์ว่าแต่ยังยึดแขนน้องชายเอาไว้

    “ข้ารู้ พี่ชายแต่นี่เป็นทางเดียวที่เราทั้งคู่จะรอด”

    “รอด?นี่เจ้าคิดจะทำอะไร”

    ตาสีฟ้าข้างเดียวของธอร์จ้องลึกลงไปยังดวงตาคู่สีเขียวหลายปีที่อยู่ด้วยกันมา เขาอาจไม่รู้ว่าน้องชายต่างสายเลือดคิดการใดแต่หลังจากที่สูญเสียโลกิไปถึงสองครั้ง เขาตระหนักได้ถึงสิ่งที่จะเกิด

    “โลกิ ข้าขอล่ะเจ้าอย่าทำเช่นนั้น มันอันตรายเกินไป”

    “ข้าไม่ใช่ฮีโร่อย่างท่านนะ ธอร์ ข้าเป็นวายร้าย เป็นวายร้ายก็มีวิธีของวายร้าย”

    “แต่เจ้าเป็นน้องข้า!!

    เมื่อธอร์ย้ำสถานะนั้นโลกิก็ได้แต่ยิ้มเศร้า “สิ่งที่ข้าทำ ก็เพื่อปกป้องท่านทั้งหมดนี้ให้ข้าเป็นวายร้าย ข้าก็ยอม”

    มือหนาที่กำแขนเสื้อของโลกิถูกดึงออกธอร์ยังคงมองใบหน้าของอีกฝ่าย เขาไม่อยากสูญเสียอะไรไปอีก

    “ข้ารักท่านเหนือกว่าสิ่งอื่นใด ท่านพี่”

    ร่างของผู้เป็นน้องชายตรงหน้ากลายเป็นมายา  ธอร์รีบลุกขึ้น รีบเข้าไปจัดการศัตรูก่อนที่น้องชายโง่จะทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง

    ฮัคล์สลบไปแล้วก็เหลือเพียงแต่ธอร์ที่จะจัดการ

    แต่สุดท้ายก็ถูกซัดหมอบไม่เป็นท่าแถมยังถูกตรึงแขนขาเอาไว้ไม่ให้ขยับไปไหนธอร์จำต้องมองเห็นเพื่อนรักอย่างฮัมดัลล์ถูกเสียบทะลุหัวใจ โดยที่ทำอะไรไม่ได้

    อย่าออกมา....โลกิ อย่าได้ ออกมา...

    ธอร์พยายามขืนกายทั้งหมดแต่ก็ไม่สามารถขยับได้มันเป็นความทรมานที่เจ็บปวดเหลือเกิน

    ให้มันได้มณีไปแล้วไปซะ... ไปซะตอนนี้

    “มณีอีกสองชิ้นอยู่บนโลกไปเอามาให้พ่อที่ดาวไททัน”

    “พวกข้าจะไม่ทำให้ท่านพ่อผิดหวัง”พร๊อกซิม่า มิดไนท์โค้งคำนับ ก่อนจะหันหลังเตรียมตัวออกเดินทาง  ทว่า...

    สิ่งที่ธอร์ภาวนาไม่ให้เกิดขึ้นมันก็เกิด...

    “เดี๋ยวก่อนถ้าข้าไม่ได้เข้ามาขัดจังหวะ ถ้าพวกท่านจะไปที่โลก ก็ควรมีไกด์ อย่างข้าซึ่ง...มีประสบการณ์นิดหน่อยที่นั่น”

    ธอร์ร้องเสียงอู้อี้จากเครื่องพันธนาการตนเขาดิ้นไม่หยุด มองที่โลกิ

    “ประสบการณ์แห่งความล้มเหลวของเจ้างั้นรึ”ธานอสหันมาเย้ยหยัน

    “ใช่ ข้ามี โอ้ท่านธานอส ข้า โลกิ เจ้าชายแห่งแอสการ์ด”ชั่วขณะนึงเขามองไปยังธอร์ที่ไม่ได้ละสายตาจากเขา “บุตรแห่งโอดิน”

    “....”

    “ว่าที่กษัตริย์แห่งโยธันไฮร์มเทพแห่งกลลวง”

    ในมือของโลกิมีดเล่มสั้นโผล่ออกมา ธอร์เห็นแล้ว เขายิ่งดิ้นมากขึ้น

    โลกิหยุดทำเรื่องบ้าๆเดี๋ยวนี้!!!

    “ข้าสัญญาข้าจะจงรักภักดีต่อท่าน—“

    ธานอสยิ้มมองปลายมีดที่จ่อบนคอตน“จงรักภักดีงั้นเหรอ?”

    มีดในมือของโลกิถูกพลังของถุงมือยับยั้งเอาไว้เขาไม่สามารถขยับได้ดั่งใจ

    “บางทีเจ้าควรเลือกคำพูดให้ถูกเสียหน่อยนะเทพตัวน้อย”

    เคร้ง

    มือใหญ่ค่อยเคลื่อนมากำรอบคอบางของโลกิโดยที่เขาไม่อาจขัดขืนได้

    “อ่อก..”

    ธอร์เห็นเช่นนั้นก็ยิ่งดิ้นจากห่วงโซ่ที่รัดตรึงเขาอยู่เขากำลังมองดูน้องชายถูกดึงวิญญาณออกไปโดยละสายตาไม่ได้

    ...ปล่อยน้องข้าเจ้ายักษ์โสมม แล้วมาสู้กับข้า...

    ภายในใจเขากรีดร้องเหลือเกิน

    ร่างของโลกิดิ้นไม่หยุดทันใดนั้นเองมันก็เงียบสนิท

    เพียงชั่วอึดใจที่ธอร์หวังว่านี่เป็นกลลวง

    “ไม่มีฟื้นคืนอีก”ธานอสกล่าว

    ร่างของโลกิร่วงหล่นตรงหน้าธอร์ใบหน้าด้านข้างที่ธอร์เห็นขาวซีด ดวงตาเบิกกว้าง

    หลังจากที่ธอร์สูญเสียหลายสิ่งมามากในตอนนี้เขาได้เสีย ...สิ่งที่เป็นดั่งหัวใจที่รักของเขา

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in