เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Fictober2019pampamgirl
Day 23 : Three สาม...คำ...จารึก


  • “พี่ฉาม~”


    ตะวันคล้อยต่ำใกล้ลับขอบฟ้า… เสียงสดใสที่เรียกนามทำให้หลี่เจียนหงที่กำลังจะเปิดประตูก้าวเท้าเข้าตำหนักหยุดชะงัก วันนี้เขาออกไปฝึกซ้อมเกาทัณฑ์ตั้งแต่รุ่งสาง ก่อนจะออกไปยังเห็นเจ้าสี่นอนหลับอุตุจึงไม่ทันได้ปลุกหรือร่ำลา


    “พี่ฉาม~”


    เสียงเล็กๆ เรียกย้ำอีกครา หลี่เจียนหงปิดประตูตำหนัก หันกายออกเดินไปทางน้องชายตัวน้อยที่มือเล็กๆ ข้างหนึ่งถือพู่กัน อีกข้างหนึ่งโบกกระดาษขาวไปมา ใบหน้าสดใส ส่งยิ้มร่าวิ่งเข้ามาหาเขา


    “เจ้าสี่…”


    หลี่เจียนหงแย้มยิ้ม ค้อมกายพลางยื่นแขนออกไปหาน้องชายที่โถมตัวเข้าหา จากนั้นอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นกอดไว้ในอ้อมแขน มืออีกข้างลูบศีรษะกลมเล็กอย่างเบามือ


    “วิ่งเร็วเช่นนี้ ไม่กลัวหกล้มหรือ” 


    หลี่เจียนหงถามน้องชายตนเองที่เพิ่งอายุย่างเข้าสามขวบ ในใจนึกถึงเมื่อปีก่อนที่เจ้าตัวเล็กยังเดินไม่ค่อยแข็ง… มาปีนี้ขึ้นขวบปีที่สาม กลับวิ่งได้เร็วอย่างกับพายุ อาชาหมื่นลี้ยังเทียบเทียมมิได้เลย…


    เสียงหัวเราะดังขึ้นเบาๆ ในลำคอของหลี่เจียนหง... 


    หลี่เยี่ยนชิวยิงฟันยิ้มจนตาปิด ร่างเล็กจ้อยดิ้นไปดิ้นมาอย่างร่าเริงในอ้อมแขนพี่ชาย ส่ายหน้าพลางตอบว่า “วรยุทธ์!”


    ครานี้หลี่เจียนหงหัวเราะอย่างเปิดเผย ส่ายหน้าพลางเพิ่มแรงมือขยี้ผมเจ้าตัวแสบไปอีกคราหนึ่ง “ข้ายังมิได้สอน เจ้าจะมีวรยุทธ์ได้อย่างไร”


    “ต้องเรียนก่อนหรือ…” หลี่เยี่ยนชิวเงยหน้า ทำตาแป๋วมองพี่ชายที่พยักหน้าตอบ พลางนึกถึงเรื่องเรียนขึ้นมาได้ มือเล็กจึงยื่นกระดาษขาวขอบยับยู่ ที่มีหมึกสีดำขีดเขียนอักษรโย้เย้ไปให้หลี่เจียนหงดู


    “พี่ฉาม~ เยี่ยนชิวเขียน~”


    “พี่สามไม่อยู่แค่ครึ่งวัน เจ้าเขียนอักษรได้แล้วหรือ”


    “อื้อ!” เด็กน้อยพยักหน้าจนหน้าผากชนแผ่นอกที่อุ้มตนเองอยู่ ก่อนจะพึมพำตัดพ้อ พร้อมโขกหน้าผากลงไปอีกหลายครั้ง “พี่ฉามไปนาน…”


    หัวใจหลี่เจียนหงแทบละลายเมื่อน้องชายคนเดียวออดอ้อนเสียงอ่อน มือใหญ่ยกขึ้นแตะหน้าผากเจ้าตัวเล็ก ป้องกันไม่ให้บาดเจ็บหากหัวกระแทกแรงเกินไป จากนั้นจึงฉวยอักษรพู่กันยึกยือบนกระดาษยับย่นมาพลิกดู


    “เจ้าเขียนเลข?”


    เจ้าตัวน้อยพยักหน้า


    “มีตัวเดียวหรือ…”


    หลี่เยี่ยนชิวตัวน้อยพยักหน้าอีก…


    “เจ้าลืมเลขหนึ่งและสองไว้กับราชครูหรือ” 


    คราวนี้ใบหน้าเล็กๆ ส่ายไปมาหลายครั้ง


    “เขาควรเริ่มสอนเจ้าเขียนเลขหนึ่งก่อนมิใช่หรือ… เหตุใดบทเรียนวันนี้จึงมีแค่เลข ‘สาม‘ เพียงตัวเดียวเล่า”


    เมื่อน้องชายตัวเล็กเอาแต่เม้มปากอมยิ้ม หลี่เจียนหงจึงหรี่ตา ย่นจมูกแสร้งทำเป็นหลอกล่อเพื่อคาดคั้นเอาความ “หากไม่บอก… ต่อไปพี่สามจะไม่สอนเพลงกระบี่เจ้า”


    หลี่เยี่ยนชิวอ้าปากร้อง “อ๊า~ เยี่ยนชิวบอกแล้วๆ” พลางโบกไม้โบกมือพัลวัน แก้มกลมๆ ขึ้นสีแดงเรื่อเมื่อเจ้าตัวหัวเราะอย่างเขินอาย ก่อนพึมพำตอบ


    “เยี่ยนชิวอยากคัดอักษร ‘สาม‘ ก่อนตัวอื่น… จากนั้นเขียนคำว่า ‘พี่’ จากนั้น… จากนั้น… แขวนผนังเอาไว้ดูยามท่านไม่อยู่”


    หลี่เจียนหงตะลึงงันกับคำตอบของน้องชาย ในใจคิดว่า ในตำรามีถึงพันอักษร ตัวแรกที่เจ้าเลือกเขียนกลับเป็นคำเรียกชื่อข้า… 


    ใบหน้าคมคายอ่อนโยนลงถึงสามส่วน รอยยิ้มที่มอบให้หลี่เยี่ยนชิวนั้นอบอุ่นอย่างยิ่ง


    “เจ้าสี่… วันนี้พี่สามจะสอนอักษรอีกสามตัวให้เจ้า”


    “ตัวใดหรือ”


    “หลี่ เยี่ยน ชิว… ดีหรือไม่”


    เด็กน้อยส่ายหน้าหวือ ร้องตอบว่า “ไม่ดี!”


    “เช่นนั้นให้พี่สามสอนคัดอักษรตัวใด… เจ้าเลือก”


    “หลี่ เจียน หง” เด็กน้อยแย้มยิ้ม เอ่ยย้ำอีกครั้ง "เยี่ยนชิวอยากคัด 'หลี่เจียนหง' มากกว่า"


    เจ้าของนามหัวเราะพลางส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ น้ำเสียงทุ้มถ่ายทอดอย่างนุ่มนวลยิ่ง แววตาที่จ้องมองน้องชายยิ่งมายิ่งเปี่ยมล้นด้วยความเอ็นดู


    “เช่นนั้นก็ได้…”



    .



    .



    .



    “เยี่ยนเอ๋อร์…”


    เจ้าตัวน้อยหูผึ่งเมื่อหลี่เยี่ยนชิวเรียกชื่อตน ขาป้อมพาร่างเล็กกระโดดผลุงลงจากตั่ง วิ่งปราดเดียวถึงข้างกายจักรพรรดิ


    “ท่านลุงเรียกเยี่ยนเอ๋อร์”


    “ใช่แล้ว..” หลี่เยี่ยนชิวเชิดมุมปากแย้มสรวลบางเบา ตรัสถามสืบต่อ “เจ้าเคยคัดอักษรหรือไม่”


    เด็กน้อยส่ายหน้า


    “เช่นนั้น… วันนี้ข้าจะสอนเจ้าเขียนอักษรสองตัว… เป็นชื่อเจ้า”


    เยี่ยนเอ๋อร์มีสีหน้าลังเล เม้มปากชะงักงันอยู่ครู่หนึ่ง กระทั่งหลี่เยี่ยนชิวสังเกตเห็นว่ามีสิ่งปกติ จึงตรัสถามขึ้นอีกครั้งว่า


    “อันใด”


    “ท่านลุง…” มือน้อยของเยี่ยนเอ๋อร์ดึงชายแขนเสื้อฉลองพระองค์เบาๆ พลางเอ่ยขอร้องอย่างขวยเขิน “สามตัวได้หรือไม่ขอรับ…”


    “อักษรสามตัว?”


    เยี่ยนเอ๋อร์พยักหน้าช้าๆ


    “ชื่อเจ้าใช้อักษรเพียงสอง… เหตุใดจึงเป็นสาม” หลี่เยี่ยนชิวเลิกขนง อุ้มเด็กน้อยขึ้นนั่งบนตัก พลางค้อมกายจับจ้องใบหน้าเล็กๆ ส่งคำถามสืบต่อ “เจ้าอยากให้ข้าสอนคัดอักษรตัวใดบ้าง”


    นัยน์ตากลมโตแวววาวช้อนมองบุรุษเหนือแผ่นดิน… แต่ไหนแต่ไรมา… ในดวงตาของเยี่ยนเอ๋อร์มักสะท้อนเพียงภาพเด็กน้อยผู้หนึ่ง… แม้ในห้วงฝันหรือยามตื่น… ในความทรงจำก็มีเพียงบุคคลผู้นี้มาตลอดตั้งแต่พบพานกันครั้งแรกใต้พายุใบเฟิงในวันนั้น…


    จนกระทั่งวันนี้… เมื่อสวรรค์เปิดโอกาสให้เขาได้พบเจอเด็กน้อยผู้นั้นในยามเติบใหญ่เป็นเอกบุรุษปกครองเหนือใต้หล้า… หัวใจของเยี่ยนเอ๋อร์ก็ยังคงมีเพียงคำตอบเดิม… อักษรสามตัว… ที่จารึกอยู่บนหัวใจดวงน้อยเรื่อยมา… ตั้งแต่วันนั้น วันที่พบหน้าองค์ชายสี่…


    สามคำจารึกในใจข้าเสมอมา… และตลอดไปคือสามคำนี้...


    “หลี่ เยี่ยน ชิว”




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Pderingring (@Pderingring)
องค์ชายสี่วัยเยาว์น่ารักจริงๆ เด็กน้อยติดพี่
ในขณะที่พี่สามก็ใจดีและอ่อนโยนกับเจ้าสี่มากจริงๆ
อ่านแบบนี้แล้วคิดถึงความสัมพันธ์ที่น่ารักของพี่น้องคู่นี้มากจริงๆ ค่ะ

องค์ชายสี่มีสามตัวอักษรในใจ เยี่ยนเอ๋อร์ก็มีด้วยเช่นกัน
ไม่ว่าใครๆ ต่างก็ได้รับความรักด้วยกันทั้งนั้น ดีจังเลยค่ะะะะะ