เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First StoryDaffodil
รีวิวการฝึกงานสถานทูตไทย ณ กรุงกัวลาร์ลัมเปอร์
  • เชื่อว่าช่วงนี้เพื่อน ๆ นิสิตนักศึกษาหลาย ๆ คนกำลังหาที่ฝึกงานกันอยู่ บางคนก็รู้แล้วว่าอยากฝึกที่ไหน แต่ก็ยังมีอีกหลาย ๆ คนที่ก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบหรืออยากฝึกงานเกี่ยวกับอะไร ในฐานะที่เราเคยมีประสบการณ์การฝึกงานมาแล้ว วันนี้จึงอยากมาแชร์ไว้เพื่อเป็นแนวทางให้กับทุก ๆ คนที่เข้ามาอ่านกัน ทั้งคนที่อยากไปฝึกงานที่เดียวกันกับเรา หรือคนที่ยังไม่รู้ว่าจะไปฝึกที่ไหน ก็ลองอ่านไว้เพื่อเป็นข้อมูลหรือเพื่อความบันเทิงก็ได้นะคะ

    ก่อนที่จะเริ่ม ขอแนะนำตัวก่อน สวัสดีค่ะ เราขอแทนตัวเองว่า C เราเป็นนิิสิตคณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคเหนือตอนล่าง  และตามชื่อบล็อกเลยค่ะ เรามีโอกาสได้ไปฝึกงานที่สถานทูตไทย ณ กรุงกัวลาร์ลัมเปอร์ หรือ Royal Thai Embassy, Kuala Lumpur ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เราฝึกงานและได้ใช้ชีวิตต่างประเทศคนเดียวเป็นระยะเวลา 4 เดือน บล็อกนี้เราเลยจะมาแชร์ว่าเหตุผลอะไรเราถึงเลือกไปฝึกงานที่นี่ แชร์ตั้งแต่การสมัคร การเตรียมตัว การขอวีซ่า ตลอดจนการทำงานเลยค่ะ

    เริ่มแรกเลย ด้วยความที่เราเรียนเอกภาษาอังกฤษ เราจึงมีความตั้งใจว่าอยากลองไปฝึกงานต่างประเทศดู บวกกับเราชอบงานที่อาจจะมีความเป็น academic หน่อย ๆ จึงอยากลองไปฝึกงานกับกับหน่วยงานใหญ่ ๆ ดู ซึ่งสถานทูตก็เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่เราอยากฝึกงานด้วยตั้งแต่แรก ๆ เลย ครอบครัวก็เห็นด้วย เราจึงเลือกไปฝึกที่สถานทูตฯค่ะ และเหตุผลที่ว่าทำไมต้องเป็นประเทศมาเลเซีย ส่วนตัวเราคิดว่ามาเลเซียเป็นประเทศที่มีการใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง ดังนั้นเราได้ฝึกภาษาแน่นอน และสถานทูตไทยในประเทศมาเลเซียก็เปิดรับสมัคร intern ตรงกับช่วงที่เราต้องไปฝึกงานด้วยพอดี และอีกหนึ่งเหตุผลที่สำคัญมาก ๆ เลยก็คือ ค่าใช้จ่ายค่ะ สำหรับเรา เราว่าไม่แพงมากเมื่อเทียบกับประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษหลัก ๆ ประเทศอื่น เราก็เลยตัดสินใจยื่นสมัครไป

    การไปฝึกงานที่สถานทูตฯ ก็เริ่มต้นเหมือนกับการฝึกงานที่อื่น ๆ เลยค่ะ นั่นก็คือ การยื่นใบสมัคร โดยสามารถทำการยื่นสมัครด้วยตนเองที่สถานทูตฯ ได้เลย หรือจะสมัครผ่านอีเมล์ด้วยเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ก่อน แล้วจึงส่งเอกสารตัวจริงทั้งหมดไปยังสถานทูตฯ ตามที่อยู่ที่ได้แจ้งไว้ (อันนี้เป็นระเบียบขันตอนการสมัครของปีเรานะคะ แต่เหมือนปีนี้ เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในส่วนของขั้นตอนการยื่นสมัคร) ยังไงเพื่อน ๆ สามารถเข้าไปในเว็บไซต์ของทางสถานทูตฯ เพื่อดูรายละเอียดที่อัพเดทต่าง ๆ ได้เลย ซึ่งหลัก ๆ ก็จะเป็นเอกสารที่จำเป็นต้องใช้ในการยื่นสมัคร เช่น transcript, passport, CV, เอกสารอื่น ๆ เพิ่มเติมที่ทางสถานทูตให้เราแนบไปด้วย สิ่งหนึ่งที่เราคิดว่าสำคัญมาก ๆ ก็คือ cover letter ที่ต้องเขียนประมาน 350-500 คำ เพราะจะเป็นตัวที่แสดงถึงเหตุผลความตั้งใจว่าทำไมเราถึงอยากไปฝึกงานที่นี่ ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนตั้งใจเขียนไปดี ๆ เราว่ามีโอกาสสูงเลย

    เมื่อมีเอกสารครบแล้ว ก็ทำการสมัครเลยค่ะ ของเราสมัครผ่านทางอีเมล์และส่งเอกสารไปที่สถานทูตฯตามหลัง หลังจากที่สมัครไปแล้วก็รอผลประกาศ อยากจะบอกว่าตอนที่รอประกาศผลคือเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกที่สุด ทั้งตื่นเต้นและกังวลปน ๆ กันไป คิดทุกวันว่าจะมีชื่อรึเปล่าหรือเราจะได้รับอีเมล์ตอบกลับรึเปล่า บางวันเหมือนมีความหวังบางวันก็เหมือนจะเผื่อใจ เพราะคนสมัครเยอะมากกกก แบบมาก ๆ ๆ ๆแต่รับแค่ไม่กี่คน ช่วงนั้นเราไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำมหาวิทยาลัยทุกวันเลย แต่ แต่ แต่ ความพยายามก็ไม่ทำร้ายเราค่ะทุกคน ประมาณสองสัปดาห์ที่รอ เราก็ได้รับอีเมล์ตอบกลับจากทางสถานทูตว่าผ่านการคัดเลือกแล้ว ตอนนั้นเราดีใจสุด ๆ ไปเลย รีบโทรไปบอกทุกคนว่าได้ที่ฝึกงานแล้ว

    หลังจากที่ได้รับการยืนยันแล้วว่าได้รับคัดเลือก สิ่งที่เราต้องทำต่อไปก็คือ การขอวีซ่าค่ะ จะบอกว่าการขอวีซ่าเพื่อไฝึกงานที่สถานทูตฯ จะต้องใชเอกสารที่ได้รับมาจากทางสถานทูตฯ (VDR) ประกอบการยื่นขอด้วย ไม่อย่างนั้นทางสถานทูตมาเลเซียจะไม่ออกวีซ่าให้นะคะ โดยของเราตอนนั้นเอกสารนี้ใช้เวลาประมาณเกือบสองเดือนเลยค่ะสถานทูตฯ ถึงจะส่งมาให้ทางอีเมล์ ตอนนั้นเราไม่รู้จักใครเลยและเราไม่มีรุ่นพี่ที่รู้จักที่เคยไปฝึกที่นี่เลยด้วย เราเลยไม่รู้ว่าต้องใช้เอกสารตัวนี้ เราจึงไปยื่นขอวีซ่าเลยโดยไม่มี VDR และผลก็คือ ไม่ได้วีซ่าค่ะ เจ้าหน้าที่บอกว่าต้องมี VDR และดีมาก ๆ ที่เจ้าหน้าที่เอาตัวอย่างให้เราดูด้วย 

    หลังจากนั้นเราจึงก็รู้ว่าเราขาดเอกสารอะไร บวกกับที่ได้รู้จักเพื่อนจากต่างมหาวิทยาลัยที่เคยมีรุ่นพี่ไปฝึกที่นั่นเราจึงได้ข้อมูลอื่น ๆ มาเพิ่มเติมค่ะ ว่ากว่าจะได้รับ VDR คือนานมาก รุ่นพี่ที่เคยไปคือ ได้รับวีซ่า 1 วันก่อนขึ้นเครื่อง แล้วก็จริงค่ะเราได้รับวีซ่าหนึ่งวันก่อนขึ้นเครื่องจริง ๆ ตอนนั้นวุ่นวายมากจำได้เลยว่าเราต้องทำทุกอย่างแบบรีบไปหมดต้องรีบไปรับวีซ่า มาเตรียมตัวและไปสนามบิน จำได้ว่าได้นอนแค่สองชั่วโมงเอง หลายคนคงสงสัยว่าทำไมกว่าจะได้รับ VDR ถึงนานขนาดนั้น เราก็สงสัยค่ะ เลยได้ไปถามพี่ ๆ ตอนที่ไปฝึกงานแล้ว ได้คำตอบว่าเอกสารตัวนี้เป็นเอกสารสำคัญที่จะใช้ในการขอวีซ่าและแสดงให้กับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) มาเลเซียดูค่ะ ว่าเรามาฝึกงานที่สถานทูตฯ จริง และเอกสารตัวนี้ก็ต้องรอจากกระทรวงการต่างประเทศของมาเลเซียด้วย ก็เลยนานนิดนึง แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไปนะคะ ได้รับทันแน่นอน (เห็นว่ารุ่นต่อ ๆ ไปพี่ ๆ จะเร่งดำเนินการให้ด้วย พี่ ๆ ที่ดูแล intern ใจดีค่ะ รับฟังน้อง ๆ ตลอดเลย)

    ระหว่างช่วงที่รอวีซ่า เดี๋ยวมาต่อให้นะคะว่าเรามีการเตรียมตัวยังไงบ้าง วันนี้ขอไว้แค่นี้ก่อน อาจจะยาวนิดนึง กลัวเดี๋ยวเพื่อน ๆ ที่เข้ามาอ่านจะตาลายกันไปหมด สำหรับสิ่งที่แชร์ไปวันนี้ อยากบอกว่าเป็นประสบการณ์และความคิดเห็นส่วนตัวของเรานะคะ อาจจะเหมือนหรือแตกต่างจากคนอื่น ๆ บ้าง ถ้ามีคำถามก็ถามกันเข้ามาได้นะ แล้วติดตามกันนะคะทุกคน
      
                                                                     ***************




  • สวัสดีเพื่อน ๆ ทุกคนที่กลับเข้ามาเจอกันนะคะ มาต่อจากคราวที่แล้วว่าระหว่างที่รอวีซ่า เรามีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ตรงนี้เราจะรวบรวมจากประสบการณ์ของตัวเองและเพื่อน ๆ ที่ไปฝึกที่เดียวกันด้วยนะคะ
    โดยเราจะแบ่งเป็นแต่ละ sections ว่าเราได้เตรียมหรือควรเตรียมอะไรไปบ้าง

    เตรียมสำหรับการฝึกงาน
    1. laptop/ipad สองสิ่งนี้ถือว่าจำเป็นมาก ๆ เพราะว่าทางสถานทูตฯ จะไม่มีให้นิสิตนักศึกษานะคะ ดังนั้นเราจึงต้องเตรียมไปเองเพื่อจะได้ทำงานที่ได้รับมอบหมาย หรือทำโปรเจ็คที่ต้องทำส่งมหาวิทยาลัยค่ะ
    2. อุปกรณ์เครื่องเขียนต่าง ๆ ใช้จดรายละเอียดต่าง ๆ เวลาบรีฟงาน ตรงนี้ไม่จำเป็นมากเท่าไหร่ แล้วแต่คนเลยว่าจะเอาไปหรือไม่เพราะบางคนก็ชอบเขียนในไอแพดมากกว่า หรือบางทีก็บรีฟไม่ยาวค่ะถ้าใครชอบจำมากกว่าก็อาจจะไม่จำเป็น
    3. ชุดนิสิต/นักศึกษา การฝึกงานที่สถานทูตฯปกติแล้วก็จะแต่งกายชุดนักศึกษา แต่บางทีก็อาจจะมีอนุโลมให้แต่งเป็นชุดสุภาพได้ เพราะบางทีก็มีนักศึกษาไทยในมาเลเซียมาฝึกบ้างและมหาวิทยาลัยในมาเซียก็ไม่มีเครื่องแบบ เลยต้องแต่งกายให้สุภาพและเรียบร้อยพอค่ะ 
    4. ถ้าใครไม่มั่นใจเรื่องภาษาก็อยากให้ลองทบทวนนิด ๆ หน่อย ๆ ก่อนไปนะคะ เพราะถึงส่วนใหญ่พี่ ๆ ที่ทำงานในสถานทูตฯ จะเป็นคนไทยก็จริง แต่ผู้ที่เข้ามาติดต่อฝั่งกงสุลก็มีชาวต่างชาติจำนวนมาก และเราต้องใช้ชีวิตประจำวันท่ามกลางคนมาเลเซียทุกวัน ดังนั้นลองฝึกฝนให้เกิดความเคยชินก่อน ก็จะลดความตื่นเต้นลงได้เยอะเลยตอนที่คุยกับชาวต่างชาติจริง ๆ ภาษาที่ใช้ส่วนใหญ่ในมาเลเซียก็จะเป็น ภาษาอังกฤษ มลายู และจีนค่ะ
    5. อันนี้เป็น optional นะคะ สำหรับคนที่มีสูทอยู่แล้วอาจจะเอาไปด้วย เพราะบางช่วงที่ไปฝึกงานทางสถานทูตฯ อาจจะมีการจัดงานที่เป็นทางการ เจ้าหน้าที่หรือนักศึกษาฝึกงานทุกคนก็จำเป็นที่จะต้องใส่ชุดที่เป็นทางการค่ะ (แต่ไม่แนะนำให้ซื้อแล้วเอาไปโดยเฉพาะนะคะ เพราะบางทีอาจไม่ได้ใช้เลยค่ะ เอาไว้ไปซื้อที่โน่นตอนที่จะใช้ก็ยังทันน้า)

    เตรียมสำหรับการใช้ในชีวิตประจำวัน
    1. adapter เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยนะทุกคน มันจำเป็นจริง ๆ อย่าได้ชะล่าใจว่าค่อยไปซื่้อที่โน่นเอาก็ได้ เพราะมันอาจจะหายากมากมาก ๆ ที่ตรงกับหัวชาร์จหรือปลั๊กไฟแบบไทยค่ะ ตอนนั้นเราลืมเอาไป หาซื้อวันแรกไม่ได้เลย ดีที่เพื่อนเอาไปสองอันก็เลยได้ยืมใช้ก่อน ดังนั้น ถ้าสามารถหาซื้อได้ก่อนก็ซื้อไปก่อนดีกว่าค่ะ
    2. power bank อยู่ต่างที่ต่างถิ่นแนะนำว่ามีไว้ก็ดีค่ะเผื่อแบตหมดจริง ๆ จะได้มีไว้สำรอง เผื่อฉุกเฉินนะคะ เพราะไม่เหมือนที่ไทยที่จะชาร์จที่ไหนก็ได้ หรืิถึงจะชาร์จได้ก้ต้องพก adapter อยู่ดี
    3. รองเท้า ตรงนี้หลาย ๆ คนอาจจะงงว่าก็ต้องเอารองเท้าไปอยู่แล้วรึเปล่า? ก็จริงค่ะ แต่จะบอกว่ามาเลเซียฝนตกค่อนข้างบ่อย และยิ่งช่วงที่เราไปประมานเดือน พฤศจิกายน-มีนาคม ฝนก็ตกหนักเหมือนกัน ดังนั้นถ้าโดนน้ำแล้ว ก็อาจจะแห้งยากและอับค่ะ ถ้าใครคิดว่าจะเอาไปแค่คู่เดียวเราว่าเอาไปเผื่ออีกสักคู่ก็ดีนะ
    4. ยา ไม่ว่าจะเป็นแก้ปวดท้อง แก้ปวดหัว ยาดม ยาหอม ยาหม่อง เอาไปให้หมดค่ะ เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงค่อนข้างบ่อย เช้า-กลางวันร้อนมาก แต่ตกเย็นมาฝนตก เป็นแบบนี้เกือบสัปดาห์ บางคนที่แพ้อากาศก็อาจจะมีเจ็บป่วยบ้าง ถ้าใครไม่รู้จะเอายาอะไรไปบ้าง เราแนะนำว่าไปหาเภสัชให้เขาแนะนำค่ะว่าควรเอายาอะไรไปบ้าง
    5. ยาประจำตัว (อันนี้จากประสบการณ์ของเพื่อนเรานะคะ) ถ้าใครมีโรคประจำตัวที่ต้องพบแพทย์ทุกเดือนแล้วต้องใช้ยาประจำ เช่น โรคซึมเศร้า แพนิค ก็แนะนำให้คุยกับหมอตั้งแต่เนิ่น ๆ จะได้ตกลงกันเรื่องการจ่ายยา เพราะถ้าไม่อย่างนั้นการส่งยาจากประเทศไทยมาประเทศมาเลเซียก็อาจจะเป็นเรื่องที่ยากเพราะยาบางชนิดอาจมีส่วนผสมของสารต้องห้ามของมาเลเซียค่ะ
    6. อื่น ๆ ที่เราใช้เป็นประจำทุกวัน 
    *****ที่เราต้องบอกว่าเอาไปเผื่อหรือซื้อไปก่อน เพราะหลาย ๆ อย่างเลยที่มาเลเซียก็แพงกว่าไทย ยิ่งของใช้ 20 บาทก็แอบหายากเหมือนกัน เนื่องด้วยค่าเงินที่สูงกว่าไทย อะไรประหยัดได้ก็ประหยัดก่อนเพราะเราต้องไปอยู่ตั้งหลายเดือนเลย แต่ก็จะมีบางอย่างที่ถูกกว่าไทย เช่น skincare หรือแบรนด์เนม ต่างๆ ถ้าใครมีแพลนอยากช็อปก่อนกลับแนะนำให้ซื้อกระเป๋าใบใหญ่ไปเลยนะ ไม่งั้นได้ซื้อเพิ่มแน่  

    การหาที่พัก
    เราจะบอกว่าที่พักที่มาเลเซีย จะค่อนข้างแตกต่างจากประเทศไทย ก็คือส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคอนโด แล้วแบ่งเป็นยูนิต พูดง่าย ๆ ก็คือ เป็นห้องใหญ่ ๆ แล้วจะมีแบ่งเป็นห้องเล็ก ๆ ไป มีครัวและพื้นที่ส่วนรวม ซึ่งจะมีหลายแบบหลายขนาดเลย ลองไปศึกษารายละเอียดกันได้เลยนะคะ เราจะเช่า 1 ห้องใน 1 ยูนิตนั้น ค่าห้องจะแพงตามขนาดห้องที่เราเช่าค่ะ โดยหลัก ๆ ก็จะเป็น
    1. ห้อง เล็ก กลาง ใหญ่
    2. ค่าเช่าจะรวมทั้งค่าน้ำกับค่าไฟแล้ว *แต่ จะคิดค่าแอร์แยกต่างหากนะคะ โดยถ้าเรากดเปิดแอร์ มิเตอร์มันจะทำงานทันทีค่ะ การคิดและค่าแอร์แต่ละที่ก็จะไม่เท่ากันนะคะ 
    3. ส่วนใหญ่ ถ้าเป็น ห้องเล็กกับกลางจะเป็นห้องน้ำรวมซึ่งใช้ร่วมกับผู้เช่าคนอื่น ๆ แต่ถ้าเป็นห้องใหญ่ก็จะมีห้องน้ำในตัวค่ะ แต่ราคาก็จะแพงกว่า
    4. ในการเช่าเราต้องเช็คดี ๆ นะคะว่าคอนโดทีเราเช่านั้น เป็น mix unit หรือ female unit เพราะถ้าเป็น mix จะมีทั้งผู้ชายผู้หญิงเลย ผู้หญิงบางคนที่ไม่ได้เช่าห้องใหญ่อาจจะรู้สึกไม่ค่อยโอเคเพราะต้องใช้ห้องน้ำรวม
    5. เราขอเตือนเลยว่า ก่อนที่เราจะจ่ายค่ามัดจำและเซ็นสัญญา จะต้องมีการทวนสัญญาและตกลงกันให้ชัดเจนก่อน ไม่งั้นเราจะโดนเอาเปรียบทีหลังนะคะทุกคน และพยายามหาให้ได้ agency ที่ดี ๆ ด้วยเพราะไม่งั้นชีวิตเราจะลำบากไปหลายเดือนเลยค่ะ เช่น ให้ซ่อมอะไรก็จะเก็บเงินอย่างเดียวเลยซึ่งจริง ๆ ก็ไม่จำเป็น เราโดนบ่อยมากค่ะช่วงเดือนแรก เราอยู่ต่างบ้านต่างเมืองคนพร้อมจะเอาเปรียบเราอยู่แล้ว ดังนั้น เช็คทุกอย่างให้ละเอียดก่อนนะคะ
    6. การหาที่พักก็สามารถหาในกูเกิ้ลได้เลย แล้วแอด whatsApp ไปคุยกับ agency ให้เขาถ่ายทั้งรูปและวิดิโอให้เราดูก่อน +ดูสัญญาว่าโอเคมั้ย จึงค่อยตอบตกลงจองแล้วโอนเงินไปนะคะ แนะนำว่าหาที่ไกล้ ๆ ดีที่สุดค่ะ จะมีอยู่สองสามที่ที่เด็กฝึกงานไปอยู่กันเยอะเลย มีพี่ ๆ ที่ทำงานด้วย แต่ถ้าใครอยากรู้ก็เม้นมาถามกันได้นะ อย่าเหมือนเราเลยที่ไม่รู้อะไรแล้วไปเช่าได้ที่ไม่ดี agency ก็ไม่ดี ปวดหัวกับที่พักไปเกือบสี่เดือนเลยค่ะ 

    เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับวันนี้ หวังว่าเพื่อน ๆ ที่เข้ามาอ่านมาเจอกัน จะได้ข้อมูลที่ต้องการไปบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ อาจจะมีเขียนวกไปวนมาหรืองง ๆ กันบ้าง ก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ เม้นมาบอกกันได้นะ แล้วเราจะมาอัพเดทต่อถึงการฝึกงานในสถานทูตและการใช้ชีวิตในมาเลเซียให้อ่านกัน หวังว่าทุกคนจะติดตามและมาเจอกันอีก แล้วติดตามกันนะคะทุกคน

                                                                     *************** 


  • ไหนใครรออ่านมาถึงตรงนี้บ้าง? มาค่ะทุกคน สวัสดีอีกวันกับอากาศประเทศไทยวันนี้นะคะ บล็อกนี้เราจะมาแชร์การไปฝึกงานของเราค่ะว่าเราได้ฝึกงานยังไง แบบไหน รูปแบบงานเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มกันเลยค่ะ 

    อย่างที่เคยบอกตั้งแต่หน้าแรกนะคะว่าสสถานทูตฯ เนี่ยรับนักศึกษาฝึกงานเพียงไม่กี่คนมากที่สุดน่าจะไม่เกิน 8 คนค่ะ พอไปถึงวันแรก พี่ที่ดูแลนักศึกษาฝึกงานก็จะมีการพูดคุยกับนักศึกษาก่อนคล้ายการปฐมนิเทศเล็ก ๆ แจ้งกฎระเบียบ ขั้นตอนต่าง ๆ แล้วก็พาไปรู้จักกับพี่ ๆ เจ้าหน้าที่ทุก ๆ คนในที่ฝึกงานค่ะ 

    ในสถานทูตจะมีอยู่สองที่หลัก ๆ เลยที่นักศึกษาจะได้ไปฝึกกันทุกคน ก็คือ ฝ่ายสถานทูต และ ฝ่ายกงสุล โดยจะมีการแบ่งให้ไปฝึกฝ่ายละสองเดือนสลับกัน ซึ่งใครจะได้ไปฝึกฝ่ายไหนก่อนก็จะขึ้นอยู่กับพี่ที่ดูแลนักศึกษาทั้งหมดนะคะ เราจะมาสรุปว่าในแต่ละฝั่งได้ทำงานประมานไหนอะไรบ้าง

    ฝั่งกงสุล
    ก่อนอื่นต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนค่ะว่าฝ่ายกงสุลหลัก ๆ เลยคือ การบริการชาวต่างชาติในการขอวีซ่าและบริการคนไทย ดังนั้น สิ่งที่จะได้ทำและเรียนรู้จากการฝึกงานตรงนี้เลยก็คือ 
    1. เรียนรู้เกี่ยวกับวีซ่าประเภทต่าง ๆ เช่น วีซ่าท่องเที่ยว วีซ่าทำงาน etc. 
    2. รับผู้ร้องชาวต่างชาติที่มายื่นขอวีซ่า ตรงนี้เนี่ยเราจะได้คุยกับผู้ร้องด้วย ได้ฝึกภาษาอังกฤษแน่นอนค่ะ หลากหลายสำเนียง ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง สนุกมึนงงปะปนกันไปค่ะ หรือบางคนก็ได้ใช้ภาษาจีน เพราะคนจีนที่มาขอวีซ่าที่นี่ก็เยอะมาก ๆ 
    3. บางครั้งอาจได้ช่วยตอบอีเมล์หรือรับโทรศัพท์จากผู้ร้องที่โทรเข้ามาสอบถาม ได้ฝึกใช้ทั้งภาษาพูดและภาษาเขียน สนุกแน่นอนค่ะ 

    สามข้อข้างบนนี้หลัก ๆ แล้วคือการบริการชาวต่างชาตินะคะ แต่ถ้าเป็นส่วนของการบริการคนไทยก็จะตามด้านล่างนี้เลยค่ะ 
    1. บริการดำเนินเอกสารสำคัญต่าง ๆ เช่น ทำบัตรประจำตัวประชาชน การจดทะเบียนสมรส การแจ้งเกิด การจดทะเบียนหย่า เรียกง่าย ๆ ว่าเหมือนยกที่ว่าการอำเภอมาไว้ในต่างประเทศนั่นเองค่ะ เราจะได้รับผู้ร้องและคอยเป็นผู้ช่วยของเจ้าหน้าที่ โดยบางอย่างเราก็ได้ทำจริง ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพี่ ๆ เจ้าหน้าที่อีกที เพราะเป็นเอกสารและข้อมูลสำคัญค่ะ แต่ใด ๆ คือพี่ ๆ ใจดีมาก สอนทุกอย่าง ได้รับความรู้แบบเต็มร้อยแน่นอน
    2. การให้ความช่วยเหลือชาวไทยตกทุกข์ที่มาเลเซีย ฉุกเฉินบ้างหรือร้ายแรงบ้างแล้วแต่กรณี จะบอกว่าฝึกงานที่นี่อะไรที่ไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นจริง ๆ มาก่อนก็จะได้เห็นค่ะ บางอย่างก็คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะเกิดขึ้นได้ แต่ละวันไม่มีซ้ำค่ะ อย่างเคสหลัก ๆ ก็จะเริ่มจากที่พบบ่อย ๆ เลยก็คือ กระเป๋าตังและบัตรต่าง ๆ หาย โดนขโมย พาสปอร์ตจะหมดอายุแล้วกลับไทยไม่ได้ หรืออยู่เกินกำหนด หรือถ้าซีเรียสขึ้นมาหน่อย ก็โดนทำร้ายร่างกาย

    สรุปแล้วฝ่ายกงสุลหลัก ๆ ก็จะประมานนี้ค่ะ แล้วถ้ามาฝ่ายสถานทูตบ้างล่ะ จะเป็นยังไงบ้าง เริ่มแรกเลย เราก็จะถูกแบ่งไปเป็นผู้ช่วย พี่ ๆ diplomat ค่ะ โดยนักศึกษาหนึ่งคนจะอยู่ภายใต้การดูแลของพี่ diplomat หนึ่งคน ซึ่งจะมีทั้งหมดหลัก ๆ เลยคือ 4 ฝ่าย คือ เศรษฐกิจ การเมือง กฎหมาย และพิธีการทูต จากประสบการณ์ส่วนตัวของเราและของเพื่อน ๆ แล้วหลัก ๆ เลยอยู่ฝั่งนี้ก็จะได้ทำประมานนี้เลยค่ะ
    1. เป็นผู้ช่วยในการหาข้อมูลต่าง ๆ
    2. สรุปข้อมูลเป็นชิ้นงาน โดยบางชิ้นงานก็มีการนำไปใช้จริงเลยนะ
    3. เป็นผู้ช่วยในโปรเจ็คต่าง ๆ 

    จริง ๆ ได้ทำหลายอย่างมาก ๆ เลยนะคะ ซึ่งข้างบนที่บอกไปก็จะเป็นหลัก ๆ หลาย ๆ คนอาจจะรู้สึกว่าน่าเบื่อรึเปล่า แต่สำหรับเราแล้วไม่เลยค่ะทุกคน บางอย่างเราไม่เคยรู้มาก่อนเลย แต่ได้มาเปิดโลกเพราะได้ทำสิ่งที่ได้รับมอบหมาย เราก็จะได้รู้งานหลัก ๆ ของพี่ ๆ ที่ทำงานและดูแลเราในฝ่ายนั้น เช่น เราได้อยู่ฝ่ายกฎหมาย เด็กภาษาอย่างเราได้เปิดโลกมาก ๆ ว่าฝายนี้มีบทบาทสำคัญขนาดไหนต่อประเทศ ต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และต่อตัวเราเองในฐานะประชาชนไทยคนหนึ่ง จากที่เหมือนจะดูยากก็ทำให้เราชอบไปเลย พี่ ๆ ทุกคนใจดีมากถึงเราจะไม่ได้เรียนสิ่งนั้นมาโดยตรง พี่ ๆก็จะพยายามช่วยเราและให้ทำในสิ่งที่เราได้เรียนมาให้เป็นประโยชน์ด้วย เช่น เราได้แปล MOU การศึกษาระหว่างไทยกับมาเลเซีย เราได้ใช้ได้ฝึกทักษะของเรา เป็นประสบการณ์ที่ดีมากจริง ๆ ค่ะ อยากให้ทุกคนได้ลองกันสักครั้งดู

    และอย่างที่บอกว่าฝ่ายกงสุลจะเป็นฝ่ายที่เราได้เจอชาวต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลก เราจะได้ฝึกการใช้ภาษาจริง ๆ หลากหลายสำเนียง ได้เจอบางประเทศที่เราอาจจะไม่เคยรู้จักและได้ยินมาก่อนเลยในชีวิตนี้ บางคนอาจจะปลดล็อกตัวเองในการกล้าพูดภาษาอังกฤษ หรือบางคนก็ได้เปรียบกว่านั้นคือได้ฝึกภาษาอื่น ๆ เพิ่มด้วย เช่น ภาษามลายู กับภาษาจีน ได้เรียนรู้ที่จะดีลกับคนอื่น ได้พัฒนาทักษะต่าง ๆ มากมายเลยค่ะ 

    รวม ๆ แล้ว การฝึกงานที่นี่สำหรับเราถือว่าเป็นอะไรที่ดีมาก ๆ เรารู้สึกว่าเราได้เปิดโลกกว้างมาก ๆ ได้ทำหลายอย่างมาก ๆ ได้ใช้สกิลที่มี ได้ฝึกสกิลเพิ่มเติม มีแพชชันในการทำสิ่งต่าง ๆ เพิ่มขึ้นมาเยอะเลยค่ะ กล้าคิดกล้าทำมากขึ้น พี่ ๆ ทุกคนก็ใจดีมาก ๆ ให้ความรู้คำปรึกษาให้กับเราทุกอย่าง ถ้ามีอะไรดีก็แนะนำเราหมดเลย ได้สัมผัสชีวิตการทำงาน ได้สัมผัสสังคมการทำงานกงสุลและสถานทูตฯ ที่ที่เราคิดว่าถ้าเราไม่ไปฝึกงาน คงอาจจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสมันเลยก็ได้ในชีวิตนี้ 

    มาถึงตรงนี้แล้วเพื่อน ๆ ที่เข้ามาอ่านกันรู้สึกและได้รับอะไรไปบ้างคะ คนที่อยากไปฝึกที่นี่อยู่แล้วเราก็อยากเชียร์ให้สมััครไปเลย จงทำตามแพชชันและความฝันนั้นค่ะ เราเชื่อว่าจะไม่ผิดหวังแน่นอน และขอให้โชคดีนะคะ ส่วนคนที่ยังไม่รู้ว่าจะไปฝึกงานที่ไหนก็หวังว่าสิ่งที่เราได้แชร์ไปจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในตัวเลือกของเพื่อน ๆ นะคะ 

    วันนี้บล็อกรีวิวการฝึกงานสถานทูตไทย ณ กรุงกัวลาร์ลัมเปอร์ของเราก็เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะทุกคน ทั้งหมดทั้งมวลที่ได้แชร์ไปเป็นประสบการณ์และความคิดเห็นส่วนตัวของเรา อาจจะมีครบบ้างไม่ครบบ้าง หรืองงบ้าง ก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ เราอยากขอบคุณทุกคนที่สนใจและคอยติดตามเข้ามาอ่านกัน เราหวังว่าบล็อกของเราจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนไม่มากก็น้อย ถ้าใครมีคำถามหรือข้อสงสัยอะไรก็เม้นมาบอกมาถามกันได้นะ และอยากจะฝากทุกคนคอยติดตามและเป็นกำลังใจให้เราในบล็อกต่อ ๆ ไป สัญญาว่าเราจะนำเรื่องราวที่น่าสนใจอื่น ๆ มาแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกันอีก ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีนะคะ แล้วพบกันใหม่ค่ะ 
                                                                     
                                                                     ***************


     
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in