เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[Fic: Thor x Loki] LIEnarscel
[Fic: Thor x Loki] LIE - Ep06 : Trap
  • Author’s Note : ไหลมาจนถึงตอนที่ 6 แล้ว มีใครพาเอาตัวเองไปติดบ่วงบ้างในตอนนี้ลองอ่านดูละกันค่ะ ชอบกันรึเปล่าน้า (.  .,,) ถ้าทำให้ชาวเรืออ่านสนุกได้เราก็ดีใจนะคะ

    Pairing : Thor x Loki

    Rate : G เด็กอ่านได้ผู้ใหญ่อ่านดีไปค่ะ ณ จุดๆนี้

    Warning : LGBT , Boy's Love , ฟิควาย , *Spoiler Alert* for Thor : Ragnarok

    ………………………………………………………………..

    LIE – Ep. 06 : Trap

    ………………………………………………………………..

     

              ...แปลก...

              เจ้าชายองค์รองแห่งแอสการ์ดบอกกับตัวเองเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ในช่วงหลายวันมานี้ หนังสือบนตักถูกเปิดค้างหน้าเดิมมาตั้งแต่เช้าแล้ว แต่กลับไม่มีความคืบหน้าเท่าใดนัก เมื่อคนอ่านเผลอใจลอยมองออกไปทางหน้าต่างอยู่บ่อยครั้ง

              เมื่อไม่สามารถทนอยู่เฉย ปล่อยให้เรื่องเจ้าพี่บ้านั่นมากวนใจการอ่านหนังสือของเขาได้อีก โลกิก็ตัดสินใจปิดหนังสือลง และเดินตามหาเจ้าตัวต้นเหตุเสียให้รู้แล้วรู้รอดไป

              ในวันพิธีแต่งตั้งธอร์เป็นรัชทายาท นอกจากได้ยืนมองเชษฐาตนเข้าพิธีแล้ว เขาก็ไม่เห็นหน้าอีกฝ่ายอีกเลย นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ราวกับอีกคนจงใจหลบหน้า ทำเอาเขาต้องมานั่งนึกอยู่เป็นนาน ว่ามันตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาไปทำให้เชษฐาตนไม่พอใจเข้า

              ...วันพิธี?... ไม่น่าใช่ เพราะนอกจากพูดคุยแสดงความยินดีสั้นๆแล้ว วันนั้นทั้งวันเขาก็แทบไม่ได้เจอตัวธอร์เลย แถมเจ้าตัวดูจะหลบตาและหลบหน้าเขาแปลกๆ...ถ้างั้นก็ต้องก่อนหน้านั้น...

              จะว่าไป...ในวันเฉลิมฉลอง โลกิเองก็จดจำอะไรไม่ได้มากนัก เขาจำได้ว่าเขาเมามากตั้งแต่หัววัน แล้วก็เมาเละเทะถึงขั้นจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตนกลับมาห้องตัวเองได้ยังไง

              ปะติดปะต่อเอากับการทำตัวแปลกๆของเจ้าพี่ชาย ซึ่งหลายวันมานี้หายจ้อย ไม่เหลือให้เห็นแม้แต่เงา ทั้งที่ปกติจะคอยมาวอแวลากเขาไปทำนู่นนี่อยู่ตลอดแท้ๆ โลกิเลยค่อนข้างมั่นใจว่า เขาคงเผลอพล่ามหรือทำอะไรแปลกๆให้เชษฐาตนขุ่นเคืองใจในงานเลี้ยงวันนั้นเป็นแน่

              …แค่นึกเขาก็เสียวสันหลังวาบแล้ว…

    ------


              ภาพของสนามซ้อมอันคุ้นตา ซึ่งเขาเคยมานั่งเบื่ออยู่หลายครั้ง วันนี้กลับดูเหงาๆลงไป เมื่อไม่มีแม้แต่เงาของเชษฐา กวาดตามองไปสายตาดันป๊ะเข้ากับคนที่ไม่อยากเจอซะได้

              ...เฮ้อ...เจ้านั่น...

              โลกิถอนหายใจ ขณะเดินเข้าไปหาผู้ที่ยืนฝึกดาบอยู่ไม่ไกลนัก

              “...วันนี้แอบมาฝึกอะไรของเจ้าคนเดียว เฟนดรัล แล้วคนอื่นๆล่ะ?”

              โลกิเลือกที่จะถามกว้างๆ เพราะไม่ต้องการให้คู่ปรับเขาจับพิรุธได้ แล้วเก็บเอามาเป็นประเด็นแกล้งเขาในวันหลัง ตายังคงกวาดมองไปรอบๆสนามฝึก

              เทพแห่งความสำราญปรายตามองเจ้าชายองค์รองแห่งแอสการ์ด แล้วเหยียดยิ้มอย่างรู้ทัน เขาลดดาบในมือลง และหันมาเผชิญหน้ากับอีกคน

              “ข้าควรตอบคำถามไหนของท่านก่อนดีล่ะ? …อนุชาแห่งธอร์”

              คนพูดจงใจยั่วอีกฝ่ายให้โมโหเล่นเสียอย่างนั้น ด้วยคำเรียกที่รู้ว่าอีกคนไม่สบอารมณ์กับมันนัก แล้วก็ได้ผลเสียด้วย

              “ข้าควรแยกถามทีละคำถามเพื่อเห็นแก่ระดับสติปัญญาท่านสินะ? งั้นก็ข้ามคำถามตามมารยาทไปแล้วกัน... คนอื่นๆอยู่ไหน?”

              โลกิเปิดฉากฉะกับอีกคนอย่างเสียไม่ได้ ด้วยความที่กัดกันมานานจนการพูดคุยแบบปกติดูจะเป็นไปไม่ได้เอาซะเลยระหว่างเขากับสหายของเชษฐาตนคนนี้

              “นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่า ‘คนอื่น’ ที่ว่า ท่านถามถึง ‘คนไหน’ ”

              “ธอร์! ท่านแม่ฟริกก้าให้ข้ามาถามหาเขา”

              เจ้าชายองค์รองตอบด้วยน้ำเสียงเกือบกระชาก

              “อ้อ...”

              เฟนดรัลแกล้งลากเสียงยาว และเผยรอยยิ้มกวนบนใบหน้า

              “ข้าแปลกใจนะ... ที่เห็นเงาใต้ชายผ้าคลุมของธอร์เช่นท่านมาถามหาเขาแบบนี้ ...บางทีไม่ลองถามตัวเองดูล่ะ ว่าทำอะไรลงไปในคืนวันเฉลิมฉลอง”

              ดวงตาสีเขียวหรี่มองคนตรงหน้า เมื่อคำพูดของอีกฝ่ายเหมือนยืนยันความคิดของเขาก่อนหน้านี้

              โลกิเดินเข้าหาอีกฝ่าย มือขาวซีดกำขยุ้มปกเสื้อของสหายเชษฐา แล้วดึงเข้าหาจนปลายจมูกคมเป็นสันของทั้งคู่แทบชนกัน แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

              “พี่ข้าบอกอะไรเจ้า?”

              “เปล่า...”

              เห็นอีกคนเริ่มเดือดจริงจัง เฟนดรัลก็ยอมอ่อนลงให้

              “…พวกทหาร...บอกว่าธอร์เป็นคนพาเจ้าไปส่งที่ห้องคืนนั้น... เขาไม่ได้บาดเจ็บด้วยน้ำมือเจ้า แต่...กลับจากคืนนั้น เขาก็ดู...ไม่รู้สิ...แปลกๆ”

              โลกิผ่อนแรงมือจับปกเสื้ออีกคนจัดให้คืนรูป แล้วดันออกห่าง เมื่อได้ฟังคำตอบ

              “ตอนนี้เขาอยู่ไหน?”

              เทพแห่งความสำราญไม่ทันได้ตอบ โลกิก็สังเกตว่าสายตาของเฟนดรัลกำลังเพ่งมองข้ามไหล่ตนไปทางด้านหลัง และนั่นทำให้เขารีบหันกลับไปทันสบสายตาเย็นชาของเชษฐาซึ่งกำลังมองมาจากระเบียงทางเดินในตัวปราสาท ไม่ห่างออกไปนัก

              และธอร์ซึ่งน่าจะเดินผ่านมาพอดี ก็กำลังหันหลังเตรียมเดินหนีกลับไปทางด้านในตัวปราสาทแล้ว

              “ท่านพี่!!”

              โลกิร้องเรียกแม้จะรู้ดีว่าอีกคนคงไม่หยุด เขาปล่อยมือจากเฟนดรัล แล้วรีบสาวเท้ายาวๆตามหลังเชษฐาของตนไปทันที

              “ท่านพี่!! รอข้าก่อน!!”

              กะว่าพ้นระยะสายตาของเฟนดรัล โลกิก็แทบจะวิ่งตามเจ้าของแผ่นหลังกว้างอันคุ้นเคยเบื้องหน้า ซึ่งดูไม่มีทีท่าจะยอมชะลอความเร็วลงเลย โลกิเห็นเชษฐาตนหยิบโยลเนียร์ออกมาก็รู้ว่าอีกฝ่ายเตรียมจะบินหนีเขาดื้อๆต่อหน้าต่อตาแบบนี้นี่แหละ เขาตกใจจึงรีบหาทางหยุดอีกฝ่าย

              “พี่ข้า รอข้…โอ๊ย!!!”

              เทพจอมเจ้าเล่ห์แกล้งร้อง และครั้งนี้เขาก็ทำให้บุตรคนโตแห่งโอดินชะงักเท้าหันกลับมามองตามเสียงจนได้

              ...สำเร็จ!!...

              โลกิโห่ร้องในใจ แต่ยังเก็บสีหน้าไว้ให้ดูเหมือนเจ็บ

              พอเห็นอนุชาตนทรุดนั่งแปะอยู่บนพื้นหินรัชทายาทแห่งแอสการ์ดก็จึ๊ปากอย่างหงุดหงิด

              ธอร์เก็บโยลเนียร์ในมือแล้วเดินกลับมาทางโลกิ เขานั่งคุกเข่าลงเบื้องหน้าอีกฝ่าย แล้วก้มลงมองขาอนุชา

              แม้จะเลี่ยงไม่ยอมสบตาและไม่พูดอะไรโลกิก็อดลอบยิ้มออกมาจางๆไม่ได้ เขาคว้าข้อมือเชษฐาตนหมับทันที เพื่อกันอีกฝ่ายชิ่งหนีเขาไปอีก ได้ตัวแล้วก็รีบชิงพูดก่อนเลย

              “ข้าขอโทษ ท่านพี่ ข้าขอโทษ!!”

              “…”

              ผู้เป็นเชษฐาไม่ได้ตอบรับใดๆ เขาพยุงอีกคนลุกขึ้นยืนเงียบๆ หัวคิ้วยังคงมุ่นหากันแสดงความหงุดหงิด

              “ข้าไม่แน่ใจว่าทำเรื่องใดให้ท่านพี่ขัดเคืองใจ แต่... ข้าไม่ได้ตั้งใจ”

              อนุชาน้อยตีหน้าหงอยใส่

              “…เจ้าไม่แน่ใจ?”

              ดวงตาสีฟ้าเหลือบมองหน้าอีกฝ่าย และเลิกคิ้วนิดเป็นเชิงถาม

              “…ข้าเมามาก ข้า...จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ากลับถึงห้องตัวเองได้ยังไง และข้ากังวลว่า ข้าคงทำเรื่องโง่ๆให้ท่านพี่โกรธเคืองเป็นแน่”

              โลกิสารภาพ

              เขาอาจจะเชี่ยวชาญในการใช้วาจาโน้มน้าวให้ผู้อื่นเห็นคล้อยตามเขา หรือแม้กระทั่งให้อภัยเขาได้ง่ายๆ แต่ไม่ใช่ในเรื่องที่เขาจำอะไรไม่ได้เลยเช่นนี้ สภาพเขาในตอนนี้จึงมีเพียงทางเดียวคือ อาศัยความรักและเอ็นดูที่เชษฐามีให้เขาเสมอมาเป็นเครื่องต่อรอง

              ธอร์เงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะระบายลมหายใจออกยาว ดูจะใจเย็นลงบ้าง

              “เจ้า...พูดว่าข้าไม่คู่ควรเป็นรัชทายาทแห่งแอสการ์ด...”

              ดวงตาสีฟ้าซึ่งจับอยู่บนใบหน้าอนุชาปราศจากแววโกรธขึ้ง แต่ถึงกระนั้นโลกิก็รู้สึกเย็นเยียบไปทั้งตัว

              ...เจ้าเทพปากพล่อยเอ๊ย!!!...หายนะแล้วไหม!!...

              แต่ไหนแต่ไร ทุกคนรู้ดีว่าเขาอิจฉาริษยาผู้เป็นเชษฐา และน้อยใจพระบิดาในเรื่องนี้เพียงใด หากแต่เขาก็วางตัวเป็นน้องชายที่ดีของธอร์มาตลอด

              ...จะเกิดอะไรขึ้นถ้าธอร์สิ้นความเอ็นดู และคิดกำจัดเขาทิ้ง โทษฐานคิดคดต่อกษัตริย์หลังได้ครองบัลลังก์แอสการ์ดแล้ว...

              เทพแห่งคำลวงเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง แล้วรีบส่ายหน้ารัวๆ

              “ไม่ว่าคืนนั้นข้าจะพูดหรือทำสิ่งใดลงไป ข้ามั่นใจว่ามันเป็นเพียงตลกร้ายอันโง่เขลาของข้า... ท่านพี่... เป็นเพียงความคึกคะนองชั่ววูบเพราะฤทธิ์สุราเท่านั้น ...ข้าสาบานก็ได้ว่า...”

              มือใหญ่เช่นนักรบตะปบปิดปากอนุชาตนทันที และมืออีกข้างก็คว้าท้ายทอยอีกคนกดไว้เสียแน่นจนโลกิแทบเสียหลัก ธอร์มองอีกฝ่ายคล้ายมีคำพูด แต่ก็เปลี่ยนใจ เสมองไปทางอื่นแทน

              “ไม่จำเป็นต้องเอ่ยสัตย์สาบานใดๆ โลกิ... คืนนั้นเจ้าบอกข้าแล้ว...”

              เสียงของธอร์เบาลงก่อนยอมเอามือที่ปิดปากอีกคนอยู่ออก

              “ข้าบอกแล้ว?”

              “…ใช่...เจ้าบอกข้าแล้ว...ว่าทั้งหมดมันแค่เรื่องหยอกล้อสำหรับเจ้า...”

              “แต่ท่านก็ยังโกรธและหลบหน้าข้า?”

              เจ้าของดวงตาสีเขียวหรี่ตาลงมองเชษฐา โลกิรู้สึกเหมือนจิ๊กซอว์ตรงหน้ายังมีบางอย่างไม่ลงตัวในความคิดเขานัก

              “...ข้าอาจไม่ใช่...พี่ชายที่ดี...”

              บุตรองค์โตแห่งโอดินพยายามเรียบเรียงคำพูด แต่ก็ถูกอีกคนขัดขึ้นแทบจะทันที

              “อย่าพูดเช่นนั้น พี่ข้า ท่านเป็นพี่ชายที่ดี เป็นพี่ชายที่ข้ารักและภูมิใจเสมอมา...”

              ธอร์รับฟังอย่างเงียบๆ นิ่งอยู่พักหนึ่งค่อยพยักหน้ารับ

              “…งั้นข้าขอให้สัญญา...โลกิ... ข้าจะเป็นพี่ชายที่ดีของเจ้า... จะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังในตัวข้าอีก...”

              โลกิยิ้มกว้างตอบรับ และรอยยิ้มนั้นก็จุดรอยยิ้มบนใบหน้าผู้เป็นเชษฐาเช่นกัน แม้รอยยิ้มของธอร์จะยังดูฝืดฝืนและเศร้าๆอยู่บ้าง

              “...มีเรื่องนึง...”

              รัชทายาทแห่งแอสการ์ดเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง หลังจากที่เงียบไปครู่ใหญ่

              “...อย่าดื่มจนเมาอีก... ถือว่าข้าขอร้องเจ้า”

              คนขอทำหน้ายุ่งยากใจจนโลกิอดขำออกมาไม่ได้

              เทพแห่งสายฟ้ามุ่ยหน้าเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายขำคำขอซึ่งเขาออกจะจริงจังกับมัน

              “เฮ้!”

              ธอร์คว้าต้นคออนุชาดึงรั้งให้เซเข้ามาใกล้เช่นทุกที เหมือนหมีขี้หงุดหงิดไม่มีผิด

              ส่วนโลกิน่ะเหรอ เขากำลังนึกสภาพธอร์ถูลู่ถูกังลากเขากลับห้องพักในคืนนั้น และเจ้าตัวก็รู้สึกผิดและอายขึ้นมานิดๆ ใบหน้าเขาเลยขึ้นสีฝาดเรื่อขณะพยายามกลั้นขำและเงยขึ้นสบตาเชษฐา

              “ได้...ท่านพี่...ข้ารับปากท่าน ”

    ------

     

              แก้วค็อกเทลสีฟ้าใสถูกยื่นมาตรงหน้า

              โลกิมองแก้วนั้นก่อนเงยสบตาผู้ที่ยื่นมันมาให้

              “ชิมดูสิ มันเป็นเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของซาคาร์เชียวนะ”

              แกรนด์มาสเตอร์ส่งยิ้มหวานให้เขา โลกิจึงรับมันมา กะจะแค่ถือไว้เนียนๆ แต่เหมือนสายตาอีกคนดูเหมือนยังจับจ้องรอให้เขาลิ้มรสเครื่องดื่มนั้นอยู่

              

              ‘...มีเรื่องนึง...’

              

              โลกิ ลอเฟย์ซันจรดริมฝีปากบางลงบนขอบแก้ว

              

              ‘อย่าดื่มจนเมาอีก... ถือว่าข้าขอร้องเจ้า’


              ...จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อคนที่เคยขอไว้ไม่อยู่ข้างกายเขาอีกแล้ว…

              นับจากวันแรกที่เขาตกลงมาบนดาวดวงนี้... แต่ละวันที่เขาเฝ้ามองออกไปนอกหน้าต่าง เฝ้ารอข่าวคราวของอีกคน

              ...จากชั่วโมงก็กลายเป็นวัน ...จากวันก็ยาวนานจนเป็นสัปดาห์ จนนี่ก็ปาไปหลายสัปดาห์แล้ว...

              ยิ่งนานวัน ความเชื่อที่ว่าเจ้าพี่บ้านั่นจะยังมีชีวิตอยู่และกำลังตามหาเขาก็อ่อนจางลงไปทุกที...

              โลกิไม่ได้จิบชิมเครื่องดื่มนั้น เขายกแก้วในมือขึ้นดื่มรวดเดียวหมดเลยตะหาก เรียกรอยยิ้มจากคนข้างกายเขาในตอนนี้ได้ทันทีตามคาด

              เครื่องดื่มสีสวยมีรสชาติกลมกล่อมดีทีเดียว หากแต่ทำให้ลำคอรู้สึกร้อนวูบขึ้นมาจนโลกิต้องยกมือขึ้นทาบคอตนเองไว้ เขาเม้มปากก่อนฝืนยิ้มแหยๆให้แกรนด์มาสเตอร์

              “อร่อยดี... ข้าชอบมัน... แต่ดูเหมือนมันจะค่อนข้างแรงไปนิดสำหรับข้า”

              ริมฝีปากแต่งแต้มสีฟ้าคลี่ยิ้มกว้างขึ้น

              “เจ้าจะชอบมันมากขึ้นเอง...”

              คนพูดยิ้มกรุ้มกริ่มดวงตาที่มองทางอีกคนทอประกายวิบวับ ก่อนจะเดินนำอีกฝ่ายไปยังห้องโล่งคล้ายโถงทางเดินทอดยาว โลกิเดินตามไปช้าๆ พอก้าวเข้าไปในห้องก็มีเสียงหญิงสาวดังขึ้นราวกับกล่าวต้อนรับเขา ภาพประกอบถูกฉายขึ้นบนผนังทั้งด้านข้างและด้านหลังราวกับเครื่องฉายหนัง


    [อย่าได้กลัวที่ถูกพบ...

    ...ท่านถึงบ้านแล้ว และจะไม่ย้อนกลับไป

    …ไม่มีใครไปจากที่นี่]


              ...บ้าน...

              ...คำพูดสุดท้ายของโอดิน...

              โลกิคิดถึงคำนี้ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก... เขาไม่รู้สึกถึงความหมายของคำๆนี้มานานมากแล้ว

     

    […เราคือศูนย์รวมของสิ่งที่สูญหายและไม่มีใครรัก...เช่นท่าน!]

     

              เทพหนุ่มยกมุมปากหยักขึ้นคล้ายรอยยิ้มในขณะที่เสียงนั้นยังคงพูดต่อไป

     

    [...แต่ที่นี่ในซาคาร์ ท่านเป็นคนสำคัญ และท่านเป็นคนมีค่า

    …ที่นี่มีคนรัก และไม่มีใครรักท่านมากไปกว่า...แกรนด์มาสเตอร์…

    ก่อนหน้านี้ท่านไม่มีค่า... ตอนนี้ท่านมีค่า...

    ...ท่านเป็นสมบัติของแกรนด์มาสเตอร์...]

     

              รอจนเสียงกล่าวต้อนรับเงียบลงแล้ว ดวงตาสีเขียวค่อยเหลือบมองไปทางบุรุษสูงวัยกว่าซึ่งยืนอยู่ข้างๆเขา และยิ้มให้

              “…ข้าไม่มีบ้าน และไม่มีครอบครัว บางทีที่นี่น่าจะเหมาะกับข้า...”

              “แน่นอน โลกิ ถ้าเจ้าไม่มีที่ให้กลับไป ที่นี่จะเป็นบ้านอันอบอุ่นของเจ้า”

              “…และข้า...เป็นสมบัติของท่าน?”

              เทพจอมลวงเลิกคิ้วขึ้น สีหน้ากลับมีรอยยิ้มบางๆกึ่งท้าทาย

              ...รอยยิ้มซึ่งใครบางคนเคยบอกเขาว่ามันดูเหงาๆเศร้าๆในบางที...

              ผู้ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของดาวดวงนี้ยิ้มกริ่ม

              “…เมื่อเจ้าพร้อม... โลกิ ลอเฟย์ซัน...”

    ==TBC.==

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
newmoondrop26 (@newmoondrop26)
ฟฟหงกงหก ตอนนี้หวานๆขมๆจังเลยค่ะ y - y พอคิดถึงพี่ก็คิดถึงเรื่องในอดีตเนอะ กมต.นี่จุดประสงค์ชัดเจนมากนะคะ น้องจะรอดม๊ายยย 5555555
narscel (@narscel)
@newmoondrop26 เราชงกบมกล่อมไหมคะ หวานๆขมๆเนี่ย 5555 ส่วนจะรอดไหม... ดูเฉลยเลยค่ะ แงงงง ดีใจที่แวะมาเม้นท์ให้น้า เรานึกว่าตอบเม้นท์ตัวเองแล้ว ขอโทษที่ตกหล่นด้วยค่า
minirun_iping (@minirun_iping)
T0T ชอบ... ภาษาสวยจังฮือ รอนะคะ โอ๊ยคู่นี้ตามๆง้อๆตามๆ 5555555555 เมื่อไรจะปรับความเข้าใจกันนนนนนนนนนนนนนนนนน เป็นคู่ที่ถ้าไม่คุยกันตรงไม่มีทางเข้าใจกันได้จริงๆ ปล.น้องน่ารักจัง น่าขย้ำ ส่วนพี่..คือที่จะเป็นพี่ที่ดีของน้องเพราะเริ่มตัวว่าคิดไม่ดีกับน้องใช่ไหม ใช่่ไหมมมมมมมมม๊
narscel (@narscel)
@minirun_iping ชี่ยยยยย อย่าเสียงดังไปครับ เดี๋ยวนุ้งกิได้ยิน 55555 ดีใจที่ชอบนะคะ
supattrapongtee (@supattrapongtee)
สนุกมาก อ่านแล้วลื่น ภาษาสวย ชอบความสตอเบอรี่แต่น่ารักน่าหยิกของโลกิ <3 รอตอนต่อไปนะคะ ^^
narscel (@narscel)
@supattrapongtee แงงงงง ดีใจจังค่ะที่ชอบ ขอบคุณมากนะคะที่ติดตาม และคอมเม้นท์ให้ด้วย ขอขำตรง ความสตอเบอรี่ของน้อง 555555 นี่แบบนึกภาพน้องตอนใสๆแบบภาคหนึ่งประกอบเลย อันนี้จะย้อนไปก่อนภาคหนึ่งอีก น้องเลยใสมาก #หมายถึงเหม่ง--
แล้วแวะมาคุยกันอีกนะคะ (^u^,,)
pepiprim (@pepiprim)
เห็นน้องมาตามขอโทษพี่แล้วน่ารักแบบบอกไม่ถูก ดูเป็นน้องน้อยมากๆ ยิ่งบอกว่าอาศัยความรักและเอ็นดูของพี่มาให้อภัยตัวเองนี่แบบ ไม่ใช่น้องกิทำไม่ได้นะเนี่ย555555555
narscel (@narscel)
@pepiprim ก็รู้นะว่าพี่รัก แค่อยากให้พี่รักอีกเยอะๆไง น้องกิอยากดั๊ยยยยย (กลายเป็นอิพี่เหนื่อย 5555 )