เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
It has everything to do with the rain.pearandfreesia
CHAPTER III - To All The Boy I've Loved Before

  • Lara Jean: Because the more people you let into your life, the more they can just walk right out.




     To All The Boy I've Loved Before เป็นหนังรักสุดจะน่ารักที่เราไม่รู้จะสามารถกลับไปดูได้อีกเมื่อไหร่ หนังเรื่องนี้สร้างโดยเน็ตฟลิกส์และปล่อยให้ได้ชมช่วงกลางปี 2018 เคมีพระเอกนางเอกที่มาแรงแซงพล็อตไฮสคูลซ้ำซากไปได้อย่างขาดลอย

     

    Peter Kavinsky

    yours, Kavinsky. ที่พี่อาจลืมไปแล้ว

     

    มันเป็นความทรงจำแสนหวานที่กลายมาเป็นยาขม แต่เมื่อเราบอกว่าเราจะไม่มีวันลืม เราก็จะไม่มีวันลืม รอสักวันที่หัวใจเราแข็งแรงพอเราอาจจะยิ้มให้เรื่องคืนนั้นได้อีกครั้ง ความอบอุ่นนั่นมันชวนให้นึกย้อนและอยากให้มันยาวไปตราบเท่านาน ใครเขาจะบ้ามาดูหนังกับคนไม่รู้จักตอนเกือบจะเที่ยงคืนกันละ

     

    I'm in love.

     

    คืนนั้นเรายิ้มให้กับข้อความจากพี่ 'กรรมหายไปแหะ' คิดกับตัวเองแล้วท้วงออกไป พี่มาบอกเอาทีหลังว่าพี่หลงรักเราวันนั้น ความละเอียดกับความคิดเราที่มันไปโดนใจพี่เข้าให้ ก็ควรจะต้องเป็นอย่างนั้นเพราะความละเอียดกับความคิดพี่ก็คือสิ่งที่เราหลงรักเหมือนกัน อย่างที่บอกไปบทก่อน

     

    I like me better เป็นเพลงของ Lauv ที่เราชอบน้อยที่สุด แต่พี่บอกว่าพี่ชอบ เพลงนี้ถูกเลือกมาประกอบหนังประจำบทนี้ และนั่นคือครั้งแรกที่ Lauv หลุดเข้ามาในบทสนทนาของเรา วางแผนกันไว้ว่ามันจะเป็นคอนเสิร์ตแรกของเราสองคน เสียดายที่มันไม่ได้เกิดขึ้น

     

    I like me better เป็นเพลงที่เราเลือกเปิดให้พี่ฟังบนดาดฟ้าชั้น19 ไม่รู้ทำไมแต่พอเห็นหญิงสาวที่เราหลงรักกำลังย่างเท้าไปใกล้เส้นขอบฟ้า อยู่ๆก็เกิดอยากสร้างซีนหนังให้เธอคนนั้นขึ้นมา 'To be young and in love...' มันเข้ากับเราและพี่ที่สุดเลย

     

    I like me better เป็นเพลงสุดท้ายที่ Lauv เลือกเล่นในคอนเสิร์ตตอนที่เห็น set list ก็คิดแล้วล่ะว่าเราเองไม่น่ารอดแน่ๆ แล้วพอเอาเข้าจริงก็น้ำตารื้นจนเกือบจะร่วง ทั้งสนุก ทั้งเศร้า บีบมือตัวเองสัมผัสแหวนเกลี้ยงที่คงได้ใส่เป็นครั้งสุดท้าย ใครที่ควรจะได้มายืนข้างกันเขาไม่ได้มาด้วยแล้ว พี่ไม่ได้มาด้วยแต่เราก็เอาพี่มาด้วยอยู่ดี (ดื้อ นั่นแหละเรา)

     

    จนถึงตอนนี้พี่คงไม่ฟังเพลงของ Lauv อีกแล้ว.

     



    ´The fault in our star เป็นตัวอย่างความคลาดเคลื่อนในการโควท ประโยคจริงของมันสื่อความคนละเรื่องเลย'

    'ก็รู้ แต่คนเขียนเขาก็ตั้งใจจะแย้งอยู่แล้วนี่'

    'เรามันก็หาเหตุผลให้คนอื่นได้ตลอด make that someone yourself บ้างได้ไหม'

     

    โดนไปอีกหนึ่งดอก...

     

    เราแค่พยายามทำความเข้าใจเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจเอาเสียเลยกับการโควท Mad Men ของพี่ เราไม่เคยดูเรื่องนี้หรอกแต่เท่าที่อ่านแล้ว ไม่ว่าจะมองมุมไหนมันก็ต่างบริบทกันโดยสิ้นเชิง

     

    ก็ใช่... ทุกคนมีอิสระ ทุกคนเลือกความสบายใจให้ตัวเองได้ พี่เลือกจะมาหรือจะไปก็เป็นการตัดสินใจของพี่ที่เราต้องเคารพ

     

    แต่สำหรับความกลัวของลาร่า เธอไม่ได้กลัวแค่คนที่เดินสวนกัน เพื่อนร่วมโรงเรียน หรือเจ้าของร้านอาหารที่เธอทานเป็นประจำจะเดินจากเธอไป

    เธอกลัว... คนที่เข้ามาในหัวใจเธอ จะเดินจากเธอไป

     

    มีประโยคหนึ่งจาก Edge of Tomorrow ที่อาจฟังดูไม่มีอะไรในทีแรก cliché เสียด้วยซ้ำ แต่ตอบความหมายของคำว่า ห่วงใย(care) ได้ล้ำลึก

     

    : Why does it matter what happen to me?

    : I wish I didn't know you, but I do.

     

    รู้จักไปแล้ว หลงรักไปแล้ว ให้ความรู้สึกไปแล้วถ้าให้เราสู้เพื่อตัวเองบ้าง(defense myself for once) เราว่ามันก็มีน้ำหนักมากพอกับอิสระในการตัดสินใจของพี่นั่นแหละ พี่เข้ามาในชีวิตเรา เคลื่อนโลกทั้งใบของเรา เป็นส่วนหนึ่งของเราในทุกๆการเคลื่อนไหว การที่เราขอร้องไม่ให้ไปมันก็มีเหตุผลถูกไหม?

     

    นิยายรักน่ะ ให้เขียนมันก็สนุกอยู่หรอก ให้อ่านยิ่งชอบเข้าไปใหญ่ แต่ให้รักใครสักคนด้วยตัวเอง ...มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน

     

    จนวันที่พี่เดินเข้ามา ให้เราที่พึ่งหายดีจากการรักษาแผลใจรู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสี่ยงอีกครั้ง (Maybe it's time to risk it all again.)

     

    ตอนวางหัวใจให้ ก็คงตั้งใจอย่างหนังสือบอก หัวใจเราเป็นของพี่และพี่มีอิสระที่จะตัดสินใจปกป้อง ดูแล หรือทำลาย (to protect, to care for or to break) พี่มีอิสระที่จะอยู่หรือจะไป ลาร่าเองก็รู้ถึงอิสระในการตัดสินใจข้อนี้ถึงได้เอ่ยปากบอกความในใจว่า ผู้คนที่เดินเข้ามามีแต่จะเดินจากกันไปสักวัน

     

    แต่เราไม่ได้อยากให้พี่เดินจากไปสักวัน ไม่สักวัน.

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in