เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
สวัสดีตัวเราPAPA
จงสะกดจิตตัวเองด้วยคำว่า "เราทำได้"
  • ช่วงต้นปี 2017 เราซัพเฟอร์กับหลายเรื่องมาก จริงๆ มันเป็นเอฟเฟคมาตั้งแต่ช่วงเรียนมหา'ลัยแล้ว
    คือรู้สึกว่าถ้ายังอยู่กับสภาพแวดล้อมแบบเดิม มึงไม่รอดแน่ เห็นข้างนอกยิ้มๆ แต่ข้างในนี่พังมากนะ
    เคยไปหาหมอ (จิตแพทย์นั่นแหละ) หมอก็ให้คำแนะนำว่า ลองเปลี่ยนสภาพแวดล้อมดูมั้ย เผื่อจะดีขึ้น 
    ถ้ายังอยู่ที่เดิมแล้วมันไม่โอเคแบบนี้ ซึ่งมันก็ตรงกับเรา ที่ใจจริงเราอยากเปลี่ยนสภาพแวดล้อมนะ 
    อยากย้ายออกจากบ้านมาอยู่คนเดียวตลอด

    ช่วงน้้นเราก็เลยคิดว่าต้องทำการเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างแล้วล่ะ แต่ก็ยังไม่ได้ทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน คือแม่งไม่มีแรงกายแรงใจจะทำอะไรเลย แต่ก็พอรู้จักกับโครงการ WAH มาสักพักนึง เพราะมีพี่ที่รู้จักเคยไปมา ตอนนั้นเลยตัดสินใจว่า "กูบายล่ะ กูจะไป" ลองดูหน่อยไม่เห็นเสียหายอะไร ดีกว่าไม่ทำอะไรสักอย่างต่อไป ก็เลยไปขอยืมเงินแม่เรียนไอเอล (ตอนนี้ยังผ่อนไม่หมดเลย ถถถถถ) เพราะมันต้องใช้สอบ ตัวเราเองพื้นฐานภาษาอังกฤษก็พอมี แต่ยังรู้สึกไม่มั่นใจกับพาร์ทเขียนกับพูด ตอนไปสมัครเรียนเขาก็ถามว่าอยากได้เท่าไหร่เลยบอกว่าเอาแค่ 5.5 ก็พอ เอาแบบพอผ่านเกณฑ์ (ต้องผ่านทุกพาร์ทที่ 4.5) หลังจากนั้นก็ไปเรียน ตอนนั้นแบบตั้งใจมาก โคตรฮึด ฟีลแบบเนิร์ดสุดเหมือนช่วงเรียนปี 3-4 (ทำเกรดถึง 3 กว่า คือโดดมาจากแค่ 2 แบบไม่เคยทำได้มาก่อน โคตรเก่ง ยังภูมิใจกับตัวเองมาถึงทุกวันนี้) พอเรียนจบคอร์สก็ไปสอบ ตรงส่วนที่ไม่มั่นใจอย่างพาร์ทพูดนี่จะเรียกว่าโชคดีก็ได้มั้ง เจอทีชเชอร์ดี 
    ทอปปิคไม่ได้ยากมาก เหมือนคุยกันถามกันเรื่องประจำวัน ความเป็นไปในโลกปัจจุบันมากกว่า พาร์ทเขียนก็ทำได้เพราะเรียนมาแล้วไง ชิลๆ มาก แต่พาร์ทที่ไม่มั่นใจกลับเป็นตัวฟังกับอ่านที่มั่นใจในตอนแรกแทน (อีเวง 55555) พอผลสอบออกมาแล้วมันผ่านหมดวะ โห ฟีลโคตรอยากปิดซอยเลี้ยง (แต่ไม่มีเงิน ถถถถ) เหมือนโปรเจค "The New กู" ผ่านไป 40 เปอร์เซ็นต์แล้ว

    หลังจากนั้นอีกตัวชี้ชะตา สอบผ่านแต่ถ้าแต้มบุนไม่ถึงก็อดได้มาถึง การกดโควต้านั่นเอ๊งงงง ต้องฟอร์มทีมเป็นจริงเป็นจังในการช่วยกดมาก (กราบขอบพระคุณทุกท่านที่ช่วยสานฝันเด็กตาดำๆ เช่นเรา) แต่ก็นะ เหมือนดวงมาแล้วอะ ดวงคนจะได้ไปเลยกดได้วะ 55555555555555 เป็นพี่ที่อยู่ออสกดให้ได้ (ขอบคุณพี่เขามากจริง ๆ T___T) หลังจากนั้นก็เป็นพวกยื่นเอกสารกับด.ย. แล้วก็ไปทำวีซ่า มันก็ไม่ค่อยยุ่งยากล่ะ พอยื่นเสร็จก็ลุ้นต่อจะผ่านมั้ย จะได้วีป่ะว๊าา แล้วช่วงนั้นเหมือนของนี่ช้ามาก คนอื่นยื่นกันวันสองวันก็ได้เมลให้ไปตรวจสุขภาพแล้ว แต่นี่เป็นอาทิตย์เลยจ้า ฮายยยย ร้อนรนเลย ทำไมของเราช้า หรือมีปัญหา แต่ลองถามคนอื่น ๆ ก็ช้าเหมือนกัน เลยโล่งใจ๋~ อีกอาทิตย์ถัดมาก็ได้เมลไปตรวจสุขภาพจบปิดจ๊อบ ผลออกภายใน 2 วันเลย 

    ผ่านจ้า I GOT IT!! 

    โคตรแฮปปี้ 

    แต่กว่าจะได้มานี่ก็เครียดนะ เป็นคนคิดเยอะคิดมากอยู่แล้ว กังวลโน้นนี่นั่น แถมยังทะเลาะกับแม่อีก แต่ไม่มีปัญหากับพ่อเท่าไหร่ รับทราบ โอเค รู้เรื่อง จบ (คือคงรู้ตัวว่าบังคับอะไรลูกคนนี้ไม่ได้อยู่แล้วมาแต่ไหนแต่ไร นิสัยดื้อรั้นเหมือนกันไง) ส่วนกับแม่นี่ทะเลาะกัน เพราะไปๆ มาๆ นางก็ไม่อยากให้ไป พอพูดไม่รู้เรื่องกันมากๆ อารมณ์เขาไม่เข้าใจอะ เลยต้องบอกว่า อยากเปลี่ยนสภาพแวดล้อมแล้ว อยู่ต่อไม่ไหว ถ้าไม่ไปคงได้ไปโรงพยาบาลบ้าแทนนะ อยากให้เป็นแบบนี้จริงๆ เหรอ เลยเล่าให้ฟังว่าตัวเองมีปัญหายังไง แต่ก็ไม่ได้ลงลึกมาก กลัวจะตกใจ นางก็เลยยอมในที่สุด ซึ่งตอนนี้ก็ถามว่าไม่บินไปปีนี้เลยล่ะ โน้ตบุ๊คนี่ไม่เอาไปด้วยแล้วแม่เอาไปขายต่อได้มั้ย เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆ งงเลยแก ใครวะไม่อยากให้ไป 555555555555

    จริงๆ ที่เขียนมายาวขนาดนี้คือพยายามบอกว่า คนเราอะ ถ้าจะทำอะไรจริงๆ ให้บอกตัวเองว่า 
    "เราทำได้" สะกดจิตตัวเองไว้ ร่ายคาถาใส่ตัวเองไป "เราทำได้ เราทำได้" ซึ่งพลังตรงนี้แหละ มันจะช่วยทำให้เรามีความมุ่งมั่นตั้งใจทำให้มันสำเร็จได้ นี่เชื่อนะว่า ถ้าคนเราตั้งใจจะทำอะไรจริงๆ มันทำได้แหละ มันไม่ยากเกินความสามารถหรอก 

    จริงๆ นะ

    ปล. ความเป็น "เรา" ที่ยังคงเดี๋ยวดีเดี๋ยวดาวน์มันก็ยังมีนะ แต่ก็ไม่ได้แย่มาก เอาไว้ไปอยู่โน่นแล้วจะอัพเดทอีกทีเนอะ ว่าซิดนีย์จะเยียวยาเราได้มั้ย (ขำแห้งแปป)

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Dalyn1989 (@fb7350696267026)
รักนะ บินเมื่อไร เราจะไปส่ง
PAPA (@prxpxo)
@fb7350696267026 บินต้นปีหน้าเด้อ เดี๋ยวบอกอีกทีนะ -3-